นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 132 - กัสตรา
กัสตรา! เขาเคยเป็นมนุษย์ธรรมดาที่อาศัยอยู่ในฐานที่มั่นคนหนึ่ง แต่เป็นมนุษย์ธรรมดาที่พันธุกรรมของเขาไม่มีศักยภาพในการพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นได้เลย
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่ได้รับการคัดเลือกจากสถาบันให้เข้ารับการปลูกถ่ายชิ้นส่วนจีโนม ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลจะเกณฑ์เด็กวัยรุ่นอายุ 16 ปีมาจากทุกครอบครัวในฐานที่มั่นเพื่อทำการฝึกฝน แต่มันก็มีมาตรฐานขั้นต่ำของศักยภาพอยู่ ผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะไม่ผ่านการปลูกถ่ายอย่างแน่นอน จะไม่ได้รับโอกาสแม้แต่จะลองเลยด้วยซ้ำ
ถึงแม้ว่าจะมีเปอร์เซ็นต์ไม่มากนัก แต่ก็มีคนอยู่จำนวนหนึ่งที่พันธุกรรมของพวกเขาไม่มีศักยภาพในการพัฒนาต่อได้เลย หลังจากที่ทางสถาบันตรวจสอบรหัส และแผนที่ทางพันธุกรรมของพวกเขาแล้ว ก็จะคัดคนพวกนี้ออกไปทันที ทางรัฐบาลจะไม่ยอมสิ้นเปลืองทรัพยากร กับคนที่รู้ว่าไม่มีทางผ่านกระบวนการซีโนกราฟได้ เพราะกระบวนการปลูกถ่ายในแต่ละครั้ง มีค่าใช้จ่ายที่สูงอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
และกัสตราไม่ยอมรับกับชะตากรรมแบบนี้ เขาต้องการเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง ผู้ที่ทรงพลังของโลกใบนี้ ความทะเยอทะยานนี้นำเขาพุ่งไปสู่วิธีการดูดซับชิ้นส่วนจีโนมเข้าไปโดยตรง เพราะมันเป็นความหวังเดียวสุดท้ายของเขาในตอนนั้นแล้ว
หลังจากที่เขารอดชีวิตมาจากกระบวนการที่โหดร้ายเพียงไม่กี่ปี ชีวิตของเขาก็เริ่มกลายเป็นตามที่หวังเอาไว้ กัสตราการเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่แข็งแกร่ง เป็นผู้ที่ครอบครองอาณาเขตพื้นที่บริเวณรอบ ๆ นี้อยู่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเหมือนกับราชาของดินแดนที่รกร้างว่างเปล่า แต่ในความรู้สึกของเขา มันดีกว่าการมีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ แบบคนธรรมดามากนัก
ความแข็งแกร่งของกัสตราในตอนนี้ ใกล้ที่จะสามารถยกระดับตัวเองให้สูงขึ้นไปอีกขั้นได้แล้ว แต่เพื่อที่จะยกระดับความแข็งแกร่ง เขาต้องการตัวกระตุ้นที่มีประสิทธิภาพ นั่นคือเลือด! เลือดของมนุษย์ที่ทรงพลัง เลือดที่มีความเข้มข้นของพลังงานอยู่ในระดับสูง มันจะดีมากถ้าเขาหาเลือดของเฟสเซอร์ได้ แต่สไปรเยอร์ระดับสูง ก็ยังพอที่ใช้จะทดแทนกันได้
การที่ทางสถาบันจัดการแข่งขันนี้ขึ้นมา เป็นโอกาสทองที่เขาจะรวบรวมเลือดได้สำเร็จอย่างง่ายดายทีเดียว
ความแข็งแกร่งของกัสตรานั้นสูงกว่าที่ทางสถาบันยอมรับได้ ตามปกติแล้ว เมื่อสแกนพบกันสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่ปล่อยรังสีออกมาเกิน 100 หน่วย ทางสถาบันจะส่งคนมากำจัดไปก่อนล่วงหน้า เพราะมันจะเป็นอันตรายต่อนักเรียนใหม่เป็นอย่างมาก มีพวกเขาจำนวนไม่มากนักที่จะรับมือกับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่แข็งแกร่งระดับนี้ได้
แต่กัสตรานั้นมีห้องลับที่สร้างจากโลหะสุญญากาศ มันทำให้เขาสามารถหลบรอดจากการตรวจสอบนั้นไปได้ และหลังที่กบดานเงียบอยู่เป็นระยะเวลานาน เขาก็ออกมาทำการล่าในที่สุด เมื่อรับรู้ว่าเหยื่อจำนวนมากได้มาถึงที่เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะนักเรียนหญิงที่เขากำลังล้อมจัดการอยู่นี้ เป็นสไปรเยอร์ที่มีเลือดที่มีความเข้มข้นสูงมากตรงตามความต้องการ เขาไม่ยอมพลาดโอกาสแบบนี้แน่!
การปรากฏตัวขึ้นมาของเดวิด ทำให้กัสตราตกใจ และตื่นตระหนกไม่น้อยเลยทีเดียว ในแวบแรก เขาคิดว่าลิสเธอร์เป็นเหยื่อล่อที่ทางสถาบันวางเอาไว้ เพื่อล่อให้เขาออกมาจากที่ซ่อน เพราะนักเรียนที่เพิ่งโผล่เข้ามา ดูเหมือนว่าจะทรงพลังมากกว่าคนที่พวกเขาล้อมกรอบอยู่เสียด้วยซ้ำ
นั่นทำให้เขาต้องถอยหลังกลับไปหลายก้าว ก่อนจะมองสำรวจไปรอบตัวอย่างระแวดระวัง พยายามมองหากลุ่มคนที่หลบซ่อนอยู่ กัสตราคิดว่าตัวเองอาจจะถูกซุ่มโจมตีจากกลุ่มนักเรียนจำนวนมากแล้ว
แต่หลังจากที่เขาสำรวจจนแน่ใจ ว่าไม่มีใครอื่นอยู่ในบริเวณนี้อีก ไม่มีกองกำลังลับใด ๆ มีเพียงเหยื่อที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอีก 1 คนเท่านั้น กัสตราก็หันมามองสำรวจเดวิดกับลิสเธอร์อย่างสนใจอีกครั้ง
แววตาของเขานั้นเย็นชา แต่มันเต็มไปด้วยความยินดี ประกายแห่งความโลภภายในแววตานั้น มันไม่ได้ถูกปกปิดไว้เลยแม้แต่นิดเดียว
กัสตราหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็นชั่วร้าย “น่าสนใจมาก! ไม่นึกเลยว่าวันนี้ข้าจะโชคดีอย่างนี้ มีเหยื่อที่ดีโผล่ออกมาให้จัดการถึง 2 ตัวพร้อมกันเลยทีเดียว”
ลิสเธอร์พิงหลังของตัวเองเอาไว้กับต้นไม้ใหญ่ มีอาการหายใจหอบถี่ แขนข้างหนึ่งได้รับบาดเจ็บ มีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่สีหน้าของเธอยังเรียบเฉย ไม่มีอาการตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวใด ๆ ทั้งสิ้น สายตาจับจ้องอยู่ที่การเคลื่อนไหวของมนุษย์กลายพันธุ์ที่ล้อมตัวเองไว้อย่างระมัดระวัง คิดหาวิธีตอบโต้ที่เหมาะสมกับสถานการณ์อยู่ในหัว
นั่นเป็นก่อนที่เดวิดจะบุกเข้ามาอย่างคาดไม่ถึง เมื่อลิสเธอร์เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนที่ปรากฏตัวเข้ามาคือใคร ลมหายใจของเธอนั้นหยุดชะงักไปชั่วครู่ สีหน้าปรากฏอาการประหลาดใจ และครุ่นคิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ก็เป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น สีหน้าท่าทางของเธอกลับมาเรียบเฉยอีกครั้ง ราวกับว่ามันไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาก่อนเลย
และโดยไม่สนใจกับคำพูดของกัสตรา ลิสเธอร์เอ่ยถามเดวิดสั้น ๆ “ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่?” น้ำเสียงนั้นเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ไม่สามารถจับความรู้สึกใด ๆ ในคำพูดนั้นได้เลย ถ้าเกิดมีคนนำน้ำเสียงไปเปรียบเทียบกัน จะพบว่าเสียงของลิสเธอร์นั้นเย็นชาเสียยิ่งกว่าเสียงของมนุษย์กลายพันธุ์เสียอีก
แต่น้ำเสียงนั่นกลับทำให้เดวิดมีอาการร้อนรุ่มขึ้นมาแทน เขาสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะพยายามรักษาท่าทีของตัวเองอย่างเต็มที่ เขารู้ตัวดี การควบคุมสติของตัวเองไม่ให้กระเจิงไป ตอนที่อยู่ต่อหน้าของผู้หญิงคนนี้ เป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่ง แต่เดวิดไม่รู้ถึงเหตุผลเลยแม้แต่นิดเดียว ว่ามันเป็นเพราะอะไร?
“พอดีฉันได้ยินเสียงเหมือนต้องการความช่วยเหลือของผู้หญิงน่ะ! สุภาพบุรุษอย่างฉันก็เลยต้องรีบเข้ามาดูสักหน่อย” เดวิดเงยหน้าขึ้นจ้องเข้าไปที่ดวงตาคู่สวยของเธออย่างตั้งใจ
ลิสเธอร์ชะงักไปอีกครั้ง ก่อนที่จะสบตาตอบเดวิดอย่างตั้งใจ ดวงตาของทั้งคู่ประสานกันอยู่นานเกือบ 2 วินาที ก่อนที่เธอจะถอนสายตาของตัวเองกลับไป
เมื่อเห็นว่าตัวเองถูกละเลย แทนที่กัสตราจะโกรธ เขากลับหัวเราะออกมาเบา ๆ แทน การที่เหยื่อของเขาแสดงอาการอย่างนี้ออกมา มันเป็นเรื่องที่น่าขบขันมากสำหรับเขา ทั้ง 2 คนนี้ยังไม่รู้ตัวอีก ว่าวันนี้ไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของเขา ไม่มีทางหนีรอดจากความตายไปได้แน่
และเขาไม่มีเวลาที่จะมาโกรธหรือโมโหอะไรด้วย การอยู่ในพื้นที่เปิดเผยแบบนี้เป็นอันตรายมาก กัสตราต้องการจัดการเรื่องให้เสร็จสิ้นลงไปอย่างรวดเร็วที่สุด และกลับไปอยู่ในที่ซ่อนของตัวเอง เพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัย ในกรณีที่ทางสถาบันตรวจสอบพื้นที่แห่งนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน
กัสตราตวาดเสียงดังออกไป “หยุดพูดไร้สาระ เตรียมตัวตายกันได้แล้ว!” สายตาของเขาที่จ้องมองทั้งคู่เต็มไปด้วยความเลือดเย็น กัสตราถึงกับกล่าวให้ทางเลือกออกมาอีก
“ถ้าพวกแกยอมแพ้ตอนนี้ ข้าจะพยายามทำให้มันเป็นการตายที่ไม่เจ็บปวด แต่ถ้าขัดขืน ก็อย่ามาโทษว่าข้าโหดร้ายก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินทางเลือกที่น่าตลกเหล่านั้น เดวิดก็ได้แต่ยิ้มเย้ยหยันออกมา
“ถ้าฉันได้ยินมาไม่ผิด พวกมนุษย์ที่มีพรสวรรค์ต่ำต้อย ยอมกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์เพราะต้องการความแข็งแกร่งที่มากขึ้น นั่นแสดงว่าพวกแกก็มีพันธุกรรมที่อ่อนแอ มีพรสวรรค์ที่ต่ำต้อยด้วยใช่มั้ย?” เขาหยุดหัวเราะสั้น ๆ ก่อนจะกล่าวต่อ
“ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่าพวกแกรอดมาได้อย่างไร? แข็งแกร่งขึ้นมาถึงขนาดนี้ได้ยังไง? แต่ก็เท่านั้นแหละ นี่มันสุดทางที่พวกแกจะเดินได้แล้ว ไม่มีทางที่จะแข็งแกร่งกว่านี้ไปได้อีกหรอกน่า เอาเป็นว่า พวกแกช่วยทำประโยชน์ให้กับมนุษยชาติเป็นครั้งสุดท้ายจะดีกว่า จบชีวิตที่อนาถาของตัวเองลงที่นี่เสียเลย” เขาส่ายหัวเบา ๆ อย่างเห็นใจ
และเดวิดยังพูดไม่จบ “ฉันก็รับรองกับพวกแกได้เหมือนกัน ว่ามันจะไม่เจ็บปวดเลยแม้แต่นิดเดียว..” เสียงที่นุ่มนวลของเขาดังขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับแววตาที่กลายเป็นแข็งกร้าวขึ้นมาอย่างฉับพลัน