บทที่ 26: มนุษย์กระดาษ
บทที่ 26: มนุษย์กระดาษ
หยาวจิ่วหันไปมองเสียงโลลิที่เขาได้ยิน
ข้างหน้าเขา มีเด็กหญิงตัวเล็กๆ มอมแมมยืนอยู่
ใบหน้าที่เปื้อนฝุ่นโคลน ไม่สามารถปิดบังความงามตามธรรมชาติของนางได้เลย
หยางจิ่วมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนี้ และนึกถึงรูปลักษณ์ขอทานของหยูฉีหลัวอย่างอธิบายไม่ได้ อาจกล่าวได้ว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนี้น่าทึ่งยิ่งกว่ารูปลักษณ์ขอทานของหยูฉีหลัวซะอีก
(หยูฉีหลัว ตัวละครในเรื่อง อู๋ซินจอมขมังเวทย์ นะครับ ลองหาดู)
หยางจิ่วหยิบเศษเงินออกมาจากอกของเขา และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เก็บเงินไว้กินอาหารดีๆซะ"
"ขอบคุณท่านลุง ขอบคุณท่านลุง..." สาวน้อยคำนับหยางจิ่วครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นก็หันหลังและวิ่งหนีไป
หยางจิ่วยืนขึ้นพร้อมกับหาว เดินเข้าไปในร้านเย็บศพ และเห็นกานซือซือนอนหลับสนิท
เขาพบขวดยาและเริ่มปรุงยาด้วย ราชาโสม, ราชาเห็ดหลินจือ และราชาบัวหิมะ
เมื่อใช้ร่วมกับตัวยาอื่นๆ น่าจะสามารถควบคุมอาการของกานซือซือได้ชั่วคราว
เมื่อกานซือซือตื่นขึ้น ก็เป็นเวลาเย็นแล้ว
ทั้งสองไปที่ร้านบะหมี่ที่หันหน้าเข้าถนนเพื่อกินบะหมี่ และเมื่อพวกเขากลับไปที่ร้านเย็บศพอีกครั้ง ยาก็พร้อมแล้ว
"ขมไหม" ยาที่หยางจิ่วเป็นคนชงให้ก่อนหน้านี้ขมมากจนกานซือซืออยากตาย
หยางจิ่วเทยาลงในชามแล้วพูดว่า "ข้าจะบอกเจ้าว่า ยาในชามนี้หาซื้อยากมาก เจ้าต้องดื่มให้หมด ไม่ให้เหลือแม้แต่หยดเดียว"
กานซือซือขมวดคิ้ว จิบเบาๆ ใครจะรู้ว่า ยานี้ไม่เพียงแต่ไม่ขม แต่ยังมีกลิ่นดอกไม้จางๆ
"ข้าขอเพิ่ม" นางดื่มชามยาหมดอย่างรวดเร็ว
หยางจิ่วคว้าชามและพูดอย่างเหยียดหยาม: "พอแล้ว เก็บไว้ให้ข้าบ้าง"
หยางจิ่วเทยาที่เหลือในขวดยาเพียงครึ่งชาม แล้วดื่มในขณะที่ยังร้อนอยู่
"ชามนี้ข้า..."กานซือซือเตือนหยางจิ่วว่านางเพิ่งกินยาจากชามนี้ แต่หยางจิ่วดื่มไปแล้ว
เมื่อเห็นว่าหยางจิ่วไม่ได้รังเกลียดนางเลย จมูกของนางบูดบึ้ง แต่หัวใจของนางกลับอบอุ่น
หยางจิ่วจับชีพจรของกานซือซืออีกครั้ง และสถานการณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อเช้ามาก และสั่งทันที: "กลับไปพักผ่อนต่อ งดทำงานหนักสองสามวัน ยังไงซะ ชีวิตก็สำคัญที่สุด"
กานซือซือพยักหน้าและจากไปอย่างไม่เต็มใจ
ตกกลางคืน
เจ้าหน้าที่ตงฉ่างส่งศพของเด็กสาวให้หยางจิ่ว
มันคือศพเด็กหญิงมอมแมม นางคือเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่มาขอเงินกับหยางจิ่วในตอนเช้า
ถ้าสาวน้อยคนนี้สามารถเติบโตอย่างปลอดภัยและแต่งตัวดีๆ นางจะต้องสวยกว่าดารายอดนิยมอย่าง หยูฉีหลัวในปัจจุบันเป็นร้อยเท่าอย่างแน่นอน
ช่างน่าเสียดาย
บนคอของเด็กหญิงตัวเล็กๆ มีรอยมีดชัดเจน ซึ่งมองเห็นได้ลึกลงไป และเลือดที่ไหลออกมา ก็เปียกโชกเสื้อผ้าบนหน้าอกของนาง
หยางจิ่วปิดประตู ล้างมือและเผาเครื่องหอม จุดธูป
แต่ธูปที่เพิ่งจุดดับก่อนจะหันกลับมาจัดการศพ
หยางจิ่วขมวดคิ้ว รู้สึกแย่มาก
เขาหยิบเทียนขึ้นมาจุดธูปอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะวางเชิงเทียน ธูปที่ลุกโชนก็ดับอีกครั้ง
ศพสิบแปดศพที่ถูกเย็บ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอสถานการณ์แบบนี้
เคยแต่ได้ยินเรื่องผีเป่าโคม แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องผีเป่าธูป
"ข้าสวยไหม" ทันใดนั้นเสียงที่เยือกเย็นและเย็นชาก็ดังมาจากด้านหลัง
หยางจิ่วหันกลับมาช้าๆ และเห็นว่าร่างของเด็กหญิงตัวเล็กๆ ซึ่งนอนอยู่บนโต๊ะเย็บผ้านั้นลอยขึ้นจริง ๆ อ้าแขนของนาง และแสดงให้เขาเห็นด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาและเจ้าเล่ห์
ศพ?
ไม่ ไม่ ไม่ นี่มันไม่เหมือนศพ
ศพคนตายแข็งกระด้าง แต่นี่ลอยไปมาในอากาศ ผีหลอกงั้นเหรอ?
หยางจิ่วเฝ้าดูอย่างตั้งใจ และในไม่ช้า เขาก็ค้นพบเงื่อนงำ
มีเส้นไหมที่พันรอบแขนของเด็กหญิงตัวเล็กๆ และปลายอีกด้านหนึ่งผูกโดยตรงกับคานหลังคา
ไม่แปลกใจเลยที่สาวน้อยต้องอ้าแขนออก ไม่อย่างนั้น นางจะใช้เส้นไหมแขวนคอตัวเองกลางอากาศได้อย่างไร?
ผีดิบและภูตผีปีศาจไม่ทำเรื่องแบบนี้ คนที่มีชีวิตเท่านั้นที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้
เมื่อเห็นว่าหยางจิ่วดูไม่สะทกสะท้าน ดวงตาของเด็กหญิงตัวน้อยก็ลุกลี้ลุกลนอย่างอธิบายไม่ได้
หยางจิ่วหยิบดาบดื่มหิมะจากด้านหนึ่ง ดึงออกมาช้าๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: "ข้าขอบอกนะ น้องสาวตัวน้อย ข้าอุตสาห์ให้เงินเจ้าเพื่อซื้ออาหารด้วยความกรุณา แต่เจ้ามาทำให้ข้าตกใจ นี่ถือเป็นการแก้แค้นงั้นหรือ?”
ซัวซัว
หยางจิ่วเหวี่ยงดาบของเขาสองครั้งติดๆ กัน และแสงของดาบก็กวาดไปตัดเส้นไหมที่ห้อยคอสาวน้อยอยู่
"แม่จ๋า" เด็กหญิงตัวเล็กล้มลงบนโต๊ะเย็บผ้าเสียงดังโครมครามและร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
หยางจิ่วชี้ไปที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ พร้อมกับมีด และถามอย่างโกรธๆ ว่า "บอกข้าสิ ทำไมเจ้าถึงมาที่ร้านเย็บศพ เพื่อเล่นกลเช่นนี้"
เด็กหญิงตัวเล็กๆ มองหยางจิ่วอย่างท่าทางน่าสงสาร
ท่วงท่าแบบนั้น ท่าทางแบบนี้ ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะเอ็นดูนาง
หยางจิ่ว : "เงยหน้าขึ้น"
เด็กหญิงตัวเล็กๆ กลัวดาบในมือของหยางจิ่วมาก และเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่อฟัง เผยให้เห็นคอที่สกปรกของนาง
รอยแผลที่คอ ไม่ใช่ของปลอมอย่างแน่นอน
เป็นไปได้อย่างไร?
คอถูกตัดลึก จนไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ แต่ความจริงคือ เด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนี้ ยังมีชีวิตอยู่
เมื่อหยางจิ่วคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเห็นบาดแผลที่คอของเด็กหญิงตัวเล็กๆ และมีเลือดไหลออกมา
"ทานลุง ช่วยหนูด้วย..." สาวน้อยรีบจับคอตัวเองด้วยมือทั้งสองข้าง ดิ้นทุรนทุรายอยู่บนโต๊ะเย็บผ้า
หยางจิ่วยื่นมือออกไปเพื่อเช็ดดวงตาของเขา และภายใต้ดวงตาหยินหยาง เขาเห็นชายกระดาษบนตัวเด็กหญิงตัวเล็กๆ ถือมีดตัดกระดาษและเชือดคอของเด็กหญิงตัวเล็กๆ อย่างบ้าคลั่ง
หยางจิ่วไม่มีเวลาคิด เขาะเอื้อมมือไปคว้าตุ๊กตากระดาษ แต่ก็เปล่าประโยชน์
ลูกตาของสาวน้อย เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวแล้ว ข้าเกรงว่านางจะอยู่ได้ไม่นาน
จู่ๆ หยางจิ่วก็จำทักษะทำเครื่องกระดาษได้ ทันใดนั้น เขาหยิบกระดาษติดไฟออกมาจากใต้โต๊ะเย็บศพ ตัดเป็นรูปแบบคนกระดาษให้เร็วที่สุด จากนั้นกัดนิ้วแล้วจ้องไปที่คนกระดาษตัวเล็ก
คนกระดาษตัวเล็กๆ ในมือของหยางจิ่วส่ายหัว มันดูน่ารักมาก
หยางจิ่วพับกระดาษเป็นรูปดาบ แล้วให้คนกระดาษตัวเล็กๆ เขาโยนคนกระดาษตัวเล็กไปที่เด็กหญิงตัวน้อย แล้วสั่ง: "ฆ่าตุ๊กตากระดาษตัวนั้นซะ"
คนกระดาษตัวเล็กเชื่อฟังดี มันพบหัวใจของตุ๊กตากระดาษ มือทั้งสองถือดาบและฟันมันอย่างแรง
ตุ๊กตากระดาษที่กดทับเด็กหญิงตัวน้อยหยุดเคลื่อนไหว เมื่อดาบฟันโดนมันขาด
คนกระดาษกระโดดขึ้นลงบนโต๊ะเย็บศพอย่างมีความสุข
ตุ๊กตากระดาษถูกฆ่าตาย และเด็กหญิงตัวน้อย นอนราบอยู่บนโต๊ะเก็บศพ หายใจหอบอย่างหนัก และบาดแผลที่คอของนางกำลังถูกรักษาอย่างรวดเร็ว
หยางจิ่วสั่งอีกครั้ง: "เอาตุ๊กตากระดาษที่ปิดเด็กสาวออกไป"
คนกระดาษตัวเล็กโยนดาบกระดาษทิ้งไป จับตุ๊กตากระดาษด้วยมือทั้งสองข้าง และใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อดึงตุ๊กตากระดาษ
หลังจากดึงตุ๊กตากระดาษออกจากเด็กหญิงตัวน้อยแล้ว นางก็พลิกตัวทันที กระโดดลงจากโต๊ะเย็บศพคุกเข่าลงและโค้งคำนับ: "ขอบคุณท่านลุงที่ช่วยชีวิตหนู ขอบคุณท่านลุงที่ช่วยชีวิตหนู..."
หยางจิ่วทำลายตุ๊กตากระดาษตัวเล็กๆ ช่วยเด็กหญิงตัวน้อย และถามด้วยรอยยิ้ม "เจ้าชื่ออะไร?"
"เว่ยอวี่เหยียน" สาวน้อยตอบอย่างเขินอาย
หยางจิ่วพูดด้วยรอยยิ้ม: "ดอกไม้หล่วงหล่นอย่างเสรี เว่ยอวี่เหยียน(นกนางแอ่น) โบยบินไปด้วยกัน ชื่อนี้ดีมาก"
"ท่านลุง ท่านมีพลังมาก ช่วยหนูด้วย ช่วยหนูด้วย..." เหวยยู่เหยียนร้องไห้ด้วยน้ำมูกและน้ำตา
ตุ๊กตากระดาษถูกนำออกไปแล้ว แต่ยังกลัวอยู่หรือ?
หยางจิ่วรู้ว่า เว่ยอวี่เหยียนกลัวคนที่วางตุ๊กตากระดาษบนร่างกายของนางมาก
ผู้ชายคนนั้นสามารถใช้ตุ๊กตากระดาษบงการผู้คนได้ และเขาก็มีเล่ห์กลบางอย่างจริงๆ
หยางจิ่วคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพูดว่า: "ยู่เหยียน คืนนี้เจ้านอนที่นี่ก่อน แล้วเราจะหารือเกี่ยวกับแผนระยะยาวในวันพรุ่งนี้"
เว่ยอวี่เหยียนพยักหน้าอย่างมีความสุข และปีนขึ้นไปบนเตียงของหยางจิ่วอย่างไม่มีพิธีรีตอง
โดยธรรมชาติแล้ว หยางจิ่วจะไม่เอาเปรียบเด็กสาวอายุสิบสองหรือสิบสามปี เขาย้ายเก้าอี้ พิงผนังและผล็อยหลับไป
เว่ยอวี่เหยียนนอนหลับสนิท เมื่อหยางจิ่วถูกปลุกด้วยเสียงไก่ขัน เขาก็เห็นนางนอนราบอยู่บนเตียงหายใจสม่ำเสมอ
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ก็รู้สึกมันไม่เป็นความจริง
ปัง ปัง ปัง
รุ่งเช้า เว่ยอวี่เหยียนถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงเคาะประตู