บทที่ 12 - เหตุการณ์เปลี่ยนแปลง
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 12 - เหตุการณ์เปลี่ยนแปลง
เมื่อได้เผชิญหน้ากับโบรลี่ที่แข็งแกร่งกว่า มันก็ราวกับว่าความภาคภูมิใจของเขาได้หายไปหมดสิ้น เบจิต้าตอนนี้แทบจะไม่สนใจด้วยซ้ำว่าสองคนตรงหน้าคือผู้ใด เขากัดฟันและดึงกำปั้นกลับมาทันที
“ย๊ากก!”
เบจิต้ายังคงผลักฝ่ามือของเขาไปข้างหน้าและกระสุนพลังงานก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา ราวกับปืนกลและพุ่งไปที่หน้าของโบรลี่
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
กระสุนพลังงานพวกนี้พุ่งโจมตีใส่โบรลี่ทั้งหมด ชั่วขณะหนึ่ง ถ้ำก็ได้ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นอย่างสมบูรณ์ ทันใดนั้นได้ปรากฏคลื่นกระแทกขึ้น ทำให้หินด้านบนตกลงมากระแทกเข้ากับหลังคาถ้ำ
เบจิต้าไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ออร่าบนร่างกายของเขายังคงเพิ่มขึ้นและเขาเริ่มเก็บพลังงานเอาไว้ เพื่อใช้ท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา
“อ..อึก…”
แต่เมื่อออร่าของเบจิต้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้ำก็ดูเหมือนจะไม่สามารถทนได้เลย มันคล้ายกับจะพังทลายลงไปในทันที
“เจ้าชายเบจิต้า! ได้โปรดหยุดเถอะ!”
“ที่นี่กำลังจะพังลงมาแล้ว! ทุกคนรีบวิ่งออกไปเร็ว!”
ชาวไซย่าที่อยู่ด้านล่างกรีดร้องออกมาด้วยความกลัวและกำลังจะวิ่งหนีจากก้อนหินกำลังจะตกลงมา
แต่เมื่อเศษฝุ่นได้จางหายไป โบรลี่ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บก็ปรากฏตัวขึ้นและต่อยท้องของเบจิต้าที่ยังคงสะสมพลังงานอยู่
ปืนใหญ่แกลลิคของเบจิต้าถูกขัดจังหวะทันทีและเขาก็ได้อาเจียนออกมาและล้มลงกับพื้น
โบรลี่เผยสีหน้าเย็นชาออกมาและกำลังคิดจะไล่ตามต่อ แต่เสียงหลินเฉินก็ได้ขัดเขาไว้
“พอแล้วโบรลี พวกเขาเป็นคนของเรา”
เมื่อเบจิต้าล้มลง ถ้ำที่ใกล้จะพังก็กลับมาสงบเหมือนเดิม
เด็กๆ ชาวไซย่ากลุ่มหนึ่งวิ่งไปหาเบจิต้าที่ล้มลงกับพื้นด้วยความกังวล หนึ่งในเด็กที่มีผมยาวถึงขาได้ช่วยให้เบจิต้าลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดด้วยความกังวลว่า “เจ้าชายเบจิต้า ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ไปไปให้พ้นราดิช ข้าคือเบจิต้า...ข้า อึก!”
เบจิต้าไม่สามารถกลั้นไว้ได้และอาเจียนอีกครั้ง
"มันเกิดอะไรขึ้นกัน? ทำไมพวกเจาทั้งหมดถึงมาอยู่ที่นี่?"
หลินเฉินลอยลงไปที่พื้นพร้อมกับโบรลี่และถามเด็กที่เหลือ
เมื่อเผชิญหน้ากับโบรลี่ที่เอาชนะเบจิต้าด้วยหมัดเดียว เด็กคนอื่นๆ ก็ตัวหดด้วยสัญชาตญาณที่หวาดกลัว
แม้แต่ขาของราดิชก็ยังสั่นเทา
ส่วนเบจิต้า ในตอนนี้เขาไม่สามารถแม้แต่จะขยับเขยื้อนได้เลย
“เจ้าเป็นใครกัน?” เจ้าเป็นพวกที่เข้าร่วมกับทาเลสใช่ไหม?”
ในบรรดาชาวไซย่าทั้งหมดที่หวาดกลัวอย่างมาก มีเพียงผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ลุกขึ้นยืนและเผชิญหน้ากับหลินเฉินและโบรลี่
เมื่อได้ยินชื่อที่ไซย่าหญิงสาวดังกล่าวพูดขึ้น หลินเฉินก็ได้แต่ขมวดคิ้ว
ทาเลส?
เขาจำได้ว่าชื่อนี้เป็นตัวตนในดราก้อนบอลภาคพิเศษใช่ไหมนะ?
ชาวไซย่าคนนี้ออกจากดาวเคราะห์เบจิต้าในช่วงต้นเรื่องและกลายเป็นโจร พร้อมกับจัดตั้งกองกำลังขึ้น
ด้วยเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งไม่ทราบว่าเขาพบมันจากที่ไหน พวกเขาก็สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขาได้โดยการค้นหาดาวเคราะห์ที่เหมาะสมในจักรวาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อปลูกต้นไม้แห่งชีวิตและเก็บเกี่ยวผลของต้นไม้แห่งชีวิต
เป็นไปได้ไหมว่าที่ดาวเคราะห์เบจิต้ารกร้างเช่นนี้เพราะต้นไม้แห่งชีวิต?
ส่วนออร่าที่น่าสะพรึงกลัวคือออร่าของต้นไม้แห่งชีวิตงั้นเหรอ?
ถ้าเป็นเช่นนั้น ทุกอย่างก็สมเหตุสมผลแล้ว
"ข้าเหรอ? ข้ามีนามว่าลิงค์!”
"ลิงค์?"
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ชาวไซย่าทุกคนก็แทบจะเผยตกตะลึงออกมา
นามของลิงค์คือชื่อในตำนานของดาวเคราะห์เบจิต้า!
"ลิงค์งั้นหรือ? ท่านคือราชาลิงค์จริงๆ เหรอ?" ไซย่าสาวพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น “ท่านหายไปห้าปีแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ข้ากลับมาแล้ว”
การรวมเข้ากับสายเลือดของซูเปอร์ไซย่าในตำนานได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของหลินเฉินไปเล็กน้อย
หากพวกเขาไม่ใช่คนที่คุ้นเคยกับหลินเฉิน คงเป็นเรื่องยากที่จะจำเขาได้ในเวลานี้
เมื่อเห็นหลินเฉินพยักหน้า สีหน้าของหญิงสาวชาวไซย่าก็เปลี่ยนไปและครู่ต่อมา นางก็กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของหลินเฉินและร้องไห้ จนหลินเฉินและโบรลี่ต่างก็ได้แต่มองหน้ากัน
“ฝ่าบาทลิงค์ ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว! ขอบคุณพระเจ้า! ถ้าท่านไม่กลับมา ดาวเคราะห์เบจิต้าคงถูกทำลายไปแล้ว!”
หลินเฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะลูบหลังนางเพื่อปลอบโยน: “อย่าร้องไห้! บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้นกับดาวเคราะห์เบจิต้า”
"อืม..."
ไซย่าสาวหยุดร้องไห้และเริ่มอธิบายให้หลินเฉินฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบนดาวเคราะห์เบจิต้า
เป็นแบบที่หลินเฉินคิดไม่มีผิด มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับไซย่าผู้มีนามว่าทาเลส
เนื่องจากดาวเคราะห์เบจิต้าถูกย้ายไปยังขอบของจักรวาลโดยโปรุนก้า ชาวไซย่าบนดาวจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ภายใต้การนำของราชาเบจิต้า
การออกไปพิชิตดาวอื่นไม่ใช่ชีวิตของพวกเขาอีกต่อไป ตอนนี้กิจกรรมหลักประจำวันของชาวไซย่าคือการฝึกฝนบนดาวเพื่อรอการกลับมาของราชาลิงค์ที่จะหลับใหลไปห้าปี
ห้าปีผ่านไปในพริบตา และชาวไซย่าส่วนใหญ่ค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตใหม่
แต่พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าในตอนนี้ จะมียานอวกาศลำหนึ่งเข้ามาทำลายความสงบสุขบนดาวเคราะห์เบจิต้า
เจ้าของยานอวกาศลำนี้เป็นคนทรยศของเผ่าพันธุ์ไซย่า ซึ่งเป็นเพียงนักรบชั้นต่ำ
พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ทาเลสก็ดูไม่ได้แตกต่างจากหลินเฉินมากนัก
แถมเขายังเป็นนักรบชั้นต่ำอีกด้วย หลังจากที่เขาออกไปทำภารกิจ จู่ๆ เขาก็ฆ่าเพื่อนร่วมทีมของเขาแล้วหายตัวไป
จากนั้นเขาก็ปรากฏตัวอีกครั้งไม่กี่ปีต่อมา ทั้งยังทรงพลังอย่างมาก
อีกทั้งเขายังมีกองกำลังทาเลสครัชเชอร์ ที่ประกอบด้วยนักรบเอเลี่ยนห้าคนและความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่เลวเลยเช่นกัน
เมื่อมาถึงดาวเคราะห์เบจิต้า ทาเลสได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาทันทีที่เขาปรากฏตัว เอาชนะราชาเบจิต้าได้อย่างง่ายดายและแม้แต่บาร์ดัคที่กลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของดาวเคราะห์เบจิต้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
หลังจากเอาชนะทั้งสองได้อย่างง่ายดาย ทาเลสก็ประกาศตัวเองว่าเป็นราชาองค์ใหม่ของชาวไซย่าและปลูกเมล็ดพันธุ์ลึกลับของต้นไม้แห่งชีวิตในเมืองหลวง
ทาเลสกล่าวว่าต้นไม้แห่งชีวิตเป็นพืชลึกลับที่สามารถดูดซับแก่นแท้ของสิ่งมีชีวิตของดาวเคราะห์ และให้ผลที่เรียกว่าผลไม้ของต้นไม้แห่งชีวิต
ผลไม้นี้สามารถเพิ่มระดับพลังของคนที่กินมันได้อย่างมาก
หลังจากเอาชนะราชาเบจิต้าได้แล้ว ทาเลสก็ใช้ผลไม้เป็นเหยื่อล่อให้กลุ่มชาวไซย่า
ตอนนี้คนพวกนี้กำลังรวมตัวกันในเมืองหลวงของราชา รอให้ผลของตต้นไม้แห่งชีวิตสุกงอม
“ฝ่าบาทลิงค์ ตอนนี้ราชาเบจิต้าและชาวไซย่าคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ทรยศกำลังรวมตัวกันรอบๆ เมืองหลวง ตั้งใจที่จะป้องกันไม่ให้ผลไม้ของต้นไม้แห่งชีวิตสุกงอม ท่านบาร์ดัคกล่าวว่าตราบใดที่ต้นไม้แห่งชีวิตถูกทำลายก่อนที่จะเก็บเกี่ยว พลังชีวิตของดาวเคราะห์เบจิต้าก็จะกลับคืนมาได้”
“พวกเราที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก เพียงได้รับคำสั่งให้ดูแลเด็กๆ พวกนี้ ราชาเบจิต้าบอกว่าถ้าพวกเขาล้มเหลว จงนำพาเหล่าเด็กน้อยพวกนี้หนีไป เพื่อกลายเป็นเมล็ดพันธุ์สุดท้ายของชาวไซย่า”
เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงชาวไซย่า ริมฝีปากของหลินเฉินก็โค้งงอเล็กน้อย เขาไม่ได้คิดเลยว่าเพราะเขาอยากที่จะย้ายดาวเคราะห์เบจิต้า กองกำลังทาเลสครัชเชอร์จึงได้มาเจอดาวเคราะห์เบจิต้า
เขาจำได้ว่าในงานต้นฉบับ ทาเลสและกองกำลังของเขาซ่อนตัวจากฟรีเซอร์ ในขณะที่ค้นหาดาวเคราะห์ในกาแล็กซีที่ห่างไกล ซึ่งจะสามารถเอาไปใช้ปลูกต้นไม้แห่งชีวิตได้
ใครจะคิดกันล่ะว่าเขาจะบังเอิญมาพบดาวเคราะห์เบจิต้าที่ซ่อนอยู่เช่นนี้
นี่เป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดเหลือเกิน
.