ตอนที่ 468 พลังของสุดยอดยานบัญชาการ
ตอนที่ 468 พลังของสุดยอดยานบัญชาการ
ภาพที่กองทัพพันธมิตรล่าถอยไม่ยอมปะทะยังคงติดตาทหารชาวเซิร์กไม่รู้ลืม พวกเซิร์กจึงคิดอยู่เสมอว่าทหารมนุษย์คือพวกขี้ขลาด และมักจะมีการพูดติดตลกว่าการรบในสงครามนี้ไม่ต่างจากการฝึกซ้อมรับมือสภาวะสงครามในระหว่างที่พวกเขายังคงอยู่ในค่ายฝึก
แต่ในวันนี้กองทัพพันธมิตรกลับทำตัวแตกต่างจากพฤติกรรมของพวกเขาในอดีต เพราะกองทัพเหล่านี้ไม่ยอมที่จะวิ่งหนีไปแต่ยืนหยัดต่อสู้บนแนวป้องกันตะวันตก ราวกับว่าพวกเขาต้องการปะทะกันจนถูกทำลายไปข้างใดข้างหนึ่ง
สถานการณ์ใน 2 วันที่ผ่านมานี้ยืนยันแล้วว่าทางฝ่ายมนุษย์ต้องการยืนหยัดต่อสู้กับเซิร์กจริง ๆ เพราะความเสียหายของทั้งสองฝ่ายเกือบจะเท่า ๆ กันและกองกำลังพันธมิตรก็ไม่ยอมให้ยานเซิร์กลำใดก้าวข้ามแนวป้องกันไปเลยแม้แต่ลำเดียว
แม้ว่าทาดินี่จะเป็นนักรบที่มีความใจเย็นมากที่สุดในเผ่าพันธุ์ แต่การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของกองทัพมนุษย์ก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอยู่พอสมควร โดยเฉพาะผลการต่อสู้ในวันที่ 2 ที่กองกำลังเซิร์กรุกหน้าไปได้แค่เพียงเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนแผนการจากการค่อย ๆ บุกจู่โจมเป็นการบุกจู่โจมเข้าไปอย่างเต็มกำลัง
เมื่อได้รับคำสั่งกองยานเต็มรูปแบบกว่า 1,000 กองยานก็บุกจู่โจมเข้าใส่แนวป้องกันของมนุษย์อย่างรวดเร็ว และด้วยการจู่โจมอันทรงพลังของกองยานเหล่านี้ มันจึงทำให้ดาวเคราะห์ป้อมปราการค่อย ๆ ถูกทำลายลงไปทีละดวง แต่ในขณะที่กองทัพมนุษย์กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่อยู่นั่นเอง จู่ ๆ การจู่โจมจากกองกำลังเซิร์กก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
เมื่อได้เห็นภาพจำลองของสนามรบ ไทสันก็ออกคำสั่งให้กองยานอิสระเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
—
ณ ยานบัญชาการโฮลี่กลอรี่ ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของกองกำลังเซิร์ก
“ใครก็ได้บอกฉันทีว่านี่มันเรื่องบ้าอะไร?! ทำไมพี่อูดี้ที่ฉลาดที่สุดในประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์ถึงเสียชีวิตลงง่าย ๆ แบบนี้!!”
เหล่าบรรดาทหารภายในห้องบัญชาการต่างก็ก้มหน้าลงปล่อยให้จอมพลทาดินี่ส่งเสียงอาละวาดอยู่คนเดียว
หลังจากทาดินี่ก่นด่าอยู่ครู่หนึ่งเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยหอบ แต่ภายในแววตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความโกรธ
“ท่านจอมพลกองทัพพันธมิตรเริ่มเคลื่อนไหวอีกแล้วครับ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเคลื่อนที่ออกมาจากแนวป้องกัน และต้องการจะเผชิญหน้ากับเราโดยตรง” พลสื่อสารร้องอุทานขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ดีมาก! เอาไอ้พวกมนุษย์บัดซบพวกนี้ไปคารวะราชาของพวกเราซะ! กระจายคำสั่งของฉันออกไปทันที พวกเราจะฆ่าไอ้พวกมนุษย์ที่น่ารังเกียจพวกนี้กันให้หมด!!” ทาดินี่ตะโกนออกคำสั่งอย่างโหดเหี้ยม
ไม่กี่วินาทีต่อมายานบัญชาการเซิร์กหลายพันลำก็เคลื่อนที่ไปในแนวหน้า โดยทิ้งยานรบรุ่นที่เล็กกว่าเอาไว้ด้านหลัง
กองยานมนุษย์ที่ถูกส่งออกมาอ่อนแอกว่ากองยานเซิร์กมาก ยานรบกว่า 1 ใน 3 ของกองหน้าจึงถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว พวกเขาจึงรีบล่าถอยกลับไปเพื่อตั้งหลักยังแนวป้องกัน
ทาดินี่ที่บ้าคลั่งไปแล้วเขาจึงไม่ยอมปล่อยกองยานพวกนี้ไปง่าย ๆ เขาจึงสั่งให้กองยานไล่ตามยานรบพวกนี้ไปจนถึงแนวป้องกันของศัตรู
แนวป้องกันตะวันตกของมนุษย์ถูกจัดรูปแบบเป็นแนวโค้งครึ่งวงกลมทันทีที่กองยานเซิร์กไล่ตามยานรบของมนุษย์ไป พวกเขาจึงถูกล้อมด้วยดาวเคราะห์ป้อมปราการเกือบทั้งหมดโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นบนหน้าจอเรดาร์ก็มีแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน พลสื่อสารจึงรีบรายงานออกไปด้วยความรวดเร็ว
“สัญญาณเรดาร์ตรวจจับกองยานของมนุษย์อีกสองที่วาร์ปมาปรากฏตัวทางด้านหลังของพวกเราครับ แต่เมื่อพิจารณาจากสัญญาณมันก็ดูเหมือนกับว่ายานของฝ่ายตรงข้ามจะมีขนาดใหญ่กว่ายานบัญชาการของพวกเราหลายสิบเท่า!!”
“กระจายคำสั่งไปให้กองยานปีกซ้ายกับขวาป้องกันอย่าให้ศัตรูจู่โจมพวกเราจากทางด้านหลัง ส่วนกองยานหลักเดินหน้าต่อไปห้ามหยุดชะงักแม้แต่วินาทีเดียว” ทาดินี่กัดฟันตะโกนสั่งการแม้ว่าเขาจะรู้สึกตกตะลึงกับขนาดยานของมนุษย์ที่ใหญ่กว่าพวกเขานับสิบเท่าก็ตาม
“ท่านจอมพลพวกเราได้รับการยืนยันแล้วครับว่ากองยานที่พึ่งปรากฏตัวขึ้นมานี้คือกองยานอิสระของมนุษย์” พลสื่อสารกล่าวรายงานอย่างกระวนกระวายอีกครั้ง
ยานบัญชาการในกองยานอิสระเป็นยานบัญชาการรุ่นใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่ายานบัญชาการทั่วไปหลาย 10 เท่า ซึ่งทางฝั่งของเซิร์กเกรงกลัวพลังอำนาจของกองยานอิสระมาก พวกเขาจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายกองยานอิสระกองนี้ลง
น่าเสียดายที่ตั้งแต่สงครามได้เริ่มต้นขึ้นกองยานอิสระไม่เคยปรากฏตัวในสนามรบเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ในขณะที่สงครามกำลังจะดำเนินไปจนถึงจุดแตกหัก กองยานอิสระก็ยอมปรากฏกายของพวกมันออกมาเสียที แต่ขนาดของยานบัญชาการขนาดใหญ่นั้นก็ยังทำให้แม้แต่จอมพลทาดินี่ยังต้องสะดุ้งด้วยความตกใจอยู่เล็กน้อย
“พวกมันบุกมาทางด้านหลังงั้นเหรอ?” ทาดินี่พึมพำกับตัวเอง
“เรียนท่านจอมพลตอนนี้กองยานปีกซ้ายกับปีกขวาของเรากำลังป้องกันการจู่โจมจากดาวเคราะห์ป้อมปราการอยู่ครับ ผมเกรงว่าตอนนี้พวกเราถูกมนุษย์ปิดล้อมเอาไว้จนหมดแล้ว” พลสื่อสารกล่าวรายงานอย่างกระวนกระวาย
สุดยอดยานบัญชาการของมนุษย์น่ากลัวมากจนทำให้ยานรบขนาดเล็กที่ถูกทิ้งอยู่ทางด้านหลังไม่สามารถที่จะต่อต้านยานลำนี้ได้ ส่วนกองกำลังยานบัญชาการของเซิร์กที่กระจุกตัวอยู่ด้านหน้าก็กำลังต้อนรับการโจมตีจากดาวเคราะห์ป้อมปราการ ทำให้การป้องกันทางด้านหลังของพวกเขาเกือบที่จะว่างเปล่าโดยสมบูรณ์
ทาดินี่พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองลง เนื่องมาจากข่าวการเสียชีวิตของอูดี้ได้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของเขามากพอสมควร และถึงแม้ว่ากองกำลังของพันธมิตรจะมีจำนวนอยู่ไม่มากนัก แต่ถ้าหากว่าเขาตัดสินใจอะไรผิดพลาดไปมันก็จะทำให้กองกำลังของเซิร์กถูกจู่โจมอย่างร้ายแรง
แต่ในทันใดนั้นเฟยมี่ก็เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาภายในห้อง
“สงครามกำลังเข้มข้น แล้วนายหายไปไหนมา?” ทาดินี่กล่าวถาม
“ท่านจอมพลผมมีเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องรีบรายงาน” เฟยมี่กล่าว จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปกระซิบข้อความที่หูของทาดินี่
“ท่านจอมพลผมฝากทักทายอูดี้ด้วยนะ”
ฉึก!
หลังจากพูดจบเฟยมี่ก็แทงมีดสั้นเข้าใส่ทาดินี่อย่างกะทันหัน จนทำให้ใบมีดถูกแทงทะลุจากด้านหน้าไปจนถึงด้านหลังในการจู่โจมเพียงครั้งเดียว
—
ขณะนี้กองยานอิสระประกอบไปด้วยกองยานขนาดใหญ่ 60 กองและกองยานจู่โจมเสริมที่เดินทางมาเข้าร่วมอีก 30 กอง ทำให้ภายในกองยานมียานเดรดนอตจำนวน 279 ลำและยานแครีเออร์อีกทั้งสิ้น 385 ลำ
นี่คือกองยานที่แข็งแกร่งที่สุดในกองกำลังพันธมิตรปัจจุบัน แล้วพวกเขาก็กำลังบุกเข้าจู่โจมกองยานเซิร์กจากทางด้านหลังและจู่โจมทำลายยานรบทั้งหมดที่ขวางทาง
ตูม!
ยานเดรดนอตจู่โจมด้วยปืนใหญ่อันทรงพลัง ซึ่งการจู่โจมในแต่ละครั้งก็สามารถที่จะสร้างความเสียหายให้กับยานประจัญบานของเซิร์กอย่างหนัก
ในระหว่างการโจมตียานเดรดนอตเหล่านี้ได้เปิดใช้งานชิพประจัญบานในระหว่างการจู่โจมอีกด้วย เมื่อเปิดใช้งานชิพชนิดพิเศษนี้ยานเดรดนอตจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เป็นเวลานาน แลกมากับการเสริมประสิทธิภาพให้กับอำนาจทำลายล้าง มันจึงมักถูกใช้ในสถานการณ์ที่คิดจะแลกเป็นแลกตายกับศัตรู
แต่ถึงกระนั้นยานเดรดนอตเป็นจำนวนมากก็ได้เปิดใช้งานชิพประจัญบานตั้งแต่พวกเขาเริ่มเข้าสู่สนามรบ ซึ่งมันก็หมายความว่ากองยานเหล่านี้ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ว่าพวกเขาจะยืนหยัดต่อสู้ในจุดนี้จนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกทำลายจนสิ้นซาก
ขณะเดียวกันยานแครีเออร์ก็ปล่อยโดรนรบหนักออกไปต่อสู้เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งโดรนรบหนักแต่ละลำมีพลังป้องกันและพลังทำลายเทียบเท่ากับยานฟริเกตเลยทีเดียว โดยยานแครีเออร์ 1 ลำสามารถปล่อยโดรนรบหนักออกไปได้ทั้งสิ้น 150 ลำ สถานการณ์ในปัจจุบันจึงเต็มไปด้วยโดรนรบหนักทั้งสิ้น 57,750 ลำบินจู่โจมไปทั่วทั้งสนามรบ
แต่การจู่โจมของยานเหล่านี้ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด เนื่องจากทั้งยานเดรดนอตและยานแครีเออร์ต่างก็ทำหน้าที่คอยเปิดเส้นทางให้กับนักรบที่แท้จริงเท่านั้น เพราะนักรบที่แท้จริงของกองยานอิสระมันก็คือสุดยอดยานบัญชาการขนาดใหญ่
สุดยอดยานบัญชาการสามารถที่จะปล่อยโดรนแครีเออร์ขนาดใหญ่ออกไปได้ 60 ลำ ซึ่งโดรนแครีเออร์แต่ละลำสามารถที่จะปล่อยโดรนรบระเบิดหนักออกไปได้ทั้งสิ้นถึง 2,000 ลำ
หากวัดกันที่ชื่อเรียกมันก็ไม่มีความแตกต่างระหว่างโดรนรบหนักกับโดรนรบระเบิดหนักมากนัก แต่ถ้าหากวัดกันที่ความสามารถโดรนทั้งสองชนิดนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
โดรนรบหนัก 1 ลำมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยานฟริเกตระดับสูง แต่ยานรบระเบิดหนักมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยานฟริเกตรุ่นใหม่ มันจึงทำให้ยานรบระเบิดหนักมีพลังทำลาย, ความเร็วในการเคลื่อนที่และความคล่องตัวในสนามรบมากยิ่งกว่า
โดรนรบระเบิดหนักเข้าใกล้ยานรบของศัตรูด้วยความรวดเร็ว และเมื่อพวกมันเข้าถึงระยะการยิงพวกมันก็เริ่มยิงขีปนาวุธออกไปพร้อมกัน จนก่อให้เกิดพายุขีปนาวุธอันสว่างไสวท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมิด แล้วมันก็เป็นการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวมาก
ในเวลาเดียวกันเพียงแค่ข่าวการเสียชีวิตของอูดี้ก็มากพอจะทำให้ทหารเซิร์กรู้สึกกระสับกระส่ายแล้ว แต่หลังจากนั้นอีกไม่นานแม้แต่ผู้บัญชาการอย่างทาดินี่ก็เสียชีวิตลงเช่นกัน มันจึงทำให้กองกำลังเซิร์กตกอยู่ในสภาวะไร้ผู้นำในทันที
กองยานอิสระย่อมไม่พลาดโอกาสที่ดีแบบนี้ไป พวกเขาจึงบุกเข้ามาจากทางด้านหลังและทำลายยานรบทุกลำที่ขวางทาง
มันมีเฉพาะยานบัญชาการเท่านั้นที่สามารถต้านทานการจู่โจมระลอกแรกของโดรนรบระเบิดหนักได้ แต่ถ้าหากว่ายานบัญชาการพวกนั้นยังคงโดนโดรนรบระเบิดหนักจู่โจมเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง มันก็เป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาก่อนที่ยานบัญชาการจะถูกทำลายลง
—
6 ชั่วโมงต่อมา
“ตอนนี้การประชุมคณะรัฐมนตรีของเซิร์กสิ้นสุดลงแล้ว ผลการประชุมออกมาอย่างเอกฉันท์ว่าชิววี่จะขึ้นรักษาการบัลลังก์แห่งเต็นท์ทองคำเป็นการชั่วคราว ส่วนใครจะเป็นผู้ครองบัลลังก์คนต่อไปจะถูกประกาศอีก 72 ชั่วโมงหลังจากนี้ แต่เนื่องจากพวกผีเสื้อเป็นพวกต่อต้านสงครามอยู่แล้ว ผมจึงคาดการณ์ว่าทางเซิร์กคงจะยื่นคำขอยุติสงครามไปยังพันธมิตรในไม่ช้า” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างใจเย็น
ไทสันพยักหน้ารับโดยไม่ถามซ้ำว่าข้อมูลพวกนั้นคือความจริงหรือเปล่า เพราะข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าข้อมูลทุกอย่างที่เซี่ยเฟยให้เขามาไม่เพียงแต่จะเป็นข้อมูลที่เป็นจริงเท่านั้น แต่มันยังเป็นข้อมูลที่สำคัญในสภาวะสงครามแบบนี้อีกด้วย
“ส่วนเรื่องความวุ่นวายในกองยานเซิร์กที่คุณพูดถึงในก่อนหน้านี้ผมก็ได้ลองตรวจสอบข้อมูลดูแล้ว ปรากฏว่าจอมพลทาดินี่ผู้ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองยานเซิร์กได้ถูกลอบสังหารเมื่อประมาณ 6 ชั่วโมงก่อน ในระหว่างที่พันธมิตรกำลังจู่โจมโต้กลับเข้าใส่พวกเซิร์กพอดี”
“ลอบสังหาร? มีการลอบสังหารตอนที่พวกเรากำลังโต้กลับเนี่ยนะ เรื่องนี้มันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่าหรือว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย?” ไทสันกล่าวถาม
“ท่านจอมทัพผมเพิ่งจะรู้ข่าววันนี้เมื่อไม่นานมานี้เอง แล้วผมจะรู้เรื่องที่ทาดินี่ถูกลอบสังหารได้ยังไง” เซี่ยเฟยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
“ก่อนหน้านั้นอูดี้ก็ถูกสังหาร ก่อนที่น้องชายของเขาจะถูกลอบสังหารด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าฉันจะมองยังไงเรื่องนี้มันก็น่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน แต่ช่างมันเถอะฉันก็แค่ลองถามดูเฉย ๆ” ไทสันกล่าวพร้อมกับหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ
“สถานการณ์ที่แนวป้องกันเป็นยังไงบ้างครับ?” เซี่ยเฟยถามเปลี่ยนเรื่อง เพราะเขาไม่ต้องการคุยเรื่องที่ตัวเองมีความเกี่ยวพันกับเซิร์กมากเกินไป
“สถานการณ์ยังค่อนข้างน่าเป็นห่วง โชคยังดีที่พวกเราได้ใช้โอกาสในระหว่างที่กองกำลังเซิร์กกำลังตื่นตระหนก ทำให้พวกเราทำลายยานรบของพวกเขาไปได้ถึง 1 ใน 3 ในคราวเดียว ตอนนี้ทางฝั่งของเราจึงค่อนข้างได้เปรียบอยู่เล็กน้อย ซึ่งน่าจะเป็นเพราะทางเซิร์กขาดผู้นำที่มีประสบการณ์มากพอ” ไทสันกล่าว
“อีกไม่นานพวกเขาก็คงจะได้รับคำสั่งให้ล่าถอย แต่คุณจะยอมปล่อยให้ศัตรูหนีไปหรือไม่ อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของจอมทัพอย่างคุณ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะทำลายยานพวกนั้นลงเหมือนกัน แต่เดี๋ยวฉันขอพิจารณาสถานการณ์ในตอนนั้นก่อน ว่าแต่คุณวางแผนที่จะกลับมายังพันธมิตรเมื่อไหร่?” ไทสันกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“หลังจากสงครามบ้า ๆ นี่จบลง ผมก็คงจะรีบมุ่งหน้ากลับไปในทันที แต่ก่อนจะกลับไปผมขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหมครับ?”
“ขออะไร?”
“ใบอนุญาตครอบครองยานบัญชาการครับ”
“คุณมียานบัญชาการตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตอนนี้ผมยังไม่มีครับ แต่หลังจากกลับไปถึงพันธมิตรตอนนั้นผมก็น่าจะมียานบัญชาการสักลำแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
***************
มีใครคิดออกบ้างว่าพี่เฟยจะไปเอายานบัญชาการมาจากไหน อิอิ