ตอนที่ 466 แย่งชิงบัลลังก์
ตอนที่ 466 แย่งชิงบัลลังก์
“ทุกเผ่าพันธุ์ที่ได้พิมพ์เขียวของยานไททันไปต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกทำลายจนสูญพันธุ์ด้วยเช่นกัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
“เป็นไปได้ไหมว่าพวกผู้ใช้กฎก็กลัวยานไททันด้วยเหมือนกัน? แต่มนุษย์โบราณก็ถูกจัดการด้วยหุ่นยนต์นะ ทำไมมันถึงดูไม่สอดคล้องกับเรื่องที่นายเล่ามาเลย ถ้าทุกเผ่าพันธุ์ที่ครอบครองพิมพ์เขียวจะต้องถูกทำลายมนุษย์โบราณก็ควรจะต้องถูกกำจัดโดยพวกผู้ใช้กฎสิ” อันธกล่าว
“ปัญหาเรื่องนี้ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แล้วมันก็คงจะมีเพียงแค่การออกตามหาเทพธิดาผู้พิทักษ์เท่านั้น เราจึงจะสามารถไขคำตอบได้ว่าทำไมเธอถึงออกคำสั่งให้หุ่นยนต์ทำลายมนุษย์” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่อย่างหมดหนทาง
หลังจากพูดมาจนถึงจุดนี้เซี่ยเฟยกับอันธก็หันไปมองกระป๋องพร้อม ๆ กัน แน่นอนว่าหุ่นยนต์ตัวเล็กย่อมไม่ได้รับรู้ถึงบทสนทนาระหว่างชายหนุ่มกับวิญญาณนักฆ่า มันจึงถามขึ้นมาด้วยความร่าเริงว่าเซี่ยเฟยต้องการน้ำผลไม้เพิ่มสักแก้วหนึ่งไหม
เซี่ยเฟยกับอันธพูดไม่ออกไปชั่วขณะและพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะเชื่อมโยงหุ่นยนต์เข้ากับการทำลายล้างเผ่าพันธุ์อย่างปริศนาในอดีตได้จริง ๆ เพราะไม่ว่าพวกเขาจะมองยังไงหุ่นยนต์อย่างกระป๋องก็เป็นเพียงแค่หุ่นยนต์รับใช้ที่ซื่อสัตย์ และมันก็ไม่เคยแสดงให้เห็นท่าทีที่ชั่วร้ายออกมาเลยแม้แต่น้อย
“พวกมนุษย์โบราณจะพยายามออกค้นหาพิมพ์เขียวของยานไททันไปทำไม? ในเมื่อพวกเขาก็มีพิมพ์เขียวนี้อยู่ในมือ” อันธถามอย่างสงสัย
“ถ้าหากพิจารณาจากกล่องกับแม่กุญแจนี้ พวกมันก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างปราณีตและมีความทนทานสูงมาก ไม่แน่พวกมันอาจจะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจากมนุษย์โบราณ แต่อาจจะเป็นเผ่าพันธุ์อู่หลานผู้ซึ่งเป็นคนคิดค้นยานไททันขึ้นมา”
“อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะทันได้ส่งมอบมันให้กับมนุษย์ พวกเขาก็คงจะสัมผัสได้ถึงความพินาศที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามา พวกเขาจึงได้คัดลอกพิมพ์เขียวและเก็บซ่อนมันเอาไว้ นอกจากนี้ฉันก็คิดว่าแม้แต่เทคโนโลยีของมนุษย์โบราณในเวลานั้นก็อาจจะยังไม่สามารถสร้างยานไททันขึ้นมาได้ก็ได้”
“หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไประดับเทคโนโลยีของมนุษย์โบราณก็คงจะเพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุด และใกล้เคียงกับระดับเทคโนโลยีของอารยธรรมที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาล ในช่วงเวลานั้นมนุษย์จึงเริ่มมีความคิดที่จะออกค้นหาพิมพ์เขียวของยานไททัน แต่ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาพยายามออกค้นหาอย่างสุดกำลังกลับซุกซ่อนอยู่ในกลุ่มดาวนครหลวง ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของเผ่าพันธุ์ตัวเอง” เซี่ยเฟยกล่าว
“ถ้าหากว่าแม้แต่มนุษย์ก็ยังไม่รู้ว่าพิมพ์เขียวถูกซ่อนเอาไว้ที่ไหน แล้วอูดี้รู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” อันธถาม
“เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้อูดี้ตายลงไปแล้วความลับเรื่องนี้ก็คงจะลงไปในนรกพร้อมกับเขาด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
การรู้ข่าวว่าไททันสามารถคุกคามผู้ใช้กฎได้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก อย่างไรก็ตามทุกเผ่าพันธุ์ในอดีตที่พยายามสร้างไททันต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกกำจัดจนสูญพันธุ์ทั้งหมด มันจึงทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกว่าพิมพ์เขียวภายในมือของเขาเต็มไปด้วยภาระอันหนักอึ้ง และเขาก็จำเป็นจะต้องเก็บความลับเรื่องนี้เอาไว้อย่างเข้มงวด
“ในเมื่อผู้ใช้กฎไม่ชอบให้ใครสร้างไททันขึ้นมาเราก็อย่าเสี่ยงในเรื่องนี้ดีกว่า ไม่อย่างนั้นสถานการณ์อาจจะแย่ไปกันใหญ่” อันธกล่าว
“การที่มนุษย์พยายามสร้างไททันมันก็ไม่ต่างไปจากการที่พวกเขาพยายามแสวงหาอิสรภาพนั่นแหละ ถึงแม้ว่าพวกผู้ใช้กฎจะบอกว่าพวกเขาจะไม่เข้ามารบกวนการใช้ชีวิตของคนธรรมดา แต่นายก็อย่าลืมสิ่งที่เทพเจ้าขาวกับเทพเจ้าดำทำกับเผ่าพันธุ์เซิร์ก หรือเรื่องที่หยูเจียงกับหยูฮัวทำกับฉัน การทำแบบนั้นคือการไม่เข้ามาบงการชีวิตของพวกเราจริง ๆ เหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“นายคิดจะสร้างไททันเพื่อต่อต้านผู้ใช้กฎจริง ๆ เหรอ?” อันธกล่าว
“ฉันไม่ได้บ้าถึงขนาดจะไปสร้างศัตรูกับพวกผู้ใช้กฎโดยไม่มีเหตุผล แต่มันก็ไม่มีใครรับประกันว่าพวกนั้นจะไม่สร้างปัญหาให้กับฉันเหมือนกัน ดังนั้นถ้าหากว่าฉันมีโอกาสฉันย่อมสร้างไททันขึ้นมาป้องกันตัวอย่างแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากใช้ความคิด
“เรื่องนั้นฉันเห็นด้วย เพราะตั้งแต่ที่ฉันรู้จักนายมานายเป็นพวกดูดปัญหาจากทุกที่ที่นายไป” อันธกล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
เซี่ยเฟยเพิกเฉยคำล้อเลียนของวิญญาณตนนี้ ก่อนที่เขาจะล็อกกล่องสีดำอีกครั้งและห้อยกุญแจเอาไว้ที่สร้อยคอของเขา
“บนแผ่นโลหะระบุข้อมูลอะไรเอาไว้อีกไหม? นอกเหนือจากเรื่องของไททันกับพวกผู้ใช้กฎ” อันธถาม
“มันพอจะมีเรื่องเกี่ยวกับพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ถูกบันทึกเอาไว้ด้วย” เซี่ยเฟยกล่าว
“มันเขียนว่ายังไงบ้าง?” อันธถามอย่างกระตือรือร้น เพราะท้ายที่สุดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ก็เป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดพรสวรรค์ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
“เท่าที่ฉันอ่านมันก็ดูเหมือนกับว่าแม้แต่ภายในดินแดนของผู้ใช้กฎเอง มันก็หาคนที่เปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 อย่างเต็มที่ได้ยากมาก แต่ข้อความในส่วนนี้ค่อนข้างคลุมเครือคล้ายกับว่าชิพแปลภาษาในสมองของฉันไม่สามารถที่จะตีความตัวอักษรพวกนั้นได้ เอาเป็นว่าใจความโดยสรุปคือแม้แต่ในดินแดนผู้ใช้กฎก็มีผู้เปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 อย่างเต็มที่อยู่เพียงแค่นิดเดียว”
เมื่อพูดมาจนถึงจุดนี้ทั้งเซี่ยเฟยกับอันธก็เงียบเสียงลงไปอย่างไม่ได้นัดหมายกัน เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็รู้ดีว่ากว่าที่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟยจะถูกเปิดออกอย่างเต็มที่ ชายหนุ่มคนนี้ต้องพบกับความโหดร้ายอะไรมาบ้าง
ดูเหมือนความทรงจำที่เลวร้ายไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อเซี่ยเฟยเท่านั้น เพราะแม้แต่หงส์ครามที่อยู่ในแขนขวาของชายหนุ่มก็ได้รับผลกระทบจากความทรงจำที่เลวร้ายนั้นด้วย
สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องก็คงจะคิดว่าเซี่ยเฟยคือผู้โชคดีที่ได้รับพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ที่ถูกเปิดออกอย่างเต็มที่ แล้วมันก็คงจะมีเพียงแต่เซี่ยเฟยกับอันธผู้ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น ที่รู้ว่าการพยายามเปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ออกอย่างเต็มที่เป็นกระบวนการที่โหดร้ายมากเพียงใด
ในความเป็นจริงสาเหตุที่เซี่ยเฟยขึ้นมายืนจนถึงจุดนี้ นั่นก็เพราะเขาลงมือทำงานหนักกว่าคนอื่นและเขาก็พึ่งพาโชคชะตาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“พวกผู้ใช้กฎไม่ชอบให้ใครเปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ออกอย่างเต็มที่นอกจากลูกหลานของตัวเอง ดังนั้นถ้าหากว่าเผ่าพันธุ์ใดมีคนที่สามารถเปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ขึ้นมาอย่างเต็มที่ได้เป็นจำนวนมาก เผ่าพันธุ์พวกนั้นก็จะถูกกวาดล้างออกไปจากจักรวาลอย่างเงียบ” เซี่ยเฟยกล่าวเพิ่ม
“พวกผู้ใช้กฎช่างเป็นพวกเอาแต่ใจดีจริง ๆ นี่พวกเขาคิดว่าตัวเองเป็นเทพเจ้าที่สามารถบงการชีวิตของทุกชีวิตได้งั้นเหรอ?” อันธถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“ระดับพลังของพวกเขาสูงมากและตัวตนของพวกเขามันก็ไม่ต่างไปจากเทพเจ้าในสายตาของคนโดยทั่วไปหรอก” เซี่ยเฟยกล่าว
ในช่วงเวลานั้นชายหนุ่มเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายของเซิร์กเพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวภายในของกองทัพอยู่ตลอดเวลา โดยข่าวการเสียชีวิตของอูดี้ก็คงจะถูกประกาศออกมาในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ซึ่งถ้าหากว่าใครคิดจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้พวกเขาก็ควรจะต้องเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ
ความเป็นจริงเซี่ยเฟยก็ไม่อยากจะปล่อยชิววี่ที่คิดจะสังหารเขาไปเช่นกัน แต่ชายชราคนนี้คือส่วนสำคัญที่จะช่วยยุติสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ลง และเมื่อเขาได้นึกถึงใบหน้าที่ซูบผอมของแอวริล มันก็ทำให้เขาอยากจะยุติสงครามในครั้งนี้ลงโดยเร็วที่สุด
‘สงครามในครั้งนี้จะต้องจบลงให้ได้’ เซี่ยเฟยคิดในใจ
กาลเวลาค่อย ๆ ผ่านไปแต่เครือข่ายภายในของเซิร์กก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ซึ่งนาฬิกาก็แสดงให้เห็นว่ามันเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 13 ชั่วโมงก่อนที่ไซเรนฮิลล์จะปิดตัวลง แต่ในทันใดนั้นมันก็มีข้อความที่ไม่เด่นสะดุดตาหลุดรอดเข้ามาในสายตาของเซี่ยเฟย
ราชินีบิทินี่ประกาศว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกชายของอูดี้
ลูกพี่ลูกน้องของบิทินี่ผู้ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชากองยานที่ 79 ของกองยานรักษาความปลอดภัยได้ประกาศออกมาว่าเขาจะรีบเดินทางไปยังเมืองหลวงในทันทีเพื่อแสดงความยินดีกับพี่สาวของเขา
“ดูเหมือนว่าพวกชิววี่จะเริ่มเคลื่อนไหวแล้วสินะ” อันธกล่าว
“การประกาศออกมาแบบนี้มันก็หมายความว่าลูกชายของบิทินี่คือองค์ชายของราชาองค์ก่อน และเขาก็มีสิทธิ์ที่จะสืบทอดบัลลังก์โดยชอบธรรม ส่วนลูกพี่ลูกน้องของเขาก็กำลังออกเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อให้แผนการนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“แต่ก่อนเราจะออกเดินทางบิทินี่ยังไม่ได้ตั้งท้องเลยนะ หลังจากนั้นอูดี้ก็เดินทางเข้าสู่ไซเรนฮิลล์แล้วเธอไปตั้งท้องกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?” อันธถามอย่างสงสัย
“ตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องอยู่อย่างแน่นอน แต่ลูกในท้องอาจจะไม่ใช่ลูกของอูดี้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“หมายความว่ายังไง?”
“อำนาจเป็นสิ่งที่หอมหวานและคนพวกนี้ก็คงจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองเต็นท์ทองคำอย่างแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าว
“หรือว่าที่บิทินี่พยายามยั่วนายในก่อนหน้านี้ นั่นก็เพราะ…” อันธอุทานออกมาพร้อมกับขนลุกซู่ไปทั่วทั้งร่างกาย
ข้อสันนิษฐานนี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะถ้าหากว่าเขาไม่สามารถต้านทานสิ่งล่อตาล่อใจในตอนนั้นได้ ลูกที่อยู่ในท้องของบิทินี่ก็อาจจะเป็นลูกของเขาก็ได้ใครจะรู้
ท้ายที่สุดเขาก็เป็นเพียงแค่ผู้ชายทั่ว ๆ ไปที่มีความต้องการทางร่างกายเป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่เขาไม่ได้มีรสนิยมนอนร่วมเตียงกับศัตรูไม่ว่าจะเป็นในตอนนี้หรือในอนาคตก็ตาม
ทั่วทั้งจักรวาลคงจะมีคนสามารถต้านทานเสน่ห์ของบิทินี่ได้เพียงแค่ไม่กี่คน โชคดีที่เซี่ยเฟยคือหนึ่งในนั้น เพราะเขาไม่คิดที่จะเอาความอยากเพียงชั่วครู่ไปเสี่ยงกับชีวิตของตัวเองโดยเด็ดขาด
20 นาทีผ่านไป
ห่างจากเมืองหลวงของจักรวรรดิออกไป 430,000 ปีแสง จู่ ๆ ระบบเรดาร์ก็สแกนพบสัญญาณผิดปกติ รองผู้อำนวยการรักษาความปลอดภัยของเมืองหลวงอย่างจอมพลโทเทอร์รี่จึงถูกส่งตัวออกไปเพื่อทำการตรวจสอบ
“จอมพลโทเทอร์รี่คือทายาทสายตรงของอูดี้ ซึ่งชิววี่ก็คงจะใช้โอกาสนี้ในการส่งตัวเขาออกไปเพื่อให้การครองบัลลังก์เป็นไปอย่างราบรื่น” เซี่ยเฟยกล่าว
ข้อมูลที่น่าสนใจเริ่มปรากฏขึ้นมาทีละอย่าง ซึ่งเขาก็สามารถบอกได้ว่าชิววี่แอบดำเนินการอย่างระมัดระวังมาก ไม่ว่าใครที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการชิงบัลลังก์ต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกส่งตัวออกไปจากเมืองหลวงในช่วงเวลานี้ทั้งหมด
เมื่อเวลาผ่านไปการกระทำของชิววี่ก็เริ่มอุกอาจมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเวลาได้ดำเนินมาจนถึงใกล้รุ่งเช้า ราชินีบิทินี่ก็ประกาศออกไปว่าเธอฝันถึงราชาอูดี้โดยมีใจความว่า
“อูดี้เดินเข้ามาหาเธอด้วยร่างกายที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด พร้อมกับใช้มือที่เต็มไปด้วยเลือดลูบท้องของเธอเบา ๆ จากนั้นเขาก็กระซิบบอกกับเธอว่าเขาหวังว่าลูกชายของเขาจะกลายเป็นราชาแห่งเต็นท์ทองคำผู้ยิ่งใหญ่คนต่อไป”
โหรหลวงที่ถูกเตรียมการณ์เอาไว้เป็นอย่างดีรีบแสดงความเห็นออกมาในทันทีว่าอูดี้อาจจะประสบภัยด้านในไซเรนฮิลล์ และเขายังได้บอกกับทุกคนว่าลูกชายของอูดี้คนนี้จะได้รับการคุ้มครองจากเทพเจ้าขาวและเทพเจ้าดำ ซึ่งมันก็มีแนวโน้มสูงมากที่เขาจะเติบโตขึ้นมากลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนต่อไป
ในที่สุดการแย่งชิงบัลลังก์อันดุเดือดก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว และสถานการณ์ก็มีแนวโน้มไปทางฝั่งลูกชายของบิทินี่มากขึ้นเรื่อย ๆ
***************