ตอนที่ 14 จิ้งจอกเจ้าเล่ห์!
ทะลุมิติมาสร้างสวนสัตว์ในฝัน ตอนที่ 14 จิ้งจอกเจ้าเล่ห์!
“โอ้ แม่สาวสวยแสนเย็นชา” ฟางเย่เลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วก็ค่อย ๆ ยื่นมือเข้าไปหามัน
นี่เป็นการกระทําที่อันตราย ห้ามลอกเลียนแบบ!!
เมื่อเสี่ยวเฉียวเห็นว่าการตักเตือนทางสายตาของมันไม่ได้ผล มันก็โมโหขึ้นมาเล็กน้อยแล้วก็จ้องมาที่ฟางเย่ โก่งตัวขึ้นเล็กน้อยและขนสีเงินดําที่ด้านหลังของมันก็ค่อย ๆ ฟูขึ้น
มันแยกเขี้ยวพร้อมกับส่งเสียงขู่
สุนัขจิ้งจอกไม่ใช่สัตว์กินพืช!!
แม้ว่าภาพลักษณ์ภายนอกของมันจะดูน่ารักและงดงาม แต่จริง ๆ แล้วมันกลับเป็นสัตว์ที่มีอันตรายซ่อนอยู่
ฟันเขี้ยวทั้ง 2 ของมันที่ฟันล่างนั้นแหลมคมและยาวทําให้มันดูเหมือนกับมีดคม ๆ ขนาดเล็ก 2 อัน ซึ่งหากถูกกัดเข้าก็มั่นใจได้เลยว่าคนคนนั้นจะต้องมีรูเพิ่มขึ้นมาจากร่างกายอีก 2 รูแน่นอน
เสี่ยวเฉียวแยกเขี้ยวพร้อมกับส่งเสียงขู่ออกมา
อย่ามายุ่ง!!
เมื่อโหยวโหยวได้ยินเสียงขู่ของเสี่ยวเฉียว เธอก็กระโดดออกจากอ้อมกอดของหลานลี่แล้วไปอยู่กับถังเป่าพร้อมกับมองมาอย่างกลัว ๆ
แม้กระทั่งไท่ซือที่เอาแต่นอนหลับก็สะดุ้งขึ้นมาเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายที่ออกมาจากเพื่อนสีเงินดําของตน หูยังคงกระ ดิกไปมาและที่มุมปากก็ยังมีน้ําลายหยดลงมาแต่เมื่อเห็นเสี่ยวเฉียวกําลังส่งเสียงขู่อยู่มันก็ตื่นขึ้นมาเต็มตา
แม่จ๋า! จิ้งจอกกลัว!!
ไท่ซือลุกขึ้นแต่ก็ยังไม่มั่นคงนัก ถึงอย่างนั้นมันก็วิ่งออกไปแบบเซ ๆ เพื่อหลบให้พ้นเพื่อนของตนแล้วก็ไปหดตัวเป็นม้วนกลม ๆ อยู่ข้าง ๆ โหยวโหยวและถังเป่า
เฮะเฮะเฮะเฮะ
ทั้งสามส่งเสียงร้องราวกับว่ากําลังคุยกันอยู่
“ทําไมทําตัวน่ากลัวแบบนี่ล่ะ?” ฟางเย่รู้สึกตกใจเล็กน้อยกับความดุร้ายของเสี่ยวเฉียว แล้วจึงเปิดใช้งานทักษะที่พึ่ง ได้มาใหม่อย่างทักษะแรงดึงดูดขึ้นทันที
พลังจิตของเขาหายไป 1 ใน 3 ทันที
หลังจากที่ใช้งานทักษะสําเร็จ เขาก็รู้สึกราวกับว่ามีสนามพลังที่มองไม่เห็นออกมาจากตัวของเขาในระยะ 3เมตรรอบตัว และมันก็สามารถควบคุมให้กระจายไปทั่วหรือรวมไว้จุดเดียวก็ได้
ทีม?
เสี่ยวเฉียวมองที่ฟางเย่อย่างมึนงง
ทําไมมันรู้สึกเหมือนว่าเจ้าสองขาตรงหน้าที่อยากจับตัวมันถึงดูเป็นมิตรมากกว่าเดิมกัน?
กลิ่นตัวของเขามันช่างอบอุ่นราวกับพระอาทิตย์ตอนเช้า พร้อมกับความสดชื่นของสายลมยาวเย็นที่ไหลผ่านหุบเขา ทําให้เสี่ยวเฉียวเก็บเขี้ยวของตัวเองแล้วหันหน้ากลับไปเป็นสุนัขจิ้งจอกผู้งดงามและดูลึกลับเช่นเดิม
กลิ่นหอมมาก! อยากเข้าไปดมจัง!
เจ้าสองขาอยากมาจับตัวฉัน! ให้อภัยไม่ได้
เสี่ยวเฉียวรู้สึกสับสนในใจ ทําให้มันหันหน้าออกไปอย่างไม่สนใจแต่ก็ยังแอบมองฟางเย่ด้วยหางตา ในขณะที่ สุนัขจิ้งจอกตัวอื่นไม่ได้หวงตัวแบบเสี่ยวเฉียวมากนัก
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเฉียวดูไม่โกรธแล้ว พวกมันก็วิ่งกลับมาอย่างร่าเริง
เจ้าไท่ซือแสนอวบอ้วนวิ่งเข้ามาถูไถตัวกับขาของฟางเย่ แล้วก็นอนลงพร้อมกับโชว์พุงขาว ๆ อย่างสบายใจ
โหยวโหยวไม่ได้ดูหวาดกลัวและระมัดระวังตัวแบบเดิมแล้ว มันวิ่งเข้าไปกอดแขนฟางแย่แล้ว
หลับตาลงพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก ๆ ราวกับกําลังเสบติด
ถังเป่าส่งเสียงร้องอย่างมีความสุขแล้วก็วิ่งไปรอบ ๆ ตัวของเขาอย่างสนุกสนาน
“ทักษะนี้มันสุดยอดเลย!” ฟางเย่รู้สึกตกใจเล็กน้อย
หลานลี่ที่ยืนอยู่ไกล ๆ ก็ตกตะลึง “ว้าว ผู้อํานวยการ คุณทําได้ยังไงคะ!”
ฟางเย่ไม่รู้จะพูดอะไรจึงเริ่มพูดไร้สาระขึ้นมา “อืม...ผมชอบสัตว์ เพราะงั้นพวกมันก็เลยชอบผมเหมือนกัน! อีกอย่างคุณเคยได้ยินเรื่องคนที่เกิดมาก็เป็นที่ชื่นชอบของพวกสัตว์ไหม? ที่ว่าเดินไปเฉย ๆ ก็มีหมาหรือแมวเดินตามน่ะ!”
สีหน้าของหลานลี่เต็มไปด้วยความสงสัย “เอ่อ....ผู้อํานวยการคะ ฉันเคยได้ยินคนอื่นพูดกันว่ามีดรูอิดซ่อนตัวอยู่ในเมือง นี่เป็นเรื่องจริงเหรอคะ?”
แม้ว่าข่าวลือเหล่านั้นจะถูกแต่งขึ้นมา แต่สิ่งที่ฟางเย่ทํามันทําให้เธอเชื่อจริง ๆ !
ฟางเย่หัวเราะแล้วพูดอย่างขบขัน “เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องแต่งขึ้นมาเล่น ๆ นี่คุณจริงจังเหรอเนี่ย!?”
“ถ้าคุณไม่ใช่ครูอิด งั้นคุณก็เป็นผู้บงการสัตว์สินะคะ!?”
“โอ้! ถูกรู้เข้าแล้วสินะ....ผมเป็นผู้บงการสัตว์!! เมื่อตอนที่ผมอยู่ป.6 ผมกําลังสวมผ้าพันคอสีแดงเดินอยู่กลางถนน แล้วจู่ ๆ ก็มีชายชราที่มีหนวดยาวที่ราวกับว่ามีอายุยืนยาวบอกผมว่า ผมมีร่างกายพันสัตว์อสูร แล้วผมจะต้องฝึกฝนเพื่อที่ สามารถควบคุมมันได้ ชายชราคนนั้นเลยมาซื้อให้ผมเป็นลูกศิษย์”
ฟางเย่ยังคงพูดต่ออย่างน้ําไหลไฟดับ “ผมนึกว่าเขาเป็นพวกมิจฉาชีพเลยปฏิเสธไป แต่เขากลับส่ง
“ผู้บงการสัตว์ทั้งปวง” มาให้ผมแล้วบอกว่าโชคชะตาของเรายังมาไม่ถึง นับแต่นั้นผมก็ฝึกฝนมันมาโดยตลอดจนทําให้ผมสามารถเล่นกับสัตว์ทุกตัวได้!!”
หลานลี่ตกตะลึงไปซักพักก่อนที่จะพูดขึ้นมาราวกับเข้าใจบางอย่าง “ไม่แปลกใจเลยที่คุณถึงอยากมาเปิดสวนสัตว์!”
ฟางเย่รู้สึกพูดไม่ออกแล้วก็ตบหัวตัวเองราวกับกําลังปวดหัว “หลานลี่! ที่ผมพูดไปเมื่อกี้มันเรื่องโกหก!”
ผู้ช่วยตัวน้อยของเขามองมาที่เขาราวกับจะบอกว่า “อย่ามาหลอกกันนะ” แล้วก็พูดขึ้น “จริงเหรอคะ? ฉันไม่เชื่อ
ฟางเย่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
เธอนี่เกินเยียวยาแล้วนะ!
เสี่ยวเฉียวที่แอบมองอยู่ก็กัดฟันอย่างโมโหเมื่อเห็นว่าเพื่อนของตนกําลังวิ่งเล่นกับฟางเย่อย่างสนุกสนาน อีกทั้งเขาก็มัวแต่คุยกับหลานลี่จนลืมเธอไปเลย
เธอหันหน้าไปทางอื่นอย่างหยิ่งยโสแล้วก็ร้องขึ้นมาอย่างเรียบ ๆ ราวกับกําลังเรียกร้องความสนใจ
เห้! เจ้าคนทําความสะอาดกรุง
นายไม่ได้อยากจับใครอยู่เหรอเมื่อกี้น่ะ?
เพราะสงสารเหรอกนะ ฉันเลยยอมให้นายจับเพราะนายอุตส่าห์ทํางานหนักทุกวัน....จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้อยากให้นายมาจับเหรอกนะ!
เจ้าคนงี่เง่า!!
เห็นไหมเนี่ยว่าโพสต์ท่ารอลแล้วน่ะ! นี่นายต้องให้ผู้หญิงเป็นคนเปิดก่อนงั้นเหรอเนี่ย!
เจ้าตัวใหญ่สมองน้อยเอ้ย!!
หืม? ฟางเย่หันไปมองต้นตอของเสียงแล้วพบว่าเจ้าสุนัขจิ้งจอกที่เขาอยากจับมันเมื่อกี้กลับยังไม่ได้แตะเลย!
เมื่อเห็นว่าฟางเย่เดินเข้ามา เสี่ยวเฉียวก็หันหน้าไปทางอื่นอย่างหยิ่งยโสพร้อมกับทําราวว่าไม่สนใจ แต่หางฟู ๆ ของมันกลับสะบัดไปมาราวกับว่ามีความสุข
ฮะฮะ เทียบกับมนุษย์แล้ว จิตใจของสัตว์นั้นช่างเรียบง่ายและเดาง่ายมาก
ฟางเยี่ยิ้มอย่างมีความสุขและกอดเสี่ยวเฉียวขึ้นมา พร้อมกับหอมมันอย่างมีความสุข “เจ้าตัวน้อย อิจฉางั้นเหรอ? ใครจะลืมเจ้าตัวน้อยแสนสวยแบบ ล่า~~~”
เฮะเฮะเฮะ
ฟางเย่ลูบแก้มของเสี่ยวเฉียว ทําให้ดวงตาของมันหยีลงอย่างมีความสุขราวกับความว่าความรู้สึกน้อยใจเมื่อครู่ไม่เคยมีอยู่ อีกทั้งมันยังส่งเสียงร้องที่มีความสุขออกมาอีกด้วย
“ผู้อํานวยการ คุณดูสนิทกับสัตว์มากเลย....” หลานลี่พูดขึ้นอย่างตกตะลึง พร้อมกับถ่ายรูปเก็บไว้
หืม?
ฟางเย่รู้สึกเหมือนว่าสนามพลังล่องหนรอบ ๆ ตัวเริ่มหายไป
เหมือนว่าทักษะของเขาหมดเวลาแล้ว รวมเวลาแล้วก็ประมาณ 10 นาทีได้
โหยวนหยวกระดิกหูของมันแล้วก็กระโดดออกจากอ้อมแขนของฟางเย่แล้วไปหลบที่มุมกรงดังเดิม
เดิมที่โหยวโหยวก็ไม่ได้เป็นฝ่ายวิ่งมาหาเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ยอมให้เขาลูบหัวเล่นเพราะว่าไม่กล้าที่จะขยับตัว แต่เมื่อทักษะหมดเวลา นิสัยเดิมของมันก็กลับมาเหมือนเดิม
เสี่ยวเฉียวที่รู้สึกว่าความเป็นมิตรของฟางเย่หายไปก็มีสีหน้าเย็นชา ดวงตาของมันแหลมคมราวกับใบมีด
เจ้าคนทําความสะอาดตัวเหม็น! กล้าดียังไงมาจับฉัน!
บังอาจ!!
[สุนัขจิ้งจอกเงิน : เสี่ยวเฉียว
อารมณ์ : โกรธ!
ความต้องการโจมตี : สูง!]
เธอเผยเขี้ยวของตนเองพร้อมกับส่งเสียงอย่างโมโห พร้อมกับพุ่งเข้าใส่แขนของฟางเย่ทันที
“กรี๊ด!” หลานลี่รู้สึกตกใจจนกรีดร้องออกมา แต่ฟางเย่ที่รู้ว่าอารมณ์ของเสี่ยวเฉียวผิดปกติก็รีบปล่อยเธอลงไปอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวเฉียวมองที่ฟางเย่พร้อมกับส่งเสียงร้องอย่างโมโหแล้วก็เดินจากไป ด้วยแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยความเย็นชา
“ฟูว~” หลานลี่ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าฟางเย่ไม่ถูกกัด แล้วก็พูดขึ้นด้วยความสงสัย “ผู้อํานวยการคะ ไม่ ใช่ว่าเมื่อกี้คุณกับเสี่ยวเฉียวก็เข้ากันได้ดีไม่ใช่เหรอ ทําไมจู่ ๆ เธอถึงโมโหอีกแล้วล่ะ?” ฟางเย่พูดราวกับนักพรตผู้เข้าใจถึงสัจธรรมของโลกใบนี้ “โอ้! จิ้งจอกเจ้าเล่ห์!”