ตอนที่ 84 เจนกระโดดลงมาหาพี่(อ่านฟรี)
ตอนที่ 84 เจนกระโดดลงมาหาพี่
นิโคลปลดปล่อยโซ่เข้าไปหาตัวขององค์หญิงเทพอสูร แต่เมื่อมันเข้าใกล้กับโดนพลังแรงโน้มถ่วงที่อยู่บริเวณรอบกดทับจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ในทันที
“อะไรกัน” นิโคลตื่นตกใจมาก
แต่แล้วองค์หญิงเทพอสูรก็หันมาเหลือบมองอย่างไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของนิโคล เธอไม่รู้ว่าคนพวกนี้คิดจะทำอะไร เพราะทุกสิ่งที่คิดจะทำมันไร้ประโยชน์
ร่างนี้เธอได้ครอบครองมันแล้ว เจนหลับใหลไม่อาจจะตื่นขึ้นมาทำเรื่องแบบคราวก่อนได้แล้ว เนื่องจากเธอได้จัดการปิดกั้นเจนอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่ก่อนที่จะตื่นขึ้นมาแล้ว
“ข้าไม่สนใจพวกเจ้า เห็นแก่ยาที่เจ้าช่วย ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้าไปซะ” องค์หญิงเทพอสูรกล่าวอย่างหยิ่งทะนง
“ร่างนั้นเป็นน้องสาวของฉัน” ลุคตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบาและก้าวเดินอย่างยากลำบาก
“ไม่ใช่แล้ว ถ้ากำเนิดใหม่แล้ว นางจะไม่ใช่นางอีกต่อไป” องค์หญิงเทพอสูรกล่าว พร้อมกับที่ขยับตัวได้มากขึ้น การกระทำของเธอเหมือนกับค่อย ๆ ปรับสภาพเข้ากับพลังแรงโน้มถ่วงที่กำลังตรึงเธอไว้
ซึ่งมันคล้ายกับตอนที่เธอดูดซับเอาพลังของธาตุต่าง ๆ เข้าไปในใช้งานได้
‘เธอยอมพูดต้นกำเนิดของตัวเอง’ ลุคแปลกใจ ไม่คิดว่าตัวตนองค์หญิงเทพอสูรจะพูดถึงเรื่องของตัวเอง แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็ยังเป็นเบาะแสสำคัญ
แต่ลุครู้ว่านั้นคือการกล่าวขั้นเวลาเท่านั้น ก่อนที่องค์หญิงเทพอสูรจะหลุดออกมาจากการตรึงของแรงโน้มถ่วง ถ้าเธอหลุดได้ก็คงจะจากไปในทันที
เวลาเขามีไม่มาก
“เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงเลือกเจน” ลุคถามและส่งสายตาให้กับอีลิกเข้าใกล้ให้มากขึ้น
อีลิกเองก็อยากจะเข้าไป แต่พอไปถึงพื้นที่รอบ ๆ กลับเต็มไปด้วยแรงโน้มถ่วง แม้จะไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เขาโดยตรง แต่ไม่ใช่สิ่งที่เหนือมนุษย์ระดับ D แบบเขาจะเข้าไปได้ง่าย ๆ
องค์หญิงเทพอสูรเหลือมองดูอีลิก ทำเอาอีลิกใจสั่นทันที
‘เธอมองฉัน นางฟ้ามองฉัน ไม่นั้นอาจจะไม่ใช่นางฟ้า’ อีลิกพยายามข่มใจตัวเอง
องค์หญิงเทพอสูรหันกลับไปพูดกับลุคอีกครั้ง
“หมดเวลาแล้ว”
ทันทีที่พูดจบองค์หญิงเทพอสูรก็หลุดออกมาจากแรงโน้มถ่วง ก่อนเธอจะเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วตอบโต้นิโคลกลับด้วยการผลักมือออกไปเบา ๆ
ปัง!
“อ้า!” นิโคลทรุดตัวไปกับพื้น โดนแรงโน้มถ่วงเล่นงานจนเธอเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้ด้วยซ้ำ กระดูกแต่ละชิ้นส่งเสียงน่ากลัวราวกับจะแตกออกจากกัน
การกระทำขององค์หญิงเทพอสูรที่ทำต่อนิโคลคือการลงโทษที่นิโคลโจมตีเธอ
“หยุดนะ” ลุคพยายามห้าม แต่องค์หญิงเทพอสูรไม่สนใจ
“ย้า!” อีลิกทะยานเข้าไปหาในทันที เพราะแรงโน้มถ่วงรอบ ๆ หายไปแล้ว
เขาอ้าแขนทั้งสองหวังจะกอดตัวของเจนไว้ แต่ว่าพอเข้ามาในระยะไม่ถึง 3 เมตรด้วยซ้ำ องค์หญิงเทพอสูรก็ยกมือขึ้น พลังแรงโน้มถ่วงก็กดร่างของอีลิกลงไปแนบกลับพื้นในทันที
พลังนี้รุนแรงกว่าที่นิโคลโดนมาก แต่ขณะนั้นเองเสียงร้องของสิงโตอับบาสก็ดังขึ้นมา มันโดนฉีกร่างออกจากกันครึ่งหนึ่งและอยู่ในสภาพใกล้ตายแล้ว
“ไร้ประโยชน์” องค์หญิงเทพอสูรกล่าวออกมาหนึ่งคำ ตั้งแต่เริ่มต่อสู้มันยังไม่ถึง 3 นาทีด้วยซ้ำ สิงโตอับบาสก็โดนฆ่าแล้ว
เลือดของสิงโตสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งท้องฟ้าก่อนจะตกลงเป็นฝนเลือดตกใส่ทุกคน
ในตอนนั้นเองร่างจริงของสิงโตอับบาสที่อยู่อีกฝั่งของมิติก็กำลังร้อนรน มันคำรามดังข้ามประตูมิติมากและพูดด้วยความโกรธแค้นว่า
“แน่จริงเจ้าก็มาสู้กับข้าสิ”
หญิงสาวมองมันอย่างเฉยชาและกล่าว “กลับไปซะแล้วสักวันหนึ่งฉันจะพากองทัพมนุษย์ไปเอาคืนพวกแกถึงที่”
“บังอาจตายซะ!” สิงโตอับบาสใช้พลังโจมตีเต็มกำลังของระดับ A สูงสุดทันที มันคือการยิงลำแสงสีเหลืองออกมาจากปาก แต่เพราะผลกระทบจากมิติทำให้พลังที่ข้ามมานั้นถูกลดทอนลงไป 2 ใน 3
แถมการทำแบบนี้ทำให้ประตูมิติไม่สมดุลและกำลังพังทลายลง หญิงสาวผู้ทรงพลังมองความลับข้อนี้ออก เธอเป็นถึงตัวตนระดับ A ช่วงกลาง ซึ่งคุ้นเคยกับประตูมิติโลกสมบูรณ์มากกว่าใครในเมืองนี้
ดังนั้นจึงรู้ว่าประตูนี่เป็นแค่การฝืนเปิดขึ้นชั่วคราวและมันอยู่แค่ในประตูมิติระดับ B ที่เกือบถึงระดับ A เท่านั้น มีแค่ตัวตนระดับ B ลงมาที่ข้ามมาได้เท่านั้น ทำให้สิงโตอับบาสที่เป็นระดับ A ข้ามมาตรง ๆ ไม่ได้ จึงใช้วิธีส่งร่างแยกที่มีจิตสำนึกมาก่อนและค่อยส่งพลังมาผสานในภายหลังจึงฝืนไปถึงตัวตนระดับ A ช่วงต้นได้
การมายังโลกแต่ละแห่งไม่ได้ง่ายเหมือนกับชิ้นส่วนโลกต่างมิติ เพราะการเปิดแบบนี้ไม่ใช่การหลอม แต่เป็นการเชื่อมถึงกัน ส่วนประตูมิติที่เชื่อมไปยังชิ้นส่วนโลกต่างมิติ มันคือสภาพกึ่งหลอมรวมจึงปรากฏได้ง่ายกว่า
ลำแสงที่ยิงมาข้ามประตูมา
“บีบอัด”
หญิงสาวมองดูลำแสงที่พุ่งเข้ามาพลังมันลดลงมาก ก่อนจะใช้พลังบีบอัดอากาศรอบตัวเข้ามาหากันทำให้ลำแสงเหมือนโดนดูดเข้าไปในยังจุดกลางของการบีบ แต่หลังที่โจมตีลงมายังรุนแรงมาก ถ้ามันตกลงมาถึงเมืองจะทำลายล้างทั้งเมืองได้เลย
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยและใช้พลังทั้งหมดของตัวเองในการทำลายการโจมตีนี้ การปะทะกันของสองพลังในระดับ A ที่รอยเชื่อมของประตูมิติของทั้งสองโลก ทำให้ประตูสั่นสะเทือนและจะพังลงได้ทุกเวลา
สายลมกระโชกแรงพัดให้ทุกคนต้องหาที่หลบ เพราะพลังงานจากลำแสงนั้นกระจัดกระจายออกไป
ตูม!
ท้องฟ้าสว่างวูบวาบราวกับวันนี้คือวันสิ้นโลก ลำแสงที่แตกออกมาจากก้อนหลักตกลงใส่พื้นตรงจุดไหลก็สร้างความเสียหายจนเป็นหลุมขนาดใหญ่กว่า 100 เมตรเป็นอย่างน้อยมันทำลายทุกสิ่งในระยะจนหมดสิ้น
โชคดีที่ในจุดขององค์หญิงเทพอสูรไม่ได้
“เจนตื่นขึ้นสิ” ลุคพยายามเดินเข้าไปหาเจน โดยที่อีลิกและนิโคลยังคงโดนพลังกดทับอยู่ แต่โชคดีที่พลังแรงโน้มถ่วงที่องค์หญิงเทพอสูรใช้ได้นั้นไม่มาก และที่สำคัญเธอกลับไม่โจมตีเขา
“ไปซะ ฉันจะไม่ฆ่านาย” องค์หญิงเทพอสูรกล่าวด้วยใบหน้านิ่งเฉยอีกครั้ง แต่คราวนี้ลุคกลับสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่สั่นไหวอย่างชัดเจน ทำให้ลุคเหมือนจะคิดบางสิ่งออก
บางทีเหตุการณ์ตอนที่สลบไปอาจจะไม่ใช่แค่การสลบไป แต่มันอาจจะทำให้ตัวตนของเจนและองค์หญิงเทพอสูรเชื่อมความรู้สึกบางส่วนเข้าหากัน
สิ่งที่เจนให้ความสำคัญมากที่สุดคือพี่ชาย และลุคก็คือน้องสาวของเธอ
“เจน!” ลุคตะโกนเรียกอีกครั้ง
“เปล่าประโยชน์ บอกให้ไปยังไง” องค์หญิงเทพอสูรพูดด้วยใบหน้าจริงจังเป็นครั้งแรก
ขณะที่ลุคพยายามเรียกสติเจน ในตอนนั้นเองก็มีเหนือมนุษย์ระดับ C โผล่มา มันคือฟารันชายชราที่เสียแขนไปข้างหนึ่งจากการต่อสู้ เขาอยู่ในสภาพเคียดแค้นเป็นอย่างมาก
“ฮ่า ๆ ๆ แกคือคนที่ทำลายกิลด์ของฉัน ตายไปให้หมดซะ” ฟารันเป็นระดับ C เขาวิ่งมาพร้อมกับระเบิดพลังพรสวรรค์ของตัวเองออกมา
"ดาบเพลิง"
ในมือข้างเดียวของฟารันมีเปลวเพลิงที่ก่อตัวขึ้นมาเป็นดาบขนาด 10 เมตรและฟันลงไปที่เจน ฟารันรอเวลานี้มานาน เขาอยากจะแก้แค้นที่สมาชิกกิลด์กะโหลกดำโดนฆ่าแล้วเหลือคนไม่ถึง 20 คนด้วยซ้ำ
“ไม่” ลุคมีสีหน้าแตกตื่นมาก
เขากัดฟันวิ่งไปหาเจนโดยไม่สนใจว่าบาดแผลที่เย็บไว้จะฉีกขาดหรือไม่ ความคิดเดียวที่มีคือต้องปกป้องเจน แต่แล้วในตอนนั้นเองยักษ์ตาเดียวที่ไม่มีใครสนใจมันก็ปรากฏตัวขึ้นมา
ก่อนจะยื่นมือมาจับตัวของฟารันไว้
“ไม่นะ” ฟารันใช้ดาบเพลิงที่พึ่งปลดปล่อยออกมาฟันใส่ใบหน้าของยักษ์ตาเดียว กลับสร้างความเสียหายได้เพียงรอยไหม้เท่านั้น
ผิวหนังของยักษ์ตาเดียวหนาเกินไป แถมสภาพของฟารันก็ไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดด้วย
“อ้า!!! ฉันจะตายแบบนี้ไม่ได้...”
กรวบ!
ยักษ์ตาเดียวบีบฟารันจนแหลกคามืออย่างง่ายดาย เพราะมันคือสิ่งมีชีวิตระดับ B ตัวเดียวที่ยังเหลือรอดที่นี่ แต่ในจังหวะที่องค์หญิงเทพอสูรโดนฟารันดึงดูดความสนใจ ลุคก็วิ่งเข้ามากอดตัวของเธอไว้ได้
องค์หญิงเทพอสูรตกใจมากที่โดนใครเข้ามาประชิดตัวได้ ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้ ตามปกติเธอจะต้องหยุดยั้งพวกมันก่อนจะเข้ามาถึงตัวแบบที่ทำกับอีลิก
แต่เธอกลับพบว่าที่ลุคเข้ามาถึงตัวเธอได้เพราะเธอไม่รู้สึกถึงอันตรายจากชายคนนี้ ราวกับว่าร่างกายนี้ตอบสนองไปตามสัญชาตญาณที่เชื่อมั่นว่าเขาจะไม่ทำร้ายเธอ ดังนั้นก็ไม่จำเป็นน้องป้องกัน
‘ข้าต้องกำจัดความรู้สึกปนเปื้อนนี้ออกไป’
องค์หญิงเทพอสูรได้แต่คิด ก่อนที่ทั้งลุคและตัวเธอจะกลิ้งลงไปในบนกองซากศพพร้อม ๆ กัน ทำให้นิโคลและอีลิกหลุดพ้นออกมาจากการโจมตี
“อั๊ก!” สภาพลุคบาดเจ็บมากจนเขาเลือดกลับมาไหลอีกครั้งและไม่มีแรงจะขยับตัว
ยักษ์ตาเดียวรีบใช้มือรับตัวขององค์หญิงเทพอสูรขึ้นมา และกำลังจะยกกำปั้นทุบลุคที่นอนเลือดท่วมตัวให้ตาย
“อย่า” องค์หญิงเทพอสูรเอ่ยปากปราม หมัดของยักษ์ตาเดียวหยุดชะงักในทันที
องค์หญิงเทพอสูรมีสีหน้าบิดเบี้ยว เธอรับรู้ได้ว่ายิ่งอยู่ใกล้ชายคนนี้มากเท่าไหร่ การปนเปื้อนความรู้สึกจากเจนจะยิ่งรุนแรงขึ้น
“ปาย...” ยักษ์ตาเดียวกล่าวด้วยคำพูดที่ลากยาวในภาษาที่มนุษย์ไม่มีทางเข้าใจ แต่องค์หญิงเทพอสูรเข้าใจ
“พาข้าไปที่ประตู” เธอกล่าวกับยักษ์ตาเดียว
ยักษ์ตาเดียวเงยหน้าก่อนจะกระโดดขึ้นไปด้วยพลังทั้งหมดที่มี ซึ่งประตูก็กำลังจะพังลงมาแล้ว นี่คือแผนที่สิงโตอับบาสวางไว้ มันจึงโจมตีอย่างบ้าคลั่งลงมาด้วยพลังที่สามารถทำลายล้างเมืองได้ ทั้งหมดเพื่อให้ยักษ์ตาเดียวระดับ B ตัวนั้นที่รอดอยู่พาเด็กสาวคนนั้นกลับไปที่ประตู
และบังคับหญิงสาวให้ระดับ A ผู้นั้นต้องรับมือกับการโจมตีนั้น แน่นอนยกเว้นว่าเธอเลือกจะปล่อยให้พลังโจมตีตกลงไปที่เมืองและไปขวางไว้ แบบนั้นสิงโตอับบาสก็ทำอะไรไม่ได้
แต่มันเชื่อว่ามนุษย์คนนี้ไม่มีทางสละทั้งเมืองเพื่อขวางเด็กสาวเพียงคนเดียวแน่นอน
สิงโตอับบาสกำลังมองดูยักษ์ตาเดียวที่พาองค์หญิงเทพอสูรกระโดดมาที่ประตู ซึ่งอยู่ห่างไม่ถึง 200 เมตรเท่านั้นก็จะข้ามประตูไปได้แล้ว
“ในที่สุดภารกิจข้าก็สำเร็จ”
ลุคที่นอนแหงนหน้าอยู่บนกองซากศพ แววตาเขาจับต้องไปที่เจนบนมือของยักษ์ตาเดียวที่กำลังจะขึ้นไปถึงประตูมิติ อยู่ ๆ เขาก็เปิดปากและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่จะเปล่งออกมาได้โดยไม่สนใจตัวเองจะบาดเจ็บเพิ่มหรือไม่
“เจนกระโดดลงมาหาพี่”