ตอนที่ 464 48 ชั่วโมง
ตอนที่ 464 48 ชั่วโมง
“ฉันขอโทษที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างเธอในช่วงเวลาที่เธอต้องการฉันมากที่สุด” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดจากก้นบึงของหัวใจ
แอวริลส่ายหัวอย่างเร่งรีบพร้อมสะบัดผมสีทองไปด้านหลัง ราวกับพยายามทำให้ตัวเองดูสดใสมากที่สุด
“ฉันภูมิใจในตัวนายมากกับสิ่งที่นายพยายามทำในดินแดนเซิร์ก ความเป็นจริงมันก็ยังมีผู้คนอีกมากที่รู้สึกภาคภูมิใจในตัวของนายด้วยเหมือนกัน”
เซี่ยเฟยเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง เพราะเขาจำไม่ได้ว่าแอวริลมีนิสัยพูดชื่นชมเขาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ยิ่งแอวริลเป็นแบบนี้เซี่ยเฟยก็ยิ่งไม่รู้จะพูดอะไร ดังนั้นเขาจึงสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของเธอและตระกูลของเธอ
บริษัทสตาร์ยูไนเต็ดกำลังประสบพบกับปัญหาอย่างหนัก เพราะจากการรุกรานของเผ่าเซิร์กก็ทำให้ระบบสตาร์เน็ตเวิร์กกลายเป็นอัมพาต ปัจจุบันพันธมิตรจึงได้สื่อสารผ่านทางระบบเรดาร์แบล็คแบท แต่เนื่องมาจากมันเป็นระบบเรดาร์ชนิดใหม่ มันจึงมียานที่สามารถใช้ระบบเรดาร์นี้อยู่อย่างจำกัด
สิ่งที่ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกโกรธมากที่สุดคือการที่พวกนาวีพยายามใช้ประโยชน์จากความเดือดร้อนของมนุษย์ เพื่อพยายามปล้นสินทรัพย์กลับไปให้ได้มากที่สุด ซึ่งถ้าหากว่าแอวริลต้องการที่จะลี้ภัยเข้าไปในดินแดนนาวี เธอก็จะต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีทั้งหมดของบริษัทให้กับพวกนั้นไป
ว่ากันว่าแม้แต่ตัวแทนของบริษัทควอนตัมก็ยังถูกเรียกร้องให้จ่ายค่าลี้ภัยเป็นพิมพ์เขียวของระบบเรดาร์แบล็คแบทและอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จ ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะไม่สามารถอพยพเข้าไปในดินแดนของนาวีได้
เซี่ยเฟยยังไม่ได้ติดต่อหาพวกอันเดร์และคนในบริษัทควอนตัมเลยสักคน เพราะทันทีที่ระบบเรดาร์แบล็คแบทถูกซ่อมแซมกลับมา เขาก็รีบติดต่อหาแอวริลเป็นคนแรก
อย่างไรก็ตามทุกคนในบริษัทควอนตัมต่างก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแอวริลเป็นอย่างดี มันจึงเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะเข้ามาทักทายแฟนสาวของเซี่ยเฟยบ้างเป็นระยะ ๆ
ด้วยเหตุนี้แอวริลจึงพอจะรู้สถานการณ์ของพวกอันเดร์บ้าง และเซี่ยเฟยก็เชื่อว่าคนที่เขาไว้ใจไม่มีทางแลกเทคโนโลยีหลักของบริษัทควอนตัมเพื่อความปลอดภัยในระยะสั้นอย่างเด็ดขาด และถึงแม้ว่าบริษัทควอนตัมจะต้องสูญเสียเทคโนโลยีพวกนั้นไปจริง ๆ แต่เซี่ยเฟยก็ไม่คิดที่จะว่าอะไรใครเพียงแต่เขาจะสูญเสียความไว้วางใจจากคนพวกนั้นไปเท่านั้นเอง
ความโลภของนาวีทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกโกรธมาก แต่เขาก็พยายามระงับความโกรธเอาไว้อย่างดีที่สุดเมื่อยังคงอยู่ต่อหน้าของแอวริล
“ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?” เซี่ยเฟยถาม
“สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างน่าอึดอัดอยู่เหมือนกัน ฉันพยายามขอแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีหลักของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดเพื่อแลกกับความปลอดภัยของพลเรือนแล้ว แต่พวกนั้นก็ไม่ยอมรับประชาชนอพยพไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พวกเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องนำกองยานพลเรือนเดินหน้าต่อไปจากดินแดนนาวีมุ่งหน้าตรงไปยังดินแดนที่เราไม่รู้จัก”
“สิ่งที่น่ากังวลก็คือในกองยานของเรามียานรบคุ้มกันอยู่เพียงแค่ไม่กี่ลำ และยานส่วนใหญ่ยังได้ถอดระบบอาวุธออกไปเพื่อให้เราสามารถรองรับผู้อพยพให้ได้มากที่สุด กำลังรบของเราจึงลดลงเหลือเพียงแค่ประมาณครึ่งเดียวจากกำลังรบปกติ ที่สำคัญคือกระสุนกับอาหารใกล้ที่จะขาดแคลนเต็มทน แต่เราก็ยังไม่รู้เลยว่าเราจะได้พบกับดาวเคราะห์ที่มีอาหารอีกเมื่อไหร่”
แอวริลดูหดหู่มากเนื่องมาจากว่าเธอเป็นคนใจดีและทนเห็นความโหดร้ายเช่นนี้ไม่ได้ เธอจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกคนให้ได้มากที่สุด ถึงขนาดเอาความปลอดภัยของตัวเองมาเสี่ยงไม่อพยพเข้าไปในดินแดนนาวีเหมือนกับเศรษฐีคนอื่น ๆ
“แอวริลถึงแม้ว่าฉันจะบอกเธอไม่ได้ว่าทำไม แต่เธอควรหยุดอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวนี้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
“ฉันก็ไม่อยากเดินหน้าต่อไปเหมือนกัน แต่กองยานนาวีกำลังเฝ้าดูเราอยู่จากด้านหลัง และถ้าหากพวกเราหยุดพวกเขาจะเริ่มเปิดฉากยิงทันที” แอวริลกล่าว
‘พวกมันเล็งปืนมาที่ผู้บริสุทธิ์เนี่ยนะ! ไอ้พวกนาวีมันจะทำมากเกินไปแล้ว!!’ เซี่ยเฟยกัดฟันพูดภายในใจก่อนที่เขาจะปรับอารมณ์และกล่าวออกไปว่า
“ในกองยานน่าจะพอมีของมีค่าอยู่ใช่ไหม?”
“ก็พอมีอยู่บ้าง แต่เหลืออยู่น้อยมากแล้ว” แอวริลกล่าว
“เธอพยายามเจรจากับพวกนาวีและพยายามแลกเปลี่ยนของมีค่าพวกนั้นเป็นอาหารกับยาให้ได้มากที่สุด เท่าที่ฉันดูพวกนาวีเป็นพวกโลภมากและพวกมันย่อมไม่ทิ้งโอกาสในการทำกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้แน่นอน โดยสรุปก็คือเธอต้องพยายามอยู่ในดินแดนของนาวีให้ได้นานที่สุด ทุกอย่างจะถูกตัดสินใน 48 ชั่วโมงหลังจากนี้”
“ทำไมต้อง 48 ชั่วโมงด้วย?” แอวริลถามด้วยความสงสัย
“ตอนนี้กำลังมีการเปลี่ยนแปลงภายในเผ่าพันธุ์เซิร์ก ปัจจุบันราชาแห่งเต็นท์ทองคำคนเก่าตายไปแล้ว และทายาทของเขาก็อาจจะไม่สนใจทำสงครามกับมนุษย์อีกต่อไป ฉันจึงคาดการณ์ว่าสงครามจะจบลงใน 48 ชั่วโมง” เซี่ยเฟยกล่าว
“ราชาของพวกนั้นตายแล้วงั้นเหรอ? หรือว่านายเป็นคนฆ่าเขา?” แอวริลถามอย่างตื่นเต้น
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับเบา ๆ อย่างสงบ
ทันใดนั้นแอวริลก็ได้พบว่าเซี่ยเฟยเติบโตขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมาแบบที่เธอไม่เคยได้คาดการณ์มาก่อน
เผ่าพันธุ์เซิร์กทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ตกอยู่ในความวุ่นวายประชาชนหลายล้าน ๆ คนต้องอพยพหนีออกมาจากบ้านเกิดของตัวเอง แต่เซี่ยเฟยผู้ซึ่งแอบเข้าไปในดินแดนเซิร์กเพียงลำพังกลับสามารถสังหารราชาแห่งเต็นท์ทองคำลงได้สำเร็จ
สิ่งที่ทำให้แอวริลรู้สึกทึ่งมากยิ่งกว่าคือเซี่ยเฟยยังคงสงบนิ่ง คล้ายกับว่าการสังหารราชาแห่งเผ่าพันธุ์เซิร์กเป็นสิ่งที่ดูธรรมดาสำหรับเขา
เมื่อแอวริลมองมาทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก มันก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย
“เอ่อฉัน…” เซี่ยเฟยพูดขึ้นมาอย่างลังเล
“ไปทำสิ่งที่นายจะต้องทำเถอะ ฉันเข้าใจ” แอวริลกล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างหนักแน่น
เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นความหนักแน่นของหญิงสาวคนนี้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแต่กล่าวขอบคุณหญิงสาวด้วยความจริงใจ
หลังจากปิดหน้าจอสื่อสารลงไปแล้ว เซี่ยเฟยก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“นายท่านเยี่ยมมากเลยและแฟนของนายท่านก็น่ารักมาก!” กระป๋องหมุนตัวและยกแขนขึ้นอย่างตื่นเต้น
“ไม่ต้องพูดมากเลย ไปชงชามาให้ฉันเดี๋ยวนี้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเคาะหัวโลหะของกระป๋องเบา ๆ
“ได้ครับเจ้านาย” กระป๋องทำความเคารพและรีบวิ่งไปชงชาอย่างรวดเร็ว
“ฉันไม่คิดเลยว่าสถานการณ์ในพันธมิตรจะเลวร้ายถึงขนาดนี้ ไอ้พวกนาวีมันจะน่ารังเกียจเกินไปแล้ว” อันธอุทานออกมาอย่างโกรธเคือง
“ฉันขอลงบัญชีพวกมันเอาไว้ก่อน สักวันหนึ่งฉันจะไปเอาคืนพวกมันแน่ ๆ” เซี่ยเฟยทุบโต๊ะอย่างแรงพร้อมกับคำรามออกมาอย่างดุเดือด
—
แนวป้องกันตะวันตก
กองยานเซิร์ก 300 กองที่จู่โจมทางปีกซ้ายเป็นเพียงการจู่โจมแบบหลอก ๆ เพราะพวกเขายังคงจู่โจมจากระยะไกลโดยไม่ใช้กำลังอย่างเต็มที่ ขณะที่กองยานพันธมิตรได้รับการสนับสนุนจากดาวเคราะห์ป้อมปราการ มันจึงทำให้พวกเขายังคงตั้งรับได้อย่างเหนียวแน่น
ตูม!
ยานประจัญบานรุ่น 2 ของบริษัทคัลดารีถูกยานรบเซิร์กยิงทำลายจนลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟ ซึ่งหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปไม่กี่นาที ยานประจัญบานของเซิร์กก็ถูกระดมยิงจนถูกทำลายไปเช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายต่างก็แลกความเสียหายกันไปมา ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะมียานรบ 1 ลำถูกทำลายไปทุก ๆ 1 นาที
อย่างไรก็ตามจำนวนยานรบของฝ่ายพันธมิตรก็น้อยกว่าศัตรูมาก ดังนั้นถ้าหากสถานการณ์ยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปพวกเขาย่อมถูกกวาดล้างลงไปอย่างแน่นอน
แม้ว่าความสูญเสียของทั้งสองฝ่ายจะดูพอ ๆ กัน แต่ในความเป็นจริงแล้วสถานการณ์ของทางฝั่งมนุษย์ค่อนข้างที่จะตกอยู่ในความย่ำแย่
นายพลเอแคร์พยายามติดต่อขอกำลังเสริมไปที่ศูนย์บัญชาการหลายครั้ง แต่คำตอบที่ได้รับคือการขอให้เขาพยายามรักษาตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องกัดฟันสู้กับศัตรูที่บุกมาทางปีกซ้ายของแนวป้องกันต่อไป
ณ ศูนย์บัญชาการใหญ่ พันธมิตรมนุษย์
“ท่านจอมทัพ เซี่ยเฟยส่งคำขอสื่อสารเร่งด่วนมากครับ” พลสื่อสารรีบรายงานอย่างตื่นเต้น
เนื่องมาจากก่อนหน้านี้กระป๋องมักจะแอบส่งวิดีโอการต่อสู้ของเซี่ยเฟยกับเซิร์กกลับมาในพันธมิตรอยู่เสมอ ดังนั้นชื่อของเซี่ยเฟยจึงเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป และตัวตนของเขาก็ไม่ต่างไปจากวีรบุรุษของสงครามในครั้งนี้ไปแล้ว
“เขายังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ?! รีบเชื่อมต่อการสื่อสารเดี๋ยวนี้เลย” ไทสันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เมื่อหน้าจอสื่อสารถูกเชื่อมต่อเซี่ยเฟยกับไทสันก็จ้องหน้าซึ่งกันและกัน ขณะที่วิลเลียมที่กำลังเฝ้าดูสถานการณ์ในสนามรบก็หันหน้ามาพยักหน้าให้กับเซี่ยเฟยเป็นการทักทาย ก่อนที่เขาจะกลับไปจัดการหน้าที่ของตัวเองต่อไป
“ยินดีด้วยที่คุณยังมีชีวิตอยู่ แต่ตอนนี้ฉันมีเวลาจำกัดถ้ามีอะไรจะพูดก็รีบพูดเดี๋ยวนี้เลย” ไทสันกล่าว
“ผมอยากรู้แค่ว่าแนวรับตะวันตกจะสามารถทนอยู่ได้นานเกิน 48 ชั่วโมงหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถาม
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะไม่ได้พูดเสียงดังนัก แต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยอำนาจที่ยากจะต้านทานได้
ไทสันจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้พบเจอกันเซี่ยเฟยยังแทบที่จะไม่สามารถต้านทานรังสีอำนาจจากเขาได้ด้วยซ้ำ แต่ในตอนนี้รังสีอำนาจของเซี่ยเฟยกลับดูไม่ด้อยไปกว่ารังสีอำนาจของตัวเขาเลย
“ทนได้แล้วยังไง? ทนไม่ได้แล้วยังไง?” ไทสันกล่าว
“มันกำลังมีเรื่องสำคัญจะถูกตัดสินในอีก 48 ชั่วโมง ดังนั้นกองทัพของคุณจะต้องต้านรับการโจมตีของเซิร์กในช่วงระยะเวลานี้ให้ได้” เซี่ยเฟยกล่าว
“นี่คุณกำลังสั่งฉันอยู่เหรอ?”
“ผมไม่ได้สั่ง ผมแค่แนะนำ”
“อีก 48 ชั่วโมงจะเกิดอะไรขึ้น?”
“มันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีหรือมันอาจจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายกว่าเดิมก็ได้”
“มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว ไม่ต้องห่วงกองทัพพันธมิตรไม่ใช่กระดาษ พวกเราไม่มีทางถูกทำลายลงได้ง่าย ๆ หรอก” ไทสันกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ผมเชื่อมั่นในตัวคุณครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
หลังจากหน้าจอสื่อสารดับลงไปไทสันก็รู้สึกตกตะลึงอยู่ 2-3 วินาที ก่อนที่เขาจะหันไปสั่งการการรบต่อราวกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
—
“ทำไมนายไม่บอกไทสันเรื่องที่อูดี้ตายแล้วล่ะ?” อันธถาม
“กองทัพกำลังอยู่ในสนามรบการให้ความหวังกับพวกเขามากเกินไปจะทำให้พวกเขาสูญเสียความสงบ และมันก็อาจจะนำมาซึ่งความเสียหายที่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“นายก็เลยให้ความหวังพวกเขาเพียงแค่เล็กน้อยสินะ”
“ใช่” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“นายท่าน กระป๋องต้มน้ำชามาให้แล้ว” กระป๋องรีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับถ้วยน้ำชาภายในมือ
“เอาไปไว้ในห้องฝึก ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าในกล่องโลหะที่อูดี้พยายามขุดค้นมันขึ้นมาจะมีอะไรซ่อนอยู่ด้านในกันแน่?”
***************
ได้เวลาเปิดกล่องแล้ว ไหนๆทุกคนคิดว่าในกล่องจะเป็นสมบัติอะไร? มาลองเดาหน่อย… เราขอเดาว่าสมุนไพรที่พิเศษกว่ากรงเล็บภูติโลหิตไปเลยละกัน