บทที่ 107 รางวัลของตระกูลหลิว
หลังจากสังหารสองคนนี้แล้วหลินเป้ยก็ดูเฉยชา
หลินเป้ยในปัจจุบัน ไม่ใช่คนที่สามารถถูกรังแกได้แบบเมื่อก่อนแล้ว
ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งขอเขาจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และสัตว์อสูรก็จะเติบโตมากขึ้น
ดังนั้นหลินเป้ยมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
แม้ว่าผู้คนจากกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิตจะมา ตราบใดที่หลินเป้ยมีเงิน เขาก็จะไม่กลัว!
มีข่าวลือว่า กลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิต มีผู้เชี่ยวชาญมหาปรมาจารย์นักรบ 3 คน
ตราบเท่าที่ 3 คนนี้ถูกสังหาร กลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิตที่เหลือ ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว
หลังจากที่หลินเป้ยฆ่าตู้ไคและหลู่เทียน เขาก็ค้นสมบัติของทั้งคู่
แม้ว่าการตายของหลู่เทียนจะเละเทะเล็กน้อย แต่หลินเป้ยก็ไม่รังเกียจความมั่งคั่งของเขา
ทั้งผู้อาวุโสโม่และหญิงสาว ต่างก็หยุดดูพฤติกรรมของหลินเป้ย
"ว้าว! เงินเยอะมาก!" หลังจากค้นสมบัติ หลินเป้ยดูตื่นเต้นมาก
ในฐานะผู้นำะดับสูงสองคนของนิกายเทียนไห่ พวกเขามีความมั่งคั่งมากมายโดยธรรมชาติ
ตู้ไคมีมากกว่า 1.3 ล้าน ตำลึง สาวนหลู่เทียน ซึ่งเป็นเจ้าสำนักนิกายเทียนไห่ มีเงินสดมากกว่า 6.4 ล้าน ตำลึง
อาจกล่าวได้ว่า ความมั่งคั่งจำนวนมากที่สะสมโดยนิกายเทียนไห่ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตกอยู่ในมือของหลินเป้ย
ทรัพย์สินของนิกายต้องมีมากกว่านี้แน่ แต่หลินเป้ยไม่สามารถนำอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากมาเปลี่ยนเป็ยเงินสดได้ง่าย มันค่อนข้างยุ่งยาก
ตอนนี้สิ่งที่หลินเป้ยทำได้คือ ค้นความมั่งคั่งส่วนตัวของสองคนนี้
ยังมีของมีค่าอื่นๆ อีก แม้ว่าหลินเป้ยจะขายในตลาดมืด พวกมันก็มีมูลค่ากว่า 800,000 ตำลึง และเขาก็ยึดพวกมันทั้งหมด
ไม่คาดคิดว่าจะมีการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ หลินเป้ยอารมณ์ดีมาก
ไม่น่าแปลกใจที่คนจำนวนมากชอบสังหารคนและได้รับเงินมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หลินเป้ยอยากรู้ว่ากลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิต มีความมั่งคั่งมากแค่ไหน?
หลินเป้ยใส่ทุกอย่างลงในพื้นที่จัดเก็บ
ผู้อาวุโสโม่และหญิงสาว ไม่รู้ว่าหลินเป้ยได้มาเท่าไร
พวกเขาเห็นว่าหลังจากที่หลินเป้ยค้นศพแล้ว เขาก็รีบใส่มันลงในช่องเก็บของโดยตรง
หากผู้อาวุโสโม่รู้ว่า หลินเป้ยทำเงินได้มากกว่า 7 ล้าน ตำลึงในคราวเดียว บางทีผู้อาวุโสโม่ก็คงอดไม่ได้ที่จะปล้นหลินเป้ยบ้าง
ในขณะเดียวกัน เขาก็กลัวหุ่นเชิดของหลินเป้ยอย฿่เหมือนกัน แม้ว่าเขาจะอยู่ในขอบเขตมหาปรมาจารย์นักรบขั้น 10 แต่ผู้อาวุโสโม่ ก็รู้สึกถึงภัยคุกคามเพียงเล็กน้อยจากหุ่นเชิดนี้
หุ่นเชิดที่แลกเปลี่ยนโดยระบบ ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมาก แข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากในระดับเดียวกัน
หลินเป้ยชำเลืองมองไปที่ผู้อาวุโสโม่และหญิงสาว และพบว่าทั้งสองไม่มีความตั้งใจที่จะทำอะไรกับเขา
หลินเป้ยไม่พูดอะไร และขึ้นขี่หลังของเสี่ยวเฮยจากไปโดยตรง
แต่เนื่องจากพลังงานของหุ่นเชิดตัวนี้ยังไม่หมดลง มันจึงยังคงอยู่และปกป้องที่นี่
หลินเป้ยแอบสั่งว่า ถ้าสองคนนี้ตามมา ให้หุ่นเชิดหยุดพวกเขา
"ผู้อาวุโสโม่ ไปกันเถอะ กลับไปที่เมืองถงไห่ก่อน และไปเมืองชิงหลินในอีกสองวันข้างหน้า ข้าเชื่อว่าหลังจากสองวัน คนส่วนใหญ่ในเมืองชิงหลิน น่าจะรู้เกี่ยวกับการยกเลิกสัญญาหมั่นหมายของข้าจากตระกูลหลิน" หญิงสาวกล่าวของมา
นางยังคงประเมินชายหนุ่มผู้นี้ต่ำเกินไป นางนึกไม่ถึงว่าเขาจะมีวิธีการแบบนี้
ไม่น่าแปลกใจที่เขามั่นใจและปฏิเสธข้อเสนอของนาง เพราะชายหนุ่มเอง ก็มีความสามารถในการแก้ปัญหานี้เช่นกัน
อาณาจักรชิงหยางกว้างใหญ่ ย่อมพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน แม้ว่าพื้นฐานการบ่มเพาะของหลินเป้ยจะไม่สูงมาก แต่หลินเป้ยก็ไม่ง่ายเลยที่จะฝึกราชาหมาป่าสีครามระดับ 3 ขั้น 9 ให้เชื่อง
“ตกลง คุณหนูเฟิง” ผู้อาวุโสพยักหน้า
ผู้หญิงคนนี้คือคู่หมั้นของหลินเป้ย, เฟิงซินหยู
ไม่น่าแปลกใจที่นางไปถึงขั้น 7 ของปรมาจารย์นักรบ ตั้งแต่อายุยังน้อย
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายไม่เคยพบกันมาก่อน และเฟิงซินหยูไม่ต้องการรู้ว่าหลินเป้ยหน้าตาเป็นอย่างไร
ดังนั้นนางจึงไม่เห็นรูปเหมือนของหลินเป้ย และพวกเขาย่อมไม่รู้จักกันเมื่อเพิ่งพบกัน
สำหรับหลินเป้ย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีคู่หมั้นมาก่อนด้วยซ้ำ
ทูตของตระกูลเฟิงที่ส่งข่าวนั้น แท้จริงแล้วเป็นปรมาจารย์นักรบที่แข็งแกร่ง ซึ่งถูกจ้างโดยเฟิงซินหยู ด้วยราคา 3,000 ตำลึงเพื่อส่งข้อความ
หลังจากภารกิจเสร็จสิ้น ความร่วมมือก็จะสิ้นสุดลงทัันที
ในตอนเย็น ในที่สุดหลินเป้ยก็กลับมาที่เมืองชิงหลิน
หลังจากเข้าไปในเมืองชิงหลิน แล้วหลินเป้ยก็พบว่ามีคนกลุ่มใหญ่กำลังพูดคุยอะไรบางอย่างที่กระดานข่าว
มีคนเกือบ 200 คนอยู่ที่นั่นและดูเหมือนว่ามีข่าวใหญ่
“เกิดอะไรขึ้น ที่นั่นมีชีวิตชีวามากเลย”หลินเป้ยสงสัยและคิดว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
เมื่อเขาออกจากเมืองชิงหลินในวันนี้ เขาไม่เห็นว่ามันจะมีชีวิตชีวาขนาดนี้เลย
“คุณหนูสองของตระกูลหลิวป่วยอีกแล้ว ตอนนี้ตระกูลหลิวกำลังเสนอรางวัล ใครก็ตามที่สามารถรักษาคุณหนูสองของตระกูลหลิวได้ สามารถเลือกสมบัติสามชิ้นจากคลังสมบัติของตระกูลหลิวและจะมีรางวัล 2 ล้านตำลึง”
"อะไรนะ ตระกูลหลิวมีคุณหนูสองจริงๆ เหรอ ข้าได้ยินมาแค่ว่าผู้นำตระกูลหลิวมีบุตรชายคนโตหลิวหลัวและบุตรสาวหลิวเหยียน ทำไมคุณหนูสองคนนี้ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย" มีคนถาม
หลายคนยังไม่รู้ถึงการมีตัวตนของคุณหนูสองผู้นี้
“ข้าได้ข่าวซุบซิบมาบ้าง มีบุตรสาวคนที่สองในตระกูลหลิวด้วย แต่เพราะนางอ่อนแอและป่วยตั้งแต่ยังเด็ก นางจึงไม่ค่อยได้ออกไปไหน หลายคนไม่รู้จักนาง อย่างไรก็ตาม ข้าได้ยินมาว่า นางสวยมาก และรูปร่างหน้าตาของนาง ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณหนูหลิวเหยียนเลย”
"ดูเหมือนว่าความเจ็บป่วยนี้จะไม่ง่าย มีรางวัลสูงขนาดนี้ ตั้ง 2 ล้านตำลึง ข้าไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต แม้แต่ 200,000 ตำลึง ข้าก็ไม่รู้ว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร"
ทันทีที่หลินเป้ยเข้ามาใกล้ เขาก็ได้ยินผู้คนพูดคุยกันที่นี่ และเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เสี่ยวเฮยถูกเก็บในบ้านสัตว์อสูร ก่อนที่หลินเป้ยจะเข้าสู่เมืองชิงหลิน
เขาไม่อยากยุ่งยาก ตั้งแต่การต่อสู้ครั้งล่าสุดกับโจวหยวน หลายคนก็รู้จักหลินเป้ยแล้ว
เมื่อมองไปที่เงินรางวัล หลินเป้ยรู้สึกประทับใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาเพิ่งได้รับมากกว่า 7 ล้านตำลึง
เงินจำนวนนี้ หลินเป้ยจำเป็นต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของเขา และฝึกฝนสัตว์อสูรจำนวนมาก
ทุกอย่างต้องใช้เงิน และเงินจำนวนนี้ เพียงพอที่จะสนับสนุนเขาได้ไม่นาน
สำหรับเงินแน่นอน ยิ่งมากยิ่งดี
หลินเป้ยมีระบบที่สามารถสแกนสาเหตุของโรค และวางแผนการรักษาได้
นอกจากนี้ ตระกูลหลิวได้หยั่งรากลึกในเมืองชิงหลินมานานหลายทศวรรษ ดังนั้นต้องมีของดีอยู่ในคลัง อาจจะมีโอสถที่หายาก
ในระบบห้างสรรพสินค้าสามารถแลกเปลี่ยนได้เฉพาะโอสถสำเร็จรูป แต่เมล็ดสมุนไพร ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้
ในเรื่องนี้หลินเป้ยรู้สึกว่า ระบบมีข้อบกพร่องมาก!
หากระบบไม่ให้เมล็ดสมุนไพรแก่เขา หลินเป้ยจะไม่สามารถปลูกมันในระบบไร่นาเซียนได้
แม้ว่ายาแก้โรคทุกชนิดที่ปรุงเสร็จแล้ว จะมาพร้อมกับเมล็ดของมันเองเมื่อตอนขาย แต่เมล็ดเหล่านั้นเป็นเมล็ดที่ตายแล้ว ไม่สามารถเติบโตได้
ระบบมีความรอบคอบมาก
สิ่งของในระบบมีราคาแพงมากกว่าภายนอก ไม่จำเป็น เขาจะไม่ซื้อของจากระบบ
ดังนั้นเมล็ดของสมุนไพรที่หลินเป้ยต้องการ จึงต้องซื้อจากร้านว่านเป่าได้เท่านั้น
หลินเป้ยซื้อเมล็ดหยางหยุนก่อนหน้านี้จากร้านว่านเป่า
ดังนั้น หากเขาต้องการปลูกอะไรสักอย่าง ก็จำเป็นต้องได้รับเมล็ดพันธุ์จากโลกภายนอก
หลินเป้ยตั้งใจจะกลับบ้านและพักผ่อนในคืนนี้ และพรุ่งนี้เขาก็จะไปที่ตระกูลหลิว
