บทที่ 96 ตระกูลหนานกง
บทที่ 96 ตระกูลหนานกง
ในความเป็นจริงหลินเป้ยได้จัดรูปแบบค่ายกลขนาดใหญ่ เพื่อปกปิดออร่าปราณสายเลือดของหลินหลิงเอ๋อให้มากที่สุด
โดยไม่คาดคิด ยังมีร่องรอยของออร่าที่ล้นออกมาซึ่งเต๋าสวรรค์รู้สึกได้
ถ้าหลินเป้ยไม่ปิดบัง พลังของสวรรค์โกรธเกรี้ยวจะยิ่งใหญ่กว่านี้ และอาจมีภัยพิบัติจากสวรรค์
หากการปลุกสายเลือดระดับเทพเจ้าคุณภาพสูง ไม่ได้รับการปกป้องจากผู้ที่แข็งแกร่ง มันก็จะล้มเหลวได้ง่าย เพราะอาจเกิดภัยพิบัติจากสวรรค์ได้
โชคดี ที่แผนของระบบ ได้สอนวิธีปกปิดออร่าปราณของหลินหลิงเอ๋อ แม้ว่ามันจะล้นออกมาเล็กน้อยและดึงดูดเมฆฝนฟ้าคะนอง แต่ฟ้าไม่ผ่าก็ไม่ลงมา สิ่งนี้ทำให้หลินเป้ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หนึ่งในรูปแบบค่ายกลที่หลินเป้ยใช้ในตอนนี้คือ การปกปิดออร่าปราณของหลินหลิงเอ๋อ
โชคดีที่ไม่มีอันตรายใดๆ และการปลุกสายเลือดครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น
ตอนนี้หลินหลิงเอ๋อไม่มีไข้แล้ว และอุณหภูมิของนางก็กลับมาเป็นปกติ แต่นางยังคงหลับสนิท
ตอนนี้การปลุกสายเลือดสำเร็จแล้ว เขาเชื่อว่านางจะใช้เวลาไม่นานในตื่นขึ้นมา
"กลับกันเถอะ" หลินเป้ยกล่าวกับหลินเทียน และหนิงเสวี่ย
หลินเป้ยอุ้มหลินหลิงเอ๋อกลับไปที่ร้านขายโอสถ กลับไปที่ห้องแล้ววางนางลงบนเตียง
เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว ทุกคนต่างกลับไปพักผ่อน
แต่ในเวลานี้ กลุ่มของผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ รวมตัวกันในที่ห่างไกล
นี่คือหนึ่งในตระกูลบรรพกาล อาณาเขตของตระกูลหนานกง แห่งสายเลือดหงส์เพลิง
"ในทางตอนใต้ เราสัมผัสได้ว่า อัจฉริยะของสายเลือดหงส์เพลิงได้ทำการปลุกสายเลือด และมันทำให้เกิดสวรรค์โกรธเกรี้ยว ซึ่งหมายความว่าคุณภาพนั้นสูงกว่าแปดส่วน(80%) อัจฉริยะสายเลือดหงส์เพลิงของเรา ไม่สามารถถูกทิ้งไว้ข้างนอกได้" ชายวัยกลางคนกล่าว
ในปัจจุบันมีคนหลายสิบคนประชุมอยู่ แต่ละคนล้วนเป็นบุคคลที่ทรงพลัง เป็นผู้ทรงอำนาจอันดับต้นๆ ของตระกูลหนานกง และแต่ละคนอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดินักรบ(หวู่ตี้)
สำหรับผู้นำตระกูล เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจอมเทพนักรบ(หวู่เฉิน) ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงพลังที่สุดในโลกนี้
(กันลืมนะครับ นักรบฝึกหัด(หวู่ตู้)武徒, นักรบแท้จริง(หวู่เฉิน)武者, ปรมาจารย์นักรบ(หวู่ฉี)武师, มหาปรมาจารย์นักรบ(หวู่ซ่ง)武宗, ราชานักรบ(หวู่หวาง)武王, จักรพรรดินักรบ(หวู่ฮวง)武皇, บรรพชนนักรบ(หวู่ซุน)武尊, จอมปราชญ์นักรบ(หวู่เซิ่ง)武圣,มหาจักรพรรดินักรบ(หวู่ตี้)武帝และจอมเทพนักรบ(หวู่เฉิน)武神 )
ผู้ที่สามารถเป็นจอมเทพนักรบ(หวู่เฉิน)นั้น สามารถเดินทางข้ามโลกนี้ได้
จอมเทพนักรบ ยังเป็นขอบเขตสูงสุดของโลกนี้
“มีคนในตระกูลของเราอยู่ทางใต้ด้วยหรือ?” ผู้อาวุโสหลายคนงุนงง
ตระกูลสายเลือดระดับเทพเจ้าเหล่านี้ ให้ความสำคัญกับสายเลือดมาก และพวกเขาไม่ยอมให้สายเลือดของตระกูล รั่วไหลออกไปข้างนอก
ยกเว้นหากเป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว หรือสมาชิกกลุ่มที่ถูกขับไล่
หากเป็นสมาชิกในกลุ่มที่ถูกไล่ออกไปแล้ว โดยทั่วไป พวกเขาจะทำให้สายเลือดหงส์เพลิงในร่างกายหมดไป หรือตัดความสมบูรณ์ออก เพื่อไม่ให้สายเลือดไหลออกไปภายนอก
หญิงสาวที่แต่งงาน มักจะแต่งงานกับตระกูลอื่นๆ ของตระกูลบรรพกาล และพวกเขาไม่ค่อยแต่งงานกับกองกำลังที่มีอำนาจอื่นๆ
นี่คือสิ่งที่พวกเขาทำเพื่อรักษาสายเลือดของตระกูลบรรพกาลให้บริสุทธิ์
เมื่อพวกเขาพบว่าคนในตระกูลบางคนที่อาศัยอยู่ข้างนอกได้ปลุกพลังแห่งเลือด พวกเขาจะนำมันกลับมาสู่ตระกูล
หากคุณภาพของสมาชิกตระกูล มีความบริสุทธิ์ทางสายเลือดไม่ถึงสามส่วน แล้วพวกเขาสามารถปลุกสายเลือดได้ ก็ไม่เป็นไร หากพวกเขาไม่สังเกตเห็น
แต่อัจฉริยะที่สามารถปลุกสวรรค์โกรธเกรี้ยวได้ พวกเขาต้องให้ความสนใจ
บุคคลนี้คือต้นกล้าที่ดี!
ในบรรดาคนรุ่นเยาว์ มีอัจฉริยะสายเลือดเพียงสิบคนที่สามารถไปถึงระดับนี้ได้ และแต่ละคนก็เป็นบุตรสวรค์ที่น่าภาคภูมิใจของตระกูลหนานกง
อัจฉริยะระดับนี้จะปล่อยให้อยู่ข้างนอกได้อย่างไร?
“ข้าคิดว่าน่าจะเป็นเหตุการณ์เมื่อ 16 ปีที่แล้ว ผู้อาวุโสสามก่อกบฏและโจมตีตระกูล ผู้อาวุโสสิบเจ็ดถูกตามล่าและหนีไปทางภาคใต้ เขาพาหลานสาวไปด้วยเพื่อช่วยชีวิตนาง เขาวางหลานสาวของเขาไว้ในที่ปลอดภัย โดยหวังว่าจะมีคนรู้และพานางกลับมา ต่อมา ผู้อาวุโสสิบเจ็ดตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้อาวุโสสามและถูกทรมาน ท่านผู้นำตระกูล ท่านคือผู้เชี่ยวชาญที่นำทุกคนไปปราบกบฏของผู้อาวุโสสาม หลังจากที่ผู้อาวุโสสิบเจ็ดได้รับการช่วยชีวิต หลังจากหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว เขาไปตามหาหลานสาวของเขา แต่พบว่าไม่ได้รับข่าวคราวเลย ข้าคิดว่าอัจฉริยะที่ตื่นขึ้นนี้ น่าจะเป็นหลานสาวของผู้อาวุโสสิบเจ็ด?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าว
หลายคนรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีตเหล่านี้ดี ในเวลานั้น ผู้อาวุโสสิบเจ็ดก็ถูกสถานการณ์บังคับเช่นกัน หากไม่เป็นเช่นนี้ เด็กสาวคงไม่รอดแน่ หากตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้อาวุโสสาม
การกบฎของผู้อาวุโสสาม ได้สังหารคนในตระกูล รวมถึงคนหนุ่มสาวหลายคน ซึ่งทำลายรากฐานตระกูลหนานกง อย่างรุนแรง!
นอกจากนี้ ยังเป็นหนทางที่ถูกต้อง ที่ผู้อาวุโสสิบเจ็ดทำเช่นนั้น
หากเป็นพวกเขา พวกเขาก็จะทำเช่นเดียวกัน
ไม่ทราบที่อยู่ของหลานสาว แต่อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่
นับเวลาถึงตอนนี้ เด็กสาวก็อายุ 16 แล้วปีเช่นกัน และถึงเวลาปลุกสายเลือดของนางแล้ว
อายุที่ดีที่สุดสำหรับการปลุกสายเลือดตระกูลบรรพกาลคือ อายุประมาณ 16 ปี และสายเลือดจะตื่นโดยอัตโนมัติ เมื่อถึงเวลา
ในบรรดาตระกูลหนานกงทั้งหมด กลุ่มคนอายุ 15 ปีหลายคน ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์นักรบ(หวู่ฉี) และบางคนได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตมหาปรมาจารย์นักรบ(หวู่ซ่ง) เรียบร้อยแล้ว
บุคคลที่เรียกว่าอัจฉริยะจากโลกภายนอก ดูอ่อนด้อย ถ้าเทียบกับตระกูลหนานกง
หลายคนในโลกภายนอกคิดว่า สามารถเข้าสู่ปรมาจารย์นักรบ(หวู่ฉี) ได้ เมื่ออายุ 15 ปี เป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้
แต่ในตระกูลหนานกง สมาชิกกลุ่มสามัญธรรมดาก็สามารถเข้าสู่ปรมาจารย์นักรบ(หวู่ฉี) ได้ เมื่ออายุ 15 ปีทุกคน ตราบเท่าที่ทรัพยากรมีอยู่
ในฐานะตระกูลเก่าแก่ ตระกูลหนานกงจะไม่ขาดทรัพยากรนี้โดยธรรมชาติ
ภาคใต้ในสายตาของตระกูลหนานกงนั้น ห่างไกลเกินไป และจำนวนผู้แข็งแกร่งก็น้อยที่สุด ในบรรดาภูมิภาคหลัก
ในร้อยปีที่ผ่านมาของตระกูลหนานกง ยกเว้นเวลาที่ผู้อาวุโสสิบเจ็ดหนีไปยังภาคใต้เมื่อ 16 ปีก่อน ไม่มีใครจากตระกูลหนานกงเคยไปถึงภาคใต้
ดังนั้นอัจฉริยะที่ปลุกสายเลือดในครั้งนี้ จึงน่าจะเป็นหลานสาวคนนั้น
“ผู้อาวุโสสิบเจ็ดอยู่ที่ไหน?” ผู้นำตระกูลพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสสิบเจ็ด จึงควรปล่อยให้เขาจัดการเรื่องนี้
“ผู้อาวุโสสิบเจ็ดมีภารกิจและได้ออกไปแล้ว เขาจะไม่สามารถกลับมาตระกูลได้ ในอีกไม่กี่เดือนนี้” มีคนเตือน
ปรากฎว่าผู้อาวุโสสิบเจ็ดไม่อยู่
“แล้วใครอยากไปบ้าง?” ผู้นำตระกูลหนานกงมองทุกคน
ไม่มีคนตอบ ดูเหมือนไม่มีใครอยากไปภาคใต้
ท้ายที่สุดแล้ว ภาคใต้เป็นสถานที่ห่างไกลในสายตาของพวกเขา มีจำนวนผู้แข็งแกร่งน้อยที่สุดและอ่อนแอที่สุดในบรรดาภูมิภาคหลักหลายแห่ง
“ท่านผู้นำ ในสถานที่ห่างไกลในดินแดนทางตอนใต้ ไม่มีความจำเป็นที่พวกเราผู้อาวุโสจะต้องออกไป มันเพียงพอที่จะส่งบุคคลที่มีระดับขอบเขตไม่มากนัก อย่างบุคคลที่มีขอบเขตจอมปราชญ์นักรบ(หวู่เซิ่ง) ไปที่แดนใต้ และเราจะสามารถนำอัจฉริยะของเรากลับมาได้อย่างราบรื่นอย่างแน่นอน หากพวกเราผู้อาวุโสไปที่ภาคใต้ หากศัตรูเรารู้ข่าว อาจจะทำให้เดือดร้อนโดยไม่จำเป็นก็ได้” มีคนแนะนำ
ที่จริงแค่ไม่อยากไปภาคใต้ ก็เลยต้องแนะนำเช่นนี้
แม้ว่าผู้อาวุโสจะออกมาข้างหน้า แต่ก็ควรเป็นผู้อาวุโสสิบเจ็ด ไม่ใช่พวกเขา
อัจฉริยะนี้ไม่ใช่รุ่นเยาว์ของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใส่ใจนัก
ตระกูลหนานกง ไม่ได้เป็นตระกูลที่ใจดีนัก อัจฉริยะคนนี้กลับมาที่ตระกูล และต้องมาแข่งขันกับคนรุ่นเยาว์ของพวกเขา เพื่อทรัพยากร มีคนแก่ไม่มากนัก ที่จะต้อนรับอัจฉริยะเช่นนี้กลับมา
หากอัจฉริยะนี้มาจากสายเลือดของพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขายินดีที่จะออกเดินทาง
"มันสมเหตุสมผลแล้ว ให้เราส่งกลุ่มจอมปราชญ์นักรบ(หวู่เซิ่ง)ไปที่นั่น" ผู้นำตระกูลพูดอย่างใจเย็น
เขาจะไม่รู้ความคิดของผู้อาวุโสเหล่านี้ได้อย่างไร?
เนื่องจากใครๆ ก็ไม่อยากไปภาคใต้ งั้นก็ส่งกลุ่มคนเหล่านี้ไปแทนละกัน