บทที่ 212 : มรดกลับของโรงยิมศิลปะการต่อสู้เเห่งจิตวิญญาณ!
บทที่ 212 : มรดกลับของโรงยิมศิลปะการต่อสู้เเห่งจิตวิญญาณ!
“กัปตันรู้ไหมว่ามีคำว่า……แกล้งเสียใจจะโดนฟ้าผ่า” ซีเหมิงตะโกน
“ฉันคิดว่าเเค่ถูกฟ้าผ่ามันยังไม่พอ…….ควรถูกฆ่าไปเลยดีกว่า” ถังหยวนชิงกล่าวอย่างเงียบ ๆ
คนอื่นๆไม่ได้พูดอะไร, แต่ก็พยักหน้าเห็นด้วย
อัจฉริยะที่ทำตัวประหลาดแบบนี้ไม่น่าจะอยู่รอดได้นาน
เมื่อชูโจวเห็นดวงตาที่ "เคียดแค้น" ของทุกคน
หนังศีรษะของเขาก็รู้สึกชาอย่างอธิบายไม่ถูก
ดูเหมือนว่าเขาจะเผลอทำให้ทุกคนขุ่นเคือง
………
“โดยไม่คาดคิด คุณเป็นนักรบสามสาย…….เเละไม่เพียงแต่พรสวรรค์ของระบบสุดยอดนักรบและระบบพลังธาตุเท่านั้นที่น่าทึ่ง, แต่คุณยังมีพรสวรรค์ของระบบพลังจิตวิญญาณที่น่าทึ่งมากอีกด้วย!”
เซี่ยเหมิงมองไปที่ชูโจวอย่างตกตะลึง
ถังหยวนชิง, เนี่ยอิง, ตู้กู่หลานและคนอื่นๆก็ตกตะลึงเช่นกัน
พวกเขาล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์และรู้ดีว่าการบรรลุนิพพานเเต่ละครั้งนั้นยากเย็นเพียงใด
เเค่นิพพานทั้งร่างกายของและนิพพานธาตุของชูโจวรวมกันก็สำเร็จไปเเล้วอย่างน้อยสิบสองครั้ง
เเต่ตอนนี้ต้องนับนิพพานเพิ่มอีกสามนิพพาน
นั่นหมายความว่าชูโจวได้บรรลุนิพพาน………ไปแล้วอย่างน้อยสิบห้าครั้ง
พลังเเบบนี้มันน่ากลัวมากจริงๆ
ในขณะนี้ถังหยวนชิงและคนอื่นๆเริ่มมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับคำว่า "ผิดปกติ" เป็นครั้งแรก
……….
เซี่ยเหมิงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของชูโจวและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณต้องการคำเเนะนำเกี่ยวกับการฝึกฝนพลังจิตวิญญาณจากฉันใช่ใหม"
ชูโจวพยักหน้าและตอบอย่างรวดเร็ว:
“ตอนนี้ฉันรู้ว่าจิตวิญญาณมีคุณสมบัติอยู่สามประการนั่นคือ, การควบคุมวัตถุ, ภาพลวงตาและระเบิดวิญญาณแล้ว”
"เเต่ฉันต้องการทราบว่าพลังจิตวิญญาณยังมีคุณสมบัติอะไรอื่นเพิ่มเติมอีกใหมนอกจากคุณสมบัติทั้งสามนี้………เเละฉันสามารถปลูกฝังคุณสมบัติเหล่านั้นได้อย่างไร”
เมื่อได้ยินคำถามของชูโจว, ทุกคนต่างเงี่ยหูฟังรอคำตอบจาก เซี่ยเหมิง
นี่คือความลับที่สำคัญของการบ่มเพาะพลังจิตวิญญาณ
ถ้าพวกเขาได้รู้…….แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถฝึกมันได้ เเต่พวกเขาก็ยังสามารถใช้มันเพื่อเพิ่มรากฐานของพวกเขาได้อยู่ดี
……..
เเละตอนนี้, หัวใจของเซี่ยเหมิงก็กำลังเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเธอได้ยินคำพูดของชูโจว
คำถามที่ชูโจวถามเธอนั้นเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งเกินไป
มีเฉพาะผู้ที่ต้องการบรรลุนิพพานทางจิตวิญญาณอย่างลึกซึ้งเท่านั้นที่จะมีความเข้าใจเเบบชูโจว
เซี่ยเหมิงหายใจเข้าลึกๆและตอบโดยไม่ปิดบัง:
“คุณสมบัติทางจิตวิญญาณ, นอกเหนือจากการควบคุมวัตถุ, ภาพลวงตา, และระเบิดวิญญาณที่คุณทราบอยู่แล้ว”
"มันยังมีอีกมากไม่ต่ำกว่าร้อยชนิด แต่ถ้าให้เเยกโดยพื้นฐานที่สุดจะมีเพียงอีกเก้าชนิดเท่านั้น"
"นอกจากสามคุณสมบัติที่คุณทราบไปแล้ว"
"มันยังมีคุณสมบัติอีก 6 ประการนั่นก็คือ, การสะกดจิต, การควบคุมจิต, โทรจิต, ปั่นป่วนจิต และปราการพลังจิต"
"ส่วนสำหรับวิธีการบ่มเพาะเฉพาะของคุณสมบัติต่างๆนั้น……..มันเป็นหนึ่งในความลับสุดยอดของโรงยิมศิลปะการต่อสู้เเห่งจิตวิญญาณของเรา เเละฉันไม่มีสิทธิ์ส่งต่อให้คุณ"
"อย่างไรก็ตาม, ฉันสามารถขอความเห็นจากเจ้าของโรงยิม……. เพื่อดูว่าเขาจะตกลงที่จะอนุญาติให้ฉันส่งต่อให้คุณหรือไม่"
หลังจากที่เธอพูดจบ, เธอก็เปิดนาฬิกาสื่อสารโดยตรง
ส่งข้อความถึงเจ้าของโรงยิมศิลปะการต่อสู้เเห่งจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามมนุษย์ที่ทรงพลังที่สุด, อาปาซา
เเละประมาณห้านาทีต่อมา นาฬิกาสื่อสารของเธอสั่นเล็กน้อยพร้อมใบหน้าที่ดูมีความสุขของเธอ
“เจ้าของโรงยิมอนุญาติเเล้ว, และตอนนี้ฉันจะส่งต่อวิธีการบ่มเพาะคุณสมบัติทางจิตวิญญาณต่างๆให้คุณเดี๋ยวนี้”
"อย่างไรก็ตาม คุณสามารถฝึกฝนวิธีการบ่มเพาะเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองเท่านั้น………ไม่สามารถส่งต่อให้คนอื่นได้"
เธอจ้องเข้าไปในดวงตาของชูโจวและกล่าวอย่างจริงจัง
“ประธานเซี่ย, ฉันเข้าใจกฎแล้ว” ชูโจว พยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม
การได้รับมรดกลับของโรงยิมศิลปะการต่อสู้เเห่งจิตวิญญาณเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากแล้ว
เเละมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเนรคุณโดยการส่งต่อมรดกนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโรงยิมศิลปะการต่อสู้เเห่งจิตวิญญาณ
"จงเปิดจิตเเละไม่ปฏิเสธการเชื่อมต่อจากฉัน"
หลังจากที่เซี่ยเหมิงพูดจบ
มันก็ปรากฏดอกบัวลวงตาลอยออกมาจากหว่างคิ้วของเธอ
จากนั้นจึงทะลุผ่านหว่างคิ้วของชูโจวและปรากฏขึ้นในจิตสำนึกทางจิตวิญญาณของชูโจว
มรดกความลับของโรงยิมศิลปะการต่อสู้เเห่งจิตวิญญาณนั้นไม่ได้ถูกเขียนขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร………เเต่จะสามารถส่งต่อผ่านการถ่ายทอดจากจิตถึงจิตเท่านั้น
เเละเมื่อจิตสำนึกทางจิตวิญญาณของเขาสัมผัสกับดอกบัวลวงตานั้นเบาๆ……… ดอกบัวลวงตานั้นกลายเป็นคำพูดนับไม่ถ้วนและปรากฏขึ้นในใจของเขาทันที
คำพูดเหล่านั้นได้แนะนำรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติต่างๆของการนิพพานจิตวิญญาณ, พร้อมทั้งวิธีการขุดค้นและการบ่มเพาะคุณสมบัตินั้นๆ
มรดกเช่นนี้ย่อมเป็นสมบัติอันประเมินค่าไม่ได้สำหรับเหล่านักรบพลังจิต
ถึงแม้ว่าจะไม่มีมรดกนี้, ชูโจวก็สามารถขุดค้นคุณสมบัติทางจิตวิญญาณต่างๆ ได้ด้วยตนเองและบรรลุนิพพานได้
แต่ด้วยมรดกนี้…….ประสิทธิภาพของพลังจิตวิญญาณของเขาจะดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งมันยังช่วยประหยัดพลังงานและเวลาได้มากมาย
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกขอบคุณเซี่ยเหมิงและ อาปาซาอย่างมาก……. ที่ช่วยส่งต่อมรดกนี้ให้กับเขา
"ขอบคุณมากประธานเซี่ย, ถ้าประธานเซี่ยต้องการความช่วยเหลืออะไรในอนาคต……ก็บอกฉันได้เลย!" ชูโจวกล่าวขอบคุณ
"มันเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น" เซี่ยเหมิงยิ้มเบาๆ
จากนั้น, ถังหยวนชิงและคนอื่นๆก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อแสดงความยินดีกับชูโจว ที่ได้รับมรดกลับของโรงยิมศิลปะการต่อสู้เเห่งจิตวิญญาณ
เเละด้วยการสืบทอดมรดกของโรงยิมศิลปะการต่อสู้เเห่งจิตวิญญาณนี้
ชูโจวก็รู้สึกได้เลยว่ามันไม่น่าจะยากสำหรับเขาที่จะไปถึงระดับสูงสุดของเส้นทางนิพพานทางจิตวิญญาณ
จากนั้นเขาก็ปล่อยวางความคิดของเขา
พูดคุยและหัวเราะกับทุกคนในขณะที่กินบาร์บีคิว
……..
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียวปาร์ตี้นี้จบลงแล้ว
ถังหยวนชิง, เนี่ยอิง, ไป่ชางหมิง, ตู้กู่หลาน, เย่วยุน, เซี่ยเหมิง, หลัวเย่ว, เซียวเตี๋ยและคนอื่นๆต่างก็เเยกย้ายกันไป
บนดาดฟ้า…… เหลือคนอีกห้าคนเท่านั้นเเละนั่นคือ….. ชูโจว, ตงฟางหมิงจู, หลิงซาน, ซีเหมิง และ หลี่ชิงฉี
ชูโจวมองไปที่เพื่อนร่วมทีมของเขาและตัดสินใจที่จะช่วยเร่งการเติบโตของ พวกหลิงซานทั้งสามคน
ชูโจวขอให้ตงฟางหมิงจูนำยาเสริมพันธุกรรมขั้นสูงออกมาสามชุดและมอบให้พวกหลิงซานทั้งสามคน
ยาเสริมพันธุกรรมขั้นสูงนั้นแม้ว่าจะไม่มีค่าเท่ากับยาเสริมพันธุกรรมขั้นสูงสุด
แต่มันก็ยังสามารถเพิ่มโอกาสที่นักรบขั้นขอบเขตจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นนักรบขั้นราชาได้
ดังนั้นผลประโยชน์ของมันต่อนักรบระดับพิเศษนั้นยิ่งมากเข้าไปอีก
ราคาของยาเสริมพันธุกรรมขั้นสูงนั้นมีมูลค่าอย่างน้อยหลายหมื่นล้านเหรียญ
ยิ่งกว่านั้น…….แม้ว่าคุณจะมีเงินก็ยังยากที่จะหาซื้อได้
โดยพื้นฐานแล้ว, มันถูกผูกขาดโดยโรงยิทศิลปะการต่อสู้หลักสามแห่ง, กลุ่มพันธมิตรมนุษย์และตระกูลใหญ่ต่างๆ
ด้วยยาเสริมพันธุกรรมขั้นสูงสุดนี้
พวกหลิงซานทั้งสามที่มาถึงจุดสูงสุดของนักรบขั้นพิเศษแล้ว
ก็คงจะใช้เวลาไม่นานก่อนที่พวกเขาจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุม
………
"กัปตัน…….นี่คือยาเสริมพันธุกรรมขั้นสูงใช่ใหม?"
พวกหลิงซานทั้งสามมองไปที่หลอดของเหลวสีน้ำเงินเข้มในมือของพวกเขาอย่างตื่นเต้น
ในฐานะนักรบ, พวกเขาเข้าใจในพลังของยาเสริมพันธุกรรมขั้นสูงเป็นอย่างดี
เเละพวกเขายังรู้ด้วยว่ายาชนิดนี้โดยพื้นฐานแล้วจะถูกผูกขาดโดยกองกำลังขนาดใหญ่
และไม่มีหมุนเวียนในตลาดเลย, ทำให้แม้จะมีเงินก็ยากที่จะหาซื้อได้
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยคาดฝันมาก่อนเลยว่ากัปตันของพวกเขาจะให้สิ่งนี้กับพวกเขาโดยตรง
"ถูกต้อง นี่คือยาเสริมพันธุกรรมขั้นสูง"
"ด้วยสิ่งนี้ พวกคุณน่าจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมได้ในไม่ช้า" ชูโจวตอบด้วยรอยยิ้ม
“กัปตัน……สิ่งนี้มันมีค่ามากเกินไป, เรารับไว้ไม่ได้”
หลังจากหลี่ชิงฉีกล่าวจบ, เธอก็รีบคืนยาเสริมพันธุกรรมขั้นสูงให้กับชูโจวทันที
"ใช่เเล้วกัปตัน………แม้ว่าสิ่งนี้จะมีประโยชน์มาก, เเต่พวกเราจะรับมันฟรีๆไม่ได้"
ซีเหมิงผู้ซึ่งไร้มารยาทอยู่เสมอก็ยังต้องกล่าวอย่างจริงจังในขณะนี้
……..
ชูโจวจ้องมองไปที่พวกเขาและพูดด้วยท่าทีสบายๆ
"สิ่งนี้มีค่ามากสำหรับพวกคุณ, แต่มันไม่มีประโยชน์สำหรับฉันอีกเเล้ว"
“อีกอย่าง…….สิ่งเหล่านี้ล้วนได้รับมาจากคลังสมบัติของตระกูลใหญ่ในฝั่งตะวันตกที่ฉันพึ่งกวาดล้างไป”
"ดังนั้นสิ่งต่างๆเหล่านี้ฉันมีอีกมากมาย……..พวกคุณสามารถใช้มันได้อย่างสบายใจ”
ตงฟางหมิงจูยิ้มและพูดเสริมว่า "เขามีเยอะมากจริงๆ…….พวกคุณสบายใจได้"
ในบรรดายาเสริมพันธุกรรมที่ชูโจวมอบให้เธอนั้น มียาเสริมพันธุกรรมระดับสูงอยู่หลายสิบกล่องและที่ตัวเขาอาจจะมีอีกหลายร้อยกล่อง……..ซึ่งถือว่าเยอะมากจริงๆ
"งั้นก็…...ขอบคุณครับกัปตัน"
พวกหลิงซานทั้งสามคนได้ยินชูโจวและ ตงฟางหมิงจูพูดเช่นนี้
พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจเเละรับยาเสริมพันธุกรรมขั้นสูงมาในที่สุด
ชูโจวต้องการช่วยพวกเขาอีก……. ดังนั้นเขาจึงหันไปพูดกับตงฟางหมิงจู
"จากคลังสมบัติ, คุณช่วยเลือกอาวุธและอุปกรณ์ขั้นสูงสามชุดที่เหมาะสมแล้วส่งไปให้พวกเขาหน่อยนะ"
"ตกลง" ตงฟางหมิงจูพยักหน้าแล้วโทรออก
จากนั้นชูโจวก็ส่งข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับวิธีการเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมเเละวิธีการเลื่อนขั้นเป็นนักรบขั้นขอบเขตให้ทั้งสามคน
แน่นอนว่าพวกเขาทั้งสามคนล้วนรับความเมตตานี้ไว้ด้วยความยินดี
ช่างโชคดีของพวกเขาจริงๆที่ได้กับกัปตันอย่างชูโจว
ด้านชูโจวนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
นับตั้งแต่ที่เขากลายเป็นนักรบผู้ปลุกพลัง
เขาได้รับความช่วยเหลือจากผู้คนมากมายไม่ว่าจะเป็น, เฉินปาโจว, ถังหยวนชิง, ตู้กู่หลาน, เซี่ยเหมิง และคนอื่นๆโดยที่พวกเขาไม่ได้ขอสิ่งใดตอบแทนเลย
ดังนั้นเมื่อเขารู้สึกว่าตัวเองก็มีความสามารถพอที่จะช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมได้……….เขาก็ไม่ลังเลที่จะทำในทันที
โลกนี้ปฏิบัติต่อเขาอย่างมีเมตตา และเขาก็จะปฏิบัติต่อโลกอย่างมีเมตตาเช่นกัน
………….
วันต่อมา
พวกหลิงซานทั้งสามคนก็ได้รับชุดอาวุธและอุปกรณ์ระดับ SSS ที่ส่งโดยตงฟางหมิงจู
เเละหลังจากแสดงความขอบคุณต่อชูโจวเเล้ว……….พวกเขาก็ออกจากเมืองฐานกวางตุ้งและกลับไปที่แนวหน้าทันที
ส่วนชูโจวก็กลับไปที่ตระกูลตงฟาง
เตรียมที่จะขุดค้นและปลูกฝังคุณสมบัติพื้นฐานทางจิตวิญญาณอีกหกประการตามมรดกของโรงยิมศิลปะการต่อสู้เเห่งจิตวิญญาณ
อย่างไรก็ตาม………ในขณะนั้นเอง
นาฬิกาสื่อสารของเขาก็สั่นเล็กน้อย
สายตาของเขาจับจ้องไปที่นาฬิกาในทันใด
มันกลายเป็นข้อความของหยวนปิงเม่ยที่โผล่ขึ้นมา
"คุณชายน้อย มาช่วยฉันฆ่าใครสักคนที"
นอกจากนี้มันยังมีพิกัดที่อยู่ของเธอส่งมา
"เเบบนี้………เป็นไปได้ไหมที่หยวนปิงเม่ยจะกำลังตกอยู่ในอันตราย"
ดวงตาของชูโจวหรี่ลงเล็กน้อยและร่างของเขาก็หายไปในทันที
………………………