ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2 – ฉากบุลลี่อีกแล้วเหรอ *เห้อ*

ตอนที่ 1 - งานประลองภายในสำนักตะวันทอง! … (แล้ว) ไงนะ?


สำนักตะวันทองเป็นหนึ่งในสำนักฝึกตนที่เที่ยงธรรมและใหญ่ที่สุด, มีพื้นที่จากอีกฟากมหาสมุทรหนึ่งไปจนถึงภูเขาอีกฟากหนึ่งเลย. ภายในก็มีตึกรามมากมายและสวนแปลกตาส่งพลังแห่งความยุติธรรมออกมาเหมาะกับสีชุดของสำนักจริงๆ.

ในตอนนี้ กำลังมีเสียงโห่ร้องดังออกมาจากลานฝึกภายนอก มันเป็นที่ที่ศิษย์ระดับชั้นนอกจะต้องแข่งประลองกันเพื่อให้ได้เข้าไปเรียนวิชาในชั้นใน. ทุกๆหกเดือนจะมีเพียงแค่10คนเท่านั้นที่จะได้เปลี่ยนชุดสีเหลืองไปเป็นชุดสีทองอร่าม.

“อ๊ากกก!!”

“แพ้แล้ว!”

เสียงดังขึ้นมาขณะที่ศิษย์สำนักคนหนึ่งเอาชนะอีกคนลงได้. กระบี่เล่มหนึ่งตกกระทบพื้นกระเด็นไปไกล. ศิษย์คนที่ชนะนั้นกำลังยืนมองดูด้วยรอยยิ้มที่โอหัง รอให้ผู้แพ้ลุกขึ้นมา.

กรรมการที่เป็นรุ่นพี่ผู้ฝึกตนขั้นโอสถทองคำเริ่มนับถอยหลัง “สาม! สอง! หนึ่ง!”

ศิษย์คนที่แพ้ไม่กล้าลุกขึ้นมา, ผมสีดำของเขายุ่งเหยิงไปหมด ชุดสีเหลืองของเขาก็แทบจะกลมกลืนไปกับสีของพื้นข้างล่าง.

“ชัยชนะเป็นของ หวัง ลี่ เหว่ย!”

คนดูเริ่มส่งเสียงร้องออกมาโดยเฉพาะเพื่อนของหวัง ลี่ เหว่ย “ยินดีด้วย!” ยินดีด้วย!”

รอยยิ้มที่โอหังของหวัง ลี่ เหว่ยฉีกมากขึ้นในขณะที่มองไปหาศัตรูของเขา. เขาเปลี่ยนสีหน้าไปเป็นอ่อนน้อมแล้วหันไปคำนับให้กรรมการเพื่อเป็นการขอบคุณเธอ.

ศิษย์พี่โอสถทองคำก็พยักหน้ารับแล้วส่งตราสำนักภายในให้ก่อนจะอธิบายให้ฟัง.

ไม่มีใครรู้เลยว่าในช่วงเวลาที่ศิษย์คนนั้นล้มลง วิญญาณดวงใหม่ได้เข้ามาแทนที่.

เวิ่นจีฮ่าวเพิ่งจะหมดลมหายใจไป. ในตอนนั้นเองเขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขารอดจากอุบัติเหตุมาได้? หรือว่าความเจ็บปวดมันยังไม่มางั้นเหรอ?

วินาทีต่อมาเขาก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อขึ้นไปอีก เมื่อความทรงจำของเจ้าของร่างได้หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเขา.

เขาเพิ่งจะตายหลังจากส่งแก้ตัวอย่างโปรเจ็คครั้งที่10ไปให้หัวหน้าสุดเลวของเขา. เขารู้สึกดีใจมากที่ไม่ต้องส่งครั้งที่11ไปอีก.

ตอนนี้เขามีชีวิตอยู่.

บ้าเอ๊ย! ไหนละความว่างเปล่าหลังความตายที่เขาพูดกันน่ะ?

ตอนนี้เขากลับได้มาอยู่ในร่างของผู้ฝึกตนระดับชั้นนอก ขั้นขัดเกลาพลังปราณระดับ3 แถมยังมีนามว่า เวิ่นจีฮ่าวเหมือนกันอีก. ขัดเกลาพลังปราณคือขั้นแรกของการฝึกตน. เวิ่นจีฮ่าวคนเดิมเป็นพวกโชคร้ายที่เกิดมาเป็นคนประเภทที่ขยันแต่ก้าวหน้าได้ช้ามาก.

เวิ่นจีฮ่าวคนก่อนพยายามอย่างหนักแต่ก็เป็นได้แค่ผู้ฝึกตนขั้นขัดเกลาพลังปราณระดับสาม....เขาเริ่มจะปวดหัวซะแล้วสิ.

ชีวิตเครียดๆของเขาเพิ่งจบลงไปตะกี้นี้. เขาไม่ได้อยากจะมีชีวิตเครียดๆอีกเป็นชีวิตที่สอง! แล้วทำไมรอบๆมันเสียงดังจังวะ?!

“ศิษย์น้อง, เอายารักษาไหม?”

เวิ่นจีฮ่าวสบัดหัวไปมา เขากะพริบตาช้าๆให้กรรมการ. ร่างกายของเขารู้สึกปวดไปหมดแต่ก็พอทนไหว.

แต่ทำไมเขาต้องทนด้วย?

“หากศิษย์พี่เมตตา...” เวิ่นจีฮ่าวกล่าวเบาๆ.

“เอ้านี่.”

เวิ่นจีฮ่าวรับยาเม็ดเล็กๆมาแล้วพบว่าเขากลืนมันลงคอไปได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องกลืนน้ำตามเลย. ทันใดนั้นความรู้สึกอุ่นๆก็ไหลไปทั่วร่าง. ความรู้สึกอุ่นๆนั้นคือพลังปราณ. มันช่วยเปิดจุดชีพจรของเขาและทำให้หายปวดเมื่อย.

เวิ่นจีฮ่าวรู้สึกดีขึ้นอย่างไม่เคยมาก่อน! เขายิ้มให้ศิษย์พี่โอสถทองคำแล้วยืนขึ้นมา “ศิษย์น้องทราบซึ้งจริงๆครับ”

ผู้ฝึกตนโอสถทองคำมองเขาด้วยสายตาไม่ชอบใจ. เธอแค่เอายาระดับล่างสุดให้แค่นั้น เจ้าศิษย์ชั้นนอกคนนี้อยากจะเลียเธอรึไงกัน?

“ศิษย์น้องคนนี้ขอตัวล่ะครับ ข้าไม่รบกวนเวลาอันมีค่าของท่านแล้ว” เวิ่นจีฮ่าวคำนับให้เล็กน้อยแล้วจากไป.

ผู้ฝึกตนโอสถทองคำคนนั้นถอนหายใจออกมาแล้วลืมศิษย์น้องคนนั้นไปในทันที, เธอกลับไปทำงานกับกรรมการคนอื่นๆ.

หวัง ลี่ เหว่ยขมวดคิ้วไม่พอใจเมื่อเห็นเวิ่นจีฮ่าวกำลังเดินออกจากสนามประลอง “เวิ่นจีฮ่าว! เจ้าจะไปไหน!”

“รู้สึกยังไงบ้างล่ะที่เกือบจะชนะแต่ก็ไม่ชนะศิษย์พี่หวังน่ะ?” เพื่อนคนหนึ่งของหวังลี่เหว่ยกล่าวออกมา.

เวิ่นจีฮ่าวกะพริบตาให้ “เอ๋? ยินดีด้วยนะ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากสนทนาด้วย.

จากความทรงจำที่เขาได้มา, หวังลี่เหว่ยชอบรังแกและขัดขวางผู้ฝึกตนชั้นนอกคนอื่นมากๆ โดยเฉพาะ เวิ่นจีฮ่าวคนก่อน. เวิ่นจีฮ่าวคนก่อนมักขัดขืนอยู่บ่อยๆเพราะเขาต้องการสมาธิและอยากจะฝึกวิชาอย่างจริงจัง.

ทว่าเวิ่นจีฮ่าวคนนี้เป็นผู้ใหญ่แล้ว. เขาไม่สนเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับเด็กวัยรุ่นหรอกนะ (16-17-18-19ปี? ก็เด็กวัยรุ่นนั่นแหละ!)

จากนั้นเวิ่นจีฮ่าวก็ตรงไปทางออกเพื่อจะได้หลีกหนีจากฝูงชนเสียงดังนี้ให้เร็วที่สุด. การกระทำนี้ทำให้หวังลี่เหว่ยและศิษย์น้องของเขาโมโห. แต่พวกเขาก็ได้แต่เก็บอารมณ์เอาไว้ก่อน ไม่งั้นแล้วหวังลี่เหว่ยจะต้องถูกตัดสิทธิ์แน่ๆ.

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด