บทที่ 14 การฝึกฝนและการเติบโต
ในตอนเที่ยง ซืออวี๋กินข้าวเที่ยงจนอิ่ม จากนั้นเขาก็เปิดสารบัญทักษะ
[เวลาคูลดาวน์] : 24 ชั่วโมง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขายังจำเป็นต้องพักผ่อนหนึ่งวันก่อนที่เขาจะดำเนินการสอนทักษะได้อีกครั้ง
ซืออวี๋รู้สึกว่าเขายังต้องออกไปข้างนอกในตอนบ่าย
ส่วนใหญ่เป็นเพราะอีเลฟเว่นนั้นมีวินัยในตัวเองมากเกิดไป มันจะรู้สึกอึดอัดหากมันไม่ได้ฝกฝนชั่วขณะหนึ่ง
การชอบการฝึกฝนนั้นไม่ใช่เรื่องที่เป็นอันตราย การมีวินัยในตัวเองของอีเลฟเว้นนั้นแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ซืออวี๋ชอบมัน
หากมันเป็นสัตว์อสูรที่ขี้เกียจซึ่งไม่พัฒนาตัวเอง ซืออวี๋จะไม่เต็มใจใช้พลังงานมากมายไปกับการสอนทักษะให้แก่มัน
แม้ว่าการจำลองทักษะนั้นจะสะดวกสบายมาก แต่เราก็ไม่สามารถพึ่งมามันได้ตลอดไป การฝึกฝนขั้นพื้นฐานที่สัตว์อสูรควรจะมีนั้นก็มีประโยชน์เช่นเดียวกัน
ขั้นตอนนี้ก็ยังเป็นการหล่อหลอมจิตใจ จิตวิญญาณ และเจตจำนงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมันเต็มใจที่จะฝึกฝนอยู่แล้ว เขาจึงต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกฝนของมัน มิฉะนั้น มันจะไร้ประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะค้นหาอุปกรณ์การฝึกฝนบางอย่างสำหรับอีเลฟเว่น
“อุปกรณ์การฝึกฝนสำหรับสัตว์อสูรน่าจะไม่ถูกมากนัก…”
“ข้าจะต้องหาวิธีการฝึกฝนที่คุ้มค่าแทน”
หลังจากพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ซืออวี๋ก็ออกไปในตอนบ่าย
และตลอดทั้งวัน อีเลฟเว่นฝึกฝนด้านระยะเวลา การถอนกลับ และการเคลือบด้วยทักษะการเคลือบแข็งอย่างจริงจัง
หลังจากทักษะการเคลือบแข็งถึงระดับช่ำชอง การเคลือบแข็งจะอยู่ได้นานครึ่งนาที ยิ่งกว่านั้น ไม่มีสถานการณ์ที่การเคลือบแข็งจะถูกยกเลิกหลังจากได้รับแรงกระแทกเล็กน้อยอีกต่อไป สำหรับความเร็วในการถอนกลับ มันก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ในปัจจุบัน เนื้อหาการฝึกฝนหลักของอีเลฟเว่นก็คือการเคลือบแข็งหลายส่วนของร่างกายในเวลาเดียวกัน นี่คือสิ่งสำคัญในการต่อสู้ หลังจากทำได้แล้ว ทักษะนี้จะกลายเป็นทั้งการโจมตีและการป้องกัน
นี่คือเนื้อหาการฝึกฝนทั้งหมดที่มันทำ ยังคงไม่มีการฝึกฝนความแข็งแกร่งของการเคลือบแข็ง ท้ายที่สุด การเงินของบ้านหลังนี้นั้นอ่อนแอเกินไปและไม่มีเงินเพียงพอที่จะซ่อมบ้านได้
อย่างไรก็ตาม โดยไม่คำนึงถึงเนื้อหาการฝึกฝนว่าจะครอบคลุมหรือไม่ ปริมาณการฝึกฝนของอีเลฟเว่นนั้นไม่น้อยเลย
นี่ทำให้ความอยากอาหารของมันเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ยิ่งกว่านั้น การใช้พละกำลังที่ถูกใช้ในมิติฝึกสัตว์อสูรนั้นก็มากยิ่งขึ้น
สถานการณ์ในปัจจุบันทำให้ซืออวี๋ได้ยืนยันวิธีการฝึกฝนของเขา
ความรับผิดชอบของนักฝึกสัตว์อสูรไม่ใช่เพียงแค่การเลี้ยงสัตว์อสูรและการจัดแผนการฝึกฝนสำหรับพวกมันเท่านั้น พวกเขายังจำเป็นต้องพัฒนาทักษะของสัตว์อสูรของพวกเขาด้วยเช่นกัน
นอกเหนือจากพรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูร การพัฒนาของมิติฝึกสัตว์อสูรก็คือการฝึกฝนที่ไม่มีนักฝึกสัตว์อสูรคนไหนหลีกเลี่ยงได้
ความแข็งแกร่ง สภาพแวดล้อม และขนาดนั้นเป็นสามองค์ประกอบของมิติฝึกสัตว์อสูร
นักฝึกสัตว์อสูรสามารถเลือกหนทางการฝึกฝนได้อย่างอิสระ หรือฝึกฝนทั้งสามหนทาง
แน่นอนว่าการฝึกฝนทั้งหมดจะใช้ความพยายามมากกว่าวิธีทั่วไป
นักฝึกสัตว์อสูรที่ชอบเปลี่ยนสัตว์อสูรของพวกเขาบ่อยและแทนที่สัตว์อสูรที่อ่อนแอด้วยสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของมิติฝึกสัตว์อสูรและเพิ่มพลังการผูกมัดของมิติฝึกสัตว์อสูร
เนื่องจากมีเพียงแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะเป็นเรื่องยากมากสำหรับสัตว์อสูรที่ถูกบังคับให้ทำสัญญาจะโจมตีนักฝึกสัตว์อสูร
ในทางตรงกันข้าม นักฝึกสัตว์อสูรบางคนมุ่งเน้นไปที่การสร้างความผูกพันทางอารมณ์กับสัตว์ของพวกเขา ด้วยวิธีนี้ แม้ปราศจากการผูกมัดของมิติฝึกสัตว์อสูร สัตว์อสูรก็จะไม่ทำร้ายพวกเขา
สภาพแวดล้อมของมิติฝึกสัตว์อสูรกำหนดประสิทธิภาพของสัตว์อสูรในด้านของการย่อยอาหาร สารอาหาร และประสบการณ์ในการต่อสู้ สภาพแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น ความเร็วในการเติบโตของสัตว์อสูรก็จะเพิ่มขึ้น นี่คือหนึ่งในองค์ประกอบของมิติฝึกสัตว์อสูรที่นักฝึกสัตว์อสูรให้ความสนใจมากที่สุด
และขนาดของมิติฝึกสัตว์อสูรก็จะแสดงถึงจำนวนสัตว์อสูรที่นักฝึกสัตว์อสูรจะทำสัญญาด้วยได้
นักฝึกสัตว์อสูรบางคนที่เชี่ยวชาญในการบ่มเพาะสัตว์อสูรเพียงตัวเดียวก็เพิกเฉยต่อองค์ประกอบนี้ นักฝึกสัตว์อสูรบางคนที่ชอบให้สัตว์อสูรของพวกเขาต่อสู้เป็นฝูงและเอาชนะด้วยจำนวนส่วนใหญ่นั้นจะพัฒนาไปในหนทางนี้
ในตอนนี้ สำหรับซืออวี๋ ทิศทางการพัฒนาหลักแน่นอนว่าก็คือสภาพแวดล้อมของมิติฝึกสัตว์อสูร
อีเลฟเว่นเป็นสัตว์อสูรที่ถูกบ่มเพาะโดยฐานเพาะพันธุ์ที่เหมาะสำหรับนักฝึกสัตว์อสูรมือใหม่ในการทำสัญญา มันแทบไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งของนักฝึกสัตว์อสูรเลยซึ่งต่างจากสัตว์อสูรป่าที่ถูกบังคับทำสัญญา ยิ่งกว่านั้น เมื่อซืออวี๋เลือกมัน เขาก็ไม่ได้บังคับทำสัญญากับมันเช่นกัน ให้มันมีสิทธิ์เลือก ดังนั้นซืออวี๋จึงรู้สึกว่าเขาสามารถเพิกเฉยต่อคุณสมบัติการผูกมัดของมิติฝึกสัตว์อสูรได้ เขาเพียงแค่ต้องมั่นใจว่าความแข็งแกร่งของมิติฝึกสัตว์อสูรนั้นเพียงพอที่จะสนับสนุนการเติบโตของสัตว์อสูรภายใน
ในเวลาเดียวกัน ซืออวี๋ก็ไม่มีความตั้งใจที่จะทำสัญญากับสัตว์อสูรตัวที่สองชั่วคราว เขายังเพิกเฉยต่อขนาดของมิติฝึกสัตว์อสูรเช่นกัน
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญส่วนใหญ่ในตอนนี้ก็คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การเติบโตสำหรับอสูรกินเหล็กตัวน้อย
เมื่อถึงเวลา ด้วยมิติฝึกสัตว์อสูรและการหลับลึก มันจะสามารถฝึกฝนได้ตามที่มันต้องการ และร่างกายของมันก็จะไม่รับภาระมากเกินไป
ด้วยการมีวินัยในตัวเองของอสูรกินเหล็กตัวน้อยและการสนับสนุนจากมิติฝึกสัตว์อสูรกับสารบัญทักษะของเขา ตราบใดที่สารอาหารของมันเพียงพอ มัอาจจะเติบโตอย่างสมบูรณ์ในระยะเวลาอันสั้น
เฮ้อ แต่พอถึงตอนนั้น ค่าอาหารอาจจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า… แต่ตราบใดที่อสูรกินเหล็กตัวน้อยสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วและกลายเป็นผู้ทรงพลังได้ ทุกอย่างก็ย่อมคุ้มค่า
…
วันต่อมา ซืออวี๋ได้ถือกระติกน้ำร้อนและนั่งในนลานบ้าน ทำสมาธิเพื่อปรับแต่งสภาพแวดล้อมของมิติฝึกสัตว์อสูร
ไม่ไกลนัก ‘อสูรกินเหล็กตัวน้อย’ อีเลฟเว่นนั้นฝึกฝนทักษะการเคลือบแข็งของมันอย่างจริงจังอยู่เพียงลำพัง
ในบางครั้ง ซืออวี๋จะลืมตาขึ้นมาเพื่อตรวจสอบความคืบหน้าในการฝึกฝนของมันและจดบันทึกไว้ ด้วยวิธี มันก็จะดูรู้สึกเอาใจใส่มาก
นอกเหนือจากซืออวี๋แล้ว ยังมีหนอนไหมเขียวในกรงบนต้นไม้เช่นกัน นอกจากใบพลับแล้ว ในวันนี้ยังมีอาหารประเภทใหม่หลายอย่างสำหรับมัน
ตัวอย่างเช่น ใบไผ่และใบกระหล่ำปลีที่เหลือจากอาหารกลางวันของวันนี้
สถานะนี้คงอยู่ต่อไปอีกหนึ่งวัน ไม่ว่าจะเป็นซืออวี๋หรืออสูรกินเหล็กตัวน้อย พวกเขาต่างก็ค่อยๆ เริ่มปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตใหม่นี้
ในชั่วพริบตาอีกหนึ่งวันก็ผ่านพ้นไป
…
อีเลฟเว่นนั้นตื่นเต้นเป็นพิเศษในช่วงเช้านี้
นี่เป็นเพราะหลังจากทักษะการเคลือบแข็งของอีเลฟเว่นถึงระดับช่ำชอง ระดับการเติบโตของมันก็พัฒนาขึ้นหลังจากย่อยอาหารมาได้หนึ่งวัน
ในมิติฝึกสัตว์อสูร มันทะลวงเข้าสู่ระดับปลุกตื่นขั้นสี่ ร่างกายของมันและพลังงานในร่างกายของมันก็พัฒนาขึ้น
ไม่เพียงแค่อีเลฟเว่นจะมีความสุขเท่านั้น แต่ในฐานะนักฝึกสัตว์อสูร ซืออวี๋ก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน
เขาเข้าใกล้นักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพเข้ามาอีกก้าวหนึ่งแล้ว!
“ไม่เลวเลย วันนี้ข้าจะไปซื้ออาหารดีๆ มากิน”
“ข้าจะให้เมนูพิเศษจากร้านอาหารต้นกำเนิดแก่เจ้าเพื่อฉลองในวันนี้!”
มันเป็นเรื่องที่พบได้ยากมากที่ซืออวี๋จะใจกว้าง
อสูรกินเหล็ก : (っ ̆ڡ ̆ς)
“อีกเรื่องหนึ่ง ข้าคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องฝึกฝนการเคลือบแข็งอย่างจริงจัง”
“แต่เจ้าก็รู้ว่าสภาพแวดล้อมที่นี่นั้นไม่เหมาะสำหรับเจ้าในการใช้ทักษะการเคลือบแข็งเพื่อทำลาย”
อีเลฟเว่นมองไปที่ซืออวี๋ด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
มันแนะนำว่าซืออวี๋สามารถใช้อาวุธที่แข็งบางอย่างในการโจมตีมัน ด้วยวิธีนี้ มันจะสามารถฝึกฝนความแข็งได้
ยิ่งกว่านั้น ผลอาจจะดียิ่งขึ้น
มันทนได้!
อสูรกินเหล็กที่กล้าหาญนั้นไม่หวาดกลัวความเจ็บปวด!
“ไม่ ข้าทนไม่ได้ที่จะทุบตีเจ้า” ซืออวี๋ส่ายหัวของเขา
อีเลฟเว่นรู้สึกประทับใจ
แต่ความจริงก็คือซืออวี๋กังวลว่าเขาจะเป็นคนที่เหนื่อยเพราะการทุบตีอีเลฟเว่นซึ่งเป็นก้อนเหล็กแข็ง
นั่นไม่ใช่การทำให้ร่างกายของเขาชางั้นเหรอ?
ประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับความพยายามนั้นต่ำเกินไป…
“แค่ก แต่ข้าได้เตรียมอุปกรณ์ที่สามารถฝึกฝนความแข็งอัตโนมัติได้แล้ว อีกไม่นานมันน่าจะถูกส่งมาถึงแล้ว”
เมื่อซืออวี๋กล่าวเสร็จก็มีเสียงเคาะประตูของเขา คนส่งของสองสามคนขนแผ่นโลหะผสมที่มีความหนาแน่นสูงเข้ามาในบ้านของเขา
เมื่อมองไปที่แผ่นเหล็กบนพื้น อีเลฟเว่น อสูรกินเหล็กตัวน้อยก็แสดงสีหน้าสูญเสีย
“นี่คือแผ่นโลหะผสมความหนาแน่นสูง เจ้าไม่สามารถทำลายผนังได้ แต่เจ้าสามารถทำลายสิ่งนี้ได้”
“นอกจากนี้ หากเจ้ารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเจ้าไม่เพียงพอและผลของการฝึกฝนนั้นไม่ชัดเจนนัก เจ้าสามารถซ้อนทับมันสองสามชั้นได้”
“จากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของแรงโน้มถ่วง เคลือบแข็งทั้งร่างกายของเจ้าและกระโดดลงมาใส่แผ่นโลหะจากบนหลังคาหรือบนต้นไม้”
“ต้นพลับและหลังคาของเราค่อนข้างสูง ข้าตั้งชื่อมันว่า ‘วิธ๊การฝึกฝนการตก’ ข้าสามารถเปลี่ยนความเข้มข้นในการฝึกฝนได้โดยการปรับความสูงของการตก”
อสูรกินเหล็กทั่วไปจะไม่เป็นอะไรหากพวกมันตกจากต้นไม้ไปโดนพื้นในสถานะปกติ แต่หากพวกมันตกใส่แผ่นโลหะในสถานะความแข็ง ความสามารถในการกันกระแทกของพวกมันจะไร้ประโยชน์ แรงกระแทกนั้น…
ไม่ใช่ว่ามันมีประโยชน์กว่าการที่ข้าใช้กระบองไม้ทุบตีมันหรอกเหรอ? เมื่อมันฝึกฝนถึงจุดหนึ่งที่สามารถกระโดดลงมาจากเมฆได้โดยไร้ซึ่งการบาดเจ็บ มันก็จะสำเร็จหลักสูตร
ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากเข้าใจเนื้อหาการฝึกฝน ดวงตาของอีเลฟเว่นก็สว่างขึ้น
น่าทึ่งมาก! ช่างเป็นวิธีกาฝึกฝนที่อัจฉริยะอย่างแท้จริง! ทำไมมันถึงคิดไม่ได้กันนะ?
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน