ตอนที่ 460 30 อาวุธมายา
ตอนที่ 460 30 อาวุธมายา
“หงส์ครามคืออะไร? ทำไมมันถึงไม่มีระดับและคำอธิบายเขียนเอาไว้เลย?” เซี่ยเฟยถาม ชายหนุ่มถามในช่วงเวลาที่แบล็คกี้และไวท์ตี้คาดไม่ถึงมากที่สุด
“คุณเห็นคำว่าหงส์ครามงั้นเหรอ?!” แบล็คกี้พูดขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
“รายการบรรทัดบนสุดมันก็เขียนอยู่แล้วนี่ แต่ว่ามันไม่มีราคาไม่มีคำอธิบายอะไรเลย แล้วผมจะไม่สนใจของที่พิเศษแบบนี้ได้ยังไง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“แล้วทำไมคุณถึงไม่ถามตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่รอจนใช้คะแนนไป 2,400 ล้านแต้มก่อนแล้วค่อยถาม?” แบล็คกี้ถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“ทุกคนต่างก็มีความโลภเป็นของตัวเอง และถ้าหากว่าผมได้เห็นราคาของของชิ้นนั้นแล้วผมก็คงจะยอมทุ่มหมดหน้าตักเพื่อแลกเปลี่ยนมันออกมาอย่างแน่นอน แต่ในความเป็นจริงมันยังมีสิ่งที่จำเป็นสำหรับผมมากกว่านั้น ผมจึงแลกของสำคัญสำหรับผมก่อนแล้วค่อยถามราคามันทีหลัง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่
“แล้วคุณไม่กลัวว่าคุณจะพลาดสมบัติชิ้นนั้นไปงั้นเหรอ?”
“แน่นอนว่าผมกลัว แต่ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนักสู้ระดับสูงหลาย ๆ คนของเซิร์กจะเสียชีวิตลงไปแล้ว แต่เลยูตี้ยังไม่ยอมปรากฏตัวออกมาเสียที ดังนั้นสิ่งจำเป็นสูงสุดสำหรับผมคือการพยายามเอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อน ซึ่งสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดนั่นก็คืออาวุธอุปกรณ์ แต่หงส์ครามที่ผมเห็นมันฟังดูไม่เหมือนจะเป็นอาวุธอุปกรณ์ที่ผมต้องการเลย”
ไวท์ตี้รู้สึกหดหู่ใจอยู่ครู่หนึ่ง เพราะเธอไม่คิดว่าเซี่ยเฟยจะเป็นคนที่รอบคอบมากขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ที่จะยอมพลาดสมบัติชิ้นสำคัญไปเพื่อเลือกในสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในเวลานั้นก่อน
“แบบนี้นี่เองสินะ หงส์ครามจำเป็นจะต้องใช้คะแนนแลกเปลี่ยน 10,000 ล้านแต้ม และมีเพียงผู้สังหารโกเลมเสาหลักลงได้เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์แลกเปลี่ยนสมบัติชิ้นนี้กลับไปได้ ซึ่งตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันคุณคือคนแรกที่มีคุณสมบัติมากพอที่จะแลกเปลี่ยนสมบัติชิ้นนี้ไป” แบล็คกี้กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
คำอธิบายของแบล็คกี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยสำลักออกมา เพราะอาวุธอุปกรณ์ระดับอิมมอทอลลิตี้มีค่าเพียงแค่ 1,000 ล้านแต้มเท่านั้น แต่หงส์ครามกลับมีค่าถึง 10,000 ล้านแต้ม ซึ่งมันก็หมายความว่ารายการชิ้นนี้คงจะไม่ใช่ของธรรมดา และมันก็อาจจะเป็นรายการที่ไม่สามารถจะประเมินค่าได้อย่างแท้จริง
“มันคืออะไร? ทำไมมันถึงมีมูลค่าตั้ง 10,000 ล้านแต้ม?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“มันไม่ใช่ของรายการปกติจริง ๆ เพราะว่ามันเป็นหญ้า” แบล็คกี้กล่าวอย่างจริงจัง
“หญ้า!? หญ้าที่ถูกตั้งราคาไว้ 10,000 ล้านแต้มเนี่ยนะ!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความไม่เข้าใจ
แบล็คกี้แสดงท่าทีหดหู่ออกมาเล็กน้อย ขณะที่ไวท์ตี้ก็เงียบเสียงไปเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตามหลังจากที่นกปากแซ่บตั้งสติได้มันก็เริ่มร้องออกมาอย่างไม่พอใจ
“ไอ้พวกมีแต่ตาแต่ไม่มีสมอง! นี่มันเป็นหญ้าธรรมดาที่ไหน นี่มันคือหญ้าหงส์ครามนะ มันคือ 1 ใน 7 อาวุธมายาแห่งทะเลเมฆ!!”
“8 โลหะแห่งพื้นพิภพ, 6 วารีแห่งบ่อเกิด, 4 ศิลาแห่งดาวใต้, 5 เปลวไฟแห่งห้วงดาราและ 7 พฤกษาแห่งทะเลเมฆ สิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ถูกเรียกว่า 30 อาวุธมายาและหงส์ครามก็คือ 1 ใน 30 อาวุธมายาในตำนานพวกนั้น!!”
เซี่ยเฟยไม่ได้สนใจเรื่องที่ไวท์ตี้พูดจาดูถูกเขา เพียงแต่ว่าเขากำลังรู้สึกสับสนกับตัวตนของคำว่าอาวุธมายามากกว่า
แบล็คกี้ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจและคิดว่าไวท์ตี้คงจะไม่สามารถรักษานิสัยปากพล่อยของมันได้ชั่วชีวิต เพราะคำอธิบายเมื่อสักครู่นี้ถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นความลับ และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาควรจะเปิดเผยให้คนนอกได้รับทราบ
“30 อาวุธมายา? 1 ใน 7 พฤกษาแห่งทะเลเมฆ? มันคืออะไร?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความสับสน
“ช่างมันเถอะ ถึงยังไงคุณก็คือผู้สืบทอดที่เจ้านายได้เลือกเอาไว้แล้ว มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ถ้าคุณได้รู้เรื่องนี้” แบล็คกี้กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ฝุ่นผงอวกาศ, พิภพเริงระบำ, ธรณีเย็นเยือก, ปฐพีคลั่ง, ธราใต้สมุทร, พสุธาเคลื่อนภูเขา, ธุลีแยกภพภูมิและจิตวิญญาณโลหะหนัก สิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 8 นี้คือ 8 โลหะแห่งพื้นพิภพ”
“น้ำแข็งพันปี, ลูกแก้วเยือกแข็ง, น้ำพุมรกต, โคลนทมิฬ, วารีเคียดแค้นและนทีบริสุทธิ์ สิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 6 นี้คือ 6 วารีแห่งบ่อเกิด”
“ศิลาหางฟินิกซ์, หินโมฆะ, กรวดล้างนภาและเมฆาอัดก้อน สิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 4 นี้คือ 4 ศิลาแห่งดาวใต้”
“เพลิงผลาญ, อัคคีโศก, อัคนีโหยหวน, เถ้าเชือดเฉือนและลาวาละลายลักษณ์ สิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 5 นี้คือ 5 เปลวไฟแห่งห้วงดารา”
“ใบไม้แห่งขุนเขา, ต้นสนไร้วันสลาย, ดอกบัวห้วงสมุทร, เบญจมาศดาวกระจาย, ต้นพลัมเก้าราตรี, ไม้จันทร์กระซิบและหงส์คราม สิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 7 นี้คือ 7 พฤกษาแห่งทะเลเมฆ”
“สิ่งมหัศจรรย์ทั้งหมดนี้ถูกเรียกรวมกันว่า 30 อาวุธมายา”
ช็อก!
โคตรช็อก!
เซี่ยเฟยจำเป็นจะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการสงบสติอารมณ์ เพราะเพียงแค่ได้ฟังชื่อของอาวุธมายาเหล่านั้นมันก็เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกใจสั่น และมันจะต้องเป็นอาวุธระดับต้น ๆ ในดินแดนของผู้ใช้กฎอย่างแน่นอน แล้วเขาจะไม่รู้สึกตื่นเต้นที่ได้พบเห็นสิ่งมหัศจรรย์แบบนี้ได้ยังไง
“แต่เท่าที่ฟังดูจากชื่อของสิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 30 อย่างนั้น มันก็ดูเหมือนกับของพวกนั้นไม่ใช่อาวุธเลย แล้วทำไมพวกเขาถึงเรียกของพวกนี้ว่าอาวุธมายา?” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากดื่มน้ำเพื่อดับกระหาย
“อาวุธมีหลากหลายชนิดเช่น ดาบดราก้อนสเกลที่คุณเพิ่งแลกไปก็เป็นอาวุธที่ดี ความเร็วของคุณก็ถือว่าเป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญของคุณด้วยเหมือนกัน แม้แต่ดวงตาอันแหลมคมก็สามารถเรียกว่าอาวุธได้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่จะมีคนเรียกสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ว่าอาวุธมายา”
“อาวุธมายาแต่ละชิ้นต่างก็ล้วนแล้วแต่มีจุดเด่นเป็นของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังเป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่จุดเริ่มต้นของจักรวาล และแม้แต่เจ้านายของฉันก็ไม่สามารถที่จะตอบคำถามที่ลึกซึ้งมากกว่านี้ได้เหมือนกัน”
“ท้ายที่สุดจักรวาลก็กว้างใหญ่มากและมันก็มีสิ่งที่แปลกประหลาดเกินกว่าความเข้าใจของเรากระจายกันอยู่ยังสถานที่ต่าง ๆ อย่างมากมาย ปัจจุบันตำแหน่งที่คุณยืนอยู่ค่อนข้างที่จะต่ำเกินไป คุณจึงยังมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ไม่ไกลพอสมควร” แบล็คกี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับพร้อมกับมองไปยังนกตัวสีดำตรงหน้าด้วยแววตาแห่งความชื่นชม เพราะเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าสัตว์อสูรจะสามารถพูดปรัชญาได้อย่างลึกซึ้งแบบนี้
“ถ้าหงส์ครามเป็นอาวุธที่สำคัญมากขนาดนั้น แล้วทำไมเทพเจ้าดำกับเทพเจ้าขาวถึงไม่เก็บมันเอาไว้ใช้เอง?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“นายท่านของพวกเราก็ต้องการจะเก็บมันเอาไว้ใช้เองอยู่เหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่หญ้าหงส์ครามก็เป็นอาวุธที่ดื้อรั้นมากเกินไป นอกจากนี้หงส์ครามยังเป็นตัวแทนแห่งความดื้อรั้นเหมือนดั่งวัชพืชที่พร้อมจะเติบโตขึ้นมาได้ทุกที่ ไม่ว่าสถานที่แห่งนั้นจะมีสภาพแวดล้อมเลวร้ายมากแค่ไหนก็ตาม”
“ฉันเคยได้ยินนายท่านเล่าให้ฟังว่าหงส์ครามจะเป็นคนเลือกเจ้านายด้วยตัวเอง และเงื่อนไขของการได้ครอบครองหงส์ครามก็ยุ่งยากมาก จนทำให้แม้แต่เทพเจ้าขาวกับเทพเจ้าดำก็ยังไม่สามารถที่จะถือครองมันเป็นอาวุธประจำกายได้ ดังนั้นพวกนายท่านจึงทิ้งมันเอาไว้ที่นี่ แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านพ้นมาหลายพันปี แต่มันก็ยังไม่มีเซิร์กคนไหนมีคุณสมบัติมากพอที่จะลองเป็นเจ้านายของมัน”
แบล็คกี้สื่อความหมายออกมาอย่างชัดเจนว่าเทพเจ้าดำกับเทพเจ้าขาวเก็บหงส์ครามเอาไว้ให้เซิร์กโดยเฉพาะ แต่ความจริงกลับกลายเป็นว่าผู้ที่มีคุณสมบัติผ่านด่านทดสอบเป็นคนแรกกลับกลายเป็นมนุษย์
“ถ้าอย่างนั้นผมขอลองดูหน่อยก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวโดยไม่ลังเลและพร้อมที่จะใช้คะแนน 10,000 ล้านแต้มในการแลกหงส์ครามออกมา
“หึ! อยากจะลองดีนักก็เชิญเลย แต่ฉันขอบอกก่อนเลยว่าถ้านายไม่ผ่านบททดสอบของหงส์คราม นายก็จะต้องส่งมอบของสิ่งนั้นกลับมาโดยไม่ได้รับคะแนนคืน” ไวท์ตี้กล่าวอย่างมุ่งร้าย
เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะเขาไม่คิดว่าถ้าหากเขาไม่สามารถเป็นเจ้าของหงส์ครามได้ เขาจะต้องส่งมันคืนกลับไปที่เดิมแบบนี้
“ช่างมันเถอะ โอกาสแบบนี้มันไม่ได้มีบ่อย ๆ ตราบใดก็ตามที่ฉันผ่านบททดสอบของมันได้ ฉันก็อาจจะมีพลังมากพอที่จะต่อต้านพวกผู้ใช้กฎ” เซี่ยเฟยกัดฟันพึมพำกับตัวเอง
“การตัดสินใจของคุณเป็นสิ่งที่น่ายกย่องจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าคุณจะได้รับมันไปในตอนนี้จริง ๆ แต่มันก็อาจจะยังไม่สามารถทำหน้าที่เป็นอาวุธของคุณได้”
“เท่าที่นายท่านได้บอกไว้อาวุธมายาเป็นอาวุธที่จะพัฒนาไปพร้อมกับเจ้านายของมันเอง แต่ในตอนนี้คุณมีพลังเพียงแค่ระดับ 5 ที่เรียกว่าระดับลีเจนด์ของมนุษย์ ซึ่งพลังเพียงแค่นี้ยังไม่สามารถที่จะดึงประสิทธิภาพของหงส์ครามออกมาได้อย่างแท้จริง และในตอนนี้ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจทำอะไรมันก็ขึ้นอยู่กับตัวของคุณเอง” แบล็คกี้กล่าว
“นายคิดจะใส่ชุดที่ใหญ่เกินตัวของตัวเองหรือยังไง? แม้ว่านายจะผ่านการยอมรับของมันไปได้ แต่ด้วยระดับพลังในปัจจุบันของนายมันก็ไม่ต่างไปจากนายไม่ได้รับของรางวัลอะไรกลับไปเลย” ไวท์ตี้กล่าวอย่างเยาะเย้ย
“ผมคิดว่าการแลกเปลี่ยนครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่ามากที่สุดในชีวิตของผมแล้ว เพราะสิ่งที่ผมกำลังแลกเปลี่ยนอยู่ในตอนนี้มันคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของผม แล้วคุณรู้ไหมว่าสิ่ง ๆ นั้นมันคืออะไร?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“อะไร?” ไวท์ตี้อุทานด้วยความสับสน
“ความหวังยังไงล่ะ”
แม้ว่าเสียงของเซี่ยเฟยจะไม่ดังแต่เสียงนั้นก็ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของไวท์ตี้อย่างรุนแรง
แม้ภายนอกชายหนุ่มจะดูเหมือนเป็นคนบ้าที่ยอมทิ้งอาวุธอุปกรณ์ระดับอิมมอทอลลิตี้นับสิบชิ้นเพื่อไปแลกกับความหวังลม ๆ แล้ง ๆ แต่อย่าลืมว่าสาเหตุที่เซี่ยเฟยขึ้นมายืนจุดนี้ได้สำเร็จ นั่นก็เพราะว่าเขามักที่จะตัดสินใจอะไรบ้า ๆ อย่างที่ใคร ๆ ก็ไม่กล้าที่จะลอกเลียนแบบเขา
—
ประตูในวิหารถูกเปิดออกพร้อมกับเผยให้เห็นพื้นที่ด้านในอันมืดมิด แบล็คกี้กางปีกของมันออกแสดงท่าทางเชิญชวนให้เซี่ยเฟยเดินเข้าไปด้านใน ขณะที่ไวท์ตี้แสดงสีหน้าด้วยความโกรธและต้องการที่จะเห็นเซี่ยเฟยพบเจอกับความล้มเหลว แต่ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มก็ได้ก้าวข้ามผ่านความล้มเหลวมาแล้วครั้งแล้วครั้งเล่าจนทำให้เธอเริ่มรู้สึกที่จะหายใจไม่ค่อยออก
เซี่ยเฟยสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ พร้อมกับความรู้สึกอันแปลกประหลาดในระหว่างที่เดินผ่านประตูบานนี้ไป เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนกับการก้าวข้ามผ่านมิติหนึ่งไปยังอีกมิติหนึ่ง และทันใดนั้นวิวทิวทัศน์บริเวณรอบ ๆ ตัวก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
หญ้าต้นสีฟ้าอันสง่างามงอกขึ้นท่ามกลางภูเขาหินอันแห้งแล้ง และถึงแม้ว่าพื้นที่บริเวณนี้จะเต็มไปด้วยภูเขากว้างใหญ่ที่สูงชัน แต่สิ่งแรกที่สะดุดตาของเซี่ยเฟยนั้นกลับเป็นต้นหญ้าสีฟ้าที่ขึ้นอยู่บนยอดเขา
ฟุบ!
ชายหนุ่มเคลื่อนที่อย่างว่องไวขึ้นไปถึงยอดเขาในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที โดยสิ่งที่เขาได้พบตรงหน้าก็คือต้นหญ้าที่งอกขึ้นมาจากซอกหินและใบของมันก็กำลังปลิวไปมาตามแรงลม
“นี่สินะตัวแทนของพืชที่ดื้อรั้นที่สุดในจักรวาล” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยดวงตาอันเป็นประกาย ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ยื่นมือออกไปแตะที่ต้นหงส์ครามเบา ๆ
***************
ก็เหมาะอยู่น๊าาา หญ้าที่ดื้อรั้นกับคนที่ดื้อรั้นอย่างพี่เฟย แต่จะได้ไหมก็อีกเรื่องหนึ่ง มาลุ้นกัน!