บทที่ 113: ผู้อาวุโสโม่ก่อนจะตาย!
หัวหน้าทีมเฮยเหยี่ยนที่เห็นถังเจิ้นจู่ ๆ ก็หายตัวไปอย่างกะทันหันนั้นตกใจมาก!
แต่ก่อนที่มันจะทันได้รู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกเจ็บแปล๊บที่แผ่นหลังซึ่งมาพร้อมกับสัมผัสที่ชัดเจนว่ากำลังโดนของมีคมชำแรกเข้ามาในร่าง จิตสังหารที่แฝงมาด้วยนั้นทำให้มันเลิกคิดและขยับตัวไปตามสัญชาติญาณการเอาตัวรอดโดยหมายจะหลบหลีก ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันได้สายเกินแก้ไปหมดแล้ว!
ฉึก!
ปลายของกริชจื่อเตี้ยนเสียบตั้งแต่แผ่นหลังผ่านหัวใจและทะลุหน้าอกโดยไม่มีแม้แต่รอยเลือดติด!
ชุดเกราะและเครื่องป้องกันของมันซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นยุทธภัณฑ์เวทมนตร์นั้นเมื่อเจอกับกริชจื่อเตี้ยนแล้วไม่ต่างจากกระดาษธรรมดา ๆ ซึ่งเป็นตัวแสดงให้เห็นเลยว่ากริชจื่อเตี้ยนนั้นสุดยอดขนาดไหน!
ถังเจิ้นแทงมันไม่พอยังบิดข้อมืออย่างแรงด้วย ทำให้คมของกริชที่ปักอยู่ในตัวมันเกิดการคว้านและบดขยี้หัวใจก่อนจะที่กระชากกริชกลับคืน
ร่างของหัวหน้าที่มเฮยเหยี่ยนก็สิ้นไร้เรี่ยวแรงแสดงสีหน้าเจ็บปวดและไม่เต็มใจ แม้มันจะดิ้นรนเท่าไหร่แต่ก็ได้แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่จะร่วงลงไปนอนแน่นิ่งวัดความกว้างของพื้นดิน
พอเห็นว่าถังเจิ้นสามารถฆ่าหัวหน้าทีมของตัวเองได้อย่างงายดายเกินไปแบบนี้พวกที่เหลือก็ได้แต่หนาวดึ๋งไปถึงไขสันหลัง จิตใจที่คิดต่อสู้อย่างบ้าคลั่งตอนแรกตอนนี้หุบหัวหดหางไปหมดแล้ว แม้แต่ขาก็สั่นพยายามก้าวถอยให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ และในสมองก็พยายามเค้นความคิดว่าต้องทำยังไงถึงจะสามารถหนีเอาชีวิตรอดกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย!
ส่วนทางด้านถังเจิ้นนั้นไม่ได้สนใจนักรบระดับต่ำที่ตัวสั่นเป็นลูกหมาตกน้ำเหล่านี้เลย เขาหันไปโฟกัสไอ้เฒ่าโม่ที่ยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้นไม่ลุกไปไหนก่อนจะใช้น้ำเสียงแข็งกร้าวพูดจาดูถูกมันไปว่า “ไงวะไอ้เฒ่าโม่? หา? ไม่แสดงต่อละเอ่อ? แกล้งทำเป็นร่วงล่อกูให้เข้าไปหาแล้วให้ไอ้กากแอบเล่นข้างหลังกูอะ! จะต่อเลยมะ? เด๋วกูจะได้ฆ่าพวกแม่งให้หมดเหมือนไอ้ตัวเมื่อกี๊! แม่งเอ๊ยเจ้าเล่ห์นักนะมึงหนิ!”
หลังจากที่ยั่วโมโหมันเสร็จแล้วถังเจิ้นก็ไม่เห็นมันปฏิกิริยาใด ๆ ก็เลยหันไปหาบรรดานักรบระดับต่ำทั้งหลายมันซะเลย
แต่ละคนที่ถูกจ้องล้วนแล้วแต่หนาวดึ๋งไปยันหัวใจ หนังหัวนี่ชายิบ ๆ เนื่องจากขนหัวมันลุกกันแรงไปหน่อย
และเมื่อสายตาของถังเจิ้นไปสบเข้ากับตาของเสี่ยวรุ่ยเขาก็เห็นความซาบซึ้งจากแววตาของอีกฝ่ายที่ส่งมาให้ จากนั้นเจ้าตัวก็กลอกตาเล็กน้อยและค่อย ๆ ไปตกอยู่ที่ตัวของนักรบเฮยเหยี่ยนที่ท่าทางน่าสมเพชข้าง ๆ กันพร้อมกับเผยเจตนาฆ่าออกมาให้ดูอยู่แว้บหนึ่ง!
แหม่~ ส่งซิกมาซะขนาดนี้ ถังเจิ้นเห็นก็แอบยิ้มเบา ๆ และหันไปจ้องไอ้นักรบคนนั้น มันเป็นนักรบเลเวล 2 รูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ ปั้ง ๆ ๆ! แล้วเขาก็จัดการลั่นไกโดยไม่ปล่อยให้ใครมีโอกาสตั้งตัวทั้งสิ้น!
หน้าผากของมันมีรูกระสุนสามรูปประดับอยู่แบบงง ๆ แล้วก็ทรุดตัวลงไปกองกับพื้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่ยอมรับ
“เวรเอ๊ย! อาเซียวโดนมันฆ่าแล้ว พวกมึงรีบหนีไปซะอย่าให้ใครต้องเสียสละอีก เด๋วกูจะหยุดมันเอง!” เมื่อเห็นว่าถังเจิ้นเป่าสมองไอ้หมอนั่นแล้วเจ้าหนุ่มเสี่ยวรุ่ยก็เล่นละครทั้ง ๆ ที่แววตาแฝงไปด้วยความสุขทันที แล้วยังแอบใช้สายตาส่งซิกให้ถังเจิ้นระวังข้างหลังด้วย!
ซึ่งอันที่จริงแม้ไอ้หนุ่มนี่จะไม่บอกถังเจิ้นก็เห็นข้างหลังตัวเองชัด ๆ อยู่แล้วว่ามีแววตาที่ดูชั่วร้ายปานเจ้ากรรมนายเวรของไอ้เฒ่าโม่ที่หัวกระเซิงจ้องมองอยู่ มันค่อย ๆ ยืนขึ้นช้า ๆ และมั่นคงราวกับว่าความเจ็บปวดจากแขนที่ขาดหายไปนั้นไม่มีอยู่จริง
“ทุ้ยไอ้พวกกาก! คิดว่ากูอยากฆ่าพวกมึงมากไง? รีบ ๆ ไปไกลตีนก่อนกูจะเปลี่ยนใจ!” ถังเจิ้นตะคอกใส่เสี่ยวรุ่ยซึ่งอีกฝ่ายก็ร่วมมือดีมากเหมือนนัดคิวไว้โดยค่อย ๆ ทำเป็นถอยอย่างระมัดระวังจนกระทั่งไปรวมกลุ่มกับพรรคพวกได้และนำคนเหล่านั้นที่ยังหวาดกลัวไม่หายถอยห่างออกไป
ในกระบวนการถอยนั้นยังมีแอบมองไอ้เฒ่าโม่ด้วยสายตาอาฆาตเป็นช่วง ๆ อีกแหนะ
ถังเจิ้นที่เคยฟังบทสนทนาของสองพี่น้องมีหรือจะเดาไม่ออกว่าไอ้เฒ่าโม่นี่มันก็คือตัวการหลักที่ทำให้พ่อแม่ของพวกเสี่ยวรุ่ยต้องตาย! ไอ้คนที่ฆ่าพ่อแม่ย่อมเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าดินเดียวกันได้!
และตอนนี้เขาจะช่วยอีกฝ่ายกำจัดศัตรูตัวฉกาจทั้งสองทิ้งให้ ซึ่งอีกฝ่ายต้องตอบแทนเขาด้วยอะไรที่ไม่ธรรมดาแน่ ๆ และถังเจิ้นก็เริ่มคาดหวังเล็ก ๆ เนื่องจากข้อมูลครั้งก่อนที่เสี่ยวรุ่ยให้มาทำให้เขาสามารถเข้าไปยกเค้าห้องเก็บสมบัติของเมืองเฮยเหยี่ยนได้เลยเชียวนะ!
แล้วคราวนี้ล่ะจะได้อะไรดี ๆ อีกมั้ย
หลังจากที่พวกตัวเล็กตัวน้อยล่าถอยไปแล้วถังเจิ้นก็หันกลับมาพร้อมรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม สายตาจับจ้องที่ไอ้เฒ่าซึ่งประกอบด้วยฉากกอหญ้าที่เหยียบใต้ฝ่าเท้า บาดแผลที่ไหล่ อารมณ์ที่แสดงออกให้ความรู้สึกอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวราวกับชีวิตเข้าสู่ช่วงสนธยา
ถังเจิ้นก็ยังยั่วยุต่อไป “ไมไม่เสแสร้งแกล้งเจ็บต่อแล้วล่ะ หืม? เป็นเพราะที่กูพูดเมื่อกี๊หรือว่าเพราะมึงจะปล่อยการโจมตีครั้งสุดท้ายของชีวิตเลยต้องยืนชาร์จพลังก่อน?”
ไอ้เฒ่าโม่ดูเหมือนจะพยายามข่มความเจ็บปวดในใจอย่างสุดฤทธิ์ใช้แววตาที่เศร้าหมองมองถังเจิ้นก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “กูยังไม่รู้ชื่อมึงเลย กูต้องตายด้วยน้ำมือมึง เพราะงั้นกูมีสิทธิ์รู้ว่ากูตายเพราะใคร”
เขาใช้สายตามองต่ำใส่มันไปทีหนึ่งก่อนจะตอบว่า “เจ้าเมืองเชิ่งหลง ถังเจิ้น!”
คำตอบนี้ทำให้ไอ้เฒ่าโม่อึ้งไปแป๊บหนึ่ง จากนั้นมันก็หัวเราะออกมาก่อนที่จะส่ายหน้าพลางถอนหายใจ “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ เฮ่อ~ ที่แท้ก็ไอ้คนไม่รู้หัวนอนปลายตีนที่สร้างโหลวเฉิงในหุบเขาเล็ก ๆ นี่เอง เป็นถึงนักรบระดับสูงแถมยังใช้เวทมนตร์ได้ นี่มันตรงกับรายละเอียดของเจ้าเมืองเชิ่งหลงที่มีในรายงานเลยนี่หว่า! ก็เอาเถอะถูกคนระดับเจ้าเมืองทำให้เสียหน้าก็ไม่ได้น่าอายตรงไหน แค่นี้ชีวิตแก่ ๆ ของกูก็ตายอย่างสงบได้แล้ว จะเสียดายก็แค่ไม่ได้รีบไปฆ่ามึงตั้งแต่ก่อนหน้านี้ล่ะนะ สุดท้ายเลยปล่อยให้มึงก็กลายเป็นเสือไปจนได้ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ... แค็ก ๆ ๆ ๆ”
มันพูดเสร็จก็หัวเราะซะดังลั่น แต่ไม่นานก็ไอออกมาอย่างรุนแรงพร้อมกับเลือดที่ทะลักออกปากกองใหญ่ซึ่งมีหนองสีดำปนอยู่ด้วยซึ่งน่าจะเป็นชิ้นส่วนปอดที่ไหม้
อานุภาพของเดธไลท์ช่างน่าสะพรึงยิ่งนัก เพราะขนาดมันไม่ได้โดนยิงเข้าลำตัวตรง ๆ แท้ ๆ แต่อวัยวะภายในช่วงอกตั้งแต่ไหล่ลงไปส่วนใหญ่ถูกรังสีอุณภูมิสูงแผด การที่มันยังคงประคองตัวเองไม่ให้ตายนี่ก็ด้วยกำลังของจิตใจอันเข้มแข็งล้วน ๆ!
สำหรับศัตรูเช่นนี้ถังเจิ้นจะให้ความเคารพโดยการฆ่าด้วยมือตัวเองแบบไม่ใช้ปืน
แต่ว่าไอ้คำสั่งเสียเมื่อกี๊นี้มันก็ช่างน่าสงสัยซะจริง ๆ เลยเชียว “แปลว่าเจ้าเมืองเฮยเหยี่ยนรู้เรื่องของกูแล้วสิ ที่มึงว่ามาเมื่อกี๊แปลว่าคงมีแผนจะทำอะไรกูอยู่สินะ”
ไอ้เฒ่าโม่ยังคงไอไม่หยุด ร่างกายของมันยิ่งมายิ่งร่วงโรย หลังจากไอต่อเนื่องอยู่ครึ่งนาทีมันก็เงยหน้าขึ้นมาตะคอกใส่ในสภาพที่เลือดกลบปาก “เออสิวะ พวกกูจะฆ่ามึงไง! กูนี่แหละที่รับผิดชอบงานนี้ ไม่น่าประเมินมึงต่ำเกินไปเลยโว่ย ตอนนี้เลยเป็นกูที่ทำให้เมืองเฮยเหยี่ยนเดือดร้อน
แค็ก ๆ... ถ้ากูเดาไม่ผิดล่ะก็เป็นมึงเองสินะที่ขโมยของในห้องเก็บสมบัติไปจนหมดน่ะหา! มึงยังมาสร้างโหลวเฉิงใกล้ ๆ เมืองเฮยเหยี่ยนแถมวันนี้ยังฆ่ากูอีก จากนี้ไปนักรบเฮยเหยี่ยนทุกคนจะเห็นมึงเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกแล้วจะส่งทีมชั้นยอดออกไปสังหารไอ้เมืองเชิ่งหลงห่าเหวอะไรนั่นไปพร้อมกับมึงเพื่อแก้แค้น!”
ถังเจิ้นได้ยินก็ส่ายหน้าแล้วบอกมันด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึกว่า “มึงนี่คิดเองเออเองเก่งเกิ๊น กูจะบอกความจริงให้มึงได้รู้ก่อนตายก็แล้วกัน ว่าจริง ๆ แล้วไอ้เมืองเฮยเหยี่ยนของมึงน่ะนะกูอยากทำลายทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจชอบเลยเว่ย แถมไม่ต้องพยายามอะไรมากด้วย เพียงแต่ตอนนี้กูแค่เงินขาดมือแล้วก็อยากหาใครมาเป็นตัวล่อไอ้พวกซากศพรวมไปถึงสายตาของโหลวเฉิงแห่งอื่น ๆ ก็เท่านั้นเอง พวกมึงเป็นแค่เครื่องมือเบนความสนใจให้กูเท่านั้น
แล้วที่โง่ที่สุดคือมึงโง่ขนาดคิดว่าเมืองเชิ่งหลงของกูเป็นแค่หมูหมากาไก่ที่สามารถบุกเข้ามาเข่นฆ่าให้สาแก่ใจเมื่อไหร่ก็ได้เนี่ยสิ ใครแม่งให้ความมั่นใจขนาดนั้นกับมึงวะกูละอยากเห็นหน้ามันจริง ๆ
เอาล่ะ ๆ อย่างที่บอกว่าจะให้เป็นของขวัญก่อนตาย มึงเห็นระเบิดนี่ปะ อันเดียวกะที่ฆ่าไอ้พวกกาไก่ลูกน้องมึงอะแหละ เมืองเชิ่งหลงของกูมีเยอะเท่าที่อยากได้!“พูดพร้อมกับหยิบระเบิดมืออีกลูกออกมาโชว์ จากนั้นก็เอาปืนกลออกมาโบกเล่นต่อหน้ามันแล้วเสริมว่า”ปืนนี่ยิงต่อเนื่องได้ด้วยซึ่งเมืองเชิ่งหลงของกูก็หาได้เยอะเท่าที่กูอยากได้อีกเหมือนกัน! เอาแค่เบาะ ๆ สองอย่างนี้กูขอถามมึงหน่อยเถอะว่าไอ้เมืองเฮยเหยี่ยนที่มึงภูมิใจนักหนาจะเอาเชี่ยไรมาสู้วะ?”
ถังเจิ้นยังคงจับจ้องไอ้เฒ่าโม่ที่ตอนนี้หน้าตายิ่งบิดเบี้ยวน่าเกลียดและพูดต่อ “แล้วมึงอยากรู้มั้ย~ ว่ากูไปรู้ที่ตั้งห้องเก็บสมบัติของพวกมึงได้ยังไง แล้วไอ้คนที่กูยิงตายไปเมื่อกี๊ทำไมถึงเป็นหลานมึงทั้ง ๆ ที่เป็นคนอื่นก็ได้? คิดว่าทั้งหมดมันเป็นแค่เรื่องบังเอิญจริง ๆ เร่อ~”
ไอ้เฒ่าโม่ถึงกับสะท้านไปทั้งตัวจับจ้องถังเจิ้นเขม็งด้วยดวงตาที่แดงก่ำก่อนจะคำรามลอดไรฟันด้วยความเคียดแค้น “บอกมา!”
ทว่าถังเจิ้นกลับส่ายหน้าเบา ๆ “ม่ายบก เอาล่ะมึงตายไปพร้อมกะความเสียใจที่สุดในชีวิตได้และ”
“ไอ่... สัตว์...”
ร่างกายที่บาดเจ็บจนควรจะตายไปแล้วสั่นสะท้านจากความโกรธเพราะคำพูดของถังเจิ้น มันถลึงตามองจนลูกตาอันแดงก่ำที่แสดงถึงความเกลียดชังอันไม่มีที่สิ้นสุดถึงกับถลนออกมาจากเบ้า ปากก็กระอักเลือดที่ผสมกับเศษเครื่องในดำ ๆ ออกมา และจากนั้นมันก็สิ้นเรี่ยวแรงหงายหลังลงไปนอนกับกอวัชพืช!