ตอนที่แล้วตอนที่ 10 : เหยียบจมูกขึ้นหน้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12 : ช่างนินทา

ตอนที่ 11 : ทางที่ดีอย่าได้มาพบเจออีกเลย


ตอนที่ 11 : ทางที่ดีอย่าได้มาพบเจออีกเลย

สวีจื้อเจี๋ยพยายามโน้มน้าวมิให้เติ้งอาเหลียนโกรธ เขาขอเป็นคนรับผิดชอบค่ายารักษาหลานสาว อีกทั้งยังรับปากว่าจะมิให้แม่และน้องชายของเขามาพูดถึงเรื่องที่ผ่านมาอีก

“จะมิให้พูดถึงได้เยี่ยงไร ! วันนี้ตอนที่ข้าออกไปข้างนอก ข้าได้เจอพยานสองคนที่เห็นเหตุการณ์ตอนที่น้องสาวของเจ้าผลักหลานของข้าไปชนขอบบ่อเมื่อสองวันก่อน พวกนางรับปากข้าว่าจะไปเป็นพยานให้ตอนข้าไปแจ้งหยาเหมิน พวกเราไปแจ้งทางการตอนนี้เลยเถิด !”

อย่าเพิ่งพูดถึงเลยว่าพยานมีตัวตนจริงหรือไม่ ลำพังแค่ท่าทีเกรี้ยวกราดในเพลานี้ของเติ้งอาเหลียน หากนางไปฟ้องทางการขึ้นมาจริง ๆ ในฐานะที่เขาทำงานเป็นเพียงแค่เสมียนทั่วไปในหยาเหมิน เมื่อถูกนางซักทอดมาถึงตัว มีหวังถูกเลิกจ้างแน่นอน และถ้าหากชื่อเสียงมิดีของชิวเยี่ยนถูกพูดถึงออกไป ก็คงไม่มีใครอยากมาแต่งงานกับนาง สวีจื้อเจี๋ยจึงได้แต่ครุ่นคิดหาวิธีมารับมืออย่างสุดความสามารถ

“ท่านน้า เรื่องนี้เป็นความผิดของพวกข้าเอง ตัวข้ามีเงินอยู่ 5 ตำลึงเงิน ท่านเอาไปใช้รักษาอาการป่วยของฮุ่ยฮุ่ยหรือมิก็เอาไปซื้ออะไรกินก่อนเถิด ข้าจะเขียนสัญญารับประกันว่าจะมิพูดถึงเรื่องที่ชิวเยี่ยนฟันหลุดและเรื่องที่แม่ของข้าล้มอีกแล้ว”

เติ้งอาเหลียนพยายามแสร้งทำท่าที่โกรธเกรี้ยว มิยอมตอบรับคำขอของเขา สวีจื้อเจี๋ยวิเคราะห์เรื่องนี้ออกเป็นฉาก ๆ ให้นางฟังว่าหากเรื่องไปถึงหยาเหมิน ชื่อเสียงของสวีชิวเยี่ยนจะฉาวโฉ่ เรื่องที่สวีฮุ่ยเถียงกับผู้อาวุโสจะถูกผู้อื่นนำไปนินทาลับหลังได้ และสตรีทั้งสองคงมิพ้นต้องพบกับจุดจบที่ชื่อเสียงถูกทำลาย กลายเป็นตัวตลกของผู้คนในมณฑลเฟิงซาน มิมีบุรุษหน้าไหนกล้าแต่งงานด้วย

สุดท้ายเติ้งอาเหลียนก็ทำทีเป็นรับเงินมาอย่างมิค่อยเต็มใจ จากนั้นนางก็เข้าไปหากระดาษและพู่กันจากในห้องของหลานชายเพื่อนำมาให้สวีจื้อเจี๋ยเขียนสัญญารับประกัน สวีจื้อเการู้ดีว่าเติ้งอาเหลียนมิรู้หนังสือ จึงอยากจะเปลี่ยนคำพูดในสัญญา แต่ก็ถูกผู้เป็นพี่ชายตวัดสายตาดุใส่ ช่วยสำนึกหน่อยได้ไหม ! เจ้าไร้ยางอายก็จริง แต่ข้ายังต้องออกจากบ้านไปพบเจอผู้คนอยู่นะ !

……..

กระทั่งสวีจื้อหย่งและโจวเสี่ยวเหมยวิ่งกลับมาบ้านด้วยความโมโหนั้น ก็พบว่าเติ้งอาเหลียนกำลังนั่งพูดคุยกับหลานสาวอยู่ในห้อง !

“ทำข้าตกใจแทบตาย……ตอนแรกข้านึกว่า……ท่านแม่……. มิอยู่บ้าน !” โจวเสี่ยวเหมยที่เพิ่งวิ่งมาพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยหอบ

“พวกเขาไปแล้วหรือ  ?” สวีจื้อหย่งเดินมาที่ข้างเตียงแล้วกวาดสายตามองสีหน้าของลูกสาวอย่างละเอียด สีหน้าของนางยังดูดีอยู่ แสดงว่ามิได้โดนเอาเปรียบ

“ไปแล้ว เสี่ยวหลินจื่อ เจ้าอ่านตัวอักษรที่เขียนบนกระดาษแผ่นนี้ออกหรือไม่ ช่วยย่าอ่านทีว่าบนกระดาษนี้เขียนว่าเยี่ยงไร ?” เติ้งอาเหลียนหยิบเอาหนังสือสัญญาที่สวีจื้อเจี๋ยเขียนไว้ออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้หลานชาย

สวีเจี้ยนหลินหยิบขึ้นมาลองอ่านตะกุกตะกักอยู่สองประโยค สุดท้ายเขาก็ต้องกล่าวขอโทษ “ท่านย่า รอให้พี่ชายของข้ากลับมาค่อยให้เขาอ่านให้ฟังเถอะ ข้าอ่านออกแค่มิกี่ตัวเท่านั้น !”

สวีฮุ่ยเหลือบตามองตัวอักษรที่อยู่บนกระดาษ ด้านบนนั้นเป็นอักษรจีนตัวเต็ม เป็นเพราะว่านางมักจะได้อ่านสูตรเมนูอาหารจากทั่วทุกพื้นที่ รวมถึงสูตรลับบางส่วนที่ตกทอดมาในตระกูล สวีฮุ่ยจึงคุ้นเคยอักษรจีนตัวเต็มเป็นอย่างดี ซึ่งเนื้อความบนกระดาษแผ่นนี้เป็นไปอย่างที่สวีจื้อเจี๋ยรับปากเอาไว้จริง ๆ เขาสัญญาว่าจะจบเรื่องราวทุกอย่างในก่อนหน้านี้ และจะคอยดูมิให้จ้าวยวี่จือและสวีชิวเยี่ยนออกมาวุ่นวาย จะให้พวกนางยอมอยู่ในเทศมณฑลแต่โดยดี

เท่านี้ครอบครัวของนางก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแล้ว สวีฮุ่ยมองดูท้องฟ้าที่ใกล้จะมืดเต็มที ตอนนี้นางอยากเข้าไปดูเหลือเกินว่าถั่วลิสงที่ปลูกไว้ในมิติจะออกผลหรือยัง

เพลาค่ำ สวีฮุ่ยได้บอกทุกคนว่าตนเองง่วงนอนแล้ว นางเข้าห้องนอนแล้วล็อคประตูเสร็จสรรพ จากนั้นก็เข้าไปดูในมิติถึงพบว่าถั่วลิสงที่นางปลูกไว้ได้ถูกเก็บเกี่ยวและถูกนำมาวางไว้บนขอบดินเรียบร้อยแล้ว และดูเหมือนว่าบนพื้นดินจะปลูกพืชบางชนิดไว้ด้วย

สวีฮุ่ยนั่งลงข้างกองถั่วลิสงพวกนั้นแล้วรูดฝักถั่ว คุณภาพดินในมิติดีมาก เพราะถั่วแต่ละฝักมีเม็ดอย่างน้อยสี่เม็ด แล้วยังมีอีกหลายฝักที่มีมากถึงห้าหกเม็ด

หลังจากเก็บถั่วลิสงไว้บางส่วนแล้ว สวีฮุ่ยได้หยิบชามถั่วลิสงขึ้นมาแล้วเดินเข้าครัวไปทำถั่วลิสงผัดน้ำตาล และเมื่อนางลองตักชิมก็พบว่ามันทั้งหอมและมีรสหวาน

ถ้าเอาออกไปได้บ้างก็คงดี วันมะรืนนี้ท่านพ่อก็จะต้องไปตลาดแล้ว ทางที่ดีควรให้เขาพาเราไปด้วย แล้วค่อยแสร้งทำเป็นว่าซื้อถั่วลิสงผัดน้ำตาลมาจากในเทศมณฑล จะได้แบ่งให้พี่ชายทั้งสองคนได้ชิม

คืนนี้เฮ่อจิ่นมิได้ปรากฏตัวออกมา สวีฮุ่ยเองก็มิได้สนใจที่จะเรียกหาเจ้าภูติน้อยเช่นเดียวกัน หลังจากที่กินดื่มอย่างอิ่มหนำสำราญใจแล้ว สวีฮุ่ยได้ขุดดินและปลูกถั่วลิสงที่เหลือ เพราะหากปลูกเพิ่มอีกสักสองต้น นางก็จะเก็บเกี่ยวได้มากขึ้น จากนั้นค่อยคิดหาวิธีนำเมล็ดผักชนิดอื่นเข้ามาปลูกในนี้ทีหลัง

วันต่อมา ทุกอย่างเป็นไปอย่างสงบสุขจริงด้วย หลังผ่านไปอีกหนึ่งวัน สวีจื้อหย่งและโจวเสี่ยวเหมยได้เก็บก้อนหินมาครบแล้ว ทั้งสองเริ่มเก็บอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับหาปลา สวีจื้อหย่งทำท่อนไม้ปลายแหลมไว้หลายท่อน ส่วนเติ้งอาเหลียนได้สานก้านหลิวทำเป็นข้องใส่ปลา

ถ้าหากมีแหขนาดเล็กก็คงดี เพราะหากใช้ฉมวกแทงหรือตกเบ็ดมักจะทำให้ปลาได้รับบาดเจ็บ มิว่าจะเก็บไว้กินเองหรือนำไปขายที่ตลาดล้วนทำให้ปลามิสด เนื้อปลามีคุณภาพมิดี

“ท่านพ่อ ท่านจะไปตกปลาที่แม่น้ำหรือ !” สวีฮุ่ยวิ่งมาหาพ่อของตน นางเองก็อยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเช่นเดียวกัน เพราะตั้งแต่นางทะลุมิติมาที่นี่ นางก็มิเคยได้ออกไปไหนมาก่อน

“อืม !” สวีจื้อหย่งเงยหน้ามองลูกสาว เมื่อเห็นว่านางยิ้ม อีกทั้งลักยิ้มเล็ก ๆ ของนางยังขับให้นางดูสดใสงดงามยิ่งกว่าดอกไม้ป่าที่ผลิบานบนภูเขาเสียอีก ผู้เป็นพ่อจึงรับรู้ได้ทันทีว่าลูกสาวคิดอะไรอยู่ “เจ้าอยากไปหรือ ?”

“ท่านพ่อ ข้ารับปากว่าจะมิก่อความวุ่นวายให้พวกท่าน รับปากว่าจะมิลงน้ำ พาข้าไปเถอะนะ !”

สวีจื้อหย่งอยากเห็นท่าทีออดอ้อนของลูกสาวอีกสักนิดก็จะตอบรับนาง ทว่าเติ้งอาเหลียนกลับเดินเข้ามาพอดี “วันนี้มิมีธุระอะไร ย่าจะพาเจ้าไปดูพ่อกับพี่ชายของเจ้าตกปลา น่าเสียดายเหลือเกินที่ศีรษะของเจ้าได้รับบาดเจ็บ มิอย่างนั้นพรุ่งนี้เราน่าจะเอาเครื่องปรุงไปย่างไก่ ย่างปลากินที่ริมน้ำด้วย !”

สามารถย่างปลาได้ด้วยหรือ ? สวีฮุ่ยใกล้จะน้ำลายไหลเต็มที นางลูบหน้าผากของตนเองแล้วกล่าวว่า “ท่านย่า ข้ารู้สึกเหมือนสะเก็ดบนศีรษะของข้ากำลังจะหลุดออกมาแล้ว ท่านช่วยดูให้หน่อยได้หรือไม่ว่ามันหายดีหรือยัง !”

ประโยคนี้ดึงความสนใจของทุกคนได้เป็นอย่างดี สวีจื้อหย่งวางมีดผ่าฟืนในมือลง โจวเสี่ยวเหมยที่กำลังล้างคอกวัวได้ยินดังนั้นก็รีบโยนพลั่วในมือทิ้งแล้ววิ่งเข้ามา ในขณะที่เติ้งอาเหลียนเปิดผ้าพันแผลบนหัวของหลานออก ก็พบว่าบาดแผลของนางมิเพียงแต่สมานกันดีเท่านั้น แต่ยังมีสะเก็ดหลุดลอกแล้วด้วย

“หายแล้วจริงด้วย !” แม่สามีและลูกสะใภ้อุทานออกมาพร้อมกัน

วันที่หนูน้อยได้รับบาดเจ็บ แผลบนหัวของนางมีเลือดออกเยอะมาก ในตอนนั้นช่างเป็นภาพที่น่ากลัวเหลือเกิน เพียงแต่ทุกคนคาดมิถึงเลยว่าบาดแผลของนางจะหายเร็วถึงเพียงนี้ เพราะช่วงสองสามวันให้หลัง สวีฮุ่ยจะเป็นคนเปลี่ยนยาบนแถบผ้าที่พันหัวด้วยตัวเอง ทุกครั้งที่เติ้งอาเหลียนและโจวเสี่ยวเหมยอยากช่วยก็มักถูกนางหาเหตุผลมาปฏิเสธเสมอ คิดมิถึงเลยว่าหนูน้อยจะทำได้ดีกว่าตนเอง จนตอนนี้เห็นเพียงแค่รอยแผลจาง ๆ เท่านั้น

“ช่วงนี้เราใช้จ่ายอย่างประหยัด รอให้ป๋อเทาไปสอบในเมือง ค่อยวานให้เขาซื้อยารักษารอยแผลเป็นมาให้ฮุ่ยฮุ่ย หลานข้างดงามถึงเพียงนี้ จะมีรอยแผลเป็นมิได้เด็ดขาด !” เติ้งอาเหลียนมองดูรอยแผลของหลานสาวก็อดนึกถึงสองแม่ลูกจ้าวยวี่จือสวีชิวเยี่ยนมิได้

สองคนนั้นคอยมาคิดร้ายหลานสาวของนางตลอดเวลา สวีชิวเยี่ยนได้รับผลกรรมฟันหลุดสองซี่ ส่วนจ้าวยวี่จือก็เจ็บเอวลุกมิขึ้น หลานสาวของนางแข็งแกร่งกว่าพวกนั้นเยอะ ตอนนี้บาดแผลของเด็กน้อยหายดีแล้ว

จะเห็นได้ว่าผู้มีจิตใจชั่วร้ายมักจะเอาเปรียบผู้อื่นได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น สุดท้ายสวรรค์จะต้องคิดบัญชีกับคนพวกนั้นมิช้าก็เร็ว นับแต่นี้ไป นางหวังว่าจะมิได้พบเจอกับสองแม่ลูกคู่นั้นอีก อย่าได้ต้องวนเวียนมาอยู่ในชีวิตของกันและกัน ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตนเอง อย่าได้มาพบเจอกันอีกเลย

ในเมื่อบาดแผลของสวีฮุ่ยหายดีแล้ว เติ้งอาเหลียนจึงตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะนำเครื่องปรุงและแป้งทอดไปด้วย นอกจากหลานชายคนโตที่ต้องไปโรงเรียน ก็มีเพียงคนอื่น ๆ ในบ้านเท่านั้นที่จะไปตกปลาที่ริมแม่น้ำกัน

“ยอดไปเลย !”

วันนี้นางจะนอนเร็ว ๆ พรุ่งนี้จะได้ไปหาปลา เพราะหากจับปลาได้เยอะ มะรืนนี้พ่อของนางจะต้องไปตลาดแน่นอน พอถึงตอนนั้น……

สวีฮุ่ยเอามือปิดปากพลางหัวเราะ ด้วยความรักของคนในครอบครัวที่มีต่อนาง มิแน่ว่าพวกเขาอาจจะพานางไปด้วย

ตอนนี้ในมิติของนางมีถั่วลิสงอยู่สองกระสอบแล้ว สวีฮุ่ยตัดสินใจว่าจะหยุดปลูกถั่วลิสงชั่วคราว แล้วหว่านเมล็ดดอกหอมแทน เพราะต้นหอมสามารถเพิ่มกลิ่นหอมอร่อยให้แก่อาหารได้

หากทำซุปแล้วโรยด้วยหอมซอย มันมิเพียงแต่เพิ่มความหอมให้แก่น้ำซุปเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สดชื่นอีกด้วย

หากนางสามารถขายถั่วลิสงได้ นางจะได้ซื้อลูกหมูสักตัว และเป็ดกับไก่อีกสักอย่างละสองสามตัวเข้าไปเลี้ยงในมิติ นางตั้งใจว่าจะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ! ในอนาคตจะต้องมีเนื้อให้กิน มีเป็ดมีไก่ให้กินแน่นอน !

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด