ตอนที่ 83 หญิงสาวที่มากับยานเหาะ(อ่านฟรี)
ตอนที่ 83 หญิงสาวที่มากับยานเหาะ
ยักษ์ตาเดียวตัวนั้นดิ้นไปมาพยายามทำลายทองคำที่รัดพันธนาการร่างของมันไว้ โดยมีกิลเดอร์ที่ตอนนี้อ้าปากค้างตื่นตะลึงกับสิงโตอับบาสที่มีขนาดตัวเท่ากับตึกสิบชั้น ซึ่งสิงโตอับบาสเป็นมอนสเตอร์ที่ตัวที่สุดในสงครามครั้งนี้แล้ว รองลงมาคือบอสมนุษย์ต้นไม้นั้น
แต่มันไม่อาจจะเทียบกับพลังที่สิงโตอับบาสปล่อยออกมาได้แม้แต่นิดเดียว
“ระดับ A ทุกคนหนีไปจากที่นี่” กิลเดอร์ตะโกน ก่อนจะกระพือปีกบินทะยานเข้าไปหาสิงโตอับบาสหวังจะหยุดมันเพื่อซื้อเวลาให้กับเหนือมนุษย์คนอื่น ๆ
แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครตอบสนองสิงโตอับบาสก็หายตัวไปโผล่อยู่ด้านหน้าของกิลเดอร์ที่บินขึ้นจากพื้นไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น ก่อนที่ทัศนวิสัยของเขาจะถูกบดบังด้วยอุ้งเท้าสิงโตขนาดใหญ่
ตูม!
สิงโตอับบาสตบกิลเดอร์จนร่างแหลกกลางอากาศเลือดสาดกระจายเป็นละอองเล็ก ๆ นอกนั้นก็ไม่มีสิ่งใดอีก
ทุกอย่างเรียบง่ายแต่กลับสร้างความหวาดกลัวให้กับมนุษย์ทุกคนไปถึงจิตวิญญาณ
“ท่าน...ท่านผู้ปกครองเมืองตายแล้ว”
“ตายง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ”
“พวกเรา...ไม่...รอดแล้ว”
ไม่มีใครคิดว่าตัวเองจะหนีรอดได้ ขนาดระดับ B ยังทำได้เพียงเคลื่อนไหวไม่กี่สิบเมตรก็โดนฆ่าตายในการโจมตีเดียว แล้วพวกเขาละ ระดับ C ระดับ D หรือต่ำลงมามีใครบ้างที่จะหนีรอดได้
ระดับ C อ่อนแอกว่าระดับ B นับสิบเท่าเป็นอย่างน้อย แต่ศัตรูตอนนี้คือระดับ A ตัวตนที่บางคนในหมู่พวกเขาก็ไม่เคยพบเห็นด้วยซ้ำ
ในตอนนั้นเองก็มีการโจมตีจากปืนใหญ่กระบอกสุดท้ายก็ยิงใส่ตัวของอับบาส แต่มันกลับโดนสนามพลังของระดับ A ป้องกันไว้ได้จึงไม่อาจจะสร้างความเสียหายใด ๆ ให้กับตัวของอับบาสเลย
ถึงอย่างนั้นอับบาสก็หงุดหงิดไม่น้อยที่มีมนุษย์ตัวเล็ก ๆ กล้าท้าทายเข้า มันหันไปหาก่อนจะอ้าปากกว้างในตอนนั้นก็มีกลุ่มแสงรวมตัวกันและยิงลำแสงสีเหลืองออกไป
บึม!
ลำแสงทำลายจุดที่ปืนใหญ่ตั้งอยู่ในระยะ 1,000 เมตรนั้น โดนลบออกไปจากเมืองปลายฝนได้อย่างง่ายดาย มีเพียงแรงลมกระแทกที่พุ่งเข้ามาใส่ใบหน้าของทุกคน คนที่อ่อนแอก็กลิ้งล้มไปกับพื้นและขาสั่นด้วยความหวาดกลัว แม้แต่แรงจะยืนก็ไม่มี
“ไม่มีใครจะหนีไปจากที่นี่ได้” สิงโตอับบาสกล่าวออกมา
สิ้นคำพูดมอนสเตอร์ก็ไล่ฆ่าเหนือมนุษย์อย่างดุร้ายอีกรอบ หลายคนสิ้นหวังจนไม่คิดจะตอบโต้ปล่อยให้มอนสเตอร์ฆ่าและกินโดยตรง
แต่บางคนที่รักชีวิตกลัวตายก็ดิ้นรนสุดชีวิตหวังหลบหนี
ระดับ C ที่เหลือกัน 7 คนสิ้นหวังที่จะสู้อย่างแท้จริงพากันบนไปคนละทิศละทาง แต่ทันทีที่ขยับตัวยักษ์ตาเดียวที่เป็นระดับ B ก็หมายหัวพวกเขาและฆ่า
คนที่ยังไม่ออกไปจากสนามรบยังคงรอด ราวกับว่ายักษ์ตาเดียวมันจงใจฆ่าพวกที่หลบหนีก่อน ส่วนที่ไม่หนีมันกลับมาสังหารทีหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้ใครรอดไปได้สักคน
การต่อสู้นี้เมืองปลายฝนพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์และเหนือมนุษย์ก็ตายจนเหลือไม่ถึงร้อยคนแล้ว
ไม่มีใครหยุดยั้งได้อีก ในที่สุดนี่ก็คือฉากที่ผู้มองอนาคตเคยให้ลุคมองเห็นมันเป็นจริง
เมืองปลายฝนเป็นซากปรักหักพัง อาคารทุกอย่างพังราบคราบเป็นหน้ากอง โดยมีซากศพและชิ้นส่วนของทั้งมนุษย์และมอนสเตอร์ตายอยู่ทั่วทุกบริเวณ ทำให้สถานที่นี้ถูกย้อมไปด้วยเลือดจากซากศพนับไม่ถ้วน
เสียงคำรามของมอนสเตอร์ดังขึ้นไม่หยุดหย่อน ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆที่ก่อตัวจากฝุ่นและควันไฟและใจกลางมีประตูมิติขนาดใหญ่ยักษ์ปรากฏโดดเด่น
องค์หญิงเทพอสูรในร่างของเจนยืนมองซากศพด้วยแววตาเย็นชา เธอถูกห้อมล้อมด้วยมอนสเตอร์จำนวนนับหมื่นที่กำลังเข่นฆ่าเหนือมนุษย์ที่พยายามต่อต้านมอนสเตอร์จากทุกทิศทาง
โดยมีสิงโตตัวใหญ่ยักษ์กำลังเหยียบย้ำซากศพเดินเข้ามาหาเธอ
ทุกสิ่งปรากฏอยู่ในสายตาของลุคที่ตอนนี้นอนพิงซากกำแพง โดยมีนิโคลและอีลิกช่วยกันฆ่ามอนสเตอร์ที่พยายามเข้ามาโจมตีพวกเขา
“ลุคเราต้องหนีกันแล้ว” นิโคลเดินเข้ามาประครองตัวของลุค
“พี่ลุคผมต้านมอนสเตอร์ได้อีกไม่นานแล้ว พลังผมกำลังจะตกลงไปเรื่อย ๆ อาศัยตอนที่ผมยังพอมีพลังพี่หนีไปก่อนเถอะ” อีลิกหันมาพูดกับลุคและนิโคล
“แล้วนายละ” นิโคลหันไปถาม
อีลิกมองไปที่เจนที่อยู่ใจกลางฝูงมอนสเตอร์ ก่อนจะยิ้มด้วยใบหน้าหล่อ ๆ ของตนและพูดว่า “ผมจะไปพาเจนกลับมา แต่ถ้าไม่ได้ผมจะไปกับเธอ”
“นายบ้าไปแล้วเหรอ” นิโคลอยากจะจับเด็กคนนี้มาตีสักหลาย ๆ ทีที่คิดจะเข้าไปเสี่ยงตายแบบนั้น แม้แต่ระดับ B และ C ยังตายเลย ไม่ต้องพูดถึงระดับ D แบบอีลิก เขาไปเอาความกล้ามาจากไหน
“พี่ไม่ต้องห่วงผม ผมเอาตัวรอดได้” อีลิกกล่าวและกำลังจะไปหาเจน แต่ลุคเรียกเขา
“อีลิกถ้านายมั่นใจว่าจะไปถึงตัวเจนก็พาฉันไปด้วย ฉันมีวิธีปลุกเจนขึ้นมาอยู่”
“ถ้างั้นผมจะพาพี่ไปเอง”
ไม่มีอะไรต้องพูดมาก ทั้งลุคและอีลิกมีเป้าหมายในการช่วยเหลือเจนเหมือนกัน
“พวกนาย!” นิโคลหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใจกับความบ้าของชายหนุ่มทั้งสอง
“ช่างเถอะหนีไปก็ไม่รู้จะรอดไหม สู้ไปร่วมกับพวกนาย อย่างน้อยตายก็ยังมีเพื่อนดีกว่าไปตายคนเดียว” นิโคลกล่าวและช่วยพยุงตัวของลุคขึ้นมา
“ขอบใจนะ”
“ไว้รอดกลับมาค่อยพูดเถอะ” นิโคลกล่าว
ทั้งสามคนสบตาและพยักหน้าให้กับกันและกัน ไม่มีความลังเลในสายตาพวกเขามองหาเส้นทางและลงมือเพื่อเข้าไปให้ถึงตัวเจนในทันที
...
สิงโตอับบาสไม่สนใจการตายของมนุษย์ตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ มันเดินเข้ามาไปองค์หญิงเทพอสูรผู้ยืนอยู่ใจกลางซากศพอย่างเฉยชา
“คารวะท่านองค์หญิงเทพอสูร ฝ่าบาทส่งข้าให้มารับท่านกลับไปยังโลกอสูร” สิงโตอับบาสกล่าว มันสั่นกลัวเล็กน้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับองค์หญิงเทพอสูร
องค์หญิงเทพอสูรเพียงเหลือบมองไม่พูดอะไร
“...” สิงโตอับบาสนิ่งไป
“พาข้าไป” องค์หญิงเทพอสูรกล่าวสั้น ๆ
“ขอรับ” สิงโตอับบาสคำนับด้วยศีรษะ ก่อนจะหันไปหามอนสเตอร์บอสมนุษย์ต้นไม้ มันเดินเข้ามาก่อนจะยืนหยั่งรากลึกลงไปที่พื้นดิน กิ่งก้านทั้งหมดแตกตัวก่อนจะยืดขึ้นไปบนทั้งฟ้าหวังสร้างสะพานไม้เชื่อมพื้นดินและท้องฟ้าที่มีประตูมิติด้านบน โดยไม่สนใจว่าการทำแบบนี้จะเผาไหม้จิตวิญญาณของมันหรือเปล่า
สิงโตอับบาสหมอบลงกับพื้นเป็นการบอกให้องค์หญิงเทพอสูรขึ้นมาขี่มัน องค์หญิงเทพอสูรขยับเท้ากำลังจะเดิน แต่แล้วก็ต้องหยุดลงสีหน้าแปรเปลี่ยนในทันที
สิงโตอับบาสเองก็สัมผัสได้เช่นกัน มันรีบหันไประมัดระวังบนท้องฟ้าทันที
เหนือมนุษย์ที่รอดอยู่หันไปมองวัตถุบนท้องฟ้าที่คล้ายกับเรือสำราญและยานอวกาศล้ำยุคผสมผสานกัน ซึ่งมีขนาดใหญ่ประมาณ 150 เมตรเคลื่อนตัวมาเหนือเมืองปลายฝนเผยตัวออกมาจากก้อนเมฆอย่างช้า ๆ
เครื่องยนต์พ่นเพลิงสีฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่กลับนิ่งเงียบมาก นี่ไม่ใช่เทคโนโลยีทั่วไปที่พบเห็นได้บ่อยนัก เหนือมนุษย์ระดับ C ที่รอดอยู่ 4 คน หนึ่งในนั้นคือดีลเลอร์จากสำนักงานเหนือมนุษย์ก็พูดด้วยความตื่นตกใจ
“ยานเหาะ!” ดีลเลอร์ไม่คาดคิดว่าจะพบยานเหาะที่เมืองปลายฝน แต่เขาก็เหมือนจะมีความหวังขึ้นมาส่วนหนึ่ง จึงรีบบอกกับเหนือมนุษย์ที่ยังพอเหลือรอดอยู่ทันที
“คนที่มียานแบบนี้ได้จะต้องแข็งแกร่งมาก ๆ”
“แม้แต่ผู้ปกครองเมืองยังไม่มี ยานแบบนี้มี 2 ลำที่เมืองหลวงของรัฐคานันเท่านั้น ซึ่งทั้งสองลำถูกครอบครองโดยตัวตนที่แข็งแกร่งอย่างผู้ปกครองรัฐและผู้อำนวยการอาวุโสที่ประจำที่สำนักงานเหนือมนุษย์ที่นั่น”
“ใครกันที่มากับยานเหาะลำนี้”
...
“ยานเหาะเหรอ มีคนที่แข็งแกร่งมาที่นี่” อีลิกบอกกับลุคและเจน ดูเหมือนเมืองปลายในจะได้รับกำลังสนับสนุนแล้ว
“นี่อาจจะเป็นโอกาสของเรา”
ทั้งสามคนแววตาเป็นประกายในทันที
...
“แข็งแกร่งมาก องค์หญิงเทพอสูร ท่านรีบเข้าไปที่รอยแยกมิตินั้นเร็วข้าจะขวางไว้ให้ท่าน” สิงโตอับบาสกล่าวด้วยความกลัว ไม่ใช่เพราะกลัวคนบนยานที่มานั้น แต่เพราะกลัวภารกิจจะล้มแล้ว
แต่ยังไม่ทันได้เคลื่อนไหวใด ๆ ในตอนนั้นก็มีตัวตนหนึ่งกระโดดลงมาจากยาน ก่อนจะร่อนลงมาและหยุดอยู่กลางอากาศเหนือหัวของทุกคน
เป็นหญิงสาวผมสีฟ้า ผิวขาวในหน้างดงามและอ่อนโยน เธอสวมชุดสีขาวสลับฟ้าอ่อนที่สวยงาม
หญิงสาวยืนนิ่งอยู่กลางอากาศปล่อยให้สายลมพัดเส้นผมปลิวไปมา ก่อนจะขมวดคิ้วมนกวาดสายตาเมืองเบื้องล่างด้วยใบหน้าเศร้าใจ เมื่อเธอเห็นศพเหนือมนุษย์และคนธรรมดาตายเกลื่อนเมืองหลายหมื่นคน จนเลือดไหลรวมเป็นธารโลหิตเล็ก ๆ
เธอจึงเผยแววตาสงสารออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“ไม่คิดเลยว่าการมาทำภารกิจให้ท่านอาจารย์จะพบกับเมืองที่ประสบกับภัยพิบัติมอนสเตอร์แบบนี้” เธอพูดอย่างโศกเศร้าต่อการตายของมนุษย์
เธอมองดูมอนสเตอร์ที่บ้าคลั่งอยู่ในเมืองและหันไปมองสิงโตอับบาสตัวใหญ่ที่เป็นผู้นำในการโจมตีครั้งนี้
“ออร่าของไม่เหมือนกับมอนสเตอร์ทั่วไป มาจากโลกมิติอื่นสินะ” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานและโมโหอย่างยิ่ง
“เธอ...เป็นพลังพรสวรรค์ที่ประหลาดมาก” หญิงสาวขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นองค์หญิงเทพอสูร
องค์หญิงเทพอสูรเผยสีหน้าระวังตัวเป็นครั้งแรก ถึงอย่างนั้นแววตาของเธอก็ยังคงเย็นชา
“ท่านองค์หญิงเทพอสูรรีบไปเถอะขอรับข้าจะยื้อขวางนางไว้”
“ตายซะ!” สิงโตอับบาสรู้ว่ามันเจอความเสี่ยงในภารกิจแล้ว ถ้าไม่หยุดหญิงสาวคนนั้น ภารกิจมันต้องล้มเหลวแน่นอน
“เป็นแค่ร่างแยกระดับ A ที่ไม่สมบูรณ์ ยังกล้าจะบุกโลกมนุษย์ ตายเพื่อชดใช้ชีวิตของมนุษย์ที่เจ้าสังหารซะ” หญิงสาวยกมือขึ้นก็มีพลังมหาศาลกดทับลงมาใส่สิงโตและมอนสเตอร์ในบริเวณนี้ทั้งหมด
มอนสเตอร์ตั้งแต่ระดับ C ลงไปถูกบดขยี้ตายในทันที
มีแค่ระดับ B อย่างยักษ์ตาเดียวที่ยังไม่ตาย แต่ก็ไม่มีพลังในการตอบโต้ ได้แต่นอนจมพื้นดินจากแรงโน้มถ่วงมหาศาลและสิงโตอับบาสพยายามฝืนยืนขึ้น มันใช้พลังของตัวเองปกป้ององค์หญิงเทพอสูรและต้านพลังของหญิงสาวคนนั้นไปด้วย
“โฮก!!!” สิงโตอับบาสเผาทำลายแก่นพลังของตัวเองเพื่อระเบิดพลังที่มากกว่าทำให้สามารถกลับมายืนได้อย่างมั่นคง
“ตาย!”
สิงโตอับบาสกระโดดขึ้นไปบนอากาศควบคุมพลังรอบตัวทำให้มันเหมือนกับบินได้ตรงเข้าไปหวังจะกัดหญิงสาว หญิงสาวเริ่มการต่อโต้ ตามมาด้วยการต่อสู้ของสองตัวตนที่สั่นสะเทือนท้องฟ้าเหนือเมืองปลายฝน
“มีโอกาสแล้ว” ลุคที่มีนิโคลพยุงตัวอยู่ได้พูดขึ้นมา พวกเขาทั้งสามคนพากันข้ามผ่านเหนือมนุษย์ที่หมอบกับพื้นเพราะความกลัวการต่อสู้บนท้องฟ้าและปืนขึ้นไปบนกองซากศพมอนสเตอร์เพื่อเข้าถึงตัวของเจน
องค์หญิงเทพอสูรในร่างของเจนไม่สามารถไปไหนได้เนื่องจากว่าเธอถูกพลังของหญิงสาวผู้นั้นตรึงร่างไว้ แต่ว่าพลังโน้มถ่วงที่ตรึงตัวองค์หญิงเทพอสูรไว้กลับค่อย ๆ อ่อนกำลังลง ราวกับเธอค้นพบจุดอ่อนของพลังและเคลื่อนไหวจนจะหลุดมาได้อยู่แล้ว
หญิงสาวที่กำลังทำลายสิงโตอับบาสที่บ้าคลั่งก็รับรู้ได้ แต่ไม่สนใจ เพราะรู้ว่าเด็กสาวคนนั้นไม่มีทางหนีไปจากเธอได้ ความสนใจของเธอตอนนี้คือจัดการสิงโตตัวนี้ก่อน
“เจน” ลุคที่มีนิโคลช่วยพยุงตะโกนเรียกน้องสาวของเขา
องค์หญิงเทพอสูรกวาดหางตาดูลุค เธอพอเข้าใจความสัมพันธ์ของชายคนนี้และเจนแต่นั่นไม่เกี่ยวกับเธอ องค์หญิงเทพอสูรเฉยชาใส่ลุคและเริ่มทำลายพลังที่ตรึงร่างไว้ต่อ ซึ่งอีกนิดเดียวเธอก็จะหลุดออกมาแล้ว
“เธอเป็นอะไร” นิโคลถาม
“ทำไมเหมือนกับเธอเย็นชามาก” อีลิกพูดขึ้นมา
“ฉันไม่แน่ใจ แต่ทุกอย่างเกิดจากพลังพรสวรรค์ของเจน เธอเป็นเหนือมนุษย์พร้อมกับปลุกพลังพรสวรรค์ขึ้นมาได้และเหมือนว่าพลังพรสวรรค์จะเป็นอีกตัวตนที่น่ากลัว มันเป็นต้นต่อของเรื่องที่เกิดขึ้นนี้” ลุคยอมเล่า เพราะในตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วและทั้งสองควรจะรู้ว่ากำลังเจอกับอะไร
อีลิกและนิโคลตื่นตกใจที่ได้ยินความจริงและก็ยังประหลาดใจกับความแปลกประหลาดนี้
“ถ้าอย่างนั้นก็เหมือนกับคนที่มีสองบุคลิกในร่างเดียวกันเหรอ” อีลิกพูดขึ้นมา
ลุคพยักหน้าเบา ๆ เพราะนั้นคือเท่าที่เขาคิดออก
“แล้วตัวตนนั้นเกี่ยวข้องยังไงกับมอนสเตอร์ที่บุกโจมตีเมือง” นิโคลถาม
“ฉันไม่รู้” ลุคตอบตามตรง เขาเองก็ไม่มีข้อมูลนี้เหมือนกัน
“ฉันหยุดมันได้ ตอนนี้องค์หญิงเทพอสูรหรืออีกบุคลิกของเจนกำลังโดนพลังของหญิงสาวที่สู้กับมอนสเตอร์สิงโตตรึงไว้อยู่ ตอนนี้คือโอกาสของเราแล้ว พาฉันไปให้ถึงตัวของเจนที นั้นคือโอกาสเดียวในการหยุดตัวตนองค์หญิงเทพอสูร” ลุคกล่าวก่อนจะพยายามยืนด้วยตัวเอง
“ฉันจะจับเธอเอง” นิโคลกล่าว เมื่อเห็นลุคยืนได้ เธอก็เอาโซ่ที่ขาดจนเหลือไม่กี่สิบเมตรออกมา
“ผมจะช่วยด้วย” อีลิกบอก
ทั้งสองคนเข้าโจมตีองค์หญิงเทพอสูรทันที