ตอนที่ 82 แผนการมาบรรจบ อับบาสจุติยังเมืองปลายฝน(อ่านฟรี)
ตอนที่ 82 แผนการมาบรรจบ อับบาสจุติยังเมืองปลายฝน
เหนือเมืองปลายฝนเกิดประตูมิติขนาดใหญ่ขึ้นมา ความรุนแรงของมันทำให้แม้แต่เมืองคานัน เมืองหลวงของรัฐคานัน ยังสามารถตรวจพบได้ผ่านอุปกรณ์ตรวจสอบประตูมิติ
ความโกลาหลนี้ขยายตัวไปทั่วทั้งรัฐคานัน ผู้คนต่างพากันแตกตื่นแม้แต่ตัวของผู้อำนวยการอีคอนที่กำลังไล่ล่าบอสมอนสเตอร์ระดับ B อยู่กับกลุ่มฮันเตอร์ที่มาด้วยกันก็ยังคงสัมผัสถึงมันได้
“ประตูมิติโลกสมบูรณ์ ทิศทางนั้นมันเมืองปลายฝน” อีคอนหันกลับไปมองด้วยสีหน้าตื่นตกใจ ก่อนจะรีบบอกคนของตนให้ติดต่อกลับไปที่เมือง
“หัวหน้าเราติดต่อใครไม่ได้เลย”
“หมายความว่ายังไง”
“คือว่า เหมือน ๆ พวกเราจะโดนตัดขาด มีบางสิ่งรบกวนสัญญาณ ดูเหมือนจะเป็นมาสักพักใหญ่แล้ว” เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“แล้วทำไมพึ่งมาค้นพบ” อีคอนแววตาขึงขัง แต่สุดท้ายก็ควบคุมอารมณ์ได้ “สั่งคนของเราไม่ต้องสนใจมอนสเตอร์ระดับ B นั้นแล้ว กลับไปที่เมืองเดี๋ยวนี้เลย”
“ครับ”
...
“ประตูมิติโลกสมบูรณ์ ทำไมถึงมาเปิดที่นี่ได้กัน” ดีลเลอร์พูดด้วยแววตาหวาดกลัวและสิ้นหวัง การปรากฏขึ้นมาของประตูโลกต่างมิติสมบูรณ์มีได้อยู่ 2 แบบ
อย่างแรกมันเกิดมาเอง อย่างที่สองมีบางสิ่งพยายามเปิดมันและข้ามมาที่นี่ หรือไม่ก็จะข้ามไป เขาอดเหลือบไปมองเจนไม่ได้ เด็กสาวคนนั้นเอาแต่มองท้องฟ้า
ตอนนี้คำตอบที่ว่าทำไมมอนสเตอร์ไม่พาเธอหนี ไม่ใช่เพราะไม่พาไป แต่เพราะมันไม่จำเป็นประตูมิติจะมาหาเธอเอง ที่แท้เธอกำลังรอประตูมิติปรากฏและข้ามไปยังดินแดนที่อยู่หลังประตูมิติ
การปรากฏของประตูมิติโลกสมบูรณ์ในประวัติศาสตร์มีแค่ 2 ครั้งเท่านั้น และประตูทั้งสองได้กลายเป็นรากฐานที่ยิ่งใหญ่ให้กับอารยธรรมมนุษย์ แต่แน่นอนว่าก็ต้องแลกมาด้วยสงครามเพื่อแย่งชิงการควบคุมประตูจากโลกอีกฝั่ง ซึ่งนั้นคือการทำสงครามกับมอนสเตอร์ครั้งแรก
แน่นอนว่าไม่ใช่ประตูโลกสมบูรณ์จะเกิดจากการที่สิ่งมีชีวิตต้องการข้ามมาเท่านั้น มันมีกรณีที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและก็ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งมีชีวิตที่ควบคุมประตูอยู่ นี่คือกรณีแบบประตูมิติโลกสมบูรณ์ประตูที่สอง ที่พาไปยังโลกสมบูรณ์อีกใบหนึ่ง
แต่ไม่ใช่กับกรณีที่เกิดขึ้นในตอนนี้แน่นอน ครั้งนี้มีสิ่งมีชีวิตทรงพลังกำลังทำลายกำแพงระหว่างมิติสร้างประตูมิติที่เชื่อมทั้งสองโลกเข้าด้วยกัน ทั้งหมดก็เพื่อมารับเด็กสาวเพียงคนเดียว
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครเคยถามว่าทำไมต้องเป็นเธอ แต่ตอนนี้พวกเขาอยากถามทำไมต้องเป็นเธอ เธอคือใครถึงต้องทำมากมายขนาดนี้ แล้วเธอมาที่เมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองปลายฝนได้ยังไง
เหนือมนุษย์ทั้งหมดกำลังสับสน พวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องสู้หรือหนีดี เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเกินกว่าที่จำทำความเข้าใจได้ในเวลาอันสั้น แม้แต่คำสั่งจากพวกระดับ C ก็ยังไม่มีมา เนื่องจากทุกคนเอาแค่ตื่นตะลึงอ้าปากค้างมองดูประตูมิติที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วมาก
ประตูมิติอาศัยรอยแยกจากประตูมิตินับร้อย ๆ ที่กระจายอยู่รอบเมือง จึงเจาะกำแพงมิติของโลกได้อย่างไม่ยาก พริบตาต่อมาประตูก็ก่อตัวอย่างมันคง แถมม่านมิติที่จะปรากฏขึ้นมาคอยขวางกั้นมอนสเตอร์ไม่ให้บุกขึ้นมาก็ยังเปราะบางมากซะจนมอนสเตอร์ฉีกทำลายได้ในทันทีที่ปรากฏออกมา
พวกเขาเห็นว่าอีกด้านของมิติโลกสมบูรณ์นั้นเต็มไปด้วยเสียงคำรามถึงความบ้าคลั่ง เมื่อเห็นว่าในที่สุดประตูก็เชื่อมต่อไปยังอีกโลกได้แล้ว
มอนสเตอร์สารพัดชนิดพากันกระโดดลงมาจากประตูตกลงมายังเมืองปลายฝน เหตุการณ์นี้มันราวกับฝนที่ตกลงมาเป็นมอนสเตอร์ ตัวที่อ่อนแอกระแทกพื้นตายทันที ตัวที่แข็งแกร่งก็ลุกขึ้นมาต่อ
มีเหนือมนุษย์บางคนหลบไม่ทัน โดนร่างของมอนสเตอร์ตกทับตายอย่างโชคร้ายก็ยังมี
“ถอยเราต้องหนี” ฟารันสั่นด้วยความหวาดกลัวตะโกนบอกคนอื่น ๆ กันทันที
“หนีเหรอ จะหนีไปไหน ในเมืองยังมีมนุษย์รอดอยู่หลายหมื่นคน ถ้าเราไปคนทั้งหมดจะต้องตาย” คาร์ล จากสำนักงานเมืองค้านอย่างหัวชนฝา เพราะรากฐานและครอบครัวเขาอยู่ที่นี่
“แล้วจะให้ทำยังไง รอความตายที่นี่เหรอ”
“หุบปากซะ คิดว่าจะรอดไปได้เหรอ ถ้านายไปคนของนายก็ตายเหมือนกัน” ดีลเลอร์ตะคอกใส่ฟารัน
ฟารันอาจจะพอมีโอกาสหนีได้จริง ๆ เพราะเขาเป็นเหนือมนุษย์ระดับ C แต่กิลด์ของเขาจะหนีไม่รอดและนั้นยังไม่นับเรื่องผลกระทบที่จะตามมาจากการหลบหนีในสงคราม
ที่ฟารันพยายามชักชวนคนอื่นหนี เพราะไม่ต้องการแบกรับผลการหลบหนีคนเดียว ถ้าทุกคนหนีไปด้วยกันก็จะบอกว่าพวกเขาสละเมืองปลายฝน เพราะไม่อาจจะสู้ได้
แต่ถ้าหนีไปคนเดียวมันอ้างไม่ได้ ฟารันทำท่าทางไม่พอใจ แต่ในใจกลับเจ้าเล่ห์กว่าใคร และก็แอบลอบติดต่อให้มาคัสพาคนของกิลด์พยายามอยู่ในตำแหน่งที่ถอนตัวได้โดยเร็วที่สุด
“ต้องรีบจัดการทุกอย่างนี้ ฆ่าระดับ C ที่ตกลงมาก่อน” ดีลเลอร์พยายามควบคุมกองกำลังเหนือมนุษย์ที่อยู่ในสนามรบให้ได้มากที่สุด
สงครามนี้ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าด้วยจำนวนคนน่าจะชนะได้ พวกเขาสังหารมอนสเตอร์จนแทบไม่เหลือ แต่ใครจะคิดว่ามีประตูมิติปรากฏขึ้นมาเหนือเมืองและนำพาสายฝนมอนสเตอร์ตกลงมาเพื่อเติมเต็มจำนวนให้กับมอนสเตอร์ที่ตายไป สุดท้ายแล้วการกระทำที่ผ่านมามันศูนย์เปล่าอย่างสิ้นเชิง
การตายของ 1000 เหนือมนุษย์ไร้ความหมาย พวกเขามีแต่ต้องสู้อีกครั้ง
ดีลเลอร์ไม่สนใจจัดการเด็กสาวหายนะนั้นอีกแล้ว เขาจะปล่อยให้เธอไป ไปซะ ไปให้เร็ว พามอนสเตอร์ทั้งหมดไปด้วย ส่วนผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ขอแค่เมืองปลายฝนและผู้คนยังรอดชีวิตในวันนี้ก็พอ
คนอื่น ๆ ก็คิดแบบเดียวกัน ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เด็กสาวหายนะคนนั้น เนื่องจากมีมอนสเตอร์ที่รอพลีชีพเพื่อปกป้องเธออยู่
“เดี๋ยวก่อนมีการติดต่อมาจากสำนักงานเหนือมนุษย์” ดีลเลอร์พูดขึ้นมาด้วยความตกตื่นเต้น “พวกเรามีความหวังแล้ว ผู้อำนวยการอีคอนกำลังรีบกลับมาที่นี่”
“ผู้อำนวยการอีคอน!”
ทุกคนเหมือนจะได้รับความหวังขึ้นมาอีกครั้ง แต่กายจากกิลด์กายาเหล็กก็ถามขึ้นมา
“ต้องยื้อนานแค่ไหน”
“ไม่เกิน 1 ชั่วโมง” ดีลเลอร์ตอบกลับ
“คนส่วนใหญ่จะตาย” กายกล่าว
“แต่พวกเราจะรอด” ฟารันสวนขึ้นมาทันที
เป็นอย่างที่กายและฟารันกล่าวถ้าสู้อีกหนึ่งชั่วโมงเหนือมนุษย์ที่รอดคงไม่ถึง 100 คนแน่นอน แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้ เพราะพวกเขามีแค่ทางเลือกนี้เท่านั้น
คาร์ลและมาเรียเหลือบมองหน้ากันอย่างมีเลศนัย
บึม!
ขณะที่เริ่มจะมีหวัง ตอนนั้นก็มีเสียงดังเกิดขึ้นมาทุกคนหันไปยังทิศทางของเสียง มันมาจากอีกฟากฝั่งของประตูมิติมีมอนสเตอร์ตัวใหญ่กว่า 20 เมตรกระโดดลงมา
มันเป็นมอนสเตอร์ยักษ์ตาเดียวระดับ B ตัวหนึ่ง แต่การปรากฏตัวของมันกลับทำให้ทุกคนสิ้นหวังในทันที
“ระดับ B เราจบแล้ว”
พวกเขารู้ว่าต่อให้หนีก็ไม่พ้น ระดับ B สามารถไล่ฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
“ไม่! เรายังมีไพ่ตายอยู่” มาเรียกล่าวด้วยความเชื่อมั่น ในตอนนั้นจากเขตหนึ่งก็มีมนุษย์ที่มีปีกขนาดใหญ่กลางและบินทะยานมาที่เขต 3 ด้วยความรวดเร็ว
“ปีกนั้นอุปกรณ์ประเภทบินระดับ B ใครกัน” กายจดจำถึงชนิดของอุปกรณ์ได้และมั่นใจว่านั้นคือเหนือมนุษย์แน่นอน
“มีแค่คนเดียวที่พอเป็นไปได้ ผู้ปกเมืองปลายฝน ท่านกิลเดอร์” ดีลเลอร์กล่าวออกมา
“กิลเดอร์เป็นแค่ระดับ C เท่านั้น” ฟารันปฏิเสธ แต่พอเห็นท่าทางของคาร์ลและมาเรีย ฟารันก็เข้าใจในทันที
“พวกคุณรู้อยู่แล้ว” ฟารันถามอย่างตะเบ็งเสียงด้วยความไม่พอใจ
“ใช่ แต่มันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด อย่าลืมว่าพวกเราสำนักงานเมืองก็เสียสหายไป 4 คนเหมือนกัน ที่ท่านกิลเดอร์ไม่ลงมือ เพราะท่านมีโอกาสเดียวเท่านั้น ร่างกายท่านแบกรับไม่ไหว เพราะการฝืนเลื่อนระดับ” มาเรียอธิบาย
คาร์ลกล่าวต่อว่า “คิดว่าการบุกโจมตีของมอนสเตอร์ไม่มีผู้บงการเหรอ ท่านแค่รอให้เจ้านั้นมันออกมา แต่สถานการณ์ในตอนนี้ท่านต้องลงมือแล้ว”
ทุกคนมองดูผู้ปกครองเมืองกิลเดอร์เข้าปะทะกับยักษ์ตาเดียวระดับ B ตนนั้น
ตูม!
กิลเดอร์ต่อยเข้าใส่ยักษ์ตาแดงกลางอากาศจนตัวของยักษ์ตาแดงกลิ้งไปกับพื้นทำลายพื้นที่เขต 3 ไปแถบหนึ่ง
“ตายซะเจ้าพวกต่างมิติ” กิลเดอร์ตะโกนด้วยเสียงเก่าแกแบบชายชรา แต่ยังแฝงความทรงพลังและแข็งแกร่งไว้
การต่อสู้ของระดับ B รุนแรงมากจนขนาดที่ลูกหลงอาจจะฆ่าทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับ B ได้เลย ทำให้เหนือมนุษย์ต่างพากันถอยออกมาและหลบเลี่ยงจุดที่ทั้งสองสู้กัน
กิลเดอร์เองก็รู้จึงใช้พลังที่มีเพื่อฆ่ายักษ์ตาแดงให้เร็วที่สุด หวังจะลดความเสียหายจากการต่อสู้ลง เขายื่นมือออกไปทันใดนั้นทองคำที่อยู่ในเมืองก็สั่นไหว ก่อนจะลอยเข้ามาหาและห่อหุ้มตัวของกิลเดอร์ไว้
“พลังพรสวรรค์เจ้าแห่งทองคำ”
ทองหลอมเป็นตัวของกิลเดอร์ที่สูง 10 เมตร แม้จะตัวเล็กกว่ายักษ์ตาเดียว แต่ก็น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก กิลเดอร์ร่างทองบินเข้าไปต่อสู้กับยักษ์ตาเดียวอย่างดุเดือด
“มีคนรับมือกับระดับ B แล้ว เราต้องจัดการที่เหลือ”
“ไป”
เหนือมนุษย์ได้รับคำสั่งอีกครั้งในการฆ่ามอนสเตอร์ตัว ขณะที่การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ผ่านไปเกือบ 3 นาทีในที่สุดกิลเดอร์ล้มยักษ์ตาเดียว ทองคำรัดมันไปทั้งตัวจนมันสิ้นสภาพ
“นี่คือเมืองของฉันพวกแกที่เข้ามาทุกตัวจะไม่ได้กลับไป” กิลเดอร์พูดด้วยใบหน้าของชายชราผู้ดุร้าย มือสีทองกำลังจะควักดวงตาปลิดชีพมัน
“อย่างนั้นเหรอเจ้ามนุษย์”
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงที่ทำให้กิลเดอร์ขนลุกหนึ่งดังขึ้นจากด้านหน้า เป็นลูกสิงโตตัวเล็กที่ยืนจ้องกิลเดอร์อยู่ไม่ไกลมากนัก
“ลูกสิงโต” กิลเดอร์รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต มันคือความตาย
“มาเถอะขอพลังหน่อย” ลูกสิงโตมองไปที่ประตูมิติ
มีเสียงที่คล้ายกันพูดตอบกลับมา “แผนการที่วางไว้”
“ได้มาบรรจบกันแล้ว” ลูกสิงโตกล่าวต่อท้ายประโยค
สิ้นคำพูดก็มีอุ้มเท้าของสิงโตจากสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาพยายามจะยื่นออกมาจากรอยแยกมิติ แต่รอยแยกนั้นสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับปฏิเสธตัวตนของสิงโต ถ้ายังฝืนข้ามมาประตูมิติเหนือท้องฟ้าจะต้องพังทลายอย่างแน่นอน
“ตัวตนระดับ A”
“พระเจ้าทำไมถึงต้องการทำลายเมืองปลายฝนขนาดนี้”
“เราจบสิ้นแล้ว เมืองปลายฝนไม่มีทางต้านทานตัวตนระดับนี้ได้”
ทุกคนสิ้นหวังยิ่งกว่าตอนที่เห็นยักษ์ตาเดียวระดับ B จะข้ามมาซะอีก แต่พอประตูมิติทนไม่ไหว อุ้มเท้านั้นก็ไม่คิดจะยื่นลงมาอีก
“ข้าอับบาส เลือดแห่งพลัง”
ทันใดนั้นก็มีหยดเลือดไหลออกมาจากอุ้มเท้าหยดผ่านประตูมิติลงมาที่เมืองปลายฝน ขนาดของเลือดใหญ่ไม่น้อยกว่า 300 เมตร เลือดก้อนนั้นพุ่งเข้าไปหาลูกสิงโตและถูกกลืนกินอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะปรากฏสิงโตตัวเท่าตึก 10 ชั้นตัวหนึ่ง
“โฮก.....” เสียงของสิงโตคำรามและตามมาด้วยภาษามนุษย์ “ฮ่า ๆ ข้าอับบาสมาแล้วเจ้าพวกมนุษย์ถึงเวลาตายอย่างแท้จริง”