ตอนที่ 4
กริ๊งๆๆๆ เสียงนาฬิกาปลุก เวลา6.00 ดังขึ้น
“ฮาววว เช้าแล้วหรอ”อัคคีงัวเงียตื่นขึ้นมาพร้อมกดปิดนาฬิกาปลุกลุกออกจากเตียงไปล้างหน้าแปลงฟันอาบน้ำแต่งตัวพร้อมไปโรงเรียน
1ชม.ผ่านไป
“แหมใครกันนะในกระจกช่างหล่อเหลาอะไรอย่างี้”อัคคีพูดพลางมองกระจกและแอ็คท่าเก๊กหล่อหน้ากระจกไปด้วย
“อย่าว่างั้นว่างี้เลยนะไอ้มีรถมันก็ดีอยู่หรอกแต่ฉันขับรถเป็นที่ไหนละ”อัคคีบ่นพรึมพร่ำขึ้นมา
ติ๊ง ระบบลงชื่อเข้าใช้ได้แล้วโฮสต์ต้องการลงชื่อเข้าใช้หรือไม่สถานที่บ้านนายเทพอัคคี อัครแสง สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้1ครั้ง
“อะจริงๆก็อยากลองไปลงชื่อเข้าใช้ที่โรงเรียนอยู่หรอกเพราะเราก็จะไปเรียนต่อที่อื่นแล้วแถมอีกอย่างลงชื่อครั้งแรกยังให้รถราคาเกือบๆ10ล้านเลยอยากจะลองไปลงชื่ออีกสักครั้งแต่เอาเถอะลงชื่อเข้าใช้ที่บ้านตัวเองดูก็ไม่เลวเหมือนกันแหละมั้งระบบ ยืนยันลงชื่อเข้าใช้”อัคคีทำท่าครุ่นคิดแล้วพูดยืนยันกับระบบ
ติ๊ง ยืนยันการลงชื่อเข้าใช้
โฮสต์ ได้รับทักษะขับขี่ยานพาหนะขั้นพื้นฐาน พร้อมทั้ง เงิน 1 ล้านบาท โอนเข้าบัญชีโฮสต์แล้วเรียบร้อย
“ฮะ จริงหรอเนี่ยเงิน 1 ล้านบาท ต้องเช็กดู”อัคคีอุทานออกมาพร้อมเช็กแจ้งเตือนในโทรศัพท์พอดูแล้วก็มีแจ้งเตือนขึ้นมาจริงๆๆ
ติ๊ง โฮสต์ต้องการรับทักษะขับขี่ยานพาหนะขั้นพื้นฐานเลยหรือไม่
“เอิ่มระบบแล้วมันมีความเจ็บปวดอะไรรุเปล่า”อัคคีเอ่ยถาม
ติ๊ง โฮสต์ไม่ต้องห่วงทักษะขั้นพื้นฐานไม่ได้รับความเจ็บปวดใดๆ
“เห้อ แล้วไปงั้นรับเลย”พออัคคีเอ่ยตอบก็มีภาพพร้อมประสบการณ์ต่าง ๆเข้ามาในหัวเค้าทันที
“ไม่รู้สึกอะไรจริงๆแห๊ะงั้นขับรถไปโรงเรียนเลยแล้วกัน”อัคคีพูดพลางพร้อมลุกเดินขวงกุญแจไปยังรถเบนซ์ S-class ของตนพร้อมขับไปยังโรงเรียน 1ชม.ผ่านไปเวลาประมาณ8.00
“แม่งเอ้ยย งานก็จะเริ่มแล้วเนี่ย ตูข้ายังหาที่จอดรถไม่ได้เลยวันนี้คนมันจะเยอะไปไหนวะไอ้ฉิบหายที่ซวยไปกว่านั้นคือดันลืมกินข้าวเช้าสะได้”อัคคีบ่นกับตัวเองพร้อมกวาดสายตามองหาที่จอดรถต่อไป
“อ๊ะแม่งเจอสักทีห่างจากโหประชุมกลางเป็นกิโลเดินขาลากแน่งานนี้”อัคคีบ่นออกมา
กริ๊ง กริ๊ง
“อะใครโทรมาวะ อ้อไอ้น้ำว่าไงวะ”อัคคีรับโทรศัพท์แล้วเอ่ยถามออกไป
“เฮ้ยไอ้อัคคีแกมายังวะงานจะเริ่มแล้วนะเว้ยอีก 30 นาที”น้ำตะโกนออกมาจากโทรศัพท์
“ซีดด แล้วแกจะตะโกนทำไมวะ หูฉันฉันอยู่โรงเรียยนแล้วโว๊ย กำลังเดินไปกว่าจะหาที่จอดรถเจอแม่งห่างจากหอประชุมกลางเป็นกิโลอย่าลืมจองที่นั่งให้ด้วยละ”อัคคีบ่นออกมาพลางขาก็ก้าวยาวๆเดินไปทางหอประชุม
“เออๆไม่ต้องห่วงฉันจองที่นั่งไว้ให้แกแล้วรีบๆมาเถอะว่าแต่ขับรถแกขับรถไรมาวะ”น้ำเอ่ยถามด้วยความสงสัยทันที
“เบนซ์ไง”อัคคี
“….แม่งถามจริงไม่ใช่จบงานให้พี่คำมีขับกลับอีกนะเว้ย”น้ำอุถานออกมา
“เออๆรอบนี้ฉันขับกลับเองไม่ต้องห่วงแค่นี้แหละเจอกันที่หอประชุม”อัคคีเอ่ยตอบก่อนจะวางสาย
“เจอกันเพื่อน”น้ำเอ่ยตอบ
5นาทีผ่านไป
“ให้ตายเหอะมาถึงสักทีว่าแต่คนมันจะเยอไปไหนวะแม่งกะสายตาคร่าวๆคงมีเกินพันจะมาเยอะอะไรขนาดนั้นว่าแต่ไอ้น้ำนั่งตรงไหนวะก่อนวางดันลืมถามสะได้”อัคคีบ่นออกมาพร้อมกวาดสายดูคนรอบๆพร้อมกับมองหาน้ำก่อนเห็นเพื่อนของตนกวักแขนเรียกจากไกลๆ
“ว่าไงมาสายเชียวนะแก”น้ำเอ่ยทัก
“เค้าไม่เรียกมาสายเว้ยเหลืออีกตั้งเกือบๆ20นาทีก่อน ผอ.จะขึ้นไปพูดเค้าเรียกว่ามาพอดีต่อเวลาต่างหากว่าแต่แกน่าจะมาเช้านะบ้านแกอยู่ไม่ไกลโรงเรียนเท่าไหร่ทำไมนั่งหลังจังวะ”อัคคีตอบกลับเพื่อนกับไปพร้อมเอ่ยถามเรื่องที่ตนสงสัย
“เหอๆถ้าฉันนั่งหน้าเอ็งคิดว่าจะหาฉันเจอรึไงดูคนดิ”น้ำเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเซ็งๆพร้อมชีไม้ชี้มือไปรอบๆ
“เอิ่มมก็จริงอะว่าแต่ใครได้เป็นตัวแทนขึ้นไปรับใบประกาษณียบัตรเรียนจบวะ”อัคคีเอ่ยถามน้ำด้วยความสงสัยใช่ด้วยขนาดที่ว่าโรงเรียนแสงรุ่งเรืองนั้นมีขนาดใหญ่มากแค่นักเรียนชั้นม.6ก็ปาไปเกือบ600กว่าคนแล้วถ้าขึ้นไปรับทีละคนมีหวังได้เลิกเที่ยงคืนแน่ๆไหนจะกิจกรรมล้อมวงจับมือรับของขวัญจากรุ่นน้องหรือผู้ปกครองอีก
“ก็ต้องแน่นอนอยู่แล้วดิว่าต้องเป็นแพรดาวโรงเรียนของเรายังสะพูดเรื่องหน้าตายังไงเธอก็คือที่1ส่วนเรื่องเรียนฉันไม่กล้าพูดว่าเธอคือที่1แต่ยังไงก็ติด1ใน5แน่นอนเพราะฉะนั้นไม่มีใครเหมาะไปกว่าเธอแล้วแหละว่าแต่แกจะไม่พูดจริงๆหรอวะ”น้ำเอ่ยตอบอัคคีไป
“เห้ออ ปล่อยให้เป็นเรื่องของพรมลิขิตเถอะน่า”อัคคีเอ่ยตอบไปพลางหนไปมองดูรอบๆฆ่าเวลา
“เจอดิพวกแกได้เจอกันแน่นอนเชื่อฉันฉันนี้แหละคิวปิคเลยฮ่าๆๆ”น้ำเอ่ยตอบไปพลางหัวเราะไปพลางเพราะเค้ารู้อยู่แล้วว่าแพรก็เข้าม.กรุงเทพแล้วเข้าสาขาเดียวกันอีกคือบรหารธุรกิจถึงตอนแรกจะบอกว่าคนละสาขาก็เถอะแต่ดูเหมือนจะย้ายมาเพราะว่าพ่อของเธออยากให้เข้าสาขานี้มากกว่าอยากเห็นสีหน้าของมันตอนเจอแพรเลยจริงว่าเป็นยังไงแค่คิดก็สนุกแล้วจริงไหม?
“คิวปิค คิวปิคบ้าไรของมันวะ”อัคคีหันไปมองน้ำอย่างงงๆ
เอาละๆนักเรียนเงียบได้แล้วต่อไปนี้ขอเชิญ ผอ. อณงณ์ ขึ้นมากล่าวอำลาหรือให้พรนักเรียนด้วยครับขอเรียนเชิญครับ
"ปัจฉิมอำลาสถาบัน เป็นกิจกรรมที่โรงเรียนได้จัดให้มีขึ้นเป็นประจำมาตลอดทุกปี โดยถือเอาวันสุดท้ายของทุกปีการศึกษาเป็นวันจัดกิจกรรม วัตถุประสงค์หลักสำคัญมี อยู่ 2 ประการใหญ่ ๆ คือ ประการที่1 เพื่อเป็นการแสดงความชื่นชมยินดี กับนักเรียน/ท่านผู้ปกครอง/ฝ่ายบริหาร/ครูอาจารย์/และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในโอกาสแห่งความสำเร็จการศึกษาเป็นเบื้องต้นของบุตรหลานหรือศิษย์อันเป็นที่รัก และประการที่สำคัญ ก็เพื่อจะใช้เป็นกิจกรรมกระตุ้น/เตือนให้นักเรียนที่จะสำเร็จการศึกษา ชั้น ม. 6 ของโรงเรียนในแต่ละปีได้ตระหนักและมีการเตรียมตนให้พร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการที่จะศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นต่อไปโรงเรียนเคยพูดมาโดยตลอดว่า "หากนักเรียนหรือบุตรหลานอันเป็นที่รักของพวกเราคือเมล็ดแห่งพันธ์ไม้ที่ต้องการความเจริญงอกงาม ผู้ปกครองทุกคนก็คงหลีกไม่พ้นที่จะเป็นดินหรือผู้ให้กำเนิด ส่วนโรงเรียนหรือครูอาจารย์ที่เป็นผู้ให้ความรู้ก็คงหลีกไม่พ้นเช่นกันที่น่าจะเป็นน้ำหรือปุ๋ยที่คอยหล่อเลี้ยงเมล็ดแห่งพันธ์ไม้ให้เจริญงอกงามตามที่มุ่งหวัง "ปีการศึกษานี้มีนักเรียนชั้น คนจะสำเร็จการศึกษาภาคบังคับ/และมีนักเรียนชั้น ม.6 จำนวน 600 คน จะสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนจึงขอถือโอกาสแสดงความชื่นชมยินดีกับนักเรียนและทุกฝ่าย ในความรับผิดชอบในบทบาทหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่จนนำมาซึ่งความสำเร็จและความภูมิใจในวันนี้ขอกราบขอบคุณท่านผู้ปกครองในการสนับสนุนส่งเสริม/การดูแล/เอาใจใส่ในบทบาทของคุณพ่อคุณแม่และในบทบาทของพระในบ้านอย่างเยี่ยมยอดมาโดยตลอด ขอขอบคุณฝ่ายบริหาร/ครูอาจารย์ของโรงเรียนทุกภาคส่วนในความรับผิดชอบในบทบาทหน้าที่การให้ความรู้ในวิชาการต่าง ๆ และทั้งบทบาทหน้าที่การเป็นพ่อแม่คนที่สองให้กับศิษย์อันเป็นที่รักตามนโยบายของโรงเรียน /และสุดท้ายขอยกย่องชมเชยนักเรียนชั้น ม.6 ทุกคน ในความขยันหมั่นเพียร/ความรับผิดชอบต่อหน้าที่และความมีวินัยจนนำมาซึ่งความสำเร็จและความภาคภูมิใจในวันนี้อยากจะบอกนักเรียนทุกคนให้พึงระลึกอยู่เสมอว่า "ไม่มีความสำเร็จใดที่จะได้มาโดยไม่มีการปฏิบัติ. "Successful come from doing / successful don’t come from the God " หรือ “หากเราให้ We give เราก็ได้ We get /หากเราไม่ให้ We not give เราก็ไม่ได้ we not get. ก็ขอฝากนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กันทุกคนสุดท้าย ขออำนวยพรให้นักเรียนที่จะสำเร็จการศึกษา ชั้น ม.6 ทุกคน จงมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีความเจริญก้าวหน้าประสบผลสำเร็จในชีวิตโดยทั่วกัน”ผอ.อณงณ์กล่าวขึ้นมา(ดร.อุทัย สื่อกระแสร์ ขอขอบคุณบทความจากใจจริง)
“ไอ้ น้ำผอ.พูดเยอะขนาดนี้เอ็งว่าจะมีคนหลับป่าววะ”อัคคีเอ่ยถามเพื่อนข้างๆตน
“…..”น้ำ
“ไอ้น้ำ อ่าวเฮ้ยนี้ไงคนหลับแต่พอมองดูรอบๆนี้มันหลับเกือบหมดแถวเราไม่ไม่ใช่รึไงวะถึงจะอยู่แถวหลังๆก็เถอะไอ้น้ำๆตื่นๆเห้ยผอ.พูดจบแล้ว”อัคคีบ่นขึ้นมาพร้อมปลุกน้ำให้ตื่นขึ้นมา
“หืืออ อืมมม ผอ.แกแล้วหรอวะ”น้ำตื่นขึ้นมาพร้อมบิดขี้เกียจก่อนเอ่ยถามอัคคีไป
“เออดีวะงี้ถ้าฉันหลับขึ้นมาเหมือนกันไม่ซวยหรือไงวะไอ้นี้ดันมาหลับสะได้”อัคคีเหน็บเพื่อนขึ้นมา
“อ่าว ทำหยังกะการที่เราเป็นเพื่อนมา6ปีไม่มีความหมายงั้นแหละ แกไม่หลับหรอกน่าหรือต่อให้หลับจริงเดี่ยวครูก็เดินมาปลุกเองนั้นแหละพอถึงเวลากิจกกรรม”น้ำพูดพร้อมหยักไหล่
“เออว่าแต่ว่า”อัคคีกล่าวขึ้นมายังไม่ทันได้จบ ผอ.ก็กล่าวขึ้นมาสะก่อน
“อะแฮ่มเอาละนักเรียนที่น่ารักทั้งหลายตื่นได้แล้วต่อไปจะเป็นการรับใบประกาษณียบัตรเรียนจบจากตัวแทนของชั้น.ม6.และการกล่าวอำลาโรงเรียนเดินขึ้นมาเลยลูก”ผอ.เอ่ยกล่าวขึ้นมาพร้อมกวาดสายตาไปทางแพรที่ยืนรออยู่ด้านข้างให้เดินขึ้นมา
“กราบเรียน ผอ.การโรงเรียน…..”แพร หลังจากนั้นกิจกรรมก็ดำเนินไปเรื่อยๆจนจบ
“แม่งไอ้อัคคีฉันก็รู้ว่าแก่หล่อแต่นี้เกินไปเเปล่าวะ”น้ำกล่าวออกมาปนๆอึ้งนิดหน่อยเพราะสภาพอัคคีตอนนี้ที่คอเค้าได้พวงมาลัยริบบิ้นจนถึงปากที่มือทั้งสองข้างก็มีทั้งดอกไม้ต่าง ๆแถมข้างๆยังมีตุ๊กตาวางไว้ข้างๆอีก5ตัว
“ห๊ะฮ่าก็ช่วยไม่ได้คนมันหล่อไอ้น้อง”อัคคีกล่าวพร้อมยักคิ้วตอบ
“เหอะๆแต่แกแน่ใจใช่ไหมวะที่ขับรถกลับได้เองจริงๆ”น้ำเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วงไม่ต้องห่วงสบายบรื๋อแต่ฉันไหว้วานแกอย่างดิ”อัคคีกล่าวตอบ
“หืมไรวะ”น้ำเอ่ยถาม
“ช่วยแบกของไปหน่อยดิแม่งหนักฉิบหาย”อัคคีพูดพลางทิ้งตัวลงนั่ง
“…..”น้ำ ลำบากตูอีกก