ตอนที่ 1256 จุดประสงค์ได้บรรลุผลแล้ว
หลังจากโดนหมัดของ หลินฟาน เข้าเต็มๆ หางตาของ ชายใบหน้าเหลี่ยม ก็ได้แตก และบวมขึ้น เลือดไหลอาบไปทั่วใบหน้า เขารู้สึกวิงเวียนศีรษะราวกับว่าเขาโดนต่อยจนวิญญาณหลุดออกจากร่าง
พอทันทีที่ หลินฟาน ปล่อยมือ ร่างกายของ ชายใบหน้าเหลี่ยม ก็เริ่มโซเซถอยหลังไป
หลินฟาน ไม่ได้คิดจะปล่อยโอกาส เขาได้พุ่งตามไป และเข้าถีบหน้า ชายใบหน้าเหลี่ยม โดยตรง ชายใบหน้าเหลี่ยม ได้ส่งเสียงอู้อี้ออกมา ก่อนจะล้มลงไปกับพื้นเหมือนกับสุนัขที่ตาย ร่างกายของเขาดิ้นไปมา และเขาก็ไม่แม้แต่จะสามารถลุกขึ้นมาได้
แม้ว่า หลินฟาน ไม่ได้คิดจะฆ่าเขา แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บ บวกกับกำลังที่หมดไป พร้อมกับสภาพร่างกายที่อ่อนแอเหมือนกับแมวป่วย อย่างน้อยๆ เขาต้องใช้เวลาพักฟื้นปรับลมหายใจเป็นเวลานาน ก่อนที่จะสามารถฟื้นฟูกําลังภายในได้
เขาเงยหน้าขึ้น มอง หลินฟาน และถามด้วยความประหลาดใจไปว่า : “แก.. มันเป็นใครกันแน่?”
เขาอยากรู้อยากเห็นมากจริงๆ จนลืมสถานการณ์ของตัวเอง
หลินฟาน กลับยืนอยู่ตรงนั่น เพียงแค่มองไปที่เขาอย่างสงบ และไม่ได้ตอบคําถามของเขา
วินาทีต่อมา ชายใบหน้าเหลี่ยม ก็ตระหนักรู้ถึงสถานการณ์ของตัวเอง เขาพยายามลุกขึ้น และต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ใช่ เขาต้องการหนี
แต่ หยุนเหมิน ที่ไหนจะปล่อยให้เขามีโอกาส!
หยุน จงเจิ้ง ตอบสนอง และเคลื่อนไหวก่อนเป็นคนแรก เดิมทีเขาได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับ ชายใบหน้าเหลี่ยม ต่อมาเขาถูก ชายใบหน้าเหลี่ยม บังคับให้สารภาพบอกที่ซ่อนสมบัติ จนอาบไปด้วยเลือด แต่มาในเวลานี้ หยุน จงเจิ้ง กลับมีความแข็งแกร่งกว่า ชายใบหน้าเหลี่ยม เสียอีก
เขาพยายามต่อสู้ดิ้นรนที่จะลุกขึ้น หยิบดาบที่ร่วงหล่นกับพื้นขึ้นมาด้วยมือของเขา และเดินโซซัดโซเซมาที่ ชายใบหน้าเหลี่ยม
ดาบได้ฟาดเข้าที่แขนข้างซ้ายของ ชายใบหน้าเหลี่ยม จนเลือดได้สาดกระเซ็นออกมา แขนซ้ายของ ชายใบหน้าเหลี่ยม ก็ถูกตัดออกไปในทันที
“อ๊าากก!” ชายใบหน้าเหลี่ยม ได้กรีดร้องครวญครางออกมาดังลั่น
หยุน จงเจิ้ง มีใบหน้าเฉยชาอย่างมาก และดาบที่สองก็ได้ฟาดลงมา
แขนขวาของ ชายใบหน้าเหลี่ยม ก็ได้มีเลือดสาดกระเซ็นออกมาเช่นกัน และแล้วแขนข้างขวาของเขาก็ได้พิการไป
จากนั้นก็ตามด้วยดาบที่สาม ดาบที่สี่ เอ็นเท้าทั้งสองข้างของ ชายใบหน้าเหลี่ยม ก็ได้ถูกตัดออก!
ในชั่วพริบตา ชายใบหน้าเหลี่ยม ก็กลายเป็นคนพิการแขนขาไปแล้ว! เขาในตอนนี้ไม่มีความบังเอิญใดๆ ที่จะพูดถึงอีก หยุน จงเจิ้ง เพียงต้องการใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของเขาเพื่อทำให้เขาพิการ และจะไม่คิดปล่อยโอกาสใดๆ หรือความเป็นไปได้ใดๆ ให้เขาฟื้นตัวได้อีก
จากนั้นดาบที่ห้า หยุน จงเจิ้ง ก็ได้แทงเข้าไปในจุดตันเถียนของ ชายใบหน้าเหลี่ยม
“อ.. อ๊าากก!”
ชายใบหน้าสี่เหลี่ยม ได้ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าสังเวช เหงื่อไหลออกมาท่วมใบหน้า ใบหน้าเขาก็ได้ซีดราวกับกระดาษ ตันเถียน ถูกแทง ..ในที่สุดเขาก็ได้กลายไปเป็นขยะอย่างสมบูรณ์ เขาไม่สามารถทนความเจ็บปวดจากการถูกทำลายจุดตันเถียนที่รุนแรงนี้ไปได้ ไม่ช้าดวงตาของเขาก็ได้วูบ และหมดสติไป
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ทุกคนในหยุนเหมินก็พากันเงยหน้าขึ้น และรู้สึกยินดีอย่างมาก ในที่สุดคนชั่วก็ได้ถูกกำจัด!
ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ชายใบหน้าเหลี่ยม กลายเป็นแบบนี้ ในที่สุดพวกเขาก็รอดชีวิตมาได้แล้ว
หยุน จงเจิ้ง ไม่ได้คิดที่จะฆ่า ชายใบหน้าเหลี่ยม เขาเองได้โยนดาบในมือทิ้งไป และหันไปสั่งทันทีว่า : “กักขังมันผู้นี้ไว้ ดูแลอย่างเข้มงวด จะปล่อยให้มันตายไม่ได้ และหลังจากนี้ข้าจะสอบปากคำมันด้วยตนเอง!”
ที่มาที่ไปของ ชายใบหน้าเหลี่ยมผู้นี้ เขายังไม่รู้ ทั้งเขาก็ยังมีบางสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ ดังนั้น ชายใบหน้าเหลี่ยมผู้นี้ จะมาตายง่ายๆ ไม่ได้
จากนั้น ได้มีศิษย์สาวกเป็นชายหนุ่มสองคนเข้ามาลาก ชายใบหน้าเหลี่ยม ออกไปราวกับสุนัขที่ตาย
จนถึงตอนนี้ หายนะของ หยุนเหมิน ก็ได้สิ้นสุดลงไป ..ในที่สุด
ทุกคนในหยุนเหมิน ต่างก็พากันดีใจทันที และพากันยิ้มแย้มออกมา ความรู้สึกของการได้มีชีวิตรอดหลังจากหายนะนี้ต้องบอกว่า มันให้ความรู้สึกดีอย่างมาก
แม่ของเด็กน้อยวัยสามขวบคนนั้นได้วิ่งเข้าไปหา ท่านยาย ทันที เพื่อรับลูกน้อยของตัวเองไป เธอกอดลูก พร้อมกับยิ้มหัวเราะ และร้องไห้ออกมา
จากนั้น แม่คนนี้ก็ได้เดินไปคุกเข่าลงต่อหน้า หลินฟาน และก้มลงโขกหัวไม่หยุด เธอรู้สึกขอบคุณ หลินฟาน มากที่ได้ช่วยชีวิตลูกของเธอไว้
หลินฟาน ได้รีบเข้าช่วยพยุงเธอขึ้น และพูดว่า : “มันแค่เรื่องเล็กน้อย ..คุณไม่จำเป็นต้องสุภาพหรอกครับ”
เมื่อได้ยินสี่คำที่ว่า มันเป็นแค่ ‘เรื่องเล็กน้อย’ ทุกคนในหยุนเหมินก็ต่างพากันพูดไม่ออก ต้องบอกว่าพวกเขาตกใจจนพูดไม่ออกมากกว่า ชายใบหน้าเหลี่ยม คนนั้นมีความแข็งแกร่งแค่ไหน แน่นอนว่ามันเพียงพอที่จะกวาดล้างทุกคนในหยุนเหมินได้ และหลินฟาน ที่เอาชนะ ชายใบหน้าเหลี่ยม ได้นั้น เขากลับเพียงบอกว่ามัน ..เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย?
แล้ว.. ถ้าอย่างนั้น หลินฟาน เขาควรแข็งแกร่งแค่ไหน!
ผู้อาวุโสที่จะลงมือกับ หลินฟาน มาก่อน ตอนนี้ใบหน้าของเขาได้ซีดไปหมดแล้ว เขากลัวมาก หากถ้าเขาลงมือกับ หลินฟาน ไปจริงๆ ผลที่ตามมา ..มันคงเป็น หายนะ!
“ท่านหลิน ขอบคุณมากที่ท่านได้เข้าช่วยเหลือ และก็เป็นท่านที่ได้ช่วยชีวิตพวกเราเผ่าหยุนไว้!” หยุน จงเจิ้ง ได้เดินเข้าไปหา หลินฟาน ในเวลานี้ และกล่าวด้วยสีหน้าซาบซึ้ง
หลินฟาน ยิ้ม แล้วพูดว่า : “ผู้นำหยุน เงื่อนไขที่เราคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ น่าจะบรรลุผลแล้วใช่ไหม”
หยุน จงเจิ้ง รีบพูดทันทีว่า : “ข้าขอให้สัญญา หยุนเหมินของข้าจะไม่สร้างปัญหาใดๆ ให้กับ ท่านหลิน ในอนาคตอีก ตรงกันข้าม.. เป็น ท่านหลิน ที่เป็นผู้มีพระคุณที่ได้ช่วยชีวิตพวกเราไว้ เผ่าหยุน ทุกคนจงฟังคําสั่ง ขอบคุณ ท่านหลิน!”
ภายใต้การนำของ หยุน จงเจิ้ง ทุกคนในหยุนเหมิน ก็ได้กล่าวขอบคุณ หลินฟาน ออกมาพร้อมๆ กัน : “ขอบคุณ ท่านหลิน!”
ในฉากแบบนี้ ..หลินฟาน ยังไม่เคยเห็นจริงๆ เขาได้ยิ้ม และพูดไปว่า : “ทุกคนอย่าได้เกรงใจไป”
ในเวลานี้ หยุน ชิงเย้า ก็ติดตามทุกคนเข้ามา และกล่าวขอบคุณต่อ หลินฟาน แต่การแสดงออกของเธอดูซับซ้อนมากกว่าคนอื่น เธอเฝ้าแอบมอง หลินฟาน เมื่อนั้นใบหน้าของเธอก็ได้แดงขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพียงแค่มองผ่านผ้าคลุมหน้าก็สัมผัสได้ถึงความร้อนบนใบหน้าของเธอ
ท่านยาย ที่ยืนอยู่ข้างๆ มองไปที่ หลินฟาน จากนั้นเธอก็ได้มองไปที่ หยุน ชิงเย้า อีกครั้ง เมื่อนั้นเธอเองก็ได้คลี่ยิ้มออกมา
ศัตรูถูกกำจัดไปแล้ว หยุนเหมิน ก็ได้รับการช่วยเหลือ และสมบัติก็รักษาเอาไว้ได้ หยุน จงเจิ้ง นั้นกำลังอารมณ์ดีอย่างมาก และเขาก็รู้สึกขอบคุณ หลินฟาน มากเป็นพิเศษ ถ้าไม่มี หลินฟาน หยุนเหมิน ก็น่าจะพบกับโศกนาฏกรรม แม้ว่าในวันนี้ผู้คนในหยุนเหมิน บางส่วนจะล้มตายลงไป แต่โดยภาพรวมแล้ว นี่ถือเป็นจุดจบที่ดีที่สุดแล้ว
“จัดงานเลี้ยงใหญ่วันนี้ และเราจะต้อนรับ ท่านหลิน ด้วยมาตรฐานสูงสุด นับจากวันนี้เป็นต้นไป ท่านหลิน จะกลายมาเป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลหยุนของเรา!” หยุน จงเจิ้ง ได้ประกาศออกไปทันที
เดิมที หลินฟาน ตั้งใจจะจากไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เรื่องที่นี่ก็สิ้นสุดลงแล้ว และจุดประสงค์ที่เขามาที่หยุนเหมินก็ได้บรรลุผลแล้วเช่นกัน
แต่เขาก็ยังอยู่ และได้รีบเดินไปทันที เขาแทบไม่อยากรอช้าที่จะรีบไปกินอาหารสักมื้อก่อน แล้วค่อยออกเดินทาง
“ฮ่าๆ ผมเพิ่งต่อสู้ไป มาตอนนี้ผมหิวนิดหน่อยจริงๆ งั้น.. คงต้องรบกวนทุกคนแล้ว” หลินฟาน ได้ยิ้มหัวเราะก่อนที่เขาจะพูดออกไป แน่นอนเขาหิวมากตอนนี้ เขากินอาหารเช้าไปได้แค่นิดเดียว ดังนั้นเขาจึงต้องการกินอาหารดีๆ สักมื้อ ..ก่อนกลับออกไป
หยุน จงเจิ้ง ก็ได้หัวเราะเสียงดังออกมา : “ท่านหลิน เชิญเลย!”
ในขณะนี้ หยุนเหมิน ได้เริ่มเก็บกวาดสนามรบ จากนั้นก็เริ่มฆ่าหมู ฆ่าแกะ จัดงานเลี้ยงใหญ่เพื่อต้อนรับ หลินฟาน
ในงานเลี้ยง หลินฟาน ได้รับเชิญให้ขึ้นไปด้านบน และนั่งอยู่ในที่เดียวกันกับ หยุน จงเจิ้ง ซึ่งเป็นมาตรฐานที่สูงที่สุดของ หยุนเหมิน ทั้งตลอดเวลาหลายปีมานี้ ไม่ได้มีแขกผู้มีเกียรติเช่น หลินฟาน มา.. ท้ายที่สุดแล้วงานวันนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก และผู้เชี่ยวชาญอย่างเช่น หลินฟาน นั้น ..ก็นับได้ว่า หายากยิ่งกว่า
เนื่องจาก หลินฟาน เอาชนะชายใบหน้าเหลี่ยม ได้ ทําให้ หยุน จงเจิ้ง ยืนยันการคาดเดาก่อนหน้านี้มากขึ้นเรื่อยๆ เขาคิดว่า หลินฟาน เป็นคนจากสำนักนิกายซ่อนเร้น 100% และต้องมาจากหนึ่งในสำนักนิกายซ่อนเร้นที่เก่าแก่
หลินฟาน ประสบความสําเร็จอย่างมากตั้งแต่อายุยังน้อย เขาต้องเป็นอัจฉริยะแน่ๆ และหากเป็นจริงๆ ที่ว่า หลินฟาน มาจากหนึ่งในสำนักนิกายซ่อนเร้นที่เก่าแก่ หลินฟาน เขาจะต้องถูกวางให้ขึ้นเป็นผู้นำอย่างแน่นอน!
หยุน จงเจิ้ง ได้กําลังชนแก้วกับ หลินฟาน ในขณะเดียวกันนั้นเขาก็ได้พยายามถามเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตของ หลินฟาน แต่ หลินฟาน ยังคงรักษาคําพูดก่อนหน้านี้ และไม่ได้เปิดเผยถึงชาติกําเนิดที่พิเศษอะไรออกไป
หยุน จงเจิ้ง เมื่อพบว่าเขาไม่ได้อะไรจากการถาม เลยตัดสินใจที่จะหยุด.. แต่นั่นไม่ได้เปลี่ยนความคิดของเขา และเขาก็ได้เชื่อว่าภูมิหลังของ หลินฟาน นั้นไม่ง่ายอย่างแน่นอน
ในความเป็นจริงแล้ว ..หลินฟาน เขาก็มีความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน นั่นคือ หยุนเหมิน นั้นมีสมบัติอะไรที่ควรค่าแก่การปกป้อง ที่ถึงขนาดที่ว่ายอมให้ หยุนเหมิน ถูกทำลาย แต่ความอยากรู้มันก็คือความอยากรู้ และหลินฟาน ก็ไม่ได้ถามออกไป ในบางสิ่ง.. การไม่รู้มันก็ดีกว่ารู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับสำนักนิกายซ่อนเร้นเหล่านี้ และอยู่ห่างๆ ดีกว่า
ทุกคนใน หยุนเหมิน ก็ได้เข้าคารวะเหล้า หลินฟาน ทีละคน นอกจากคนที่มีสถานะสูงในหยุนเหมินแล้ว คนหนุ่มสาวบางคนก็ได้เข้ามาพูดคุยคบค้าสมาคมกับ หลินฟาน เพราะพวกเขาเห็นว่า หลินฟาน เข้าถึงได้ง่าย ในเวลาอันสั้น หลินฟาน ก็ได้รู้จักคนส่วนใหญ่ในหยุนเหมินแล้ว
ทันใดนั้น หลินฟาน ก็พบว่า ..เหมือน หยุน ชิงเย้า หายไป?
ขณะที่ หลินฟาน สงสัยว่า หยุน ชิงเย้า หายไปไหน ทันใดนั้นฝูงชนก็เริ่มปั่นป่วน และทุกคนก็ได้มองไปใน ..ทิศทางเดียว