ตอนที่แล้วนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 8
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 10

นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 9


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 9

รุ่งเช้า

ราอนออกจากอาคารรองพร้อมกับสัมภาระที่เขาเตรียมไว้ ซิลเวียและสาวใช้กำลังรอเขาอยู่ในสวน

“ไว้พบกันนะลูกรัก”

ซิลเวียมีหยาดน้ำที่ดวงตาขณะที่ราอนโบกมือภายใต้สายตากังวลของพวกเขา

'ยังดีที่ฉันเดินทางไปคนเดียว'

ถ้าซิลเวียติดไปด้วยเขาคงไปไม่ถึงสนามซ้อม โล่งใจที่เขาอนุญาตให้เฉพาะผู้ฝึกหัดเท่านั้นเข้าไปที่สนามฝึก

“คุณหญิงซิลเวีย คุณจะแยกทางกับคุณชายด้วยสีหน้าแบบนั้นเหรอคะ”

"อืม…"

สีหน้าของซิลเวียคลายลงเมื่อได้ยินคำพูดของเฮเลน

“ราอน”

ซิลเวียกระสับกระส่ายขณะที่เธอยืนอยู่หน้าราอน เธอยังคงกังวล แต่เธอไม่สามารถบอกให้เขายอมแพ้ได้อีกต่อไป

'เพราะฉันเห็นว่าเขาเป็นเด็กแบบไหน'

ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาราอนไม่ได้ขาดการฝึกเลยแม้แต่วันเดียว

เขาวิ่งไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน ในขณะที่หายใจออกด้วยลมหายใจที่เย็นยะเยือก เธอยังคงมีสีหน้าเศร้าสร้อยที่ได้เห็นลูกของเธอพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนี้

“โชคดีนะราอน”

ซิลเวียพยายามยิ้ม พยายามควบคุมจิตใจที่สั่นคลอนและความกังวลของเธอ

"ขอบคุณครับ"

ราอนพยักหน้าแล้วหันหลังกลับ ไม่รอช้า เขาเริ่มเดินไปที่สนามฝึกที่ห้า

“เขาจะไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ในตอนนี้เขาดีขึ้นมากแล้ว เขาน่าจะผ่านการฝึกด้วยร่างกายได้”

“ฉันไม่ได้ต้องการแบบนั้น ฉันแค่อยากให้เขากลับมาอย่างปลอดภัย”

“ดิฉันก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นค่ะ”

ซิลเวียและเฮเลนไม่หยุดมองแผ่นหลังของราอน ซึ่งห่างออกไปเรื่อยๆ พวกเขาภาวนาให้เขากลับมาอย่างปลอดภัย ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

***

สนามฝึกที่ห้าดูเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆ รอบด้านเป็นกำแพงสูงที่ปิดกั้นการมองเห็นจากภายนอก

ทางด้านขวามีโรงฝึกกลางแจ้งซึ่งปูด้วยดินละเอียด และทางด้านซ้ายมีโรงฝึกในร่มที่มีหลังคา

ราอนมองไปรอบๆสนามฝึกซ้อม จากนั้นมองไปที่เด็กๆที่เรียงแถวกันอยู่ตรงกลาง

'อย่างที่เคยได้ยินมา คนเยอะมาก'

แม้จะยังเช้าอยู่ แต่เด็กๆกว่าร้อยคนก็วอร์มร่างกายไปทั่วสนามฝึกซ้อม

เขาเคยได้ยินว่ามีเด็กจำนวนมากทุกครั้ง เพราะนอกเหนือจากเด็กในตระกูลซีกฮาร์ทยังมีเด็กที่ได้รับการแนะนำจากภายนอกและเด็กที่มาจากครอบครัวขุนนางเข้าร่วมด้วย

'พวกเขาบอกว่าครั้งนี้จะมีคนมากกว่าที่ผ่านมา'

เฮเลนบอกเขาว่าในปีที่ผ่านๆมาพวกเขาใช้สนามฝึกที่หก

กร้วมๆ

เขาหันขวับไปตามเสียงขบเคี้ยว มีเด็กหน้ากลมผมสีเขียวกำลังกินแครกเกอร์

"เอาสักชิ้นไหม?"

เขาหยิบแครกเกอร์ออกมาจากกระเป๋าหลังจากราอนจ้องมาที่เขา

"ไม่เป็นไรขอบคุณ"

"อืม"

เขาพยักหน้าแล้วล้วงมือกลับไปที่กระเป๋า คราวนี้เขาหยิบขนมปังสี่เหลี่ยมออกมา

ขณะที่ราอนกำลังจะเริ่มวอร์มร่างกาย เขาก็ได้ยินเสียงเย็นชาพูดขึ้น

“นั่นเขาใช่ไหม? ดูแขนขาดูที่อ่อนแอสิ เหมือนแตะแล้วจะหักได้เลย เขาฝึกได้จริงเหรอ?”

“ถ้าป่วยก็ควรปล่อยใจและยอมแพ้ไปนะ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำตัวน่ารำคาญขนาดนี้”

“ฉันล่ะอายแทนตอนเขาโต้เถียงกับท่านผู้นำ เขาอาจจะคิดว่ามาจากสายตรง แต่เขาไม่รู้ที่ของตัวเองเลย”

พวกเด็กสายรองวิจารณ์เขาเสียงดัง ดูเหมือนว่าข่าวลือจะแพร่กระจายออกไปแล้ว เนื่องจากมีเด็กหลายคนจ้องมองมาที่เขา

“เห็นสร้อยข้อมือเส้นนั้นไหม?”

“สร้อยข้อมือดอกไม้?”

“อะไรของเขาน่ะ ยังเป็นเด็กน้อยอยู่รึไง?”

เด็กสายรองหัวเราะคิกคัก มองสร้อยที่ข้อมือของราอน ดูเหมือนว่าคนอื่นๆจะมองเห็นสร้อยข้อมือได้

'พวกมันกำลังพูดถึงราชาแห่งแก่นแท้ผู้นี้งั้นเหรอ?'

ราธตัวสั่น ที่ผ่านมาเขาเงียบมาตลอดจนเหมือนจะแค่หลับไป

'ฉันถึงบอกให้นายเปลี่ยนหน้าตาของสร้อยข้อมือไง'

'พวกมันเป็นแค่ขยะ ไม่มีรสนิยม แล้วเจ้ามัวยืนทำอะไรอยู่ ไปทุบกะโหลกพวกมันสิ'

เสียงของราธเดือดดาลด้วยความโกรธ

'เพื่ออะไร?'

'พวกเขาไม่เพียงเย้ยหยันราชาแห่งแก่นแท้เท่านั้น แต่ยังเป็นศัตรูกับเจ้าอีก จะทนทำไมกันเหรอ?'

'แกไม่รู้เรื่องอะไรสักหน่อย'

'ข้าไม่สนใจ! พวกมันมองมาที่ราชาแก่นแท้ ข้าควรจะควักลูกตาพวกมันออกเสีย'

'ฉันไม่ได้บ้าเหมือนแก'

เขารู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้มอบร่างกายให้กับไอ้บ้านั่น

"หืม"

ราอนหันกลับไปมองที่สายรองซึ่งยังคงพูดไม่หยุด พวกเขาสะดุ้งเล็กน้อย แต่พวกเขาก็เชิดหน้าใส่อย่างท้าทาย

'ในชีวิตที่แล้วฉันอาจจะทำเมินไป'

เพราะนักฆ่าไม่ควรดึงดูดความสนใจใดๆ เขาคงหันหน้าหนีโดยแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่ได้ยินอะไรเลย

แต่เขาตัดสินใจแล้วที่จะใช้ชีวิตในปัจจุบันในฐานะราอน ซีกฮาร์ท ไม่ใช่ฐานะนักฆ่าอีกต่อไป เขาคงเมินเรื่องพวกนี้ไม่ได้

“เมื่อครู่พูดว่าอะไรนะ?”

ราอนเข้าหาอย่างคุกคาม พวกเขาดูลุกลี้ลุกลนเพราะไม่คาดคิดว่าเขาจะเข้ามาหา

"ฮะ?"

“มะเมื่อกี้-นายบอกว่า…?”

“หยุดพึมพำ แล้วพูดมาให้ชัดๆ”

"หืม"

“ค-คือ…”

เด็ก ๆ จากสายรองไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ดังนั้นพวกเขาจึงมองหน้ากันอย่างงุ่มง่าม

'ว่าแล้ว'

เด็กพวกนั้นแค่พูดตามในสิ่งที่พ่อแม่พวกเขาพูด

“ไม่มีใครเคยบอกเหรอว่าถ้าต่อหน้ายังไม่กล้า ก็ไม่ควรนินทาลับหลัง”

“ห-หุบปาก!”

“นายกล้าดียังไง ในเมื่อนายก็แค่คนที่ถูกไล่ให้อยู่ในอาคารรอง!”

“นายเป็นแค่สายรอง ไม่ใช่สายตรง!”

“พวกนายสิเป็นแค่สายรอง คำพวกนั้นไม่ใช่ว่าต้องใช้กับคนที่ตำแหน่งต่ำกว่าเหรอ ไม่มีสิทธิ์พูดแบบนั้นกับฉันหรอกนะ”

เสียงของราอนดังขึ้นมา

“อึก!”

สายรองทั้งสามตั้งท่าออกและกำหมัดราวกับว่าพวกเขากำลังจะโจมตี

แกร๊ก

ราอนหักนิ้วของเขา ก็ไม่แย่ถ้าได้อุ่นเครื่องและดึงดูดความสนใจก่อนการฝึกจะเริ่ม

“แก…”

"หยุดเดี๋ยวนี้!"

เมื่อสายรองกำลังจะโจมตี ก็ได้มีเสียงดังแทรกขัดขวางพวกเขาไว้ มันมาจากเด็กหนุ่มผมสีฟ้าหล่อเหลาในช่วงวัยรุ่นตอนต้น

'มันคิดว่ามันเป็นใครกันถึงมาขวาง? จัดการมันซะ'

'นั่นเบอร์เรนเหรอ?'

เขาเป็นสายตรง ผู้มีพรสวรรค์สูงสุดในพิธีทดสอบ

“พวกนายกำลังทำอะไรกันก่อนการฝึกกำลังจะเริ่ม? คิดที่จะทำให้ชื่อของซีกฮาร์ทไม่ดีต่อหน้าคนนอกใช่ไหม”

คิดว่าเขาจะเข้าข้างเด็กเหลือขอทั้งสาม แต่เขากลับดุทุกคนแทน

“บ-เบอเรน!”

"ฉันขอโทษ.."

คำพูดเพียงคำเดียวจากเบอร์เรนก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สายรองทุกคนขอโทษ แต่พวกเขากลับกล้าจะพุ่งเข้าใส่ราอนแทน

“แล้วทำไมนายถึงไม่ไปอยู่ที่ของนาย?”

หลังจากได้รับคำขอโทษจากพวกสายรอง เบอร์เรนก็เข้าหาราอน

“นายก็เป็นเหมือนฝุ่นที่สามารถขจัดออกได้ตลอดเวลา ถ้าไม่อยากถูกไล่ออกจากอาคารรอง ก็อยู่ให้เงียบๆ เหมือนหนูสิ”

เบอร์เรนขมวดคิ้วด้วยความดูถูกอย่างเห็นได้ชัด

'เพื่ออะไร!'

คนเขลาที่อยู่ตรงหน้าเขาดึงความสนใจจากหัวหน้าตระกูลเมื่อหนึ่งเดือนก่อนได้โดยใช้สถานการณ์แทนที่จะเป็นความสามารถของเขาเอง

การไร้ความสามารถเป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด ส่วนพวกที่หยิ่งทระนงตน เขาก็เกลียดเป็นอันดับสอง

ซึ่ง ราอน ซีกฮาร์ท มีทั้งสองอย่างที่เขาเกลียดอยู่

มันเป็นคนอ่อนแอที่แทบไม่ฝึกฝนเลย และการที่มันดึงความสนใจไปจากหัวหน้าตระกูลทำให้เขาหงุดหงิดมาก

“ถ้าไม่ได้คิดที่จะเข้าร่วมการฝึกก็ออกไปจากที่นี่ซะ ไม่สิ ไปให้พ้นสายตาของฉันเลย เพราะนายไม่มีทางที่จะผ่านการฝึกได้หรอก”

เมื่อเบอร์เรนดุว่าเขา สายรองก็เย้ยหยันตาม เมื่อพวกเขากำลังจะกลับด้วยสีหน้าพึงพอใจ ราอนก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว

“ช่างเป็นวิธีการพูดที่หยาบคายนัก”

ราอนเอียงศีรษะ เขามองตรงไปที่เบอร์เรน

"นายคิดว่านายเป็นใครกัน?"

"ห้ะ?"

“นายเป็นสายตรง แต่นายไม่มีตำแหน่งอะไร คิดจะไล่ฉันออกจากอาคารหลักเหรอ? นายคิดว่าจะทำแบบนั้นได้ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เป็นเด็กฝึกหัดเลยเหรอ? โอ้ แต่ก็อาจจะได้ถ้านายร้องหาคุณพ่อน่ะ”

“กล้าดียังไง…”

ลมสีเขียวปกคลุมกำปั้นของเบอร์เรน เขาเข้าใกล้ราอนด้วยสายตากระหายเลือด แต่แล้วประตูสนามฝึกก็เปิดออก

ปัง!

* * *

* * *

ชายผมแดงเดินผ่านประตูซึ่งยังคงสั่นอยู่ ด้วยหูแหลมและรูปลักษณ์เหมือนเทวดา เขามีทั้งบรรยากาศที่ทั้งลึกลับและร่าเริง

“สู้กันแล้วเหรอ? กล้านะเนี่ย หรือเพราะยังเด็กอยู่ เลือดร้อนกันจริงๆ”

เขายิ้มกว้างและเดินไปที่ใจกลางสนามฝึก

'เจ้าหมอนี้ทำงานที่นี่เหรอ?'

ราอนหรี่ตาลง ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้จักเขา เพราะเขาคือดาบแห่งแสงของซีกฮาร์ทซึ่งเป็นเอลฟ์นักดาบ ริมเมอร์ เป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมาก

'ฉันได้ยินมาว่าเขาเกษียณแล้ว...'

มีข่าวว่าเขาได้รับบาดเจ็บในดันเจี้ยนและจบลงด้วยการเกษียณ ทว่าเขาไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบเขาที่นี่

“ฮึ่ม!”

ริมเมอร์ชำเลืองมองราอนและเบอร์เรน จากนั้นก็ตรงไปบนแท่น เขามองลงมายังสนามฝึกซ้อม

“อะแฮ่ม…”

เบอร์เรนกัดริมฝีปากแล้วหันกลับมา ดูเหมือนเขาจะยกโทษให้ราอนในครั้งนี้ แต่ครั้งหน้าคงโดนแน่

"ยินดีที่ได้รู้จัก"

ริมเมอร์ยิ้มจากบนแท่น

“ฉันเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ริมเมอร์ จะดูแลการฝึกของพวกเธอ”

น้ำเสียงของเขาสดใส ไม่อ้อมค้อม แต่ร่าเริง เขายังคงยิ้มสบายๆ ต่อไป

“มีผู้เข้าร่วมหนึ่งร้อยหกสิบคน แต่มีผู้สอนเพียงแปดคน เนื่องจากมีผู้เข้าร่วมการฝึกหัดมากเกินไป คงต้องลดจำนวนลง หนึ่งในสี่น่าจะพอดี”

รอยยิ้มสบายๆของริมเมอร์ กลายเป็นรอยยิ้มซุกซน

“ล-ลดคนเหรอ?”

“เหลือแค่หนึ่งในสี่?”

“นี่พูดจริงเหรอ…?”

ใบหน้าของเด็กๆซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินว่าผู้ฝึกฝนจะถูกกำจัดก่อนเริ่มการฝึกขั้นพื้นฐาน

“เราจะแยกอัญมณีกับก้อนกรวด เราจะเน้นฝึกนักดาบให้มีคุณภาพมากกว่าปริมาณ”

ริมเมอร์ขี้นิ้วที่เด็กๆ ราวกับว่าเขากำลังเลือกสินค้า

“เอ๊ะ? แต่ฉันมาที่นี่เพราะได้รับคำสั่งให้…”

เด็กผมเขียวที่ยื่นแครกเกอร์ออกมาก่อนหน้านี้ทำขนมปังที่ถืออยู่หล่น

“ฉันเป็นถึงสายรองของซีกฮาร์ท! ฉันคงไม่โดนกำจัดก่อนการฝึกหรอก!”

“นั่นก็จริง! เราทุกคนได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมโดยตระกูล!”

"อา โทษที ฉันไม่เข้าใจเรื่องที่เธอพูดกันหรอก ฉันไม่สนเรื่องสายตรงหรือสายรองอะไรด้วย”

ริมเมอร์ขมวดคิ้วขณะที่ใช้นิ้วก้อยแคะหู

“ฉันเป็นกฎในสนามฝึกนี้ ถ้าไม่พอใจก็ไปฟ้องเจ้าตระกูลที่แต่งตั้งฉันซะ”

เขาดูเหมือนนักเลงมากกว่าหัวหน้าผู้ฝึกสอน แต่รูปร่างหน้าตาที่ดูดีของเขาก็ยังทำให้เขาดูโดดเด่นพอสมควร

'กำจัดวัชพืช...'

ราอนเกาคอ เขาได้ยินมาว่าริมเมอร์มีพรสวรรค์อย่างมากในการสัมผัสจิตวิญญาณและศักยภาพของคู่ต่อสู้ ดูเหมือนว่าเขาจะใช้มันเพื่อทำการคัดเลือกอยู่

'เจ้าคนที่ดูทระนงตนผู้นี้คือใครกัน?'

'อะไรของแกอีกเนี่ย?'

'เขากล้ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้น! ข้าไม่ชอบมัน ดึงหูเอลฟ์นั่นออก'

'มีใครที่แกชอบบ้างไหมหา?'

คงเหมือนกับชื่อของมันสินะ ราธ ผู้โกรธเกรี้ยวทุกอย่าง ดูเหมือนว่าชีวิตนี้มันคงจะไม่ชอบอะไรเลย

ในแดนปีศาจ ไม่มีผู้ใดเคยมองข้าเช่นนี้ ในฐานะราชาที่ปีศาจทุกตนชื่นชม…จ-เจ้า!

'เงียบน่า'

เนื่องจากราธเริ่มพูดนานเกินไป เขาจึงเคาะสร้อยข้อมือ

“งั้นเรามาเริ่มการทดสอบกันเลย”

ริมเมอร์เป่าขี้หูที่นิ้วก้อยของเขา

“พวกเธอคิดว่าอะไรสำคัญที่สุดในการเรียนศิลปะการต่อสู้”

“พรสวรรค์!”

“ร่างกายที่แข็งแรงและยืดหยุ่น!”

“ศูนย์กลางพลังงานที่มั่นคง!”

“วิธีการฝึกฝนวิชาดาบและออร่าสำคัญที่สุด!”

เด็กๆเหมือนจะคิดว่าการทดสอบเริ่มขึ้นแล้ว พวกเขาตะโกนสิ่งที่คิดว่าสำคัญที่สุดพร้อมกับยกมือขึ้น

“พรสวรรค์, ร่างกาย, ศูนย์กลางพลังงาน, วิชาดาบ, ถูกต้องทั้งหมด อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงผนังและหลังคาเท่านั้น มีรากฐานที่ต้องวางไว้ภายใต้นั้น มันคือความอดทนและความมุ่งมั่น”

"อา…"

“อืม…”

เด็กๆ ลดมือลงและพยักหน้า

“พวกเธอบางคนเคยเรียนศิลปะการต่อสู้มาแล้ว แต่บางคนก็ยังไม่เคย ดังนั้นฉันจะใช้วิธีที่ง่ายที่สุดแน่นอนที่สุด ในการประเมินพวกเธอ”

นิ้วของริมเมอร์ซึ่งเคยชี้ไปที่เด็กๆ เคลื่อนไปยังโรงฝึกลางแจ้ง

“วิ่งวนในโรงฝึกจนกว่าฉันจะบอกให้หยุด ด้วยความเร็วเต็มที่!”

ทันทีที่เขาพูดจบ คนสองคนก็เคลื่อนไหว เป็น เบอร์เรน จากสายตรง และ รูนัน จากตระกูลซัลเลียนขุนนางรับใช้ซีกฮาร์ท

“เฮ้ย!”

“ปะ…ไปกันเถอะ!”

"วิ่ง!"

เด็กคนอื่น ๆ เริ่มวิ่งตามทั้งสองในโรงฝึก

"จงอย่าทำตามที่มันสั่ง มิมีผู้ใดออกคำสั่งให้ราชาแก่นแท้ได้…"

ราอนไม่สนใจราธและสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด เขาตามเด็กที่วิ่งอยู่ข้างหน้าเขา

'พวกเขาแตกต่างจริงๆ'

รูนัน และ เบอร์เรน วิ่งนำหน้าไปแล้ว ดูเหมือนพวกเขากำลังวิ่งอย่างสบายๆด้วยความเร็วที่ไม่มีใครตามทัน

ไม่ใช่เพราะออร่าของพวกเขามีคุณภาพสูงหรือมีคุณสมบัติพิเศษ แต่เป็นเพราะพวกเขาได้รับการฝึกฝนจิตใจและร่างกายตั้งแต่ยังเด็ก

'อะแฮ่ม. เจ้าเริ่มวิ่งแล้วก็แซงไปด้านหน้าเลยสิ ทำไมเจ้าถึงอยู่ด้านหลังสุดอีก?'

'แกต้องการอะไรอีก?'

'ก็ข้าแค่ไม่อยากแพ้'

'นี่ไม่ใช่การแข่งสักหน่อย'

ราอนมองไปที่ริมเมอร์ซึ่งผิวปากอยู่บนแท่น เขาสำรวจศักยภาพและจิตวิญญาณของคนอื่น สิ่งที่มองเห็นคงจะไม่ใช่เกณฑ์เพียงอย่างเดียว

“หือ…”

ราอนหายใจออก ดวงตาเป็นประกาย

'ผู้ชนะในการทดสอบนี้คือใครก็ตามที่อยู่ได้นานที่สุด'

เขามั่นใจมากกว่าใครในที่นี้

***

“ไม่มีใครเทียบท่านเบอร์เรนและท่านรูนันได้เลย”

“ไม่ใช่แค่เร็วแต่ยังสม่ำเสมอด้วย พวกเขายังไม่ได้เร่งความเร็วสูงสุดดังนั้นน่าจะวิ่งได้อีกนานหลายชั่วโมง ในวัยนี้พวกเขาก็ประสบความสำเร็จมากแล้ว โตขึ้นพวกเขาจะเป็นสัตว์ประหลาดหรือเปล่าเนี่ย”

ผู้ฝึกสอนสองคนที่ยืนอยู่ใต้เวทีคุยกันในขณะที่มองดูเด็กๆ วิ่ง

“สายรองปีนี้ค่อนข้างมีความสามารถ พวกเขาน่าจะได้รับการสอนมาอย่างดี”

“ส่วนเด็กที่ถูกแนะนำมาก็มีคนเก่งหลายคน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกเลือกมาอย่างดี”

พวกเขาไม่ได้ดูแค่เฉพาะเบอร์เรนหรือรูนัน พวกเขาประเมินเด็กทุกคน รวมถึงเด็กที่วิ่งอยู่ด้านหลังด้วย

"อืม…"

ผู้ฝึกสอนขมวดคิ้วขณะที่พวกเขามองไปที่ราอนซึ่งวิ่งตามกลุ่มที่อยู่ด้านหลัง

“อย่างที่คาดไว้ เขาตามไม่ทัน”

“เขาป่วย เท่านี้ก็น่าทึ่งมากแล้ว”

“อืม เขาดูเหนื่อยแล้ว คงจะออกไปในไม่ช้า”

ผู้ฝึกสอนมองไปที่เด็กคนอื่นๆ เป็นตามที่พวกเขาคาดไว้

อย่างไรก็ตาม ริมเมอร์ซึ่งกำลังฮัมเพลงอยู่ข้างหลังจับจ้องสายตาไปที่ราอน

'น่าสงสัยชะมัด'

ดวงตาสีเขียวของริมเมอร์ส่องประกายแวววาว

'นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคนแบบเขา'

ตัวเขาผู้เป็นเอลฟ์ได้รับพรจากธรรมชาติที่สว่างไสวกว่าเผ่าพันธุ์อื่น และเขาเก่งมากในการแยกแยะศักยภาพของผู้อื่น

เขาเคยคิดว่าคนเดียวที่เขาไม่สามารถวิเคราะห์ได้ด้วยความสามารถที่เขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปแห่งนี้

'ถึงอย่างนั้น…'

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องคิดใหม่

ทั้งรูนันและเบอร์เรนที่วิ่งนำหน้า สายเลือดรองและเด็กที่ถูกแนะนำที่วิ่งตามหลัง เขามองเห็นของทุกคน

เขาสามารถเห็นได้ว่าพวกเขาจะเติบโตอย่างไร และจะแข็งแกร่งขึ้นมากเพียงใด

ยกเว้นคนๆ หนึ่ง ราอน ซีกฮาร์ท

'ทำไมฉันถึงไม่เห็นกัน'

เขามองไม่เห็นอนาคตหรือศักยภาพของเขา

เพราะเขาไม่มีศักยภาพเหรอ? มันไม่ใช่แบบนั้นเลย งั้นหมายความว่ามันมากกว่าที่ความสามารถของเขาจะมองเห็นได้ เหมือนเขากำลังมองดูผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตัวเขาเอง

“ช่างตลกสิ้นดี”

ริมเมอร์ยิ้ม เป็นมนุษย์ที่น่าสนใจจริงๆ ดูเหมือนจะมียอดวีรบุรุษปรากฏขึ้นในยุคที่น่าเบื่อเช่นนี้แล้วสินะ

***

“ดูนั่นสิ”

“หลังจากแสดงท่าทีอวดดีนั่น เขากลับอยู่ในอันดับสุดท้ายเนี่ยนะ?'

“จะเรียกเขาว่าที่สุดท้ายยังน่าขำ เดี๋ยวเขาก็ออกไปแล้ว”

สายเลือดรองยิ้มเยาะ มองดูราอนที่วิ่งในกลุ่มที่ช้าที่สุด

“ไม่มีทางที่คนที่เติบโตมาอย่างสุขสบายในอาคารรองจะทำได้หรอก”

“ดูหน้าเขาสิ น่าหงุดหงิดชะมัด”

“เขาจะอยู่ได้อีกไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ”

เด็กนอกเหนือจากสายรองทั้งสามก็เริ่มหัวเราะเช่นกัน

ราอนไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียดเพราะเหนื่อยล้า

'พวกเขาวิ่งเฉพาะตอนฝึกซ้อมเท่านั้นเหรอ?'

ในชีวิตที่แล้ว ตัวฉันต้องฝึกความแข็งแกร่งโดยมีสัตว์ร้ายที่หิวโหยไล่ตามไม่หยุด

แค่การวิ่งจนกว่าแรงจะหมดนี่ก็ง่ายไปเลยเมื่อเทียบกันกับการฝึกในชีวิตก่อน

มันง่ายเกินไปด้วยซ้ำ

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด