ตอนที่ 76 การลงมือของผู้มองอนาคต(อ่านฟรี)
ตอนที่ 76 การลงมือของผู้มองอนาคต
ทั้งสี่คนมองดูชุดเกราะสีดำที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า พวกเขาสังเกตเห็นว่ามันคล้ายกับชุดเกราะที่ลุคสวมใส่อยู่ สองคนดูจะทึ่งกับพลังของลุคที่อยู่ ๆ ก็เอาชุดเกราะออกมาจากความว่างเปล่าได้
ส่วนนิโคลและอีลิกกลับคุ้นเคยกว่ามาก พวกเขาสองคนตื่นเต้นไม่น้อยรีบคว้าชุดไปสวมกันในทันที ถึงตัวอีลิกจะใหญ่ หรือตัวนิโคลจะเป็นสรีระของผู้หญิง แต่เมื่อถ่ายทอดคลื่นพลังในร่างกายเข้าไปเกราะก็ปรับสภาพได้เองให้กับผู้สวมใส่
“นี่มันอุปกรณ์บินได้ระดับ E แถมยังสามารถปรับขนาดได้อีก” สองผู้คุมกันตื่นตะลึงยิ่งกว่าเดิม เพราะราคาของชุดเพราะพวกนี้แพงมากจนถึงขนาดยิ่งกว่าแพง
“ใส่มันเร็วเข้า” อีลิกหันไปกล่าวเตือนคนของตัวเอง
“ครับ ๆ” สองผู้คุ้มกันพยักหน้าหยิบชุดมาสวมใส่กันในทันที
“มันบินยังไง” นิโคลลองมองชุดไปมาตอนนั้นเองด้านหลังของเธอก็เหมือนมีบางสิ่งกลางออกมา ความรู้สึกของปีกถ่ายทอดมาให้เธอราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งของแขนขา
นิโคลค่อย ๆ กระพือปีกบินขึ้นบนอากาศ
คนที่เหลือก็ลองทำตาม แต่สภาพของอีลิกเหมือนกับด้วงเกราะดำมากที่สุด เพราะตัวของเขาใหญ่เหมือนกับด้วงเกราะดำ
ถ้าเขาบินในฝูงด้วงเกราะดำ พวกมันอาจจะคิดว่าอีลิกเป็นพวกเดียวกันก็ได้
“ไปกันเถอะ” ลุคพูดพร้อมกับอุ้มเจนและบินขึ้นไปในบนอากาศในทันที
พวกเขาทั้งกลุ่มบินตรงไปยังสถานีรถไฟ ไม่ใช่เพราะว่าไม่อยากจะบินไปที่เขต 1 โดยตรง แต่พวกเขาไม่กล้าบินไป เพราะเขต 1 กลับมีมอนสเตอร์ระดับ C และ D อาละวาดอยู่ การบินไปบนอากาศไม่ต่างจากการเปิดชักชวนให้พวกมันมาโจมตีพวกเขา
มอนสเตอร์หนูตาแดงเหมือนจะไล่ตาม พอพวกมันปีนขึ้นมาบนตึกได้ แต่พบว่าพวกเขาบินไปแล้วก็พากันวิ่งอาละวาดไปทั่ว ขณะที่บางส่วนก็ไล่ตามไป
เขต 3 นอกจากจุดที่หนูตาแดงโจมตี ส่วนอื่น ๆ ถือว่าปลอดภัยมากเพราะตรงนี้ถือเป็นรอยต่อระหว่างมอนสเตอร์ที่บุกมาจากนอกเมืองและการเกิดของประตูก็น้อยกว่าเขต 1 และเขต 2
แต่นี่มันแค่ชั่วคราว เพราะที่นี่มีเหนือมนุษย์น้อยมากกว่าที่อื่น
ในตอนที่ประกาศรวมพลกันเหนือมนุษย์อยู่ระหว่างเดินทางไปที่เขต 5 พอเกิดประตูมิติในเมืองกระจายไปทั่วทั้งเมือง เหนือมนุษย์ก็ไปอยู่ที่เขต 4 และเขต 5 กว่าครึ่งแล้ว
ส่วนอีกครั้งกลับไปปกป้องเขต 1 เพราะนี่คือหัวใจของเมืองปลายฝนที่พวกชนชั้นนำและชนชั้นปกครองอยู่ที่นี่ แถมสำนักงานเมืองและสำนักงานเหนือมนุษย์ก็ตั้งอยู่ที่นี่ด้วย
ต่อให้ส่วนอื่น ๆ จะเละยังไง แต่พวกเขาไม่ยอมให้เขต 1 พังพินาศแน่นอน
ซึ่งก็มีเหนือมนุษย์เดินทางไปช่วยเขต 1 แต่ก็ยังติดอยู่ในเขต 2 ด้วย ส่วนเขต 3 นั้นเลยถูกปล่อยให้ว่างเปล่ามีเหนือมนุษย์ไม่กี่คนที่รับมือแถวนี้เท่านั้น
ขณะที่มอนสเตอร์ในเขตนี้กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนจึงเหลือทางรอดเดียวคือการไปรวมกันที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อหลบภัย
แม้จุดนี้จะวุ่นวาย แต่ตำรวจก็ทำหน้าที่เต็มที่พยายามควบคุมฝูงชน โดยมีการสนับสนุนจากทีมหน่วยกู้ภัยและแพทย์จากโรงพยาบาลคอยรักษาคนบาดเจ็บ
ส่วนการคุ้มกันมีเหนือมนุษย์ระดับ D 1 คน ระดับ E 10 คน กับระดับ F อีก 30 คน คอยจัดการมอนสเตอร์ด้านนอกไม่ให้เข้าไปในสถานีรถไฟ
พวกเหนือมนุษย์ช่วยกันปกป้องอย่างเต็มกำลัง เพราะในบรรดาคนที่หลบภัยอยู่ก็มีครอบครัวของพวกเขาอยู่ด้วย
บนท้องฟ้านิโคลพยายามติดต่อกลับไปหาบอสตันและไอกะที่แยกตัวไปพาครอบครัวของตัวเองออกมา ซึ่งในตอนนี้ทั้งสองก็ยังไม่ได้ติดต่อมา
“ติดต่อพวกเขาได้ไหม” ลุคหันไปถาม
“ได้ พวกเขาเหมือนจะไม่ได้มาแล้ว แต่ไปหลบที่อาคารใต้ดินและปกป้องกลุ่มคนอีก 20 กว่าคน แต่ดูเหมือนจุดที่อยู่มอนสเตอร์จะไม่แข็งแกร่งมากนัก ทั้งสองยังคงเอาตัวรอดได้อยู่”
ลุคเงียบไป
ไม่รู้ว่าการที่บอสตันและไอกะมาไม่ได้กับพวกเขาเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่ แต่อย่างน้อยในตอนนี้พวกเขาก็ปลอดภัยและไม่ต้องมาตกเป็นเป้าโจมตีของมอนสเตอร์ระดับสูง ซึ่งลุคก็ไม่อาจจะรับประกันได้ว่าจะปกป้องครอบครัวของสองคนนั้นได้ทุกคน ยิ่งมีคนมากความเสี่ยงก็ยิ่งมาก
“เรามาถึงแล้ว” อีลิกชี้ให้เห็นพื้นที่หนึ่งที่มีการสังหารมอนสเตอร์นอนตายเกลื่อนถนน ซึ่งมีจุดที่ลงไปยังสถานีรถไฟใต้ดินอยู่ข้าง ๆ
มีผู้คนกำลังพากันเดินลงไปด้านล่างกันอย่างต่อเนื่องและเหนือมนุษย์ช่วยกันฆ่ามอนสเตอร์อยู่
“มอนสเตอร์บินได้บุก” เสียงร้องตะโกนเตือนดังมาจากด้านล่างที่ทุกคนจะเล็งเป้ามาที่พวกเขา ซึ่งในเมื่อเหนือมนุษย์มีปืนที่ใช้กระสุนพิเศษอยู่
“ไม่ใช่นั้นคนของเรา” เหนือมนุษย์ระดับ D ที่เป็นชายวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมคิ้วเข้มกล่าว
ทั้งกลุ่มบนลงมาท่ามกลางสายตาอย่างอยากรู้อยากเห็นของทุกคน เหนือมนุษย์ต่างก็เข้ามาล้อมรอบพวกเขาไว้ในทันที
ลุคเผยท่าทางระวังเหนือมนุษย์พวกนี้ในทันที
“เราคือทีมคุ้มกันท่านอีลิก ลูกชายของผู้อำนวยการอีคอน ทางสำนักงานแจ้งให้มาหาพวกคุณ”
“พวกเรารู้ผม ฉันชื่อมาคัส เหนือมนุษย์ระดับ D จากกิลด์กะโหลกดำ” เหนือมนุษย์ระดับ D คนนั้นแนะนำตัว
“ผมอีลิก คุณช่วยคุ้มกันพวกเราไปที่เส้นทางรถไฟได้ไหม หรืออย่างน้อยก็ช่วยเคลียร์คนให้เราใช้รถไฟได้ไหม” อีลิกเข้าไปเจรจา
“แน่นอน เราเตรียมรถไฟให้คุณแล้ว ที่จริงเรากำลังหาที่ปลอดภัยและทยอยย้ายผู้คนที่อยู่ที่สถานีรถไฟออกไปยังพื้นที่ปลอดภัยกว่านี้ด้วย” มาคัสกล่าว
อีลิกพยักหน้าเข้าใจ
ตอนนั้นเองสายตาของมาคัสก็เหลือบมองไปที่ลุคและนิโคล โดยเฉพาะลุค เพราะเขากำลังอุ้มหญิงสาวคนหนึ่งอยู่
“แล้วพวกเขา 3 คน...”
“พวกเขามากับฉัน พาพวกเราไปที่รถไฟเถอะ ฉันว่าเราควรรีบสักหน่อย” อีลิกกล่าว
“ได้ แต่ว่าก่อนอื่นขอตรวจสอบทุกคนก่อนได้ไหม” มาคัสกล่าว แต่สายตาของเขากลับมองไปที่เจนเป็นการเฉพาะ เหนือมนุษย์รอบ ๆ เองก็เริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้
ลุครู้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว เขาตั้งท่าระวัง นิโคลรีบถอยมารวมกับลุค
ผู้คุ้มกันสองคนเข้าไปปกป้องอีลิกในทันที
“หมายความว่ายังไง” อีลิกใช้ตัวเองบังกลุ่มของลุคไว้
“ไม่ได้หมายความว่ายังไง แต่เราได้รับรายงานมาว่ามอนสเตอร์มันตามล่าเด็กสาวคนหนึ่ง พี่ชายของเธอชื่อลุคซันเดอร์ ส่วนเด็กสาวคนนั้นชื่อ เจน ซันเดอร์” น้ำเสียงของมาคัสแสดงความไม่เป็นอย่างชัดเจนเมื่อกล่าวออกมา
เหนือมนุษย์คนอื่น ๆ ที่ล้อมพวกเขาอยู่ก็มีท่าทางไม่ต่างกัน
“ใครรายงาน ฉันคือลูกชายของผู้อำนวยการอีคอน ขอสั่งให้พวกนายถอยไปวะแล้วพาพวกเราไปที่รถไฟ”
“คุณไม่มีอำนาจและอย่าอ้างพ่อของคุณ ถ้าเขาอยู่ที่นี่เขาจะต้องทำแบบพวกเราแน่นอน แต่เขาก็ไม่อยู่ที่นี่” มาคัสขยับเข้าไปใกล้พวกเขามากขึ้น
“ส่งเด็กสาวคนนั้นมา” มาคัสสั่งตวาดเสียงดัง
แต่อีลิกยังคงยืนการปกป้องอย่างเต็มที่
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเขาต้องการตัวน้องสาวนาย” นิโคลถามลุคขณะที่แววตาจับจ้องเหนือมนุษย์รอบตัว โดยเฉพาะพวกระดับ E ที่มีกันมากกว่า 10 คน
ลุคใบหน้าบึ้งตึงในใจพยายามคิดว่าทำไมเหนือมนุษย์พวกนี้ถึงรู้เรื่องที่มอนสเตอร์ต้องการตัวเจนได้ พวกเขารู้อะไรอีก
ในตอนนั้นเองจอบิลบอร์ดบนตึกที่อยู่รอบ ๆ ซึ่งยังคงทำงานอยู่ก็เข้าสู้การถ่ายทอดของสถานีข่าวที่ต่างกันไป สัญญาณนี้ถ่ายทอดไปทั่วทั้งเมืองโดยการรายงานจากสำนักข่าวที่ยังคงรายงานสถานการณ์ของเมืองปลายฝน ซึ่งเป็นสถานีภายในเมือง
พวกเขาบอกว่ามีเบาะแสสำคัญบางอย่างจะรายงาน เป็นวิดีโอคลิปหนึ่งที่ถูกอัปโหลดขึ้นไปบนอินเทอร์เน็ต พร้อมกับเรื่องราวที่ออกมาแฉเกี่ยวกับการโจมตีมอนสเตอร์ของเมืองปลายฝน
วิดีโอเปิดขึ้นมาไม่มีตัวผู้พูด แต่กลับมีรูปของเจน
“ผมจะมาบอกเหตุการณ์เบื้องหลังการโจมตีของมอนสเตอร์ในพื้นที่ของรัฐคานัน แท้ที่จริงมันมีเป้าหมายไปที่เด็กสาวคนหนึ่ง เธอไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสิ่งมีชีวิตจากโลกต่างมิติ ซึ่งเธอหลบซ่อนอยู่ที่เมืองปลายฝน มอนสเตอร์พวกนั้นฆ่าผู้คนไปจำนวนมากเพื่อตามหาเด็กสาวคนนี้ ถ้าพวกมันได้ตัวของเด็กสาวคนนี้ไปจะมีคนตายมากกว่านี้นับร้อยล้านคนในอนาคต ตอนนี้เมืองปลายฝนกำลังเป็นเมืองแรกที่สังเวยให้กับเด็กสาวคนนี้ สำหรับผู้คนในเมืองปลายฝน ถ้าพวกคุณต้องการรอด จงหาตัวเธอและฆ่าเธอซะ ไม่อย่างนั้นเมืองปลายฝนจะกลายเป็นเมืองที่โดนมอนสเตอร์ทำลายล้างโดยสมบูรณ์ ประชากรกว่า 1 แสนจะตายอย่างสิ้นหวัง ครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง ภรรยา ลูก เพื่อน สหาย คนที่คุณรักจะต้องตายจนหมด ดังนั้นฆ่าเธอซะมันคือความหวังเดียวของพวกเรา”
คลิปเปิดขึ้นไปทั่วทั้งเมือง แม้แต่ในแหวนเครือข่ายไกอาก็ยังมีการส่งต่อกัน โดยเฉพาะเหนือมนุษย์เมืองปลายฝน ถึงพวกเขาจะคิดว่านี่มันแปลก ๆ แต่อย่างไรก็ไม่มีเหตุผลอื่นที่อยู่ ๆ มอนสเตอร์จะบุกโจมตีเมืองต่าง ๆ
เริ่มจากการสร้างปัญหาไปทั้งรัฐคานัน ตามมาด้วยการบุกโจมตีเมืองปลายฝน ทั้งที่มันควรจะไปโจมตีเมืองคานัน เมืองหลวงของรัฐคานันซะมากกว่า
ทุกอย่างนั้นเหตุผลจนกระทั่งมีการเปิดเผยเรื่องของเจน
แน่นอนว่าหลายคนไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งความเป็นไปได้ โดยเฉพาะเหนือมนุษย์ พวกเขาได้สัมผัสถึงโลกที่ต่างจากคนธรรมดา และเชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้
หลังจากข่าวนี้รายงานออกมาก็ตามมาด้วยข่าวและการยืนยันจากอีกหลายภาพหนึ่งในนั้นคือภาพของเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ท่าเรือ แสงสว่างที่พุ่งขึ้นฟ้า อีกทั้งยังมีภาพที่เกิดขึ้นไม่นานที่มอนสเตอร์พยายามบุกไปที่โรงพยาบาลที่เจนรักษาตัวอยู่ ก่อนจะเป็นภาพกลางสี่แยกที่พวกมันไล่ตามกลุ่มที่มีเจนอย่างชัดเจน
รวมทั้งฝูงหนูที่บุกโจมตีตามล่าพวกเขาเป็นหลัก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นราวกับว่ามีคนกำลังติดตามพวกเขาอยู่และสุดท้ายมันก็คือภาพจากที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามอนสเตอร์ตามไล่ล่าตัวเด็กสาวอย่างชัดเจน
“ฆ่าเธอซะ ฆ่าเธอซะ”
เสียงสั่งแบบนั้นดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน มีคนกำลังใส่ร้ายเธอ พวกคุณจะเชื่อเรื่องเหลวไหลแบบนี้เหรอ” อีลิกพยายามโต้เถียง แน่นอนว่าในใจเขารู้ดีว่าจริงหรือไม่ แต่เขาไม่สนใจ
“แค่ส่งเธอมาแล้วเราค่อยมาพิสูจน์กันก็ยังไม่สาย” มาคัสใบหน้าเยือกเย็น
“แกนะเป็นพี่ชายของเธอสินะ ส่งเด็กนั้นมาซะ แล้วฉันจะ”
ลุคพยายามกวาดตามอง แต่เขาไม่พบว่ามีโดรนบินอยู่ ถ้าอย่างนั้นความเป็นไปได้เดียวก็คือ กล่องที่ติดไว้ล่วงหน้า
เขาเดาได้แล้วว่าเป็นใครที่ทำเรื่องทั้งหมด
“ผู้มองอนาคต” ลุคกัดฟันด้วยแววตาเย็นชา
ที่แท้ในเวลาที่ผ่านมาผู้มองอนาคตไม่เคยยอมแพ้ แม้แต่ตอนที่พยายามหนีพวกตลาดมืด ชายคนนั้นก็ยังวางแผนเพื่อจัดการกับเจนและพยายามยับยั้งโศกนาฏกรรมที่จะเกิดขึ้น
การที่เลือกเวลานี้ของผู้มองอนาคตมีเหตุผลอยู่อย่างชัดเจน เพื่อสร้างหลักฐาน ถ้าเกิดเปิดเผยออกไปก่อนไม่มีใครจะเชื่อแน่นอน แต่ถ้ามาเปิดเผยในสถานการณ์ที่วิกฤตแบบนี้ ถึงจะไม่เชื่อ แต่ขอแค่มีความสงสัยในใจได้
โดยเฉพาะภาพที่มอนสเตอร์ถึงพุ่งเป้าไปที่เด็กสาวอย่างชัดเจนขนาดนั้น นี่ยิ่งตอกย้ำความสงสัยและข้อมูลที่ผู้มองอนาคตเปิดเผยออกมา ถ้าไม่ใช่ด้วยเหตุผลนี้ก็ไม่มีคำอธิบายอื่นอีก
เหนือมนุษย์ก็ต้องตามล่าตัวเจนแน่นอน
โดยเฉพาะเหนือมนุษย์ที่มีครอบครัวอยู่ในเมือง พวกเขาไม่อยากให้ครอบครัวของตัวเองต้องมาตายในภัยพิบัติมอนสเตอร์ ถ้ามีทางหยุดยั้งภัยพิบัติครั้งนี้ได้ พวกเขาก็ยินดีที่จะทำมัน
อย่างเช่น การเสียสละชีวิตของเด็กสาวแปลกหน้าคนหนึ่งเพื่อช่วยครอบครัว ต่อให้ไม่จริงก็ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ถ้าจริงพวกเขาจะช่วยครอบครัวได้
มันคุ้มค่าในความคิดของพวกเขา
ผู้มองอนาคตคาดเดาว่าถ้าเจนตายมอนสเตอร์จะสูญเสียเป้าหมายและไม่เสี่ยงบุกเข้ามาในเมืองอีกพวกมันจะถอยกลับไป อย่างน้อยก็มอนสเตอร์ที่ควบคุมอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้
และถึงแม้ตอนนี้จะมีคนตาย แต่มันเทียบกันไม่ได้กับการที่คนตายทั้งเมือง โดยเฉพาะฉากที่ผู้มองอนาคตเห็นมันเป็นจำนวนคนตายมากกว่าที่เขาเคยให้ลุคดู
ผู้มองอนาคตได้ผลักเจนให้ออกมาในแสงสว่างและตกเป็นเป้าของเหนือมนุษย์ทั้งเมือง เจนไม่มีที่หลบอีกแล้ว
“เพื่อผู้บริสุทธิ์ เธอต้องตาย ฉันทำหน้าที่ตามที่ชะตากำหนดแล้ว” เสียงพึมพำดังขึ้นในห้องที่มืดมิดห้องหนึ่งของสำนักงานเหนือมนุษย์ ที่ต้องมาที่นี่เพราะเขาต้องการปล่อยข้อมูลผ่านสำนักงานเหนือมนุษย์
เขามองหน้าจอ ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับในมือที่ถือกระเป๋าใส่ยากระตุ้นพลัง นี่คืออีกหนึ่งเป้าหมายในการมาที่นี่
..
กลับมาที่สถานีรถไฟ
มาคัสแห่งกิลด์กะโหลกดำเตรียมลงมือและให้เหนือมนุษย์ทั้งหมดล้อมพวกของลุคไว้
“นายสองคนมาจากสำนักงานเหนือมนุษย์สินะ หน้าที่ของนายคือปกป้องอีลิกไม่ใช่เธอ ดังนั้นหลบไปซะ” มาคัสหันไปพูดกับผู้คุ้มกันสองคน
ทั้งสองเริ่มลังเล พวกเขาเริ่มจะเชื่อแล้วว่ามอนสเตอร์อาจจะตามหาเด็กสาวจริง ๆ ถ้าเป็นไปได้ที่จะหยุดภัยพิบัติมอนสเตอร์ทั้งสองก็ยินดี
“คุณอีลิก เราควรจะรีบไปที่สำนักงานเหนือมนุษย์นั้นคือภารกิจของพวกเราในการคุ้มกันคุณไปที่นั่น”
“คุณอีลิกเราไปกันเถอะเรื่องนี้เกินมือของคุณไปแล้ว”
ทั้งสองพยายามกล่าวแนะนำ
อีลิกไม่สนใจเสียงของคนอื่น เขากำชับเคียวยมทูตในมือแน่น แววตามั่นคงที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้จะแสดงออกได้และกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“พี่ลุค...พาเจนหนีไป”