บทที่ 1 ยุคแห่งสัตว์อสูร
บางคนไม่ได้ตายอย่างสมบูรณ์หลังจากความตายของพวกเขา…
หลังจากหมดสติไปเป็นเวลานาน ซืออวี๋ก็ลุกขึ้นจากเตียง
เขาสูดอากาศอันบริสุทธิ์ หน้าอกของเขาสั่นเล็กน้อย
ความสับสน ความยุ่งเหยิง และความรู้สึกอันหลากหลายพลุ่งพล่านในจิตใจของเขา
ที่นี่คือที่ไหนกัน?
จากนั้นซืออวี๋ก็ได้สังเกตรอบตัวเขาโดยไม่รู็ตัว และเขาก็ยิ่งสับสนมากยิ่งขึ้น
หอพักสำหรับหนึ่งคน?
แม้ว่าเขาจะถูกช่วยชีวิตไว้ แต่ในตอนนี้เขาก็ควรจะอยู่ในโรงพยาบาล
และร่างกายของเขา… จะไม่มีอาการบาดเจ็บได้ยังไงกัน?
ซืออวี๋กวาดสายตาไปทั่วห้องด้วยความงุนงงอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหยุดที่กระจกข้างเตียงในท้ายที่สุด
กระจกนั้นสะท้อนให้เห็นถึงรูปลักษณ์ในปัจจุบันของเขา เขาอายุประมาณ 17 หรือ 18 ปี และดูหล่อมาก
แต่ปัญหาก็คือนี่ไม่ใช่ร่างกายของเขา!
ก่อนหน้านี้ เขาเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหล่าอายุ 20 ปีที่ทำงานมาได้สักพักหนึ่งแล้ว
แต่ตอนนี้ ไม่ว่าเขาจะมองยังไง เขาก็เป็นแค่นักเรียนมัธยมปลาย…
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ซืออวี๋ตกตะลึงเป็นเวลานาน
อย่าบอกนะว่าการผ่าตัดประสบความสำเร็จอย่างมาก…
เนื่องจากนี่ไม่ใช่เรื่องของการผ่าตัดอีกต่อไป มันเป็นเวทมนตร์บางอย่าง ใบหน้าและร่างกายของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
เขากลายเป็นอีกคนอย่างสมบูรณ์!
เป็นไปได้มั้ยว่า… เขาจะถูกย้ายมาต่างมิติ?
นอกจากกระจกที่หัวเตียงซึ่งเห็นได้ชัดว่าฮวงจุ้ยแย่แล้ว ซืออวี๋ก็ยังพบหนังสือสามเล่มอยู่ข้างกระจก
เขาหยิบพวกมันขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ และชื่อหนังสือก็ทำให้เขาเงียบลงในทันที
[คู่มือการเพาะพันธุ์มอนเตอร์ของนักฝึกสัตว์อสูรมือใหม่]
[การดูแลสัตว์อสูรเกิดใหม่]
[แนวทางการประเมินสำหรับสาวหูสัตว์ต่างเผ่าพันธุ์]
ซืออวี๋: “?”
ชื่อของหนังสือสองเล่มแรกนั้นปกติ แต่ชื่อหนังสือเล่มสุดท้ายคืออะไรกัน?
แค่ก
สีหน้าของซืออวี๋กลายเป็นเคร่งขรึมในขณะที่เขาเอื้อมมือออกไป อย่างไรก็ตาม แขนของเขาก็แข็งทื่อทันที
ในขณะที่เขากำลังจะเปิดหนังสือเล่มที่สามเพื่อดูว่ามันเกี่ยวกับอะไร เขาก็รู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงในขณะที่ความทรงจำอันมหาศาลหลั่งไหล่เข้ามาในหัวของเขา
เมืองทุ่งน้ำแข็ง
ฐานเพาะพันธุ์สัตว์อสูร
นักเพาะพันธุ์สัตว์อสูรฝึกหัด
นักฝึกสัตว์อสูร?
เรื่องไร้สาระทั้งหมดนี้คืออะไรกัน…?
ความทรงจำที่กระทันหันครั้งนี้ทำให้ซืออวี๋ใช้เวลากว่าสิบนาทีในการแยกแยะ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าอันซับซ้อน
เขาคิดถูก ดูเหมือนว่าเขาจะข้ามมาอีกโลกหนึ่งแล้วอย่างแท้จริง
ไม่ใช่แค่เพราะความทรงจำเหล่านี้ แต่ยังเป็นเพราะเขารู้ว่าหน้าตาของเขาไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง
อย่างที่ทุกคนรู้โดยทั่วกัน การเป็นคนขี้เหร่ไม่มีคุณสมบัติที่จะข้ามไปยังมิติอื่น นี่เป็นกฏ
และเขาก็หล่อมาก แน่นอนว่าเขาจะต้องถูกย้ายมาโลกนี้…!
หลังจากที่เขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เขาก็ถูกย้ายมาต่างโลกที่ซึ่งสัตว์อสูรเป็นที่นิยม
แม้ว่าห้องนี้จะดูราวกับหอพักสำหรับหนึ่งคนที่ทันสมัย แต่เขาก็ไม่ได้อยู่บน ‘โลก’ อีกต่อไป เขามาถึงโลกที่ถูกเรียกว่า ‘ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน’
สถานที่แห่งนี้แปลกมาก และวัฒนธรรมก็แตกต่างจาก ‘โลก’ อย่างสิ้นเชิง
พลังวิเศษมีอยู่ที่นี่ตั้งแต่สมัยโบราณ และพวกมันไม่ใช่ออร่าต่อสู้ เวทมนตร์ และการบ่มเพาะอมตะที่ซืออวี๋เคยเห็นในหนังหลายเรื่อง…
มันเป็นเพราะสิ่งมีชีวิตทุกตัวที่นี่มีความเป็นไปได้ในการวิวัฒนาการอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ด้วยการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง สัตว์และพืชส่วนใหญ่สามารถปลุกสติปัญญาและความสามารถให้ทรงพลังยิ่งขึ้น
ไม่จำกัดแค่สัตว์และพืชเท่านั้น แม้แต่ภูเขา ทะเลสาบ และพายุหิมะก็สามารถวิวัฒนาการเป็นสัตว์อสูรได้
สัตว์อสูรเหล่านี้ล้วนมีความสามารถที่ทรงพลัง เช่น สายฟ้า เพลิง และพายุ พวกมันไม่ต่างจากสัตว์ในเทพนิยายบน ‘โลก’
ในสมัยโบราณของโลกแห่งนี้ มนุษย์ที่อ่อนแอทำได้เพียงแค่พึ่งพาสัตว์อสูรในฐานผู้พิทักษ์เพื่อความอยู่รอด
อย่างไรก็ตาม หลังจากการพัฒนามาอย่างยาวนาน เผ่าพันธุ์มนุษย์จึงค่อยๆ พัฒนาพลังวิเศษของพวกเขาเอง ความสามารถในการควบคุมสัตว์อสูร
บางคนสามารถเปิดมิติสำรองในจิตใจของพวกเขาผ่านการทำสมาธิและจับสัตว์อสูรไว้ในมิติสำรองราวกับกรงขัง
ในตอนแรก มนุษย์ทำได้เพียงแค่จับสัตว์อสูรที่อ่อนแอโดยใช้กำลังและปฏิบัติต่อพวกมันราวกับทาส พวกเขาควบคุมพวกมันให้ทำงานและต่อสู้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่ทรงพลัง มนุษย์ก็ไม่สามารถทำอะไรกับพวกมันได้
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา บางคนก็ค้นพบว่าความเร็วในการเติบโตของสัตว์อสูรในมิติฝึกสัตว์อสูรนั้นเร็วกว่าโลกภายในหลายเท่า นอกจากนี้มันยังช่วยสัตว์อสูรในการวิวัฒนาการและทะลวงขีดจำกัดทางเผ่าพันธุ์
การค้นพบครั้งนี้ทำให้มนุษย์มองเห็นความหวังที่จะทะยานสู่จุดสูงสุด และพวกเขาก็เริ่มศึกษามิติฝึกสัตว์อสูร
หลังจากนั้น ในด้านของการจับ ฝึกฝน เลี้ยงดู และออกคำสั่งแล้ว มนุษย์ยังคงพัฒนาความสามารถสัตว์อสูรของตัวเองและค่อยๆ พัฒนาระบบนี้ ดังนั้นสัตว์อสูรที่ทรงพลังหลากหลายประเภทจึงถ฿กบ่มเพาะโดยมนุษย์ อาชีพของพวกเขาจึงกลายเป็นที่รู้จักกันในฐานะนักฝึกสัตว์อสูรเมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่เวทีโลก
ด้วยการผงาดของนักฝึกสัตว์อสูร สัตว์อสูรจำนวนมากจึงเริ่มที่จะทำสัญญากับมนุษย์ โดยหวังว่าจะใช้พลังวิเศษของมนุษย์ในการเติบโตอย่างรวดเร็วและพยายามทะลวงขีดจำกัดทางเผ่าพันธุ์ของพวกมัน
หลายพันปีต่อมา ในปัจจุบัน มนุษย์ได้สร้างอารยธรรมการฝึกสัตว์อสูรที่เปล่งประกายและควบคุมพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดบนโลกนี้
ในยุคแห่งสัตว์อสูรนี้ การเป็นนักฝึกสัตว์อสูรกลายเป็นสัญลักษณ์ของสถานะและความมีระดับ
ทุกอาชีพนั้นมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับนักฝึกสัตว์อสูร มีเพียงการเป็นนักฝึกสัตว์อสูรเท่านั้นจึงจะสามารถกลายเป็นชนชั้นสูงในสาขาวิชาชีพได้
ตัวอย่างเช่น ค่าธรรมเนียมการแสดงตัวของนักฝึกสัตว์อสูรที่มีชื่อเสียงในการแข่งขันอาจมหาศาลและสูงสุดในการแข่งขัน
การแสดงตัวของนักฝึกสัตว์อสูรที่ทรงพลังเพียงคนเดียวก็สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองได้โดยตรง
นักฝึกสัตว์อสูรครอบครองตำแหน่งหลักในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ และตำแหน่งสูงสุดก็เป็นของนักฝึกสัตว์อสูร…
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามนุษย์จะผงาดขึ้นในโลกนี้แล้ว แต่ก็ยังคงมีสัตว์อสูรจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในสถานที่หลายแห่งซึ่งมนุษย์ไม่สามารถฝึกพวกมันได้ และพวกมันก็มักจะก่อหายนะให้แก่เมืองมนุษย์
นี่เป็นเหตุผลที่เมืองบางแห่งหวังจะผูกมัดนักฝึกสัตว์อสูรที่ทรงพลังเพื่อคุ้มกันเมือง
และในความทรงจำของเขา… ครอบครัวของเขาได้เสียชีวิตในกระแสสัตว์อสูร
“โลกการฝึกสัตว์อสูร… ฉันมีความเข้าใจอย่างคร่าวๆ แล้ว”
“แต่ทำไมฉันถึงยังรู้สึกเสียใจมากหลังจากที่ฉันถูกย้ายมาที่นี่กัน?”
ซืออวี๋สูดหายใจเข้าลึก ในต่างโลกที่อันตรายเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าการเป็นทายาทรุ่นสองนั้นจะดีกว่ามาก
คงจะดีที่สุดหากเขามีมังกรสาวคอยปกป้องและเป็นสหายกับเทพเจ้าตั้งแต่เด็ก มีเพียงเช่นนั้นเขาถึงจะไม่ถูกย้ายข้ามโลกโดยเปล่าประโยชน์
น่าเสียดายที่การถูกย้ายข้ามโลกนั้นเพียงแค่เหมือนกับการเกิดใหม่ มันคือทักษะ
เขายังมีชื่อว่าซืออวี๋ แต่ตัวตนของเขาไม่ใช่ตัวตนระดับเทพนิยาย แต่เขากลับเป็นนักเพาะพันธุ์สัตว์อสูรฝึกหัดธรรมดาในฐานเพาะพันธุ์สัตว์อสูรของเมืองทุ่งน้ำแข็ง
เขาไม่ใช่นักฝึกสัตว์อสูร… เขาเป็นเหมือนกับอะไหล่สำหรับนักฝึกสัตว์อสูร
ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับเลี้ยงสัตว์อสูรโดยเฉพาะ… แต่ในปัจจุบันเขาเพิ่งเรียนรู้วิธีการเลี้ยงพวกมันที่นี่
หน้าที่ประจำวันของเขาก็คือการให้อาหารลูกสัตว์อสูร เก็บอุจจาระ และทำความสะอาด
เขาเป็นคนงานชนชั้นล่างสุดของสังคม
อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุนี้ ซืออวี๋จึงเริ่มหาความรู้จากหนังสือเหล่านี้…
เหตุผลที่ตัวเขาในความทรงจำใหม่และเก่าพยายามย่างหนักเนื่องจากเขาหวังว่าจะได้เป็นนักฝึกสัตว์อสูร แต่ในความเป็นจริง… เขาเป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะรไกับการฝึกฝนสัตว์อสูร
ด้วยภูมิหลังครอบครัวของซืออวี๋คนเดิม มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะกลายเป็นนักฝึกสัตว์อสูร
อย่างไรก็ตาม ‘ซืออวี๋’ ก็โชคดีในบางด้านเช่นกัน ด้วยพรสวรรค์และความพยายาม อย่างน้อยอาชีพในปัจจุบันของเขาก็ยังเชื่อมต่อกับการเป็นนักฝึกสัตว์อสูร มันไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลายเป็นนักฝึกสัตว์อสูรในอนาคต
‘เขา’ ยังได้เตรียมการอย่างมากและได้ตัดสินใจซื้อลูกสัตว์อสูรคุณภาพสูงโดยใช้เงินกู้เพื่อเป็นนักฝึกสัตว์อสูร
ใช่แล้ว เขาตัดสินใจกู้เงินเพื่อสัตว์อสูรตั้งแต่อายุยังน้อย!
จิตใจของซืออวี๋พังทลาย มันช่างน่าสลดใจอย่างแท้จริง
ซืออวี๋คนปัจจุบันซึ่งมีหนี้ก้อนดตจากการจำนองทรัพสินในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะยังคงมีหนี้หลังจากการถูกย้ายข้ามโลก
นี่ควรจะเป็นในอนาคตอันยาวไกล ในปัจจุบัน ซืออวี๋เป็นเพียงแค่คนงานชั้นต่ำ
ยิ่งกว่านั้น ยังมีงานรอเขาอยู่ เขามีตารางการทำงานที่หนักมาก
กล่าวตามตรง นอกจากตอนที่เขาเรียนมัธยมแล้ว เขาไม่ได้ตื่นหกโมงเช้ามานานแล้ว…
ซืออวี๋ลูบหัวของเขาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นเขาก็เดินไปที่ผนังห้องพักและดูตารางงาน
นี่คือรายการงานประจำสัปดาห์ที่เพิ่งออกมาเมื่อวานนี้ ในฐานะเด็กฝึกงานที่ฐานเพาะพันธุ์ งานประจำวันของเขาได้ถูกมอบหมายมาแล้ว
งานของวันนี้คือ… ซืออวี๋มองดูข้อความด้านล่างของวันจันทร์
ช่วงเช้า : ให้อาหารหมาป่าหิมะ (งานเดี่ยว)... ขนย้ายอาหาร (งานกลุ่ม)...
ช่วงบ่าย : บันทึกข้อมูลการเติบโตของหนอนเขียว (งานส่วนรวม)...
หืม…
ถ้าความทรงจำของเขาถูกต้อง… หมาป่าหิมะเป็นสัตว์อสูรกินเนื้อที่ดุร้ายและรุนแรงใช่มั้ย?
สำหรับงานที่อันตรายเช่นนี้… เป็นงานเดี่ยวจริงเหรอ?
ซืออวี๋ตกอยู่ในห้วงความคิด
เขาเคยถูกสุนัขกัดในตอนที่เขายังเด็กและแน่นอนว่าระแวงสุนัขมาก งานนี้นั้นค่อนข้างยากสำหรับเขา
“แต่มันก็น่าจะไม่มีปัญหา…”
ทันใดนั้นซืออวี๋ก็นึกขึ้นได้ว่าเขามีพรสวรรค์ด้านกระแสจิต เขาสามารถสื่อสารกับสัตว์อสูรได้ และเขารู้สึกได้ว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด…
เขาสามารถมาที่นี่เพื่อฝึกงานได้นั้นไม่ใช่เพราะผลการเรียนทางทฤษฏีของเขาในโรงเรียนนั้นดีมากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเขามีพรสวรรค์การฝึกสัตว์อสูรพิเศษที่ถูกเรียกว่า ‘พลังจิต’
เมื่อมนุษย์ประสบความสำเร็จในการเปิดมิติฝึกสัตว์อสูรของพวกเขาผ่านการทำสมาธิ พวกเขาก็ปลุกพรสวรรค์ฝึกสัตว์สูรด้วยเช่นกัน
นอกเหนือจากความจริงที่ว่าเขายังไม่ได้ทำสัญญากับสัตว์อสูรตัวแรกของเขาแล้ว ซืออวี๋ก็ประสบความสำเร็จในการเปิดมิติฝึกสัตว์อสูรและปลุกพรสวรรค์มิติของเขาด้วยเช่นกัน
โชคดีที่เพื่อการบ่มเพาะผู้มีพรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูร ในยุคปัจจุบัน ประเทศได้รวมเอาวิธีการทำสมาธิเพื่อเปิดมิติฝึกสัตว์อสูรไว้ในการศึกษาภาคบังคับ ซืออวี๋ได้รับการทดสอบว่ามีพรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรในตอนนั้น
มีพรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรอยู่มากมายหลายประเภท แต่ส่วนใหญ่ถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท — ประเภทเสริมพลังและประเภทพิเศษ อัตราส่วนการปลุกพลังอยู่ที่ประมาณเก้าต่อหนึ่ง
สำหรับนักฝึกสัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์ดังกล่าว — ตัวอย่างเช่น พรสวรรค์การเสริมพลังเพลิง — มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะหาสัตว์อสูรที่มีความสามารถเพลิงมาฝึกฝน ในการต่อสู้ นักฝึกสัตว์อสูรเหล่านี้จะสามารถใช้พรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรของพวกเขาเพื่อเสริมพลังทักษะเพลิงของสัตว์อสูรได้
เมื่อเทียบกับพรสวรรค์ประเภทเสริมพลังแล้ว พรสวรรค์ประเภทพิเศษนั้นซับซ้อนและผิดปกติมาก มีความแตกต่างอย่างมากในรูปแบบการแสดงพรสวรรค์
ตัวอย่างเช่น พรสวรรค์พิเศษ ‘แบ่งปัน’ อาจทำให้นักฝึกสัตว์อสูรได้รับทักษะจากสัตว์อสูรที่ทำสัญญาและได้รับสุดยอดพลัง
โดยทั่วไปแล้วนักฝึกสัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์นี้จะทรงพลังกว่านักฝึกสัตว์อสูรทั่วไปอย่างมากในด้านการป้องกันตัวเองและความแข็งแกร่งในการต่อสู้
นอกจานี้ยังมีพรสวรรค์พิเศษ ‘ผสาน’ ซึ่งทำให้นักฝึกสัตว์อสูรรวมร่างกับสัตว์อสูรของพวกเขาได้ชั่วคราวเพื่อกลายเป็นร่างใหม่ บางทีสาวหูสัตว์เหล่านั้นอาจมีอยู่จริง?
สำหรับพรสวรรค์พลังจิตของซืออวี๋ แม้ว่ามันจะเป็นพรสวรรค์พิเศษ แต่มันก็ค่อนข้างธรรมดา มันเป็นหนึ่งในพรสวรรค์พิเศษที่พบได้บ่อยที่สุด
นักฝึกสัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์กระแสจิตสามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาได้โดยปราศจากอุปสรรคด้านภาษาหลังจากเชี่ยวชาญในความสามารถของพวกเขา
โดยทั่วไปแล้วนักฝึกสัตว์อสูรทำได้เพียงแค่เข้าใจความคิดของสัตว์อสูรที่พวกเขาทำสัญญาด้วยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นักฝึกสัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์กระแสจิตสามารถสื่อสารกับสัตว์อสูรของคนอื่นและแม้กระทั่งสัตว์อสูรป่าได้
สำหรับการพัฒนาของนักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพ แม้ว่าพรสวรรค์กระแสจิตจะไม่สามารถเพิ่มพลังต่อสู้ได้โดยตรง แต่สถานะของพวกเขาก็ไม่สั่นคลอนและขาดไม่ได้
ท้ายที่สุด หากพวกเขาสามารถสื่อสารกับเผ่าพันธุ์อื่นได้ มันก็มีโอกาสสูงที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ไม่จำเป็นได้
ตัวอย่างเช่น เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ อาจารย์ นักวิจัย นักเพาะพันธุ์ และอื่นๆ ตำแหน่งหลักทั้งหมดนั้นถูกครอบครองโดยนักฝึกสัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์กระแสจิต มันดูราวกับเป็ด (ทำได้หลายอย่าง แต่ไม่ดีสักทาง)
เขามีพรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรดังกล่าว กล่าวตามเหตุผลแล้ว มันง่ายกว่าสำหรับเขาที่จะเข้ากันได้ดีกับสัตว์อสูรป่า…
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ซืออวี๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แม้ว่าเขาจะไม่เชี่ยวชาญในการใช้กระแสจิต แต่มันก็ไม่ควรจะแย่ขนาดนั้น
เขาพยายามใช้พรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรของเขาเพื่อฟังสิ่งรอบข้าง เขาวางแผนที่จะทำความคุ้นเคยกับพรสวรรค์ของเขาล่วงหน้าเพื่อที่เขาจะไม่ได้ล้มเหลวในภายหลัง
แต่ในตอนนี้ สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น…
เนื่องจากมิติสัตว์อสูรของซืออวี๋สั่นสะเทือนในจิตใจของเขา การมองเห็นของเขาก็พร่ามัว จากนั้นคู่มือภาพประกอบสีดำที่ทำจากหินก็ปรากฎขึ้นในใจของเขา
ดูราวกับว่าเขาจะ… ปลุกพรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรที่สองของเขา!
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน