ตอนที่แล้ว1046 - ยันต์ความลับสวรรค์ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1048 - หน้าผาขนนกอมตะ 

1047 - คำทำนาย 


1047 - คำทำนาย

“สิ่งที่เราต้องค้นหาเป็นอย่างแรกคือหาเส้นทางให้แน่ชัด อย่างไรก็ตามข้าได้ยินมาว่าหากผู้ใดต้องการส่องความลับสวรรค์จะต้องแลกเปลี่ยนด้วยชีวิตของตัวเอง ดังนั้นเราควรนำสมบัติชิ้นนี้กลับไปหาอาจารย์และให้ท่านผู้เฒ่าเป็นคนส่องความลับสวรรค์แทน” หลี่เทียนกล่าวด้วยใบหน้าชั่วร้าย

“ข้าอยากรู้จริงๆว่าวิหารเต๋าฉางเฉิงคิดจะแลกคัมภีร์โบราณจากวังราชามนุษย์เมื่อใด” เย่ฟ่านสงสัย

ตามตำนาน หากคัมภีร์ทั้งสองรวมกันมันจะเป็นคัมภีร์เทพโบราณที่สมบูรณ์แบบ

“ก่อนอื่นให้ถามว่าหนทางข้างหน้าเป็นอย่างไร แล้วจึงถามคัมภีร์โบราณของเทพ ข้าอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน…” เอี๋ยนอี้ซีก็สนับสนุนความคิดนี้

หลี่เทียน เอี๋ยนอี้ซีและเย่ฟ่านเดินทางมาถึงไท่หยวนซึ่งเป็นหุบเขาลึกลงไปถึงพื้นดิน และในตำแหน่งนี้พวกเขาแทบจะมองไม่เห็นดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า

“อาจารย์อายุมากแล้ว หากให้ท่านผู้เฒ่าเสียสละชีวิตของตัวเองก็ไม่เห็นจะเป็นไรไป” หลี่เทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

แต่ทันทีที่เข้าใกล้ไท่หยวน ก็มีใครบางคนปรากฏตัวออกมาขวางหน้าพวกเขาไว้ นักพรตหนุ่มคนหนึ่งดักรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว เขายื่นกล่องผ้าให้เย่ฟ่านและกล่าวว่า

“ผู้เฒ่าเทียนจี้รู้ว่าพวกเจ้าจะมา ดังนั้นท่านผู้เฒ่าจึงให้ข้าถือกล่องผ้านี้มารอมอบให้กับพวกเจ้า”

“เขารู้ว่าทำไมเรามาที่นี่?” แม้แต่เย่ฟ่านก็ยังตกตะลึงเล็กน้อย

นักพรตหนุ่มแสดงสีหน้าเศร้าและกล่าวว่า “ท่านผู้เฒ่าจะตายภายในสามวัน ปรมาจารย์เทียนจี้ทุกรุ่นมีความสามารถในการมองเห็นอนาคต ดังนั้นท่านจึงรู้ว่าพวกเจ้าจะมา”

มีกระดาษสีเหลืองสองแผ่นในกล่องผ้า ซึ่งกระดาษชิ้นแรกมีคำว่า “นอกอาณาเขต” เขียนอยู่ และเมื่อกางออก ข้างในมีเพียงสองคำคือ “ว่างเปล่า”

“เขารู้ว่าเรากำลังจะออกจากดาวโบราณดวงนี้!” ทั้งสามคนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เต๋าโบราณที่ผู้เฒ่าเทียนจี้ฝึกฝนเป็นสิ่งที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง

บนกระดาษสีเหลืองแผ่นที่สองมีอักขระสี่ตัวเขียนอยู่ มันเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์เทพโบราณ พวกเขาตื่นเต้นเล็กน้อยและคลี่กระดาษที่พับนี้ออก!

ตัวหนังสือที่เขียนอยู่ในกระดาษเปล่งประกายสดใส ทั้งสามคนรีบอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและมือของหลี่เทียนก็สั่นเล็กน้อย

กระดาษมีสีเหลืองและเป็นกระดาษที่ถูกเขียนด้วยอักขระโบราณและสิ่งที่อยู่ในกระดาษก็คือเนื้อหาเบื้องต้นเกี่ยวกับคัมภีร์โบราณที่ประกอบด้วยความรู้แจ้ง การบูชายัญ รวมทั้งการทำให้วิญญาณศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นเซียน

และส่วนท้ายของเนื้อหาในกระดาษนั้นเป็นคำว่าคืนพระจันทร์เต็มดวงหน้าผาขนนกอมตะ

อักขระเหล่านี้เป็นการบอกความจริงว่าจะมีการแลกเปลี่ยนคัมภีร์เกิดขึ้นหรือไม่? หัวใจของทุกคนสั่นคลอนยากที่จะสงบลงได้

“เรามีโอกาสจะได้พบอาจารย์เป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่?” หลี่เทียนมีท่าทางเคร่งขรึม

“ท่านผู้เฒ่าไม่ปรากฏตัวออกมาสามวันแล้ว ท่านบอกว่าหากท่านพบเจอกับผู้คนมันจะนำพาหายนะมาสู่โลก” นักพรตหนุ่มกล่าวด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง

“อย่างไรก็ตามท่านผู้เฒ่ายังมีอีกสองคำทำนายที่จะมอบให้กับพวกเจ้าทั้งสาม โปรดกลับมาที่นี่อีกครั้งในยี่สิบปีให้หลัง”นักพรตหนุ่มกล่าว

“ปรมาจารย์เทียนจี้ทุกคนใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อรักษาความสงบของโลก ตามธรรมดาทั่วไปอาจารย์เป็นครึ่งก้าวผู้อมตะท่านควรจะมีอายุหลายพันปีแต่กลับต้องมาตายตอนที่อายุไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น”

ระหว่างทางกลับเอี๋ยนอี้ซีถอนหายใจเบาๆ

“ความลับแห่งสวรรค์คืออะไรกันแน่?” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง

“สิ่งนี้ไม่เป็นรูปธรรมเท่าใดสำนักเทียนจี้ของเราศึกษาเรื่องนี้มาตลอดหลายยุคหลายสมัยเป็นเวลาหลายแสนปีแล้วแต่ก็ยังไม่มีผู้ใดบรรลุความสำเร็จขั้นสูงสุดได้” เอี๋ยนอี้ซีกล่าว

“ศึกษามาเป็นเวลาหลายแสนปีกลับไม่อาจบรรลุความสำเร็จสูงสุด เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?” เย่ฟ่านสนใจเรื่องนี้มาก

“นั่นก็เพราะโชคชะตาไม่อาจกำหนดชีวิตของสิ่งมีชีวิตอมตะได้ พวกเขาจะกำหนดชะตาของตัวเองและมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์”

“แต่ตามที่ข้าทราบมาอย่างมากสุดเซียนอมตะก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่พันปีเท่านั้น ต่อให้เป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ควรจะมีอายุได้ไม่ถึงสองหมื่นปี?” เย่ฟ่านกล่าว

“นั่นก็เพราะพวกเขายังไม่อาจหลุดพ้นจากกฎของโลก สิ่งมีชีวิตอมตะในอาณาจักรเซียนนั้นมีชีวิตอยู่ได้เป็นล้านปี หากพวกเขาไม่ถูกสิ่งมีชีวิตอมตะด้วยกันฆ่าตายคนเหล่านี้จะสามารถดำรงอยู่ไปชั่วนิรันดร์ และสิ่งที่สำนักเทียนจี้ของเราค้นหาก็คือวิธีการทำลายกฎของโลกเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เหมือนเช่นสิ่งมีชีวิตอมตะจากดินแดนอันยิ่งใหญ่นั้น!” หลี่เทียนแค่นเสียง

หลังจากฟังเย่ฟ่านก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล ตามสิ่งที่เขาเคยได้ยินมาโลกอำพรางสวรรค์เป็นเพียงโลกขนาดเล็กเท่านั้น และปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ทุกคนที่อยู่ในโลกอำพรางสวรรค์ล้วนค้นหาเส้นทางเข้าสู่อาณาจักรเซียน

สาเหตุก็เพราะมีคำร่ำลือว่าสิ่งมีชีวิตอมตะในอาณาจักรเซียนนั้นสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไป และแม้แต่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์โดยทั่วไปก็ยังมีชีวิตอยู่ได้นับแสนปีแล้ว

เรื่องนี้แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง แต่การที่ทายาทแห่งจักรพรรดิอมตะหรือแม้กระทั่งเผ่าพันธุ์โบราณที่เคยอาศัยอยู่ในอาณาจักรเซียนล้วนมีชีวิตมานานนับล้านปีก็เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้

“ดังนั้นกระดาษที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้เราจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และอีกยี่สิบปีให้หลังต่อให้เราเดินทางไปที่โลกของเจ้าแล้วเรายังคงต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง” หลี่เทียนกล่าว

….

หน้าผาขนนกอมตะตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของเสิ่นโจวติดกับทะเลสีฟ้าอันกว้างใหญ่ นี่คือหนึ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเล่าขานว่ามีสิ่งมีชีวิตอมตะร่วงหล่นมากมายนับไม่ถ้วน

แน่นอนว่าในโลกที่สิ่งมีชีวิตอมตะดับสูญไปจนหมดสิ้นผู้คนจำนวนมากย่อมให้ความสนใจต่อสถานที่บางอย่างที่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตอมตะ ดังนั้นผู้บ่มเพาะจำนวนมากจึงแวะเวียนมาที่หน้าผาขนนกอมตะอยู่บ่อยครั้ง

บางคนกล่าวว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีทางทำให้ผู้คนกลายเป็นอมตะจริงๆได้ อย่างไรก็ตามหากได้บ่มเพาะที่นี่มันจะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วและนี่คือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ

“คัมภีร์โบราณจะถูกแลกเปลี่ยนในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่นี่หรือ?”

ตามแผนการของพวกเขาทั้งสามคนต้องการโจมตีวังไป๋จิงในขณะที่หยินเทียนเต๋อยังไม่กลับมา แต่จากความทรงจำที่พวกเขาค้นได้จากชายหนุ่มปีศาจงูมันแสดงให้เห็นว่าหยินเทียนเต๋อกำลังจะกลับมาในไม่กี่วันนี้

ดังนั้นหากพวกเขารอคอยการแลกเปลี่ยนคัมภีร์โบราณบนหน้าผาขนนกอมตะซึ่งจะเกิดขึ้นในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่จะถึง การจะค้นหาแท่นบูชาห้าสีในวังโบราณไป๋จิงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาฆ่าหยินเทียนเต๋อแล้วเท่านั้น

“เราต้องรออยู่ที่หน้าผาขนนกอมตะก่อนเพราะการแลกเปลี่ยนจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากเราไปที่วังไป๋จิงอาจทำให้เราพลาดเหตุการณ์สำคัญที่นี่ได้” หลี่เทียนกล่าวด้วยความลังเล

ความลังเลของหลี่เทียนเป็นที่เข้าใจได้ เพราะหยินเทียนเต๋อคือยอดฝีมือผู้ทรงพลังที่สุดในโลก มิหนำซ้ำบุตรแห่งไท่หยินผู้นี้ยังครอบครองอาวุธเต๋าสุดขั้วที่ทรงพลังอีกด้วย

ดังนั้นต่อให้หลี่เทียนมั่นใจในตัวเองแค่ไหนเขาก็ยังเกิดความหวาดกลัวเล็กน้อยหากคิดจะบุกวังโบราณไป๋จิงในช่วงที่หยินเทียนเต๋อกลับมาแล้ว

“ในเมื่อพวกเรายังไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอมตะพวกเราย่อมถูกกำหนดโดยโชคชะตา และเมื่อโชคชะตาต้องการให้เราสู้กับหยินเทียนเต๋อมันก็คงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้” หลี่เทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้าน

“ท่านลุงหากอยากร้องไห้ออกมาก็ร้องเลยไม่จำเป็นต้องปิดบังความรู้สึกของตัวเอง” ตงตงกล่าวแทรกขึ้นในเวลาที่เหมาะสม

“ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าอย่าอุ้มกระต่ายมาพูดกับข้า!” หลี่เทียนตวาดด้วยความรู้สึกอับอายเล็กน้อย

“ทุกสิ่งเกิดขึ้นมาก็เพราะกรรม ในเมื่อกรรมระหว่างเราและหยินเทียนเต๋อเกิดขึ้นแล้ว มันก็จะต้องจบลงด้วยความตายของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเท่านั้น” เอี๋ยนอี้ซีกล่าว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด