ตอนที่ 474 แผนการของแอวริล
ตอนที่ 474 แผนการของแอวริล
ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับสาวงามที่ค่อย ๆ ก้าวเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ ทำให้ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบงัน เหลือเพียงเสียงของฝีเท้าที่ตกกระทบกับพื้นดังขึ้นมาเพียงแค่เบา ๆ เท่านั้น
ปัจจุบันแอวริลสวมใส่ชุดสีน้ำเงินลากยาวถึงพื้น, ด้านหลังเป็นผมสีบลอนด์ที่ถูกปล่อยยาวสลวย, บริเวณรอบ ๆ ตัวของเธอมีกลิ่นหอมออกมาจาง ๆ, ดวงตาของเธอขาวใสเป็นประกายราวกับไข่มุก และถึงแม้ว่าภายในห้องจะมีผู้คนอยู่อย่างมากมาย แต่สายตาของเซี่ยเฟยกลับมีเพียงสาวสวยคนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น
ในจักรวาลนี้มีสาวสวยอยู่อย่างมากมาย ยกตัวอย่างเช่น บิทินี่ก็มีเสน่ห์ไม่ด้อยไปกว่าแอวริลเลย แต่สำหรับเซี่ยเฟยแล้วก็ดูเหมือนจะมีเพียงแอวริลคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นระรัวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง และทำให้เขารู้สึกอยากจะพุ่งตัวไปข้างหน้าเพื่อกอดเธอเอาไว้โดยไม่สนใจสายตาของฝูงชน
แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ทำตามแผนการของตัวเอง แอวริลก็พุ่งตัวเข้ามาพร้อมกับหยาดน้ำตาและทิ้งตัวไว้ที่หน้าอกของเขา
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะกอดเธอกลับไปด้วยความคิดถึงด้วยเช่นกัน
แอวริลตัวเล็กลงกว่าเดิมมากแล้วเธอก็ฝังศีรษะของเธอเอาไว้ภายในหน้าอกของเขาแน่น แต่กลิ่นกายที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอก็เริ่มทำให้ชายหนุ่มรู้สึกลุ่มหลงอยู่เล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน
ในระหว่างที่แอวริลโอบกอดเซี่ยเฟยไว้ ร่างกายของเธอก็สั่นขึ้นมาเล็กน้อยราวกับว่าเธอกลัวว่าเซี่ยเฟยจะหายไปอีกครั้ง
“ไอ้คนนิสัยไม่ดี! หลังจากนี้อย่าหายไปอีกนะ” แอวริลพึมพำขึ้นมาเบา ๆ
ทั้งสองโอบกอดกันต่อหน้าฝูงชนและทำเหมือนกับว่าแขกทุกคนเป็นเพียงอากาศที่ไม่ได้มีความสำคัญสำหรับพวกเขาทั้งคู่เลย มันจึงเรียกทั้งสายตาที่อิจฉาริษยากับสายตาที่น่าเอ็นดูจากแขกที่กำลังมุ่งความสนใจไปที่พวกเขาเป็นจุดเดียว
วิลเลียมส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น ทูรามชูนิ้วโป้งให้กับเซี่ยเฟยและดึงฉินหมางเดินตามออกไปด้วยเช่นกัน ส่วนทางชาร์ลีก็ชูกำปั้นแสดงความยินดีให้กับชายหนุ่ม พร้อมกับเดินออกไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเขินอาย
ผางชิงผู้ซึ่งเป็นพ่อบ้านประจำตัวแอวริลไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ได้ เขาจึงยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตาเหมือนกับเด็ก ๆ แล้ววิ่งหนีออกไปจากห้องโดยไม่หันหลังกลับมามอง
เหล่าบรรดาแขกเพศชายต่างก็รู้สึกยินดีกับความสัมพันธ์ของคนคู่นี้ แต่สำหรับแขกสาว ๆ พวกเธอก็ไม่ได้ร่วมยินดีกับแอวริลที่ได้รับความรักจากเซี่ยเฟยเลย
เยว่เกอกัดแตงกวาด้วยใบหน้าที่บูดบึ้งก่อนที่เธอจะเดินกระทืบเท้าออกไปจากห้อง นิโคลแสดงสีหน้าออกมาอย่างผิดหวังพร้อมกับเดินออกจากห้องไปด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า ซึ่งในระหว่างที่เธอเดินออกไปเธอก็ถอนหายใจออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในทางตรงกันข้ามซาร่าเดินออกจากห้องไปด้วยใบหน้าที่เป็นปกติ เพราะในสายตาของคนที่เติบโตขึ้นมาจากเขตดาววิลเดอร์เนสอย่างเธอแล้ว การที่ผู้ชายมีภรรยาหลายคนเป็นเรื่องปกติมาก และเธอก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจที่เซี่ยเฟยแบ่งปันความรักให้กับผู้หญิงคนอื่น
ในเวลาเพียงแค่ไม่นานภายในห้องวีไอพีที่เคยเต็มไปด้วยแขกเป็นจำนวนมากก็หลงเหลือเพียงแค่เซี่ยเฟยกับแอวริลเพียงสองคน ซึ่งด้วยในตอนนี้บ้านที่หน้าต่างทุกบานปิดสนิทและไฟภายในห้องก็ถูกหรี่ลง ก็ทำให้บรรยากาศกลับมาเป็นห้องที่ยังคงมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
เซี่ยเฟยกอดแอวริลเอาไว้ในอ้อมแขน ขณะที่หญิงสาวยังคงร้องไห้ออกมาไม่หยุด ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ ประคองร่างของเธอไปนั่งลงบนโซฟา แอวริลจึงนั่งลงบนขาของเซี่ยเฟยราวกับลูกแมวที่เชื่อฟัง
“เครื่องสำอางเธอเลอะหมดแล้วนะ ถ้าเธอยังร้องต่อไประวังจะไม่สวยจริง ๆ ด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาของหญิงสาวอย่างทะนุถนอม
“ถ้าฉันไม่สวยแล้วนายจะไม่ชอบหรือยังไง?” แอวริลกล่าวพร้อมกับเม้มริมฝีปาก
“ถึงแม้ว่าเธอจะแก่จนหน้าเหี่ยวแต่เธอก็ยังคงเป็นแอวริลของฉันไม่เปลี่ยนแปลง” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าฉันแก่นายก็แก่ด้วยเหมือนกันนั่นแหละ” แอวริลกล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
“ถ้าฉันเป็นตาแก่ตัวเหม็นแล้วเธอจะยังอยู่กับฉันไหม?” เซี่ยเฟยถามอย่างเจ้าเล่ห์
“อยู่สิ…” แอวริลก้มหน้าลงพร้อมกับส่งเสียงพึมพำขึ้นมาอย่างเขินอาย
“เธอพูดว่าอะไรนะ? ฉันไม่ได้ยินเลย” เซี่ยเฟยยกมือขึ้นมาป้องหูข้างขวาพร้อมกับแสดงท่าทางเหมือนกับเขาไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดออกมาจริง ๆ
“ถึงแม้ว่านายจะแก่แต่ฉันก็ยังจะอยู่กับนาย!” แอวริลตะโกนขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับโผเข้ากอดเซี่ยเฟยด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
เซี่ยเฟยหัวเราะขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับลูบผมบลอนด์ของหญิงสาวเบา ๆ
“ไอ้คนกะล่อน! นี่นายแกล้งฉันงั้นเหรอ” แอวริลกล่าวพร้อมกับใช้กำปั้นเล็ก ๆ ทุบหน้าอกของเซี่ยเฟย
เซี่ยเฟยไม่พูดอะไรแต่ค่อย ๆ ก้มศีรษะเอาริมฝีปากเข้าไปใกล้แอวริลอย่างช้า ๆ จนทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
แอวริลหลับตาพร้อมกับตัวสั่นอยู่เล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงเปิดริมฝีปากขึ้นมาอย่างช้า ๆ เพื่อรอต้อนรับริมฝีปากของอีกฝ่าย
เมื่อริมฝีปากของทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่ถึง 1 เซนติเมตร พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นซึ่งกันและกัน แอวริลจึงริเริ่มที่จะเงยหน้าเพื่อใช้ริมฝีปากของเธอสัมผัสกับริมฝีปากของเซี่ยเฟยก่อน
จูบแรกของทั้งคู่ดำเนินไปอย่างตะกุกตะกัก แต่มันก็ยังคงทำให้พวกเขาลุ่มหลงไปกับช่วงเวลาแห่งความสุขนี้
เรียวขาที่บอบบางของแอวริลถูกบีบเข้าหากันพร้อมกับสติของเธอที่เริ่มพร่ามัวขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในขณะที่เธอกำลังจะสูญเสียสติสัมปชัญญะไปนั่นเอง เธอก็ผลักเซี่ยเฟยออกไปเบา ๆ เนื่องจากสัมผัสได้ถึงอะไรแข็ง ๆ ที่ดุนอยู่บริเวณหลังของเธอ
“มีอะไรไม่รู้แข็ง ๆ ทิ่มหลังของฉันน่ะ” แอวริลกล่าวขึ้นมาด้วยความสงสัย
เซี่ยเฟยแสดงความเขินอายออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า
“มันคืออาวุธ”
“อาวุธอะไร?”
“เอาเป็นว่ามันคืออาวุธที่ทรงพลังมาก”
ทันใดนั้นแอวริลก็นึกถึงเรื่องที่สาวใช้ได้เล่าให้กับเธอฟัง ซึ่งมันก็ทำให้เธอรู้สึกประหม่ามากขึ้นกว่าเดิม แต่เซี่ยเฟยก็เริ่มประกบริมฝีปากของเขาเข้ากับหญิงสาวอีกครั้ง พร้อมกับร่างทั้งสองที่เริ่มพัวพันกันอย่างใกล้ชิด
—
2 ชั่วโมงต่อมาแอวริลก็กำลังนอนหนุนตักเซี่ยเฟยอยู่บนโซฟา ขณะที่ชายหนุ่มดื่มน้ำชาและเล่าเรื่องที่น่าสนใจในระหว่างการเดินทางให้หญิงสาวฟัง
แอวริลรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่สิ่งที่เธอคาดหวังยังไม่เกิดขึ้น เพราะในระหว่างที่อารมณ์ของเธอกำลังเข้าได้เข้าเข็ม จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันโดยการลุกขึ้นมานั่งเล่าเรื่องที่เขาผจญภัยในดินแดนเซิร์ก เพื่อตัดจบอารมณ์อันเร่าร้อนในก่อนหน้านี้ออกไป
แอวริลพยายามบอกตัวเองว่าอย่ารีบร้อน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พวกเธอจะต้องค่อย ๆ ทำร่วมกัน แต่โชคดีที่เซี่ยเฟยมักจะมีเรื่องเล่าที่ทำให้เธอรู้สึกสนใจอยู่เสมอ และเธอก็ถูกเรื่องเล่าของเขาดึงดูดความสนใจเข้าไปก่อนที่เธอจะทันได้รู้ตัว
“ในระหว่างที่ฉันอยู่ในดินแดนเซิร์กฉันก็ได้พบว่าพวกนั้นมีวัฒนธรรมที่สามีจะมีภรรยาหลาย ๆ คน แต่โชคดีที่ฉันเป็นพวกรักเดียวใจเดียว ดังนั้นไม่ว่าฉันจะเจอผู้หญิงคนอื่นที่สวยแค่ไหน แต่เธอก็คือคนสำคัญที่สุดสำหรับฉันอยู่ดี” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
“ถ้าผู้หญิงคนอื่นสวยมากก็ไปหาผู้หญิงพวกนั้นซะสิ ฉันไม่ได้มัดนายเอาไว้สักหน่อย!” แอวริลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเล็กน้อย
“ทั้งจักรวาลนี้มีแค่เธอคนเดียวที่กุมหัวใจของฉันเอาไว้ได้ ในชีวิตของฉันแค่มีเธอเพียงคนเดียวมันก็พอแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับใช้นิ้วกลางกับนิวชี้บีบจมูกของหญิงสาวที่นอนหนุนตักอยู่เบา ๆ
ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบคำพูดหวาน ๆ แอวริลจึงเพลิดเพลินไปกับคำหยอกล้อของเซี่ยเฟยและประทับใจในความรักที่เขามีต่อเธอ
แต่ในทันใดนั้นเองมันก็มีเสียงกรนดังขึ้นมาจากใต้โซฟา เซี่ยเฟยจึงยกโซฟาขึ้นมาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะได้พบกับขนอุยที่แอบนอนหลับอยู่ตรงนั้น
“นี่นายแอบดูฉันอยู่งั้นเหรอ?”
โป๊ก!
เซี่ยเฟยเขกหัวขนอุยเบา ๆ เรียกให้สัตว์อสูรตัวนี้ลืมตาขึ้นมาจ้องมองไปยังชายหญิงตรงหน้าด้วยแววตาที่ไร้เดียงสา
“นั่นนายทำอะไรน่ะ จะไปตีมันทำไม?” แอวริลกล่าวพร้อมกับโอบกอดขนอุยเข้ามาไว้ในอ้อมแขน จากนั้นเธอก็ใช้มือลูบศีรษะเจ้าตัวน้อยเบา ๆ เพื่อพยายามบรรเทาความเจ็บปวดที่มันถูกเซี่ยเฟยเขกกบาล
“ไอ้นี่มันเจ้าเล่ห์สุด ๆ แอวริลเธออย่าไปหลงกลหน้าตาน่ารักของมันสิ”
“โอ๋ ๆ เจ้าตัวน้อย นายคงจะถูกเซี่ยเฟยรังแกอยู่บ่อย ๆ สินะ” แอวริลกล่าวพร้อมกับทำหน้ามุ่ย
ขนอุยพยักหน้าซ้ำ ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับแลบลิ้นออกไปเลียนิ้วมือแอวริลด้วยท่าทางประจบประแจง จนทำให้หญิงสาวส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างมีความสุข
เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะถ้าหากอสูรที่น่าเกรงขามอย่างมารขาวกลายเป็นสัตว์ที่น่าสงสาร เขาก็คงจะไม่สามารถหาคำอื่นมาบรรยายความน่าสงสารของสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ได้อีกแล้ว
“เจ้าตัวน้อยนี่ชื่ออะไร?”
“ขนอุย”
“ขนอุยเหรอ? ชื่อน่ารักจังเลย ว่าไงหนูน้อยนายอยากกินขนมไหม?”
แน่นอนว่าขนอุยไม่เคยสนใจขนมขบเคี้ยวแบบของมนุษย์อยู่แล้ว แต่ถึงแบบนั้นแอวริลก็ยังคงยืนกรานที่จะให้มันกินขนมเค้กสุดอร่อยของเธอเข้าไป
หลังจากนั้นไม่นานทั่วทั้งปากของขนอุยก็เต็มไปด้วยอาหารที่แอวริลป้อนให้ ซึ่งมันก็แทบที่จะไม่มีเวลาเคี้ยวขนมภายในปากของมันเลย มันจึงพยายามจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาอันอ้อนวอน
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับขนอุยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ว่า
“ปกตินายชอบอ้อนขอของกินจากฉันไม่ใช่เหรอ?”
ขนอุยแทบอยากจะร้องไห้ เพราะถึงแม้ว่ามันจะพยายามอ้อนขอของกินจากเซี่ยเฟยจริง ๆ แต่ของโปรดของมันคือหัวใจจักรวาลไม่ใช่ของหวานที่ถูกป้อนโดยแอวริล
น่าเสียดายที่แอวริลไม่ได้สัมผัสถึงแววตาอันน่าสงสารของมันเลย เธอจึงหยิบจานเค้กสับปะรดขึ้นมาอีกจานพร้อมกับเริ่มป้อนอาหารเข้าไปในปากของขนอุยอีกครั้ง
“อ้า.. อ้าม.. อ้าปากเร็ว ๆ เข้าเจ้าตัวน้อย” แอวริลพยายามป้อนเค้กก้อนใหม่ให้ขนอุย แต่ในคราวนี้เจ้าตัวน้อยพยายามขัดขืนโดยไม่เปิดปากของมันออกมา
“อย่าเลือกกินอาหารนักสิ! มันเป็นเพราะว่านายเลือกกินใช่ไหม? นายเลยตัวเล็กอยู่แค่นี้”
แม้ว่าแอวริลจะพยายามดูแลมันเป็นอย่างดี แต่รสชาติของอาหารพวกนี้ก็ทำให้มันอยากจะเอาหัวโขกโซฟาให้ตาย
“โอ้พระเจ้า! ใครก็ได้เอาฉันออกไปจากตรงนี้ที!!” หากขนอุยพูดได้มันก็คงจะร้องคำรามออกมาแบบนี้อยู่ภายในใจ
***************