1050 - หยินเทียนเต๋อคนที่สอง
1050 - หยินเทียนเต๋อคนที่สอง
“หลังจากหายตัวไปกว่าสองพันปีและปรากฏตัวขึ้นวันนี้ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน!” หลี่เทียนถอนหายใจ
“ในบรรดาราชาทั้งสามคน เขาได้รับความทุกข์ทรมานมากที่สุดและประสบกับความตายไปถึงสองครั้ง แต่ข้ากลับมีความรู้สึกว่าเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบริเวณนี้”
เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับร่างราชันศักดิ์สิทธิ์ที่บรรลุความแข็งแกร่งอันยิ่งใหญ่ นี่เป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ประเภทเดียวกันกับจี้ฮ่าวเยว่นั่นเอง
“ในชีวิตนี้เขาไม่มีความหวังที่จะพิสูจน์เต๋าแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาคงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน อย่างไรก็ตามเขาได้เลือกวิธีพิเศษที่ทำให้ตัวเองกลายเป็นครึ่งเซียนที่แข็งแกร่งมากที่สุด” อี้ชิงอู่ถอนหายใจ
“น่าเสียดายที่ราชามนุษย์ถูกทำลายรากฐานไปตั้งแต่เด็ก ไม่เช่นนั้นเขาอาจกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนแรกในรอบห้าหมื่นปี” เอี๋ยนอี้ซีกล่าว
ถึงกระนั้นราชามนุษย์ก็ยังเป็นครึ่งเซียนที่ทรงพลังมากที่สุดในบรรดาครึ่งเซียนทั้งหมด เขาแข็งแกร่งจนกระทั่งกล้าที่จะประกาศว่าสามารถฆ่าราชาอีกสามคนที่อยู่ที่นี่ได้อย่างง่ายดาย!
จากนั้นชายหนุ่มที่มีร่างกายสีเงินเหมือนโลหะได้บินออกจากเรือโบราณด้วยท่าทางสง่างาม ร่างของเขาร่อนลงบนผาขนนกและยืนอยู่ตรงข้ามราชาอสูรสวรรค์
ราชามนุษย์เคลื่อนไหวแล้ว!
ในอีกด้านหนึ่งหยินเทียนเต๋อปกปิดตัวตนของเขาเป็นอย่างดีและไม่เปิดเผยสิ่งใดให้คนภายนอกเห็น นั่นก็เพราะเขาเป็นผู้ลงมือสังหารเจิ้งเต๋อและแย่งชิงคัมภีร์เทพครึ่งหน้าไป
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้สถานการณ์ของเขาค่อนข้างเลวร้าย เพราะราชาคนที่สี่จากวิหารเต๋าโบราณเริ่มปลดปล่อยแรงกดดันออกมาและเห็นได้ชัดว่ากำหนดเป้าหมายมาที่เขา
“หยินเทียนเต๋อน่ากลัวมาก แม้ว่าเขาจะเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัดและกำลังจะล้มเหลว แต่ศัตรูของเขาคือราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค” หลี่เทียนอุทาน
“เขามีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว แต่กลับเลือกที่จะไม่ใช้มันเขาต้องการต่อสู้กับราชาผู้ยิ่งใหญ่ตัวต่อตัว”
เอี๋ยนอี้ซีกล่าว ในเวลานี้เขาถือเตาหลอมเซียนด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ เขาอยากมีความกล้าเหมือนหยินเทียนเต๋อที่ต่อสู้กับราชาผู้ยิ่งใหญ่โดยไม่ใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์
อี้ชิงอู่มีสีหน้าของนางสงบนิ่ง นางไม่กล่าวอะไรสักคำ ดวงตาของนางเหมือนน้ำค้างในฤดูใบไม้ร่วง ในขณะนี้นางกำลังจับจ้องสถานการณ์การรบโดยไม่ละสายตา
เย่ฟ่านไม่ได้กล่าวอะไรและเฝ้าดูการต่อสู้อย่างระมัดระวัง เขาต้องยอมรับว่าหยินเทียนเต๋อนั้นน่ากลัวมาก พลังศักดิ์สิทธิ์ที่คนผู้นี้แสดงออกมาสามารถสร้างแรงกดดันให้เขาไม่น้อย
แม้ว่าความแข็งแกร่งของหยินเทียนเต๋อจะเป็นรองราชาอีกสามคนอย่างเห็นได้ชัด แต่ด้วยอายุเพียงห้าสิบปีความแข็งแกร่งของเขาน่าทึ่งอย่างถึงที่สุด
ทันใดนั้น แสงศักดิ์สิทธิ์ที่พร่างพราวก็ส่องประกายขึ้นกลางสนามรบ ร่างของหยินเทียนเต๋อถูกกระแทกจนกระเด็นออกไปไกลหลายร้อยวาพร้อมกับเลือดที่สาดกระจายทุกทิศทาง
“ปัง”
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโยนชิ้นส่วนคัมภีร์ขึ้นไปกลางอากาศและถูกมือสีทองขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าแย่งชิงไป จากนั้นหยินเทียนเต๋อก็ใช้โอกาสนี้หลบหนีออกจากสนามรบอย่างรวดเร็ว
“แม้แต่หยินเทียนเต๋อที่ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็ยังพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ราชาผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง” หลี่เทียนถอนหายใจ
อี้ชิงอู่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “เจ้าไม่เข้าใจ…”
“หมายความว่าอย่างไร หรือเขาแค่แกล้งหลบหนีเท่านั้น?”
หลี่เทียนรู้เรื่องหยินเทียนเต๋อน้อยมาก เพราะคนๆ นี้น่ากลัวเกินไป และเขาเลือกที่จะหลีกเลี่ยงฝ่ายตรงข้ามมาโดยตลอด
“ยังมีราชาที่แข็งแกร่งอีกมากมายยังไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น ต่อให้หยินเทียนเต๋ออยู่ที่นี่เขาจะไม่มีทางได้รับอะไร” อี้ชิงอู่กระซิบอย่างแผ่วเบา
“ราชาแห่งแสง เศษชิ้นส่วนนั้นคือคัมภีร์โบราณของข้า”
เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความโกรธดังออกมาจากวิหารเต๋าโบราณ
ในวิหารเต๋าโบราณยังไม่มีใครปรากฏออกมา อย่างไรก็ตามค่ายกลสังหารของจักรพรรดิโบราณผู้ยิ่งใหญ่ที่โอบล้อมวิหารเต๋าโบราณเริ่มเคลื่อนไหว มันปลดปล่อยแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวให้กดทับสนามรบอย่างรุนแรง
“ไม่คิดว่าในโลกนี้จะยังมีคนจำข้าได้…”
หลังจากนั้นไม่นานราชาแห่งแสงได้ปรากฏตัวขึ้นในความว่างเปล่า เขาเป็นชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบปีที่สวมชุดสีขาวสว่างสดใส
อย่างไรก็ตามลักษณะท่าทางของเขาไม่ได้มีท่าทีของผู้บ่มเพาะที่เที่ยงธรรมแม้แต่น้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย ใบหน้าแสยะยิ้มอย่างโหดเหี้ยม รอบตัวของเขาโอบล้อมไปด้วยพลังแห่งความตายเข้มข้น
ในขณะเดียวกันร่างกายของเขาก็เริ่มปลดปล่อยแสงที่สว่างจ้าให้สาดส่องออกไปทุกทิศทาง
“ซ่า”
วิหารเต๋าโบราณสั่นสะเทือนยังแผ่วเบา จากนั้นชายชราที่สวมชุดนักพรตเก่าคร่ำคร่าก็ปรากฏตัวขึ้น
เสื้อคลุมของนักพรตของเขาล้าสมัยอย่างยิ่ง มันมีสัญลักษณ์หยินหยางที่ด้านหลังและภาพภูเขาแม่น้ำทางด้านหน้า
จากลักษณะเสื้อผ้าของเขาเพียงอย่างเดียวก็พอจะอนุมานได้แล้วว่าชายชราคนนี้จะต้องมีอายุหลายพันปีอย่างแน่นอน
“เจ้าคือนักนักพรตชิงกู่หรือ? เจ้าไม่ใช่ราชาแต่มีอายุถึงสามพันหกร้อยปี ข้าประหลาดใจจริงๆ ผู้คนมากมายบอกว่าเจ้าล่วงลับไปแล้ว แต่สุดท้ายเจ้ากลับยังมีชีวิตอยู่” ราชาแห่งแสงกล่าว
“ข้าเอง” นักพรตชิงกู่ยังคงมีท่าทางเฉยชา
“คืนนี้เป็นการชุมนุมของเหล่าผู้คนที่ถูกเล่าขานว่าตายไปแล้วทั้งสิ้น ข้าเคยได้ยินชื่อของพวกเจ้าทุกคนมานานแล้วยินดีที่ได้พบพาน” ราชาแห่งแสงกล่าวด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
อันที่จริงการชุมนุมของเหล่าราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งทุ่งดวงดาวจื่อเว่ยไม่เป็นที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด
พวกเขาทุกคนล้วนมาถึงจุดสิ้นสุดของชีวิตแล้ว มีเพียงการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะพวกเขาจึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
และคัมภีร์เทพโบราณฉบับนี้ว่ากันว่ามันคือเส้นทางที่จะนำพวกเขาไปสู่ความเป็นอมตะ ดังนั้นทุกคนจึงหอบสังขารของตัวเองออกมาจากโลงศพเพื่อช่วงชิงโชควาสนาเป็นครั้งสุดท้าย
ในระยะไกลอี้ชิงอู่และคนอื่นๆ กลั้นหายใจ พวกเขากำลังเฝ้าดูเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ที่เพียงพอจะสั่นสะเทือนโลกทั้งใบ
“น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของเรายังไม่เพียงพอ ไม่เช่นนั้นข้าจะต้องเอาคัมภีร์เล่มนี้มาให้ได้” หลี่เทียนกัดฟัน
“โอกาสกำลังจะมาถึงในไม่ช้า หยินเทียนเต๋อตัวจริงเคลื่อนไหวไปแล้ว มาเป็นหยินเทียนเต๋อคนที่สองกันเถอะ” เย่ฟ่านกล่าว
เขาวางเตาหลอมเซียนและวังกวงหานไว้ในฝ่ามือซ้ายและขวาตามลำดับ
ภายใต้แสงจันทร์ยามค่ำคืน หน้าผาขนนกอมตะถูกปกคลุมไปด้วยความเจิดจรัส ราชาผู้ยิ่งใหญ่หลายคนกำลังต่อสู้กัน
เขตแดนเทพ ศาสตร์ลับโบราณ และเครื่องหมายเต๋าโบยบินอยู่เหนือท้องฟ้า การต่อสู้ที่รุนแรงเพียงพอจะทำลายโลกทั้งใบเกิดขึ้นที่นี่
หลังจากที่นักพรตชิงกู่ปรากฏตัวออกมา เขาก็โบกมือและคว้าไปที่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจิ้งเต๋อ จากนั้นเขาก็เก็บวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นี้เข้าไปในขวดหยกชิ้นหนึ่ง
“นักพรตเจิ้งเต๋อคือหนึ่งในยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้ารู้จัก แต่น่าเสียดายที่เขาได้พบกับหยินเทียนเต๋อ ต่อให้เขาแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ไม่มีทางที่จะเอาตัวรอดได้!” เอี๋ยนอี้ซีกล่าว
ไม่นานมานี้พวกเขาทั้งหมดเห็นการหลบหนีของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจิ้งเต๋อด้วยตาของตัวเอง
“ยังมีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของใครอีกคนในขวดหยกนั้น แม้ว่ากลิ่นอายของเขาจะอ่อนแอกว่าหยินเทียนเต๋อเล็กน้อย แต่ก็สามารถต่อสู้กับราชาผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ได้หลายสิบกระบวนท่าอย่างแน่นอน” เย่ฟ่านกล่าว
“น่าจะเป็นนักพรตซานเชวีย” อี้ชิงอู่รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
“นักพรตซานเชวียเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ความลับสวรรค์ แต่เขายังไม่ทันได้บรรลุความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ไม่ใช่หรือ เขาไม่น่าจะเทียบราชาผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ได้?” หลี่เทียนเกิดความสงสัย
“เจ้าไม่รู้จักนักพรตซานเชวีย หากไม่ใช่ว่าหยินเทียนเต๋อปรากฏตัวออกมาป่านนี้เขาคงได้ชื่อว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของโลกไปแล้ว
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่บรรลุความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ แต่หากเขาไม่ตายไปก่อนเขาจะประสบความสำเร็จก่อนอายุร้อยปีอย่างแน่นอน…” อี้ชิงอู่เปิดเผยความลับที่น่าอัศจรรย์
“นักพรตซานเชวียเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ที่เกือบจะบรรลุความสำเร็จอันยิ่งใหญ่แล้ว และคัมภีร์ที่เขาเรียนรู้ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือคัมภีร์เทพโบราณครึ่งหน้านั้น
ก่อนหน้านี้ที่เราเห็นเจิ้งเต๋อและคิดว่าเขาเป็นนักพรตซานเชวียนั่นก็เพราะพวกเขาทั้งสองคนใช้ร่างกายเดียวกัน นักพรตเจิ้งเต๋อกำลังเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อบำรุงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของบุตรชายให้แข็งแกร่งมากกว่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของคนทั่วไป
การที่นักพรตชิงกู่ยอมปรากฏตัวขึ้นด้วยตัวเองสาเหตุก็เพราะเขาต้องการคัมภีร์อีกครึ่งหน้ามาส่งเสริมความสำเร็จของนักพรตซานเชวียนั่นเอง”
“ดูเหมือนข้าจะประมาทคนผู้นี้มากเกินไป…” เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจ
“ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเขา อย่างน้อยที่สุดกว่าที่เขาจะประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้มันจะต้องรออีกหลายสิบปี”