ตอนที่ 467 ถึงเวลาของกองยานอิสระ
ตอนที่ 467 ถึงเวลาของกองยานอิสระ
สถานการณ์แย่งชิงอำนาจภายในดินแดนเซิร์กยังคงดำเนินต่อไป และเซี่ยเฟยก็ยังคงสังเกตทุกการเคลื่อนไหวเพื่อคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้
ในช่วงเวลานี้เขาก็ได้ติดต่อไปหาชาร์ลีเพื่อถามความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบนดาวโลก
โชคดีที่ประธานาธิบดีอู่หลงได้ร่วมมือกันกับบริษัทควอนตัม พวกเขาจึงสามารถอพยพชาวโลกมากกว่า 6,000 ล้านคนได้สำเร็จ ซึ่งประชาชนในส่วนที่เหลือส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลกับคนชราบางส่วนที่ไม่ต้องการละทิ้งบ้านของตัวเอง และพวกคลั่งลัทธิอะไรสักอย่างที่เชื่อว่าเซิร์กคือผู้กอบกู้มนุษย์โลก พวกเขาจึงเชื่อว่าเซิร์กเดินทางมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือมากกว่ารุกราน
สิ่งที่ทำให้เซี่ยเฟยประหลาดใจคือบริษัทควอนตัมไม่เพียงแต่จะรอดพ้นจากการล้มละลายในวิกฤตครั้งนี้เท่านั้น แต่บริษัทยังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย เพราะชาร์ลีได้อาศัยช่วงเวลาชุลมุนรับซื้อยานขนแร่เข้ามาเป็นจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นในระหว่างที่เกิดความวุ่นวายเจ้าของธุรกิจเป็นจำนวนมากยังรีบหนีไปและทิ้งลูกน้องของพวกเขาเอาไว้อย่างเดียวดาย
อย่างไรก็ตามชาร์ลีปฏิบัติต่อพนักงานทุกคนในบริษัทควอนตัมเป็นอย่างดี รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวของพนักงานเหล่านั้นด้วย ซึ่งความเอื้ออาทรที่ชาร์ลีมีให้กับพนักงานทุกคนเช่นนี้นี่เอง มันจึงทำให้เรื่องของบริษัทควอนตัมถูกพูดต่อ ๆ กันไปอย่างกว้างขวาง และมันก็ดึงดูดพนักงานอาวุโสที่ถูกทอดทิ้งเข้ามาในบริษัทได้หลายคน
บางครั้งความจริงใจก็มีค่ามากกว่าเงินทอง เมื่อบริษัทควอนตัมยังคงยืนหยัดปฏิบัติต่อพนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียมแม้ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก พนักงานหลาย ๆ คนจึงตัดสินใจขายสมบัติชิ้นสำคัญให้กับบริษัทเพื่อแลกเปลี่ยนกับอาหารและยา เพื่อเป็นการไม่เอาเปรียบบริษัทในช่วงยากลำบากมากเกินไป
สำนวนที่ว่าเก็บสมบัติเอาไว้ในยามรุ่งเรืองและเก็บทองคำเอาไว้ในยามสงครามยังคงใช้การได้อยู่เสมอ และถึงแม้ว่าสมบัติที่เหล่าพนักงานนำมาแลกเปลี่ยนจะมีค่าน้อยในยามสงคราม แต่หากวันหนึ่งพันธมิตรกลับคืนสู่สภาวะปกติสมบัติเหล่านี้ก็จะกลับมามีมูลค่ามหาศาล
ชาร์ลีถือได้ว่าเป็นนักธุรกิจโดยกำเนิดและเซี่ยเฟยก็พอใจมากที่ชาร์ลีจัดการบริษัทได้ดีแม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาสงคราม นอกจากนี้กองยานปฏิบัติการของบริษัทควอนตัมยังกำลังเร่งกระบวนการผลิตสินค้าอยู่ในแนวรับด้านทิศตะวันตก เพื่อนำส่งสินค้าให้กับทางกองทัพเอาไว้ใช้ตลอดเวลา
ส่วนซาร่าก็เป็นผู้นำกองยานพลเรือนหลบหนีเข้าไปในดินแดนของชาวนาวี และอยู่ห่างจากกองยานที่ 1 ของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดของแอวริลไม่ไกลมากนัก
—
แนวรับทางทิศตะวันตก
พวกเซิร์กตัดสินใจกวาดล้างกองทัพของมนุษย์ให้สิ้นซาก พวกเขาจึงทำการปิดล้อมเส้นทางทั้งหมดและใช้ปืนใหญ่เข้ายิงจากระยะไกลเพื่อทำลายกองทัพพันธมิตรลงอย่างช้า ๆ
ท้ายที่สุดจำนวนของกองกำลังทั้งสองฝ่ายก็แตกต่างกันหลายเท่า และแนวป้องกันตะวันตกจะพังทลายลงเมื่อไหร่มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเพียงเท่านั้น
กองทัพพันธมิตรอาศัยดาวเคราะห์ป้อมปราการในการช่วยป้องกันเพื่อลดความสูญเสียให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด ขณะที่กองยานอิสระซึ่งเป็นกองยานที่แข็งแกร่งที่สุดในพันธมิตรก็ยังไม่เข้าร่วมรบตั้งแต่เริ่มสงคราม ทำให้เหล่าบรรดาหัวกะทิภายในกองยานแทบที่จะไม่สามารถทนรับความอัปยศในจิตใจของพวกเขาได้แล้ว
“ท่านจอมพลพวกเราเคลื่อนกองกำลังไปสู้กับศัตรูกันเถอะ”
“ใช่แล้วท่านจอมพล พี่น้องของพวกเรากำลังพยายามต่อสู้อย่างสิ้นหวัง แต่พวกเรากลับอยู่แนวหลังโดยไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าหากว่าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไปกองยานอิสระของพวกเราก็คงจะเป็นแค่คนขี้ขลาดในสายตาของคนอื่น”
“ถ้าเราไม่สู้พันธมิตรจะแพ้แล้วนะครับ”
กัปตันยานรบมากกว่า 60 คนร่วมประชุมกับจอมพลเลย์ตัน โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ขอให้พวกเขาได้เข้าสู่สนามรบเสียที
“ทุกคนหยุดได้แล้ว! พวกนายคิดว่าฉันไม่อยากจะออกไปสู้งั้นเหรอ? อย่าลืมนะว่าฉันต้องสั่งให้กองยานทางเหนือถอยร่นลงมาจนถึงแนวป้องกันทางทิศตะวันตกแล้ว พวกนายคิดว่ามันจะมีใครรู้สึกอัปยศมากกว่าฉันอีกไหม?!” เลย์ตันคำรามออกมาอย่างดุเดือด
เหล่าบรรดากัปตันยานพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะในตอนนี้จอมพลเลย์ตันได้กลายเป็นพวกขี้ขลาดในสายตาของประชาชนหลาย ๆ คนแล้ว เนื่องจากตั้งแต่เริ่มต้นสงครามเขายังไม่เคยเข้าสู่สนามรบเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่ใครล่ะจะเข้าใจความยากลำบากของกองทัพ เพราะตั้งแต่คำสั่งแรกที่พวกเขาได้รับคือการพยายามปกป้องช่วยเหลือให้พลเรือนทำการอพยพ เหล่าบรรดาทหารในกองทัพจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งถึงแม้ว่าในใจพวกเขาจะอยากออกไปสู้ในแนวหน้ามากแค่ไหน และแม้ว่าการทำตามคำสั่งนั้นจะทำให้พวกเขาถูกด่าทอว่าเป็นพวกขี้ขลาดก็ตาม
“แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีทางถอยและพวกเราก็ไม่มีใครต้องปกป้องแล้วนะครับ” กัปตันผมบลอนด์กล่าว
“นายต้องเชื่อใจฉันและนายก็ต้องเชื่อใจไทสัน เหตุผลที่พันธมิตรจัดตั้งกองยานอิสระขึ้นมานั่นก็เพราะพวกเราเตรียมพร้อมเข้าร่วมสงคราม และเมื่อไหร่ก็ตามที่สงครามต้องการพวกเราไทสันย่อมปล่อยพวกเราออกไปจัดการกับศัตรูอย่างไม่ลังเล” เลย์ตันกล่าว
“ท่านจอมทัพบอกมาแบบนั้นเหรอครับ?”
“จอมทัพไทสันสั่งการให้ฉันเตรียมตัวรับคำสั่งเอาไว้ให้พร้อม ครั้งนี้กองยานอิสระจะมีบทบาทสำคัญที่สุดในสงคราม” เลย์ตันกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
เมื่อได้ฟังคำอธิบายกัปตันทุกคนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และถึงแม้ว่าสถานการณ์ในพันธมิตรจะย่ำแย่ลงไปเรื่อย ๆ แต่ความไว้วางใจของทุกคนที่มีต่อจอมพลไทสันก็ไม่เคยลดลงเลยแม้แต่น้อย
ในความเป็นจริงนอกเหนือจากกองยานปราบรามที่ถูกส่งไปยังเขตทุ่งดาวแห่งความตายและกองยานทางเหนือที่ประสบความสูญเสียอย่างหนัก กองกำลังหลักของพันธมิตรในส่วนที่เหลือก็ยังไม่ได้รับความเสียหายที่ร้ายแรงตั้งแต่เริ่มสงคราม ซึ่งความแข็งแกร่งของกองยานก็ยังคงสภาพเอาไว้ได้ถึงประมาณ 70%
เมื่อกองยานหลักของกองทัพรวมกำลังกับกองยานส่วนตัวขององค์กรขนาดใหญ่อย่างเช่นองค์กรจัสทิสและองค์กรเฮอร์มิท มันจึงทำให้พวกเขายังคงสามารถต่อต้านกองกำลังเซิร์กมาได้จนถึงตอนนี้ แม้ว่าพวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบมากเพียงใดก็ตาม
“ในเมื่อท่านจอมทัพมีคำสั่งแบบนั้น พวกเราก็จะรอ”
“ในฐานะทหารถ้าหากว่าเราไม่ได้มีโอกาสปกป้องบ้านเกิด พวกเราก็คงจะเสียใจไปจนวันตาย”
“ท่านจอมพลเลย์ตันคุณพอจะบอกพวกเราสักเล็กน้อยได้ไหมว่าพวกเราจะต้องรออีกนานแค่ไหน? ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนของเราทั้งหมด มันไม่มีทางที่แผนการจะรั่วไหลออกไปยังฝ่ายตรงข้ามหรอก”
“เชื่อฉันเถอะว่ามันใกล้จะถึงเวลาแล้ว” เลย์ตันกล่าวตอบพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่าง
—
ณ เมืองหลวงของเผ่าพันธุ์เซิร์ก
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เซี่ยเฟยได้ตกลงกับเหล่าผู้พิทักษ์ของเทพเจ้าขาวดำเพื่อทำการปิดไซเรนฮิลล์ลงแล้ว
“หุบเขาไซเรนฮิลล์ปิดตัวลงอย่างกะทันหันและไม่มีใครทราบว่าอูดี้อยู่ที่ไหน?” อันธอ่านหัวข้อข่าวด้วยแววตาที่ตื่นเต้น
“ข้อมูลของอูดี้ถือว่าเป็นข้อมูลลับระดับสุดยอด และพวกเต็นท์ทองคำคงจะไม่นำข้อมูลนี้มาเปิดเผยต่อสาธารณะง่าย ๆ พวกชิววี่เลยใช้โอกาสนี้ปล่อยข่าวออกมาในกองทัพเพื่อสร้างความปั่นป่วน พวกเขาจะได้ครองบัลลังก์ได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับใช้มือตบหน้าขาอย่างรุนแรง
การที่จู่ ๆ ไซเรนฮิลล์ปิดตัวลงมันก็หมายความว่ากองกำลังทั้ง 100,000 คนที่ถูกส่งเข้าไปด้านในถูกกวาดล้างจนหมดแล้ว และหนึ่งในกองกำลังนั้นก็รวมถึงราชาแห่งเต็นท์ทองคำอย่างอูดี้ด้วย
“ถ้ากองทัพรู้ข่าววันนี้อีกไม่นานประชาชนทั่วทั้งเผ่าพันธุ์เซิร์กก็คงจะได้ข่าวด้วยเหมือนกัน ถึงเวลานั้นมันก็คงจะไม่มีใครหยุดไม่ให้เกิดความโกลาหลกลางเมืองได้” อันธกล่าว
12:07 น. ชิววี่เสนอให้จัดประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉินเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้น
12:10 น. กรมทหารองครักษ์ได้ประกาศกฎอัยการศึกครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่ของเมืองหลวง ทำให้ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าออกพื้นที่เว้นแต่จะได้รับอนุญาต
12:14 น. เนื่องจากความตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง โอวีผู้ซึ่งเป็นหลานชายของอูดี้จึงได้รับบาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
12:16 น. โหรหลวงทั้งห้าที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดได้ออกมาประกาศว่าความฝันของบิทินี่คือนิมิตที่เป็นความจริง และมีเพียงเด็กในท้องของเธอเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะเป็นทายาทคนต่อไป
12:19 น. ทูตที่ถูกส่งตัวไปขอคำแนะนำจากนักพรตเลยูตี้ได้ประกาศออกมาว่า นักพรตเลยูตี้เดินทางออกจากเมืองหลวงไปแล้วและไปแอบฝึกตนอยู่ในมุมมืดของจักรวาล
เลยูตี้เป็นบุคคลพิเศษในเผ่าพันธุ์และคำสั่งของเขาเพียงคำสั่งเดียวก็มากเพียงพอที่จะลบล้างความพยายามทั้งหมดของชิววี่ได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเมื่อนักพรตคนนี้เริ่มออกเดินทางปลีกวิเวก แผนการยึดบัลลังก์ของชิววี่จึงดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น
—
“นี่มันก็ครบ 48 ชั่วโมงแล้วนะ ไหนล่ะความเปลี่ยนแปลงที่คุณบอกก่อนหน้านี้?” ไทสันชี้นิ้วไปยังนาฬิกาจับเวลาขณะที่ยังคงจ้องมองใบหน้าของเซี่ยเฟยอย่างสงบ
“อีกไม่เกิน 5 ชั่วโมงข่าวการเสียชีวิตของอูดี้คงจะถูกส่งไปถึงกองทัพเซิร์กในพันธมิตร ซึ่งในเวลานั้นเหล่าบรรดาทหารก็คงจะตกอยู่ในความสับสน” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างสบาย ๆ
“นี่คือเรื่องจริงเหรอ?!” ไทสันอุทานด้วยแววตาที่เบิกกว้าง
“จริง ๆ แล้วอูดี้เสียชีวิตเมื่อ 2 วันก่อนด้วยมือของผมนี่แหละ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
ไทสันอดที่จะแสดงท่าทางตกตะลึงออกมาไม่ได้จริง ๆ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจว่าเซี่ยเฟยสังหารอูดี้ได้ยังไงตราบใดก็ตามที่เรื่องนี้คือเรื่องจริงมันก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
“ทำไมถึงต้อง 5 ชั่วโมง?” ไทสันถาม
“เมื่อ 20 นาทีก่อนข่าวเรื่องอูดี้เพิ่งจะถูกเผยแพร่ในเครือข่ายภายในของทหาร แต่พวกเซิร์กไม่มีระบบเรดาร์แบล็คแบท ดังนั้นแม้แต่วิธีการสื่อสารที่เร็วที่สุดก็ยังจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการส่งสัญญาณ 5 ชั่วโมง” เซี่ยเฟยตอบ
“ฉันเข้าใจแล้ว... ขอบคุณมาก” ไทสันกล่าวขอบคุณหลังจากหยุดนิ่งไป 2-3 วินาที
—
เซิร์กใช้กลยุทธ์บุกจู่โจมอย่างเชื่องช้า โดยการใช้ปืนใหญ่ของยานรบค่อย ๆ ถล่มศัตรูไปเรื่อย ๆ
ภาพด้านหน้าของพวกเขาคือโดรนที่ถูกส่งเข้าไปจู่โจมทั่วทั้งท้องฟ้าราวกับพายุฝนที่โหมกระหน่ำ ขณะเดียวกันมันก็มีลำแสงจากปืนใหญ่ถูกยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดเปลวไฟลุกท่วมไปทั่วทุกที่
ด้วยการจู่โจมอย่างบ้าคลั่งของกองกำลังเซิร์กแบบนี้นี่เอง พวกมันจึงค่อย ๆ ทำลายดาวเคราะห์ป้อมปราการลงไปทีละดวง และค่อย ๆ รุกคืบเข้าสู่เป้าหมายรายต่อไปเรื่อย ๆ
แต่ในทันใดนั้นการจู่โจมของเซิร์กก็หยุดลงอย่างกะทันหัน แม้แต่โดรนต่อสู้ก็ยังบินวนไปรอบ ๆ คล้ายกับว่าพวกมันสูญเสียเป้าหมาย
ในสนามรบเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ยากมาก แล้วมันจะต้องมีสถานการณ์อะไรบางอย่างที่ผิดปกติมากแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะไม่มีการหยุดชะงักขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุแบบนี้
ในเวลาเดียวกันเหล่าบรรดากัปตันของกองยานอิสระก็กำลังมองไปทางเลย์ตันอย่างกระตือรือร้น เพราะจอมพลคนนี้กำลังพูดคุยกับไทสันด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น
หลังจากตัดการเชื่อมต่อไปเลย์ตันก็เงียบไป 2-3 วินาที ก่อนที่เขาจะส่งเสียงตะโกนอย่างปลดปล่อยความบ้าคลั่งภายในใจ
“พี่น้องมันถึงเวลาแล้ว!”
คำพูดง่าย ๆ เพียงแค่ไม่กี่คำทำให้ทหารทุกคนในกองยานอิสระส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง แม้กระทั่งช่างซ่อมประจำยานและแพทย์พยาบาลภายในยานก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
“พี่น้อง! ในที่สุดก็ถึงเวลาของพวกเราแล้ว!!”
“กองยานอิสระไม่ใช่พวกขี้ขลาด เราไปทำให้พวกมันรู้กันเถอะว่าพวกเราแข็งแกร่งแค่ไหน!”
“ยานรบทุกลำอยู่ในสถานะเตรียมพร้อม เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคำสั่งจากไทสันพวกเราจะเริ่มออกเดินทางทันที” เลย์ตันตะโกนสั่งการเสียงดัง
—
เมื่อทาดินี่ได้รับข่าวการเสียชีวิตของอูดี้ เขาก็รู้สึกโกรธมากถึงขนาดสังหารทหารที่นำข่าวสารมาบอกเขาอย่างโหดร้าย
ทหารที่อยู่รอบ ๆ ทาดินี่ต่างก็รีบก้มหน้าลงโดยไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบสายตาเลยแม้แต่นิดเดียว มีเพียงนักรบตั๊กแตนอย่างเฟยมี่คนเดียวเท่านั้นที่หายตัวไปจากฝูงชน
เฟยมี่หยิบเครื่องสื่อสารออกมาจากมุมห้องพร้อมกับอ่านข้อความที่ถูกส่งมาอย่างเงียบ ๆ จากนั้นเขาก็หยิบมีดออกมาจากลิ้นชัก ซึ่งบนนั้นคือสัญลักษณ์ของด้วงดำซึ่งเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดระดับ 3 ของเผ่าพันธุ์เซิร์ก
เมื่อทำการติดตั้งอาวุธเรียบร้อยแล้ว เฟยมี่ก็เดินกลับไปยังห้องบัญชาการที่ทาดินี่ได้อาศัยอยู่
***************