เริ่มต้นด้วยการเป็นราชาซุปเปอร์ไซย่า 2
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 2 - ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้
หลินเฉินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าเขาได้เกิดใหม่พร้อมกับระบบ
ระบบสุดโกงของผู้มาต่างโลก แน่นอนว่าเขาก็ได้รับเช่นกัน!
แต่หลังจากเห็นตัวเลือกสามตัวเลือกที่ระบบมอบให้ ใบหน้าของหลินเฉิน ซึ่งคุ้นเคยกับโครงเรื่องของดราก้อนบอลก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวทันที
ไอ้บ้าเอ้ย!
สามทางเลือกนี่มันบ้าอะไรกัน?
แต่ละทางเลือกมันบ้าไปแล้ว!
ไม่ต้องพูดถึงราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ฟรีเซอร์และไคโอชินเลย เขามีพลังแค่ 1,000 จะไปเอาชนะพวกนั่นได้ยังไงกัน?
เรื่องที่เขาอ่านมาแต่ละเรื่องล้วนแล้วแต่ได้รับของสุดโกงจากระบบ แต่ทำไมเขาถึงได้รับภารกิจระดับยากนรกขนาดนี้กัน?
นี่ไม่ใช่การหลอกลวงใช่ไหม
หลินเฉินไม่อยากเลือกสักตัวเลือกเลย แต่ระบบกลับตอบโต้ทันที: “ภารกิจไม่สามารถล้มเลิกได้ คุณต้องเลือกตัวเลือกเดียวและทำมันให้เสร็จก่อนที่ดาวเคราะเบจีต้าจะถูกทำลาย มิฉะนั้นผู้ใช้จะถูกกำจัด!”
เมื่อได้ยินคำขู่จากระบบ หลินเฉินจึงได้แต่กัดฟันและเลือกตัวเลือกแรกโดยไม่ต้องคิด
ฟรีเซอร์และไคโอชิน สำหรับหลินเฉิน ซึ่งเป็นเพียงนักรบชั้นต่ำธรรมดาในตอนนี้ คงมีเพียงฟรีเซอร์เท่านั้นที่เขาอาจจะมีความหวังที่จะเอาชนะได้!
นอกจากนี้ โอกาสมักมาพร้อมกับความเสี่ยง หากเขาสามารถบรรลุภารกิจในครั้งนี้ได้สำเร็จ อนาคตของเขาคงจะสดใสอย่างมาก
มีวิกฤตมากมายในโลกของดราก้อนบอล แม้ว่าเขาจะกลายเป็นซุปเปอร์ไซย่า แต่เขาก็คงไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ อย่างไรก็ตาม หากเขาได้รับสายเลือดของไซย่าในตำนาน ไม่ว่าเขาจะพบกับวิกฤตการณ์ใดในอนาคต เขาก็จะสามารถอยู่รอดได้อย่างแน่นอน
หลังจากนั้น หลินเฉินก็ตั้งใจอย่างเต็มที่ในการเตรียมตัวเป็นเวลาสี่ปีเต็มเพื่อเอาชนะ ฟรีเซอร์ ก่อนที่เขาจะทำลายดาวเคราะเบจีต้า
ด้วยการแจ้งเตือนของระบบ หลินเฉินจึงเข้าใจเวลาที่เขาข้ามมาได้อย่างแม่นยำ มันเป็นปีที่ 733 สี่ปีก่อนที่ดาวเบจิต้าจะถูกทำลาย
เหลือเวลาอีกไม่มากสำหรับหลินเฉิน แถมคาคาร็อตยังไม่เกิดและเจ้าชายไซย่าอย่างเบจิต้าก็อายุเพียงหนึ่งขวบ มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาในการหาพันธมิตร ดังนั้นมันจึงแทบจะเป็นภารกิจที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยหากเขาต้องการจัดการกับ ฟีซเซอร์!
แต่หลังจากวิเคราะห์โครงเรื่องอย่างถี่ถ้วนแล้ว หลินเฉินก็พบแสงแห่งความหวังที่จะทำให้เป้าหมายของเขาสำเร็จ แต่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ อย่างน้อยเขาต้องมีระดับพลังมากกว่า 60,000! และจะต้องได้รับการสนับสนุนจากชาวไซย่าทุกคน!
ดังนั้นเพื่อเป้าหมายนี้ หลินเฉินจึงหลบหนีขณะออกไปปฏิบัติภารกิจและเริ่มพเนจรเพียงลำพังในจักรวาล
ในปีแรก หลินเฉินพยายามพึ่งพาการฝึกฝนเพื่อพัฒนาระดับพลังของเขา
ระดับพลังของร่างกายที่เขาเพิ่มมาอยู่ที่ 2000 เท่านั้น ซึ่งเป็นระดับที่พบได้บ่อยที่สุดของนักรบระดับต่ำในหมู่ชาวไซย่า
แม้ว่าอายุจริงของเขาจะแค่ 14 ปี แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มขึ้นอีก ไม่ได้สิ้นหวังเกินไปนัก
ด้วยหลายปีที่ผ่านพ้นไป หลินเฉินได้ผ่านความยากลำบากมากมายและเพิ่มระดับพลังของเขาเป็น 10,000 ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมายระดับพลังของเขาที่อย่างน้อย 60,000
ดังนั้นในปีที่สอง หลินเฉิน จึงเปลี่ยนแผนของเขา
เขาต้องยอมรับว่าเขาไม่มีความสามารถเหมือนกับกับ คาคาร็อตและเบจีต้า มันเป็นเรื่องยากมากที่จะพัฒนาระดับพลังถึง 60,000 ในอีกสามปีที่เหลือ!
ดังนั้นในปีที่สอง หลินเฉินจึงใช้เวลาทั้งปีเพื่อหาว่าดาวเคราะห์นาเม็คอยู่ที่ไหนในจักรวาล!
ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน วิธีเดียวที่หลินเฉินจะสามารถคิดที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ ก็คือไปที่ดาวนาเม็ค
ไม่ใช่ว่าเขาต้องการพึ่งพาดราก้อนบอลเพื่อขอพรและพัฒนาความสามารถของเขา เพราะนั่นเป็นไปไม่ได้เลย พรจากเทพเจ้ามังกรเองก็มีข้อจำกัดอยู่
ยิ่งกว่านั้นด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะชาวดาวนาเม็ก ซึ่งได้รับการปกป้องจากเนล
ดังนั้นจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาคือการบรรลุข้อตกลงกับดาวนาเม็ก เพื่อให้ดาวนาเม็กเพิ่มศักยภาพของตัวเขา ในโครงเรื่องเดิม ด้วยแนะนำของคาริน โกฮังซึ่งแต่เดิมมีระดับพลังเพียงหนึ่งหรือสองพันได้เพิ่มระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาถึงสิบเท่า!
หากหลินเฉินสามารถรับความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสได้ เป้าหมายของเขาก็จะบรรลุอย่างง่ายดาย!
ดังนั้นหลังจากพบดาวเคราะห์นาเม็กแล้ว หลินเฉินก็มุ่งหน้าไปยังดาวดวงนั้นทันที และใช้เวลาอีกหนึ่งปีกับมัน
เนื่องจากชื่อเสียงของชาวไซย่าที่ชั่วร้ายในจักรวาลนั้นแย่มาก การเดินทางของหลินเฉินเพื่อไปยังดาวนาเม็กจึงไม่ราบรื่นนัก
ในตอนแรก เมื่อชาวนาเม็กเห็นว่าเขาเป็นชาวไซย่า พวกเขาคิดว่าตัวเขามาที่นี่เพื่อรุกรานโลกของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงโจมตีเขาโดยไม่คิดอธิบายเลย
แม้หลังจากทราบเจตนาที่ชัดเจนของหลินเฉินแล้ว ชาวนาเม็กก็ยังไม่เชื่อคำพูดของเขาอย่างเต็มที่
ดังนั้นเพื่อที่จะได้เข้าพบกับผู้เฒ่าสูงสุดคุรุ เขาต้องยอมรับการท้าทายของพวกเขาเสียก่อน
ดังนั้นหลินเฉินจึงใช้เวลาอีกหนึ่งปีในการผ่านการทดสอบสติปัญญา ความกล้าหาญ และระดับพลังโดยชาวนาเม็ก และในที่สุด เขาก็ได้พบกับผู้เฒ่าสูงสุดคุรุและบรรลุข้อตกลงพิเศษกับเขา
ด้วยเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ ศักยภาพในการต่อสู้ของหลินเฉินได้รับการปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์โดย
เมื่อมีคำแนะนำของผู้เฒ่าสูงสุดคุรุ ในที่สุดเขาก็มีระดับพลังมากกว่า 110,000!
ใช้เวลาสี่ปีในการเติบโตจากนักรบระดับต่ำเป็นชาวไซย่าที่มีระดับพลัง 110,000 ช่างเป็นความยากลำบากที่ยากจะอาจจินตนาการได้ แต่การพยายามอย่างหนักสี่ปีนี้ก็คุ้มค่าแล้ว
ขณะที่นั่งบนบัลลังก์ หลินเฉินก็นึกถึงสี่ปีที่ผ่านมา เขาเงยหน้าขึ้นและกล่าวกับทุกคนที่อยู่ข้างหน้าเขา ซึ่งยังคงตกตะลึงกันอยู่: "ทุกคน ข้ารู้ว่าพวกเจ้าบางคนอาจยังไม่ยอมรับข้า แต่ตามประเพณีแล้ว ข้าเพิ่งได้เป็นราชา ข้ามีเวลาพักผ่อนหนึ่งสัปดาห์ และถ้าเจ้าต้องการท้าทายข้า พวกเจ้าต้องรอหนึ่งสัปดาห์”
“หลังจากหนึ่งสัปดาห์ ถ้าข้าแพ้ พวกเจ้าสามารถปลดฉันและฆ่าข้าได้ แต่ก่อนหน้านั้น ข้าจะไม่ยอมให้ใครทำอะไรโดยพลการ!”
“คำสั่งต่อไปของข้าอาจจะแปลก! แต่พวกเจ้าต้องเชื่อฟังพวกข้า!”
"ก่อนอื่นเลย! เรื่องของวันนี้มีเพียงพวกเราชาวไซย่าเท่านั้นที่รู้ และเราต้องไม่บอกฟรีเซอร์ว่าราชาของ ชาวไซย่าได้เปลี่ยนไปแล้ว!”
“ประการที่สอง นักรบชนชั้นกลางทั้งหมดอยู่ที่นี่ ข้าต้องการให้พวกเจ้าลงมือทันทีและฆ่าผู้ใต้บังคับบัญชาของฟรีเซอร์ทั้งหมดบน ดาวเคราะเบจีต้า ทิ้งไว้เพียงผู้รับผิดชอบด้านการสื่อสารเพื่อส่งข้อมูลเท็จแก่ฟรีเซอร์ ! เราต้องไม่ปล่อยให้พวกเขารู้ความเคลื่อนไหวของเราแม้แต่น้อย!”
“ล-ลิงค์…”
ภายใต้บัลลังก์ ราชาเบจิต้าฟื้นคืนสติแล้ว ขณะที่นอนอยู่บนพื้น เขามองไปทางหลินเฉินด้วยความตกใจ: “อะไรนะ เจ้าคิดจะทำอะไรกัน?”
หลินเฉินเหลือบมองราชาเบจิต้าและพูดว่า “คิดว่าข้าจะทำอะไรกันล่ะ? ตอนนี้ข้าเป็นผู้นำชาวไซย่าทั้งหมดแล้ว หักหลังฟรีเซอร์ยังไงล่ะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชาวไซย่าด้านล่างก็ตกตะลึง
หักหลัง ฟรีเซอร์ ?
หักหลังจักรพรรดิแห่งจักรวาลที่สามารถอาละวาดไปทั่วจักรวาลเนี่ยนะ?
หลินเฉิน เจ้าบ้าหรือเปล่าเนี่ย?
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เชื่อในคำพูดของ หลินเฉิน....
อย่างไรก็ตาม คำสั่งของราชาไม่สามารถขัดขืนได้!
ในวันนี้แผนการทรยศลับๆ ของชาวไซย่าก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว!