ตอนที่ 9 – เจ้าสัตว์อสูรที่ไม่น่ารักเลยสักนิด
เศษอาหารที่เหลือจากพวกผู้ฝึกตนจะถูกนำไปเลี้ยงสัตว์อสูรต่อ.
เวิ่นจีฮ่าวจึงอาสาช่วยยกตะกร้าเศษอาหารให้. เขาไปกับตาถังด้วยดาบบินของเขาอีกเช่นเคย. ทั้งสองใช้ทางสำหรับพวกบ่าวหลังตำหนักใหญ่. ทางทางนี้ถูกปิดบังไว้ด้วยรั้วที่สูงกับต้นไม้ต่างๆ จะได้ไม่รบกวนผู้ฝึกตนคนอื่นๆ.
เหล่าสัตว์อสูรนั้นอาศัยอยู่ในพื้นที่กักกันที่กินพื้นที่ไปกว่าครึ่งของภูเขาเลยทีเดียว. ที่ตรงนั้นมีสิ่งก่อสร้างลายตาหลังหนึ่งยาวจากตีนเขาไปจนถึงตัวยอดภูเขาเลยทีเดียว. ชั้นล่างสุดนั้นมีไว้สำหรับพวกสัตว์อสูรที่ยังเด็ก. พวกมันถูกผู้ฝึกตนเลี้ยงให้เชื่องไว้.
เศษอาหารเหล่านั้นเหมาะสำหรับลูกสัตว์อสูรพวกนี้มาก, เพราะพวกมันยังหาอาหารเองไม่ได้ ส่วนพวกสัตว์อสูรที่โตแล้วมักจะไปหาอาหารเอง.
เวิ่นจีฮ่าวเข้าไปในพื้นที่กักกันนั้นพร้อมกับดาบที่บินอยู่ข้างหลัง. เขามองผ่านรั้วไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น. ลูกตาของเขาแทบจะกลายเป็นรูปหัวใจ.
สัตว์อสูรพวกนั้น...เป็นลูกแมว!
ลูกแมวของจริง! พวกมันกำลังหลับอยู่ ส่วนเจ้าตัวนั้นก็ดูร้ายใช่ย่อย เจ้าน้อนตัวนั้นก็กำลังกวนอีกตัวอยู่....
เวิ่นจีฮ่าวนั้นเป็นพวกติดหน้าจอ, เขาชอบดูวิดีโอแมวมากๆ. พอได้มาเห็นลูกแมวจริงๆแบบนี้....อย่างฟิน!
ไม่เป็นมันแล้วผู้ฝึกวิชาดาบ เขาไปเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรดีกว่า!
ตาถังหัวเราะออกมา “ท่านผู้ฝึกตนหนุ่ม, ท่านลองให้อาหารเองดีไหมล่ะครับ”
เวิ่นจีฮ่าวกะพริบตา “ครับ, ข้าอยาก!”
ตรงนั้นมีศิษย์สำนักในนามว่าฮวงเจียหลิงคอยดูแลอยู่. พอเห็นหน้าตาถังและตะกร้าเศษอาหารแล้ว เธอก็เปิดประตูให้. จากนั้นนางและเวิ่นจีฮ่าวก็เข้าไปข้างใน ฮวงเจียหลิงจึงปิดประตูทันที. เวิ่นจีฮ่าวสัมผัสได้ถึงยันต์อาคมที่ลงไว้ตรงประตูนั้น พวกลูกแมวนั่นเลยออกไปไม่ได้สินะ.
“ระวังล่ะ” ฮวงเจียหลิงกล่าว “พวกมันเป็นสัตว์อสูรที่อันตราย” เธอไล่พวกลูกแมวออกไปแล้วพาเวิ่นจีฮ่าวไปที่ชามข้าวของพวกมัน.
“โคตรน่ารักเลย...” เวิ่นจีฮ่าวพึมพำกับตัวเอง. เขาเสียดายที่เธอไล่พวกมันไป “อย่าบอกนะว่าพวกท่านทารุณพวกมันให้ดุร้ายน่ะ?”
ผู้ฝึกตนอีกคนตะคอกออกมา “ถ้าเจ้าเป็นพ่อพระนัก ทำไมไม่ไปฝึกที่วัดเสียเลยล่ะ?”
“ก็ถ้าหากท่านช่วยรับรองข้าได้ ข้าก็อยากไปครับ” เวิ่นจีฮ่าวกล่าวลอยๆไป. เขาค่อยๆเดินห่างออกมาแล้วจัดเสื้อผ้ายาวๆของเขาก่อนจะนั่งลง. “มากินซะ เมี๊ยวเมี๊ยว”
ลูกแมวตัวสีขาวโพลนตัวหนึ่งมองเขาด้วยท่าทางไม่พอใจ มันเชิดจมูกขึ้นแล้วเดินหนีไป.
...
พวกมันก็ฉลาดพอตัวสินะ?
เวิ่นจีฮ่าวหยิบอาหารออกมาหนึ่งกำมือแล้วยื่นออกไป “อยากกินมั้ย? สวยทุกตัวเลย....”
ลูกแมวขนสีน้ำตาลตัวหนึ่งเดินเข้ามาด้วยความสงสัย “เมี๊ยว!”
“เมี๊ยว!” เวิ่นจีฮ่าวตอบโดยไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไร “เอ้านี่”
ลูกแมวตัวนั้นก้มหัวลงแล้วกินอาหารในมือของเขา.
ชีวิตเราสมบูรณ์แล้ว.
พอตัวหนึ่งเข้ามา หลายๆตัวก็เริ่มเข้ามาเรื่อยๆ. เวิ่นจีฮ่าววางตะกร้าทั้งหมดลง แม้บางตัวจะไม่สนใจเขา แต่ก็มีบ้างที่เข้ามาเล่นด้วย.
ตาถังมองจากด้านนอกประตูก็อดคิดไม่ได้ เดี๋ยวนี้ผู้ฝึกตนเป็นแบบนี้กันรึ? สุดท้ายก็กระแอมออกมาแล้วตะโกนออกไป “พ่อหนุ่ม, ข้าไปก่อนนะ อย่าลืมเอาตะกร้ากลับมาด้วยล่ะ!”
“อื้อ, เดินระวังๆนะครับ ตาถัง!”
พอตาถังจากไป เวิ่นจีฮ่าวก็พยักหน้าให้ฮวงเจียหลิง “พวกมันไม่ทำอะไรข้าหรอกครับ ท่านไม่ต้องเกร็งมากก็ได้”
ฮวงเจียหลิงหรี่ตาเธอลง. “ถ้างั้นข้าไม่รับผิดชอบนะ” พอกล่าวเสร็จนางก็เดินจากไปปล่อยเขาไว้คนเดียว.
เวิ่นจีฮ่าวยิ้มอย่างมีความสุขขณะลูบตัวเจ้าลูกแมว. มีที่นอน, มีอาหารให้กินแถมมีลูกแมวอีก? สวรรค์ชัดๆ!