บทที่ 98 สัญญาการแต่งงาน
เมื่อหลินเทียนถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลินคังจำได้ว่าเขามาที่นี่ในวันนี้เพื่อสิ่งที่สำคัญ
เกือบลืมเรืองนี้ไปแล้ว เพราะน้ำซุปเสืออร่อยมาก
"หลินเทียนให้ข้าถามเจ้า หลินเป้ยมีสัญญาการแต่งงานหรือไม่?" หลินคังถาม
“ปูดด” หลินเป้ยที่กำลังดื่มซุป อดไม่ได้ที่จะพ่นออกมา
“อะไรนะ?” ข้ามีสัญญาแต่งงาน? ทำไมข้าไม่รู้เรื่อง?
“สัญญาการแต่งงาน? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าถามแบบนี้?” หลินเทียนถามแปลก ๆ เล็กน้อย
"เจ้าแน่ใจหรือ? วันนี้มีทูตที่อ้างว่า เป็นทูตของตระกูลเฟิงในเมืองหลวง เขาบอกว่าใน 5 วัน นี้ เฟิงซินหยูหญิงสาวของพวกเขาจากตระกูลเฟิงจะมาที่ประตู และจะยกเลิกการหมั้นหมายกับหลินเป้ย ในตอนนี้ ตระกูลเฟิงกำลังร้องขอให้ยกเลิกการหมั้นกับตระกูลหลินของเรา โดยอ้างว่าหลินเป้ยเป็นขยะ และไม่สมควรแต่งงานกับหญิงสาวตระกูลเฟิง” หลินคังพูด แต่น้ำเสียงของเขาไม่สงบ
การหมั้นหมายของหลินเป้ยถูกยกเลิก ไม่เพียงแต่หลินเป้ยจะเสียหน้า แต่ทั้งตระกูลหลินก็เสียหน้าเช่นกัน
หลินเป้ยยังงุนงง เขาไม่เคยรู้ว่าเขามีคู่หมั้นแล้ว
หลินเทียนยิ้มอย่างเหนื่อยใจ เมื่อได้ยินสิ่งนี้: "มีเรื่องแบบนี้จริงๆ ข้าคิดว่าทั้งสองฝ่ายต่างยอมรับว่าการหมั้นเป็นโมฆะ ทำไมพวกเขาถึงมาที่ประตูเพื่อยกเลิก?"
ในตอนนั้นหลินเทียนได้รับรางวัลที่หนึ่งในการแข่งขันระดับรึ่นเยาว์ และอนาคตก็ไร้ขอบเขต
ไม่รู้ว่า มีหญิงสาวกี่คนที่ตกหลุมรักหลินเทียน
แต่หลินเทียนปฏิเสธ แม้แต่ตระกูลเฟิงในตอนนั้น ก็ยังต้องการมีความสัมพันธ์กับหลินเทียน ต้องการให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงสาวจากตระกูลเฟิง ถึงหลินเทียนจะตกหลุมรักหญิงสาวผู้นั้นอยู่ และขอให้หลินเทียนเลิก แต่หลินเทียนปฏิเสธ
ในที่สุด ตระกูลเฟิงก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพื่อที่จะมีความสัมพันธ์กับหลินเทียน พวกเขาบอกว่าไม่เป็นไร ถ้าหลินเทียนไม่แต่งงานกับตระกูลเฟิง แต่สามารถทำสัญญาแต่งงานกับลูกหลานของเขาได้ไหม?
หลินเทียนยังคงเป็นโสดในเวลานั้น และเขาไม่สามารถต้านทานการพัวพันของตระกูลเฟิงได้
ดังนั้นเขาจึงตกลงที่จะเซ็นสัญญา ในหมั่นหมายผู้สืบทอด ซึ่งหนึ่งในผู้สืบทอดของหลินเทียน จะต้องแต่งงานกับตระกูลเฟิง
ตอนนี้หลินเทียนมีบุตรชายเพียงคนเดียว ดังนั้นผู้ที่จะแต่งงานคือหลินเป้ย
สำหรับหญิงสาวคนไหนที่เป็นของตระกูลเฟิง หลินเทียนไม่รู้ และหลินเทียนก็ขาดการติดต่อกับตระกูลเฟิงไปนานแล้ว
ต่อมาหลินเป้ยไม่สามารถฝึกฝนได้ และหลินเทียนคิดว่าตระกูลเฟิงไม่ชอบตระกูลของพวกเขาอีกต่อไป
ดังนั้นเขาจึงวางเรื่องนี้ไว้และแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอยู่จริง
เพียงแค่เขาไม่คาดคิดว่าตระกูลเฟิง จะส่งคนมาทำลายการหมั้น นี่มันเกินไปหน่อยแล้ว!
เขายังขู่ด้วยว่า หลินเป้ยไม่ดีพอสำหรับหญิงสาวตระกูลเฟิง ซึ่งเห็นได้ชัดว่า เป็นความอัปยศอดสู
หลินคังกล่าวว่าตอนนี้ หลายคนในเมืองชิงหลินรู้เรื่องนี้แล้ว และทูตของตระกูลเฟิงมาที่ตระกูลหลินเพื่อประกาศเรื่องนี้โดยตั้งใจ
หลังจากการประกาศ ได้มีการเผยแพร่ไปทั่วทุกแห่งในเมืองชิงหลิน เพื่อให้ผู้คนจำนวนมากรู้เรื่องนี้
เห็นได้ชัดว่ามันมุ่งเป้าไปที่ตระกูลหลิน และทำให้ตระกูลหลินเสียหน้า
เมื่อหลินเป้ยได้ยินคำพูด เขาก็รู้สึกว่ามีแผนของการสมรู้ร่วมคิด
อีกฝ่ายทำอย่างชัดเจนโดยมีจุดประสงค์ เพื่อทำให้ตระกูลของหลินเป้ยเสื่อมเสียชื่อเสียง
ถ้าเขาถูกอีกฝ่ายตบหน้าจริงๆ ไม่ใช่แค่หลินเป้ยเท่านั้นที่จะเสียหน้า แต่ทั้งตระกูลหลินจะต้องเสียหน้า
หลังจากเรื่องราวทั้งหมดได้แพร่กระจายออกไป
หลายคนรู้ว่าหลินเป้ยจากตระกูลหลิน มีสัญญาแต่งงานกับตระกูลเฟิง ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบตระกูลชั้นนำของ เมืองหลวง
ด้วยเหตุนี้ ตระกูลเฟิงจึงดูถูกหลินเป้ย และผู้คนจากตระกูลเฟิงก็มาที่ประตู และบังคับให้ยกเลิกการหมั้น
ในความเป็นจริง ถ้ามีคนจากตระกูลเฟิงมาที่ประตูด้วยท่าทีที่สงบกว่านี้ และบอกว่าจะยุติการหมั้น
หลินเป้ยก็จะเห็นด้วย
อย่างไรก็ตาม หลินเป้ยไม่สนใจเกี่ยวกับสัญญาการแต่งงานนี้
แต่อีกฝ่ายยังคงเรียกหลินเป้ยว่าขยะ ไม่คู่ควรกับหญิงสาวของตระกูลเฟิง และต้องการบังคับให้ยกเลิกหมั้นหมาย
พวกเขาเกลียดชังหลินเป้ยมากแค่ไหน?
หลินเป้ยอาจไม่ต้องการหน้า แต่หลินเทียนต้องการหน้า และตระกูลหลินต้องการหน้า
อีกฝ่ายทำเช่นนี้ ทำให้หลินเทียนอับอายมาก
“ตอนนี้ข้าพบว่า สัญญาการแต่งงานที่ทำขึ้นในตอนนั้น เป็นความผิดพลาดที่สุดในชึวิตของข้า!”หลินเทียนโกรธ พฤติกรรมของอีกฝ่ายนั้นไร้ความปรานีจริงๆ
"ตอนนี้ทุกคนในตระกูลหลินโกรธมาก และผู้อาวุโสหลายคนต้องการให้คริบครัวของเจ้าอธิบาย ว่าจะจัดการกับสิ่งเหล่านี้อย่างไร?" หลินคังพูดอย่างหมดหนทาง
หากอีกฝ่ายเข้ามาตบหน้าเขาจริงๆ ชื่อเสียงของตระกูลหลินก็จะดิ่งลงจริงๆ
ย้อนกลับไปในตอนนั้น ด้วยพรสวรรค์ของหลินเทียน มันเป็นเรื่องของความสำเร็จในอนาคต ที่เขาจะไปถึงขอบเขตจักรพรรดินักรบ(หวู่ฮวง)
ดังนั้นตระกูลเฟิงจึงต้องการที่จะมีความสัมพันธ์กับหลินเทียน
ตอนนี้หลินเทียนได้รับบาดเจ็บ ความแข็งแกร่งของเขาได้รับความเสียหายอย่างมาก และหลินเป้ยไม่สามารถบ่มเพาะมาก่อนได้
เป็นเรื่องปกติที่ตระกูลเฟิง ไม่มีความจำเป็นที่จะความสัมพันธ์กับหลินเทียนอีกต่อไป
สามเดือนก่อน ตระกูลเฟิงได้ส่งคนไปตรวจสอบเรื่องของตระกูลหลินเทียน
ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ เกี่ยวกับความสามารถในการบ่มเพาะของหลินเป้ย
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ ในสายตาของพวกเขา หลินเป้ยเริ่มบ่มเพาะเมื่ออายุ 17 ปี ความสำเร็จในอนาคตของเขามีจำกัด และเขาจะไม่บรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ไม่ต้องพูดถึง หลินเป้ยมาจากตระกูลเล็กๆ
“ท่านพ่อ ไปกันเถอะ ข้าจะไปกับท่านที่ตระกูล ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง”หลินเป้ยยืนขึ้นและพูด
ตอนนี้หลินเป้ยไม่มีความรักต่อคู่หมั้นคนนี้ ที่เขาไม่เคยพบมาก่อน
เขากล่าวว่าหลินเป้ยเป็นขยะหรือ? เหอเหอ หลินเป้ยต้องการให้อีกฝ่ายรู้ว่าใครด้อยกว่าใคร?
แม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นมหาปรมาจารย์นักรบ(หวู่ซ่ง) หากหลินเป้ยต้องการสังหาร ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
หลินเทียนพยักหน้า เรื่องนี้เกิดจากเขา ดังนั้นพวกเขาจึงต้องไปที่ตระกูลหลิน เพื่ออธิบาย
หนิงเสวี่ยกลอกตาของนาง และนางไม่เคยคิดเลยว่าหลินเป้ยยังมีสัญญาการแต่งงาน
แถมคู่แต่งงานคือเฟิงซินหยู ผู้ซึ่งได้ปลุกร่างจิตวิญญาณ เมื่อไม่นานมานี้
ตอนนี้ เฟิงซินหยูอยู่ในกลุ่มคนรุ่นเยาว์ และยังอยู่ในระดับของอัจฉริยะที่ชั่วร้าย
ปีนี้นางมีอายุ 18 ปี และการฝึกฝนของนาง ได้มาถึงขอบเขตปรมาจารย์นักรบ(หวู่ฉี)ขั้น 5 แล้ว
แน่นอนว่าการบ่มเพาะขอบเขตนี้ เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 เดือนก่อน ส่วนตอนนี้ หนิงเสวี่ยไม่ทราบ
เนื่องจากการตื่นขึ้นของกายจิตวิญญาณ นางจึงได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์สายตรงโดยผู้อาวุโสสูงสุดแห่งนิกายหมิงซิน(นิกายรู้แจ้งธรรมชาติ)
อาจกล่าวได้ว่า เฟิงซินหยูขึ้นไปบนสวรรค์ในขั้นตอนเดียว และสถานะของนางในตระกูลเฟิง ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
หนิงเสวี่ยไม่เคยคิดเลยว่า หลินเป้ยจะมีสัญญาแต่งงานกับเฟิงซินหยู
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะมองอย่างไร คนสองคนที่ไม่มีทางตัดกัน
เนื่องจากหลินเทียนหลินเป้ยมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเฟิงซินหยู
แต่หนิงเสวี่ยไม่ได้พูดอะไร นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของหลินเป้ย ในฐานะแขก นางไม่สะดวกที่จะเข้าไปแทรกแซง
ในขณะเดียวกันนางก็มีความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในใจ คงจะดีที่สุดถ้าการหมั้นหมายยุติลง
ในตอนนี้ หลินเป้ยและหลินเทียน ตามหลินคังไปตระกูลหลิน
หนิงเสวี่ย และหลินหลิงเอ๋ออยู่ที่นี่ เพื่อเฝ้าร้าน
หลินเป้ยและคนอื่นๆ มาถึงห้องโถงของตระกูลหลิน ในเวลานี้ผู้อาวุโสทั้งหมดนั่งอยู่ทั้งสองข้าง และหลินวู่จี้นั่งอยู่ตรงกลาง
"ผู้นำตระกูล ผู้อาวุโสหลินเทียนและบุตรชายชายของเขาอยู่ที่นี่แล้ว" หลินคังกล่าวกับหลินวู่จี้
แม้ว่าหลินวู่จี้จะเป็นพ่อของหลินคัง แต่หลินวู่จี้ก็เป็นผู้นำตระกูลหลิน
ดังนั้นพวกเขาจึงมักเรียกหลินวู่จี้ว่า ผู้นำตระกูล และไม่ค่อยเรียกเขาว่าบิดา
"ดี หาที่นั่งซะ"หลินวู่จี้พยักหน้าเบา ๆ
ดังนั้น หลินคังจึงหาที่นั่งและนั่งลง
“หลินเทียน, หลินเป้ย,ผู้อาวุโสหลินคังควรบอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เจ้าคิดอย่างไร?”หลินวู่จี้ถาม
น้ำเสียงราบเรียบมาก ฟังดูไร้อารมณ์
“ท่านผู้นำตระกูล ข้าทำสัญญาแต่งงานกับตระกูลเฟิงเมื่อ 20 ปีก่อน เดิมทีข้าวางแผนที่จะยกเลิกสัญญา ดังนั้นข้าจึงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับหลินเป้ยเลย เรื่องนี้เกินความคาดหมายของข้า ที่ตระกูลเฟิงจะมาที่ประตูเพื่อถอนหมั้นเป็นการส่วนตัว ท้ายที่สุดแล้ว ข้าไม่ได้ติดต่อกับตระกูลเฟิงมาเกือบ 20 ปีแล้ว” หลินเทียนกล่าวอย่างหมดหนทาง
ไม่นานหลังจากที่หลินเทียนทำสัญญาแต่งงานกับตระกูลเฟิง
ในเวลานั้น หลินเทียนก็ออกจากอาณาจักรชิงหยาน และเข้าร่วมกับนิกายขนาดใหญ่
หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกับตระกูลเฟิงอีกเลย