บทที่ 100 ความมั่นใจของหลินเป้ย
“ไม่ต้องกังวลไปทุกคน ตระกูลเฟิงบอกว่าข้าหลินเป้ย เป็นคนไร้ประโยชน์หรือบอกว่าข้าไม่คู่ควรกับเฟิงซินหยู ข้าต้องการดูว่าเฟิงซินหยูมีดีแค่ไหน ทรงพลังแค่ไหน ถ้าเฟิงซินหยูมาที่นี่ ข้ามีวิธีจัดการกับมันและข้าจะไม่ปล่อยให้ตระกูลหลินเสียหน้า”หลินเป้ยพูดเสียงดังกับทุกคนด้วยท่าทางมั่นใจ บนใบหน้าของเขา
"หลินเป้ย เจ้ามีคุณสมบัติอะไรที่จะบอกว่า เจ้าคู่ควรกับหญิงสาวตระกูลเฟิง? มีข่าวลือว่านางเป็นปรมาจารย์นักรบที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว แล้วตอนนี้เจ้าแข็งแกร่งระดับไหน? เจ้าต้องมีของจริง ก่อนที่เจ้าจะพูดจาใหญ่โต!” หลินหลงที่อยู่ด้านข้าง พูดอย่างดูถูก
เขาไม่ชอบหลินเป้ย ดังนั้นเขาจึงทำเรื่องยุ่งยากให้เขาทุกที่
เมื่อทูตจากตระกูลเฟิงมาที่นี่ก่อนหน้านี้ พวกเขากล่าวว่า เฟิงซินหยูเป็นปรมาจารย์นักรบที่แข็งแกร่ง นี่เป็นการแสดง เพื่อสร้างแรงกดดันต่อตระกูลหลิน
ในบรรดาตระกูลหลิน ผู้ที่สามารถเข้าถึงปรมาจารย์นักรบนักรบขั้น 3 หรือ ขั้น 4 ได้ เมื่ออายุ 18 ปี ถือว่ามีพรสวรรค์อย่างมาก
แต่เฟิงซินหยูเป็นอัจฉริยะที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งมาถึงระดับปรมาจารย์นักรบได้ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เมื่ออายุได้เพียง 16 ปี
ตอนนี้นางอายุ 18 ปี ความแข็งแกร่งของนางต้องมากกว่านั้นแน่นอน
มีข่าวลือว่า เมื่อปีที่แล้ว นางปลุกร่างจิตวิญญาณ และได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์สายตรงของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งนิกายหมิงซิน(นิกายรู้แจ้งธรรมชาติ)
ซึ่งเป็น 1 ใน 4 สุดยอดนิกายของอาณาจักรชิงหยาน และกลายเป็นหนึ่งในอัจฉริยะสัตว์ประหลาดของอาณาจักรชิงหยานในทันที
ร่างจิตวิญญาณ เป็นหนึ่งในร่างพิเศษ ในโลกนี้
นอกจากอัจฉริยะทางสายเลือดแล้ว ยังมีอัจฉริยะร่างจิตวิญญาณอีกด้วย
อัจฉริยะร่างจิตวิญญาณนั้น หายากยิ่งกว่าอัจฉริยะทางสายเลือด และอัจฉริยะร่างจิตวิญญาณก็ทรงพลังมากเช่นกัน
ร่างจิตวิญญาณยังแบ่งออกเป็นหลายระดับ มีข่าวลือว่า จากอ่อนแอไปแข็งแกร่ง สามารถแบ่งออกเป็นร่างจิตวิญญาณมนุษย์ (ฮวงถี่), ร่างจิตวิญญาณลึกลับ (ซวนถี่), ร่างจิตวิญญาณปฐพี (ตี้ถี่) , ร่างจิตวิญญาณสวรรค์ (เทียนถี่) , ร่างจิตวิญญาณราชัน(หวางถี่) , ร่างจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์(เซิ่งถี่) , ร่างจิตวิญญาณเทวะ (เฉินถี่)
ในทั้งหมด ร่างจิตวิญญาณเทวะเป็นร่างจิตวิญญาณระดับสูงสุด
อัจฉริยะทุกคนที่มีร่างจิตวิญญาณเทวะ จะมีพลังการต่อสู้ที่เหนือชั้น และอยู่ยงคงกระพันในระดับเดียวกัน
ตราบใดที่อัจฉริยะร่างจิตวิญญาณไม่ตายกลางทาง เขาสามารถกลายเป็นคนที่แข็งแกร่ง และมีชื่อเสียงตลอดไป
ร่างจิตวิญญาณของเฟิงซินหยู คือร่างจิตวิญญาณลม ซึ่งเป็นระดับ ร่างจิตวิญญาณลึกลับ (ซวนถี่)
แม้ว่าอันดับจะไม่สูงนัก แต่ก็หาได้ยากในสถานที่เล็กๆ อย่างอาณาจักรชิงหยาน
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะเรียกว่าอัจฉริยะสัตว์ประหลาด
แม้ว่าการมีร่างจิตวิญญาณจะมีประโยชน์อย่างมากต่อการบ่มเพาะ และการพัฒนาความแข็งแกร่ง
แต่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ที่สูงกว่าจุดอื่นๆเท่านั้น
อัจฉริยะบางคนที่ไม่มีสายเลือด และร่างจิตวิญญาณก็สามารถมีพลังต่อสู้ที่ทรงพลังได้เช่นกัน
เช่นเดียวกับหลินเทียนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เขาไม่ได้ปลุกสายเลือดหรือมีร่างจิตวิญญาณ
แต่เขาสามารถเอาชนะผู้มีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดในอาณาจักรชิงหยานได้ และหลายคนก็เป็นอัจฉริยะสายเลือดและอัจฉริยะร่างจิตวิญญาณอีกด้วย
หลินเทียนถือกระบี่สีเขียวยาวสามฟุต และไม่รู้ว่าเขาเอาชนะอัจฉริยะได้กี่คน
หลินเทียนเก่งด้านกระบี่ และเป็นอัจฉริยะด้านกระบี่
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบันของเขา เป็นเวลานานมากแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสกระบี่เลย
ในการวัดความแข็งแกร่งของตัวบุคคล ให้ดูจากหลายด้าน
วิชาบ่มเพาะ , ทักษะต่อสู้ , อาวุธจิตวิญญาณ , สายเลือด , กายเนื้อ , ความเข้าใจเจตจำนง , ประสบการณ์การต่อสู้ และอื่น ๆ
มันกำหนดจากหลายๆด้าน
“ระดับขอบเขตในปัจจุบันของข้าคือนักรบแท้จริงขั้น 3”หลินเป้ยกล่าวอย่างใจเย็น
หลังจากที่หลินเป้ยพูดจบ เขาก็ปล่อยออร่าปราณออกมา เผยให้ขอบเขตนักรบแท้จริงขั้น 3ต่อหน้าทุกคน
ใบหน้าของหลายคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อพวกเขาเห็นขอบเขตนักรบแท้จริงขั้น 3 ของหลินเป้ย ความแข็งแกร่งระดับนี้ ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะอันดับต้นๆ ในหมู่รุ่นเยาว์ของตระกูลหลิน
อัจฉริยะชั้นนำคนอื่นๆ ในตระกูลหลินนั้น ขอบเขตคล้ายกับหลินเป้ยมาก
นี่คือขยะที่พวกเขาพูดก่อนหน้านี้หรือ?
หลินวู่จี้ตกใจยิ่งกว่า เมื่อ 7 วันก่อน ตอนหลินเป้ยต่อสู้กับโจวหยวน หลินเป้ยยังอยู่นักรบฝึกหัดขั้น 10
เหตุใดหลินเป้ยจึงก้าวไปสู่ขอบเขตนักรบแท้จริงขั้น 3 ในระยะเวลาอันสั้น?
ความเร็วในการบ่มเพาะแบบนี้ เทียบกับอัฉริยะสัตว์ประหลาดได้เลย
ที่สำคัญ ลือว่าหลินเป้ยเพิ่งเริ่มฝึกได้ประมาณหนึ่งเดือนเท่านั้น
ในหนึ่งเดือน จากคนธรรมดาไปจนถึงขอบเขตนักรบแท้จริงขั้น 3
ความเร็วนี้น่าตกใจมาก เมื่อนึกถึง!
ความตกใจของทุกคน คล้ายกับหลินเทียนก่อนหน้านี้
หลินหลงก็ตกใจเช่นกัน แต่ในไม่ช้าหลินหลง ก็พูดอีกครั้ง: "ฮึ หลินเป้ย เจ้าเป็นเพียงขอบเขตนักรบแท้จริงขั้น 3 เท่านั้น และยังมีเวลาอีกสี่หรือห้าวันก่อนที่แม่นางเฟิงจะมาถึง เจ้าจะไปถึงปรมาจารย์นักรบได้หรือไง?เมื่เจ้าเผชิญหน้าแม่นางเฟิง เจ้ายังคงถูกบดขยี้อยู่ดี "
“ผู้อาวุโสหก ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากตระกูลหลินหรือตระกูลเฟิงกันแน่ ทำไมเจ้าถึงยืนกรานที่จะทำให้สิ่งต่างๆ ยากสำหรับข้า และเติมศักดิ์ศรีให้ตระกูลเฟิง”หลินเป้ยพูดอย่างเย็นชา
“ฮึ่ม ข้าก็แค่พูดความจริง”หลินหลง กล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม
“พอแล้ว ผู้อาวุโสหก เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ฐานการบ่มเพาะของหลินเป้ยเพิ่มขึ้น มาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเฟิงในอีกไม่กี่วัน เจ้าออกไปก่อนเถอะ”หลินวู่จี้กล่าวด้วยความโกรธ
ตอนนี้เขารู้สึกไม่พอใจหลินหลง หลินเป้ยมาจากตระกูลของเขาเอง แต่หลินหลงคนนี้ ยังช่วยเพิ่มศักดิ์ศรีให้ตระกูลเฟิง
“ทุกคนอย่ากังวลไปเลย ข้าจะไม่ปล่อยให้เฝิงซินหยูทำสำเร็จอย่างแน่นอน เฝิงซินหยูต้องการทำให้ข้าขายหน้า ข้าอยากเองก็อยากเห็นว่า นางมีความสามารถแค่ไหน!?” หลินเป้ยกล่าวอย่างมั่นใจ
ทุกคนคิดว่าหลินเป้ยหยิ่งเกินไป และไม่สนใจคำพูดของเขาอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหลินวู่จี้ได้ออกมาพูดสนับสนุนหลินเป้ยแล้ว พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเงียบเท่านั้น
ฝูงชนต่างแยกย้ายกันไป
เมื่อหลินวู่จี้พูดเช่นนั้น ผู้อาวุโสคนหกหลินหลงจึงหุบปากอย่างชาญฉลาด
แต่เขาก็ไม่พอใจหลินเป้ยยิ่งกว่าเดิม แต่เขาไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับหลินเป้ยได้อีก
นอกจากนี้ผู้นำตระกูลยังปกป้องหลินเป้ย ซึ่งทำให้หลินหลงรู้สึกแย่อย่างมาก
หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไป หลินเป้ยและหลินเทียนก็กลับมาที่ร้านขายโอสถ
“นายน้อย เกิดอะไรขึ้น?” หลินหลิงเอ๋อก้าวไปข้างหน้าและถาม
หลินเป้ยและหลินเทียน ไปที่ตระกูลหลินวันนี้ เพื่ออธิบายเรื่องสัญญาหมั้นหมาย
"อันที่จริง ไม่มีอะไรผิดปกติ ตระกูลหลินตัดสินใจที่จะยืนเคียงข้างเรา เมื่อตระกูลเฟิงเดินทางมาเพื่อถอนหมั้น ตระกูลหลินของเราจะไม่ถูกคนอื่นรังแกได้ง่ายๆ"หลินเป้ยหัวเราะ
“เป้ยเอ๋อ ข้ามั่นใจในตัวเจ้า” หลินเทียนตบไหล่หลินเป้ย เขามั่นใจในตัวบุตรชายของเขามาก
ตระกูลเฟิงดูถูกหลินเป้ย เพราะตระกูลเฟิงตาบอด
พวกเขาคิดจริงๆหรือว่า หลินเป้ยยังเป็นเด็กที่ไม่สามารถบ่มเพาะได้มาก่อน?
แม้ว่าฐานการบ่มเพาะของหลินเป้ยในปัจจุบันจะไม่สูงนัก แต่หลินเทียนก็ไม่สามารถมองทะลุตัวหลินเป้ยได้
นอกจากนี้ ยังมีอาจารย์ลึกลับอยู่เบื้องหลังหลินเป้ยด้วย
โอกาสเช่นนี้ หลินเป้ยจะให้ความสำคัญกับตระกูลเฟิงได้อย่างไร?
อาจารย์ที่อยู่เบื้องหลังหลินเป้ย คือการดำรงอยู่ที่หลินเทียนเองก็กลัว ด้วยวิธีการมากมายที่มากถึงสวรรค์
แน่นอนว่าอาจารย์หลินเป้ย ก็คือระบบ!
"ดีแล้ว" หลินหลิงเอ๋อถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตระกูลหลินไม่ทำให้หลินเป้ยลำบากใจ ซึ่งทำให้หลินหลิงเอ๋อประหลาดใจ
ตระกูลหลินกลายเป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไหร่?
"หนิงเสวี่ย เจ้ารู้หรือไม่ว่า เฟิงซินหยูเป็นคนแบบไหน?"หลินเป้ยมองไปที่หนิงเสวี่ยที่อยู่ด้านข้าง
หนิงเสวี่ย มาจากเมืองหลวง หากเฟิงซินหยูเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียง หนิงเสวี่ยควรรู้เรื่องนี้
แม้ว่าทูตที่เฟิงซินหยูส่งมา จะพูดถึงข้อดีบางอย่างของนาง เพื่อสร้างแรงกดดัน
แต่ข้อมูลบางส่วนยังไม่สมบูรณ์
ถ้าเขาต้องการที่จะทำลายแผนการของเฟิงซินหยู ที่บังคับให้ยกเลิกสัญญาหมั่นหมาย
หลินเป้ยจะต้องตบหน้านางอย่างแรง และบอกให้เฟิงซินหยูรู้ว่าเขา หลินเป้ย ไม่ใช่ขยะอย่างที่นางพูด
เขาไม่ใช่สิ่งที่นางสามารถทำให้ขายหน้าได้ตามต้องการ
จริงๆแล้ว ถ้าเฟิงซินหยูมาที่ตระกูลหลินเพื่ออธิบายเรื่องนี้อย่างชัดเจนด้วยท่าทีที่สงบเงียบ
หลินเป้ยจะไม่พูดอะไรเลย และเห็นด้วยอย่างแน่นอน
การยุติการสู้รบโดยสันติวิธีนั้น มันไม่ดีหรือไง?
เมื่อทำเช่นนี้ เฟิงซินหยูไม่ได้ให้ความสำคัญกับหลินเป้ย และตระกูลหลินอย่างจริงจัง
นางไม่แสดงความเคารพเลย!