บทที่ 18 ความใจดีของอสูรกินเหล็ก
ในห้องโถงของโรงต่อสู้ ซืออวี๋ผู้ที่ถือบัตรบัญชีนั้นกำลังนั่งอยู่บนที่นั่งสาธารณะ สายตาของเขาจับจ้องไปที่หน้าจอขนาดใหญ่บนผนัง
ดูเหมือนว่าจะมีคนค่อนข้างมากในห้องโถงแห่งนี้ และอีกสามห้องโถงก็มีการต่อสู้อยู่
การจับคู่ไม่ควรจะช้าใช่ไหม?
อันที่จริง ซืออวี๋ไม่ต้องรอนานเกินไป เขานั่งลงเพียงไม่กี่นาที และหน้าจอก็ได้เริ่มแสดงหมายเลขของเขาก่อนที่ก้นของเขาจะอุ่นด้วยซ้ำ
“หมายเลข : 4,399 นักฝึกสัตว์อสูรซืออวี๋ โปรดไปที่สนามหมายเลข 11”
“หมายเลข : 4,401 นักฝึกสัตว์อสูรเฉินไค โปรดไปที่สนามหมายเลข 11…”
[สนามประลองหมายเลข 11 ซืออวี๋ปะทะเฉินไค!]
เมื่อชื่อของเขาและชื่อของนักฝึกสัตว์อสูรอีกคนปรากฎขึ้นบนหน้าจอ ซืออวี๋ก็ลุกขึ้นทันทีและเดินตรงไปยังสนามหมายเลข 11
หมายเลข 11… เป็นเลขมงคลอย่างแท้จริง
มันดูราวกับนี่เป็นการต่อสู้ ‘ในบ้าน’
อย่างไรก็ตาม สัตว์อสูรของเขาชื่อว่าอีเลฟเว่น และสนามประลองที่เขาเข้าร่วมครั้งแรกก็คือหมายเลขสิบเอ็ดเช่นกัน… สัญลักษณ์แห่งความโสด เขาคงไม่โสดไปตลอดชีวิตหรอกจริงไหม?
…
สนามประลองหมายเลข 11
หลังจากส่งผู้เข้าแข่งขันกลุ่มก่อนหน้านี้ออกไปจากสนามแล้ว ชายหนุ่มในชุดผู้ตัดสินก็รอผู้เข้าแข่งขันกลุ่มต่อไป
ในขณะนั้นเอง เขาก็ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผู้เข้าแข่งขันกลุ่มต่อไปแล้ว และรู้ว่าพวกเขาเป็นนักฝึกสัตว์อสูรระดับต่ำสองคน
นักฝึกสัตว์อสูรที่มีสัตว์อสูรปลุกตื่นต่ำกว่าขั้นหกนั้นมักจะไม่แก่มากนัก พวกเขายังคงไร้เดียงสามาก ดูราวกับมันจะเป็นการประลองแบบเผชิญหน้ากันตรงๆ อีกครั้ง ผู้ตัดสินครุ่นคิด
ไม่นานนัก ซืออวี๋และเฉินไคก็ได้มาถึงในขณะที่ผู้ตัดสินกำลังรออยู่ ทั้งสองคนเดินมาพบกันตรงทางเข้าของสนามประลอง
ทั้งสองคนมองหน้ากันโดยปราศจากคำกล่าว พวกเขายังคงเดินเข้าไปในสนามประลอง
นี่เป็นสนามประลองแบบเปิด ขนาดนั้นเท่ากับสนามเทนนิส นอกสนามสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ มีตาข่ายแยกพลังงาน
อันที่จริง มีสนามประลองแบบปิด แต่ก็มีไม่มากนัก หากใครต้องการใช้มัน พวกเขาต้องจองมันล่วงหน้า ความแตกต่างระหว่างสนามประลองแบบเปิดและแบบปิดนั้นไม่มากนัก แตกต่างกันตรงที่ความเป็นส่วนตัวเท่านั้น
โดยปกติแล้ว สนามประลองแบบปิดจะค่อนข้างเป็นส่วนตัว นอกเหนือจากผู้ตัดสินแล้ว ไม่มีผู้ชมคนอื่น สำหรับสนามประลองแบบเปิด ผู้ชมสามารถเห็นรายละเอียดของการต่อสู้ผ่านตาข่ายแยกพลังงานได้
“สวัสดี”
เมื่อเห็นว่ามีคนเข้าสู่สนามประลองหมายเลข 11 ผู้ตัดสินหนุ่มก็เดินไปข้างหน้าและต้อนรับซืออวี๋และเฉินไค
“พวกเจ้าคือซืออวี๋และเฉินไคใช่ไหม?”
เฉินไคผู้ที่สวมชุดนักเรียนสีฟ้าขาวกล่าวขึ้นก่อน “ข้าคือเฉินไค”
“ข้าคือซืออวี๋”
ในขณะที่เขากล่าว เฉินไคผู้ที่อยู่ข้างซืออวี๋นั้นรู้สึกขัดแย้งมาก
ทำไมคู่ต่อสู้ที่เขาจับคู่ได้ถึงเป็นคนที่อายุเท่ากันล่ะ…?
โชคของคนผู้นี้นั้นเลวร้ายมาก เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้มาที่นี่เพราะต้องการถูกทุบตี หากคู่ต่อสู้ของเขาเป็นผู้ที่อายุเท่ากัน ผลลัพธ์นั้นไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย เขาเป็นหนึ่งในนักเรียนชั้นนำในโรงเรียนที่ดีที่สุดในเขตผิงเฉิง ในความคิดของเขา มีคนที่อายุเท่ากันไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับเขาและสัตว์อสูรของเขาได้
ยกเว้นว่าซืออวี๋จะเป็นรุ่นพี่ของเขา?
แต่หากเป็นรุ่นพี่… สัตว์อสูรตัวนั้นเป็นเพียงระดับปลุกตื่นขั้นหกซึ่งต่ำเกินไป ดังนั้นเขาจึงตัดความเป็นไปได้นี้ออกไปก่อนเลย
“ข้าเป็นผู้ที่ดูแลและตัดสินสนามประลองหมายเลข 11 ชิโรอิชิ โปรดทราบว่าพวกเจ้ามีสิทธิ์ใช้สนามประลองหมายเลข 11 ชั่วคราวเท่านั้น เวลาที่ใช้ได้ก็คือหนึ่งชั่วโมง”
“เมื่อพวกเจ้าพร้อมแล้ว พวกเจ้าสามารถเริ่มการต่อสู้ได้ทุกเมื่อ เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะเป็นผู้ตัดสินเอง” ชิโรอิชิกล่าวออกมา
แม้ว่าขีดจำกัดเวลาใช้งานคือหนึ่งชั่วโมง แต่ในการต่อสู้ระดับนี้ ผู้ชนะสามารถถูกตัดสินได้ภายในเวลาไม่กี่นาที
เวลาพิเศษมีไว้ให้นักฝึกสัตว์อสูรเตรียมพร้อมและพูดคุยกันทั้งก่อนและหลังการต่อสู้
“ข้าไม่มีคำถาม การต่อสู้สามารถเริ่มได้ทุกเมื่อ” เฉินไคกล่าวออกมา
“ข้าเช่นกัน” ซืออวี๋พยักหน้า
“เอาล่ะ งั้นก็เริ่มการต่อสู้ได้” ผู้ตัดสินชิโรอิชิกล่าวยืนยัน
ในช่วงเวลาอันสั้น ซืออวี๋และเฉินไคได้เดินไปทั้งสองด้านของสนามประลอง พวกเขาทั้งสองคนไม่รู้จักกันและไม่มีความตั้งใจที่จะพูดคุยกันก่อนเริ่มการต่อสู้ ดังนั้นมันจึงกลายเป็นการต่อสู้โดยตรง
ผู้ตัดสินก็ชอบนักฝึกสัตว์อสูรที่พูดน้อยเช่นนี้เหมือนกัน เขายืนอยู่ตรงตำแหน่งของผู้ตัดสิน เมื่อเขาเห็นว่าทั้งสองคนพร้อมแล้ว เขาก็ให้สัญญาณแก่พวกเขาและเป่านกหวีด
“ทั้งสองฝ่ายพร้อมแล้ว…”
“การต่อสู้เริ่มได้!”
การต่อสู้ระหว่างนักฝึกสัตว์อสูรไม่ได้ให้เวลาฝ่ายไหนในการอัญเชิญสัตว์อสูรของพวกเขาล่วงหน้า ท้ายที่สุด เวลาในการอัญเชิญสัตว์อสูรนั้นเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งของนักฝึกสัตว์อสูรเช่นกัน
นักฝึกสัตว์อสูรบางคนที่มีความเชี่ยวชาญในการลอบสังหารจะอัญเชิญสัตว์อสูรของพวกเขาออกมาโดยที่คู่ต่อสู้ของพวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัว… จากนั้นคู่ต่อสู้ของพวกเขาก็จะถูกตัดหัวอย่างกะทันหัน
แน่นอนว่ามีการแข่งขันน้อยมากที่อนุญาติให้โจมตีนักฝึกสัตว์อสูรได้โดยตรงในประเทศตงหวง อย่างน้อยที่สุด ในปัจจุบันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการแข่งขันดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างนักฝึกสัตว์อสูร
ซืออวี๋และเฉินไคเป็นทั้งมือใหม่และยังไม่เติบโตเต็มที่ ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาได้ยินคำประกาศให้เริ่มการต่อสู้ พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่อัญเชิญแบบพื้นฐานเท่านั้น
หู่ หู่ หู่ ~ ~ ~
หู่ หู่ หู่ ~ ~ ~
ในขณะที่พวกเขาทั้งสองคนกระตุ้นมิติฝึกสัตว์อสูรของพวกเขา สายลมอันรุนแรงก็โพยพุ่ง และจุดแสงนับไม่ถ้วนก็ส่องประกายตรงหน้านักฝึกสัตว์อสูรทั้งสองคน
จุดแสงเชื่อมต่อเป็นวิถีโค้งอย่างรวดเร็ว ก่อตัวเป็นแผนภาพวงกลมขนาดมใหญ่ที่ดูราวกับแผนที่ดวงดาวกลางอากาศ
ทันทีหลังจากนั้น ระลอกคลื่นโปร่งใสก็ปรากฎตัวขึ้นทั้งสองด้านของสนามประลอง สัตว์อสูรของพวกเขาปรากฎขึ้นจากวงแหวนอัญเชิญ
ทางฝั่งของเฉินไค สัตว์อสูรที่มีหางยาวเดินออกมาจากวงแหวนอัญเชิญ มันยาวและกว้างหนึ่งเมตร มันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งสีฟ้า มีแขนขาที่สั้น และหางหนา
ในขณะนั้นเอง มันก็ชูหัวรูปทรงกรวยของมันขึ้นมา ดวงตาอันเล็กจิ๋วของมันเต็มไปด้วยแสง
[เผ่าพันธุ์] : อสูรเกราะน้ำแข็ง
[คุณสมบัติ] : น้ำแข็ง
[ระดับเผ่าพันธุ์] : เหนือธรรมชาติชั้นกลาง
[ทักษะ] : เกราะน้ำแข็ง กรงเล็บทะลวงน้ำแข็ง
ซืออวี๋มองไปที่สัตว์อสูรซึ่งดูราวกับตัวลิ่นและนึกถึงข้อมูลของมันในจิตใจของเขาได้ในทันใด
ในเมืองทุ่งน้ำแข็ง มีสัตว์อสูรธาตุน้ำแข็งค่อนข้างมาก ในทางตรงกันข้าม อสูรกินเหล็กของเขานั้นมีค่อนข้างน้อย
ในฝั่งของซืออวี๋ แน่นอนว่าสิ่งที่ถูกอัญเชิญออกมาก็คืออสูรกินเหล็กน้อย เนื่องจากมันยังเติบโตได้ไม่เต็มที่ ร่างกายในปัจจุบันของมันจึงค่อนข้างใกล้เคียงกับอสูรเกราะน้ำแข็ง
“อู๋—”
เมื่ออีเลฟเว่นถูกอัญเชิญออกมาและเห็นคู่ต่อสู้ของมัน มันก็รู้สึกทึ่งในทันทีเพราะคู่ต่อสู้ของมันเป็นสัตว์อสูรที่มันไม่เคยพบเจอมาก่อน…
‘ความสามารถของอีกฝ่ายนั้นคล้ายกับเจ้า มันสามารถปกคลุมร่างกายของมันด้วยเกราะน้ำแข็ง นอกจากนี้ ระวังกรงเล็บของอีกฝ่ายด้วย อย่ารับการโจมตีโดยปราศจากสถานะเคลือบแข็ง’ ซืออวี๋เตือนอีเลฟเว่นในทันทีผ่านกระแสจิต
ในเวลาเดียวกัน เฉินไคซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ของซืออวี๋ไม่จำเป็นต้องเตือนอสูรเกราะน้ำแข็งเลยเพราะพวกเขาคุ้นเคยกับอสูรกินเหล็กอยู่แล้ว ท้ายที่สุด นี่เป็นสัตว์อสูรที่เป็นเอกลักษณ์ของเขตผิงเฉิง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาต่อสู้กับอสูรกินเหล็ก
ในด้านของระดับเผ่าพันธุ์ ทั้งสองฝ่ายเท่าเทียมกัน
แต่ในด้านของทักษะ อสูรเกราะน้ำแข็งนั้นดีกว่าอย่างแท้จริง
เนื่องจากทักษะการเคลือบแข็งของอสูรกินเหล็กนั้นส่วนใหญ่ใช้เพื่อการป้องกัน ทักษะของมันไม่ได้มีผลกระทบเพิ่มเติม แต่เกราะน้ำแข็งและกรงเล็บทะลวงน้ำแข็งของอสูรเกราะน้ำแข็งนั้นเป็นทั้งทักษะโจมตีและป้องกัน และนอกเหนือจากวิธีการใช้แบบพื้นฐานแล้ว พลังน้ำแข็งที่มาพร้อมกับทักษะยังอาจส่งผลกระทบในการแช่แข็งศัตรูอีกเช่นกัน!
ดังนั้นเฉินไคจึงรู้สึกได้ในทันทีว่าเขามาเสียเวลาเปล่า
มันคงยากสำหรับเขาที่จะพ่ายแพ้
‘อีเลฟเว่น คู่ต่อสู้ไม่ได้อ่อนแอ จริงจิงและอย่าล้มเหลว ท้ายที่สุด มันคือสองร้อยหยวน… หากเจ้าแพ้ ข้าทำได้เพียงแค่หักเงินจากค่าอาหารของเจ้า’ ซืออวี๋กล่าวทางกระแสจิต
อีเลฟเว่น : (.◕ˇεˇ◕.) อะไรนะ? ละ—ลดอาหาร???
อสูรกินเหล็กตัวน้อยมองไปที่อสูรเกราะน้ำแข็งอย่างดุร้าย อสูรกินเหล็กใจดีกับมนุษย์… ยกเว้นเวลาที่พวกเขาต้องการแย่งอาหารของมัน!
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน