ตอนที่ 471 แก้แค้นเผ่านาวี
ตอนที่ 471 แก้แค้นเผ่านาวี
เผ่าพันธุ์นาวีมีเขตแดนติดกับทั้งดินแดนมนุษย์และดินแดนเซิร์ก ซึ่งในก่อนหน้านี้พวกเขาถูกมองว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอมาโดยตลอด แต่เมื่อสงครามที่ผ่านมาพวกเขาก็ฉวยโอกาสรีดไถทรัพย์สมบัติจากมนุษย์ผู้อพยพ ซึ่งถ้าหากว่าใครไม่ยอมรับเงื่อนไขที่พวกเขาต้องการ มนุษย์เหล่านั้นก็จะถูกขับไล่ออกจากดินแดนของพวกเขาในทันที
“ยินดีด้วยขอรับท่านราชินี คราวนี้ไม่เพียงแต่เราจะได้รับสมบัติมาจากพวกมนุษย์เท่านั้น แต่เรายังได้รับเทคโนโลยีระดับสูงมาอีกหลายเทคโนโลยีด้วย” เสนาบดีชาวนาวีกล่าวอย่างมีความสุขภายในงานเลี้ยงฉลอง
การฉวยโอกาสจากมนุษย์ในครั้งนี้ทำให้ชาวนาวีได้รับทรัพย์สมบัติกลับไปเป็นจำนวนมาก พวกเขาจึงได้จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองเป็นเวลานานกว่า 7 วัน 7 คืน ซึ่งในความเป็นจริงตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเธอก็แทบที่จะไม่สร่างเมาเลยแม้แต่วันเดียว
“น่าเสียดายที่พวกมนุษย์กับพวกเซิร์กยุติสงครามกันแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงจะได้ผลประโยชน์มากกว่านี้” ราชินีนาวีกล่าวพร้อมกับอ้าปากรับอาหารจากทาสมนุษย์ชายที่ต้องคอยให้บริการเธอตลอดเวลา
เผ่าพันธุ์นาวีเป็นเพียงแค่หนึ่งในไม่กี่เผ่าพันธุ์ในจักรวาลที่เพศหญิงมีอำนาจมากกว่าเพศชาย และราชินีของเผ่าพันธุ์ก็มีสนมเพศชายไม่ต่างไปจากราชาของเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ที่มีสนมเป็นเพศหญิง
อย่างไรก็ตามราชินีคนนี้ก็ค่อนข้างที่จะมีความต้องการมากกว่าปกติ ในฮาเร็มของเธอจึงมีทาสชายที่คอยให้บริการไม่น้อยกว่า 400 คน ซึ่งทาสชายบางคนที่ไม่สามารถทำให้เธอรู้สึกพอใจได้ ทาสเหล่านั้นก็จะถูกทรมานจนตายไปเป็นจำนวนมาก
ยิ่งไปกว่านั้นราชินีคนนี้ยังรู้สึกชื่นชอบมนุษย์เพศชายมากที่สุด ถึงขนาดไม่มองนาวีเพศชายเลยแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นเหล่าบรรดาผู้ลี้ภัยที่อพยพเข้ามาในดินแดนนาวีระหว่างช่วงสงคราม จึงถูกส่งเข้ามาให้บริการเธอภายในวังอย่างต่อเนื่อง
“ท่านราชินีผมมีความคิดว่าพวกเราควรยั่วยุให้พันธมิตรมนุษย์ตอบโต้พวกเซิร์ก เพราะท้ายที่สุดมนุษย์ก็สูญเสียในสงครามครั้งนี้ไปมาก และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะยอมจบสงครามลงง่าย ๆ แบบนี้”
“นอกจากนี้ผมยังได้ยินมาว่าจอมทัพของมนุษย์อย่างไทสันมีนิสัยที่โหดเหี้ยม และมีความสามารถในการบัญชาการที่เก่งกาจมาก โดยเฉพาะในช่วงท้ายของสงครามเขาสามารถกวาดล้างกองยานเซิร์กลงได้นับพันในคราวเดียว”
แต่ในทันใดนั้นเองบนท้องฟ้าที่มองจากพระราชวังก็มีแสงสว่างเจิดจ้าราวกับว่ามันมีพระอาทิตย์นับหมื่นดวงส่องสว่างขึ้นมาพร้อม ๆ กัน
คลื่นความร้อนอันร้อนระอุมาพร้อมกับแสงสว่างอันเจิดจ้านั้น และเมื่อแสงสว่างได้หายไปกาแล็กซีซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของเมืองหลวงของชาวนาวีก็ถูกทำลายหายไปกว่าครึ่งกาแล็กซีในคราวเดียว
—
“น่าเสียดายจริง ๆ ที่นายเอาดาวพิฆาตลูกสุดท้ายมาใช้แบบนี้” อันธส่ายศีรษะพร้อมกับมองดูแสงสว่างจากระยะไกล
“ของทุกอย่างมันมีเอาไว้ใช้และตราบใดก็ตามที่เราได้ใช้พวกมันอย่างเหมาะสม มันก็ไม่มีอะไรที่พวกเราจะต้องเสียใจ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างไม่จริงจัง
“ถ้านายไม่พอใจที่เผ่าพันธุ์นาวีรังแกแอวริล แล้วทำไมนายไม่แค่ลอบสังหารราชินีของพวกเขาลงล่ะ ทำไมนายถึงกลับต้องใช้ดาวพิฆาตเพื่อทำลายพวกเขาลงด้วย?” อันธถาม
“แค่การฆ่าราชินีของพวกมันไม่เพียงพอจะเติมเต็มความแค้นของฉันหรอก และสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่นี้ก็เป็นการส่งสัญญาณไปหาใครบางคนด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ส่งสัญญาณไปหาใคร?”
“พวกเซิร์ก”
—
ณ เมืองหลวงของจักรวรรดิเซิร์ก
บิทินี่นั่งอยู่บนบัลลังก์สีทองขนาดใหญ่พร้อมกับจัดการเอกสารทางราชการต่าง ๆ และถึงแม้ว่าเธอจะขึ้นรับตำแหน่งได้เพียงแค่ไม่นาน แต่ความยุ่งของงานก็ทำให้น้ำหนักของเธอลดลงไปหลายกิโล
แต่ในทันใดนั้นชิววี่ก็เดินเข้ามาภายในเต็นท์ทองคำด้วยรอยยิ้ม ซึ่งบิทินี่ก็รีบสละที่นั่งให้บิดาอย่างรวดเร็ว
“เป็นไงบ้างหลังจากที่ลูกได้กลายมาเป็นราชินีปกครองเต็นท์ทองคำ?” ชิววี่ถาม
“หนูรู้สึกว่าเอกสารพวกนี้ถูกส่งมาไม่หยุดไม่หย่อนเลย ส่วนพวกรัฐมนตรีก็เข้ามาชวนหนูพูดคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ทั้งวัน แต่สายตาของพวกเขามันก็ยังเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย คนพวกนี้ไม่ต่างไปจากตัวน่ารำคาญสำหรับหนูเลย” บิทินี่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“หลังอูดี้ตายลูกก็ขึ้นกลายเป็นราชินีและเด็กในท้องของลูกก็จะกลายเป็นราชาคนต่อไป ดังนั้นถ้าหากว่าใครถูกลูกเลือกขึ้นมาเป็นสามีพวกเขาก็จะได้ครองอำนาจไปชั่วชีวิต เพราะพวกเขาก็จะได้รับสถานะพ่อเลี้ยงของราชาองค์ต่อไปอย่างแน่นอน”
“พ่อได้ยินมาว่ารัฐมนตรีหลาย ๆ คนถึงกับแอบฆ่าภรรยาตัวเองเพื่อให้พวกเขากลายเป็นหม้าย และพร้อมที่จะแต่งงานกับลูกโดยไม่ขัดกับศีลธรรม” ชิววี่กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ถ้ามันกล้าที่จะฆ่าเมียตัวเองไปหาผู้หญิงคนอื่นในวันนี้ ในวันหน้าคนที่พวกมันฆ่าก็อาจจะเป็นหนูก็ได้ หนูขอสั่งให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้เดี๋ยวนี้แล้วลงโทษพวกที่สังหารเมียตัวเองด้วยการประหารชีวิต!” บิทินี่ตะโกนสั่งการด้วยความโกรธ
“ลูกใจเย็น ๆ ก่อน ความจริงแล้วยิ่งคนพวกนี้หลงลูกมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งมีประโยชน์กับเรามากเท่านั้น” ชิววี่พยายามปลอบลูกสาวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ท่านพ่อหมายความว่ายังไง?” บิทินี่ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ถ้าหากพวกเขาต้องการที่จะเอาชนะใจลูกพวกเขาก็ต้องพยายามเอาใจลูกอย่างเต็มที่ ดังนั้นไม่ว่าลูกจะสั่งให้พวกเขาทำอะไรพวกเขาย่อมทำตามคำสั่งของลูกโดยไม่ลังเล ขณะเดียวกันแม้ว่าในตอนนี้ลูกจะขึ้นครองบัลลังก์ได้สำเร็จ แต่ตำแหน่งของลูกก็ยังไม่มั่นคงมากนัก ดังนั้นเราจึงยังไม่ควรสร้างศัตรู กับพวกเขาจนกว่าเราจะมีฐานอำนาจที่แข็งแกร่งมากพอ” ชิววี่กล่าว
คำพูดนี้เป็นการย้ำเตือนว่าลูกที่อยู่ในท้องของบิทินี่ไม่ใช่ลูกของอูดี้จริง ๆ ดังนั้นบัลลังก์ของเธอจึงพร้อมที่จะสั่นคลอนได้ตลอดเวลา
บิทินี่ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะในระหว่างเตรียมแผนการขึ้นบัลลังก์เธอถึงกับต้องยอมนอนกับคนรับใช้เพื่อให้ได้ลูกคนนี้มา ซึ่งหลังจากที่เธอได้รับการยืนยันในการตั้งครรภ์ คนรับใช้คนนั้นก็ถูกฆ่าปิดปากเพื่อไม่ให้เหลือหลักฐานว่าใครคือพ่อของเด็ก
พอนึกย้อนกลับไปชีวิตของเธอก็ไม่เคยได้เจอกับความรักที่แท้จริงเลยสักครั้ง ตั้งแต่เมื่อตอนที่เธอยังเด็กเธอก็ต้องถวายตัวให้อูดี้เพื่อแก้แค้น หลังจากนั้นเธอก็ต้องยอมนอนกับคนรับใช้เพื่อให้ได้เด็กคนนี้มา แต่หลังจากที่เธอได้รับบัลลังก์มามันก็ดูเหมือนกับว่าเธอจะต้องใช้ร่างกายเพื่อทำให้ฐานอำนาจของเธอมั่นคง
ยิ่งเธอได้พบกับสายตาหื่นกระหายรอบ ๆ ตัวมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งนึกถึงเซี่ยเฟยที่ไล่เธอออกมาจากห้องในตอนนั้น เพราะชั่วชีวิตนี้มีเพียงมนุษย์คนนี้เพียงคนเดียวที่ไม่หลงไปกับราคะเนื่องมาจากรูปร่างของเธอ
“เมื่อไม่นานมานี้มีรัฐมนตรีเสนอให้พวกเราทำสงครามกับมนุษย์อีกครั้ง ถ้าหากว่าเรายังไม่อนุญาตมันจะสร้างผลกระทบกับฐานอำนาจของพวกเราไหม?” บิทินี่ถาม
“ลูกตัดเรื่องนี้ทิ้งไปให้หมดเลย ลูกรู้ไหมว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนกาแล็กซีนครหลวงของนาวีเพิ่งถูกทำลาย และทำให้ราชินี, ราชวงศ์และรัฐมนตรีอีกหลายสิบคนเสียชีวิตไปพร้อม ๆ กัน” ชิววี่กล่าวด้วยแววตาที่สยดสยอง
“หนูก็ได้ยินเรื่องนี้มาแล้วเหมือนกัน ผลลัพธ์จากการระเบิดครั้งนั้นคล้ายกับตอนที่เซี่ยเฟยได้ใช้ระเบิดของเขาเลยหรือว่า…” บิทินี่พยายามสันนิษฐานว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับเซี่ยเฟยหรือเปล่า
“มันจะต้องเป็นฝีมือของเขาแน่ ๆ พวกนาวีใช้โอกาสในครั้งนี้ยึดทรัพย์สมบัติจากมนุษย์ไปเป็นจำนวนมาก และหลังจากเซี่ยเฟยกลับไปเขาก็คงจะไปล้างแค้นพวกนั้นให้กับเผ่าพันธุ์ของตัวเอง” ชิววี่กล่าว
“แต่เขาบอกเราว่าเขาไม่เหลือระเบิดพวกนั้นแล้วไม่ใช่เหรอคะ?” บิทินี่ถามอย่างสงสัย
“เซี่ยเฟยเป็นพวกเจ้าเล่ห์ลูกอย่าไว้ใจเขาอย่างเด็ดขาด ถ้าหากว่าเขาบอกว่าไม่มีมันก็หมายความว่าเขามีแต่เขาไม่ยอมบอก ยิ่งถ้าเราคำนวณเวลามันก็มีโอกาสสูงมากที่เขาจะเดินทางไปจนถึงดินแดนนาวีในช่วงเวลานี้ได้”
“ยิ่งไปกว่านั้นพ่อยังคิดว่าการระเบิดในครั้งนี้เป็นสัญญาณเตือนที่เขาพยายามส่งมาถึงเรา ว่าเขาสามารถทำลายเมืองหลวงของเผ่านาวีได้และเขาก็สามารถทำลายพวกเราลงได้ด้วยเหมือนกัน”
สีหน้าของบิทินี่เปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่อารมณ์ภายในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความชื่นชมมากกว่าความกลัว นอกจากนี้เธอยังรู้สึกว่าชายคนนี้คือผู้ที่คู่ควรกับความงามของเธอมากที่สุด
แต่น่าเสียดายที่เสน่ห์ของเธอคนนี้ไม่มีทางที่จะเตะตาเซี่ยเฟยได้ เพราะเขารีบขับฟินิกซ์ตรงไปข้างหน้าเพื่อพยายามรีบไปหาแอวริลโดยเร็วที่สุด
***************