บทที่ 95 สายเลือดหงส์เพลิง
บทที่ 95 สายเลือดหงส์เพลิง
หนิงเสวี่ยไม่คิดว่าหลินเป้ยจะโกหกนาง เพราะไม่มีความจำเป็น และหลังจากใช้เวลาหลายวันกับหลินเป้ย นางก็พบว่าสิ่งที่หลินเป้ยพูดนั้นเป็นความจริง
หนิงเสวี่ยจึงไว้วางใจหลินเป้ยเป็นอย่างมาก
ในเมืองหลวง ข้าได้ยินมาว่าปรมาจารย์ค่ายกลระดับ 3 ที่อายุน้อยที่สุด อายุ 21 ปี และหลินเป้ยอายุเพียง 17 ปี
อาจกล่าวได้ว่า หลินเป้ยนั้นชั่วร้ายมากกว่าอัจฉริยะในเมืองหลาง
“หลินเป้ย เจ้าฝึกฝนได้อย่างไร ทำไมเจ้าถึงมีพลังมากขนาดนี้?”หนิงเสวี่ยถามด้วยความตกใจ
“ไม่มีอะไร แค่เรียนรู้เพิ่มเติมและฝึกฝนให้มากขึ้น เจ้าหลีกทางก่อน อย่ารบกวนการวางค่ายกลของข้า”หลินเป้ยตอบ
วิธีการฝึกฝน? ตราบเท่าที่เขามีเงิน หลินเป้ยก็เพียงแค่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เลย ระบบจะป้อนความรู้เข้าสู่จิตใจของเขาโดยอัตโนมัติ
แน่นอนว่ามีเพียงหลินเป้ยเท่านั้นที่สามารถรับผลประโยชน์ประเภทนี้ได้ เพราะเขาเป็นเจ้าของระบบและไม่มีใครสามารถทำได้
แน่นอน ระบบยังสามารถบันทึกเนื้อหาเหล่านี้และทำให้เป็นหยกบันทึกได้
เมื่อคนอื่นเรียนรู้เนื้อหาของหยกบันทึก พวกเขาก็สามารถเป็นปรมาจารย์ค่ายกลหรืออะไรก็ได้ทั้งนั้น
ด้วยหยกบันทึกนั้น จะเป็นเช่นเดียวกับหลินเป้ย โดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เลย เนื้อหาจะถูกส่งไปยังหัวของเขาโดยตรง
ในท้ายที่สุด หนิงเสวี่ยก็ไม่ได้ถามคำถามใดๆ อีกต่อไป
โดยคิดว่าการที่จะไปถึงระดับของหลินเป้ยนอกจากการทำงานหนักแล้ว เขายังต้องมีพรสวรรค์สูงมากจึงจะทำเช่นนั้นได้
จากนั้นหลินเป้ยวางตำแหน่งค่ายกล และธงค่ายกลหลายร้อยตัวก็ถูกวางไว้ในหลุมที่หลินเป้ยขุดก่อนหน้านี้
มีรูปแบบจิตวิญญาณบนธงค่ายกลเหล่านี้ ซึ่งสามารถสะท้อนกับธงค่ายกลที่อยู่รอบๆ
หลินเป้ยนำหลินหลิงเอ๋อเข้าสู่จุดกลางค่ายกล จากนั้นหลินเป้ยก็จัดการวางรูปแบบจิตวิญญาณ
หลินเป้ยหยิบหินวิญญาณออกมา 3 ก้อน และวางไว้ที่ดวงตาของค่ายกล
หินวิญญาณ สามารถให้ปราณจิตวิญญาณสำหรับการก่อตัวค่ายกล
หลินเป้ยโบกมือของเขา และวางรูบแบบจิตวิญญาณไปที่ธงค่ายกลรอบๆ
จากนั้นเห็นเพียงธงไม่กี่แห่งสว่างขึ้น
จากนั้นธงค่ายกลอื่นๆ ก็สว่างขึ้นทีละธง และในที่สุดก็รวมเข้าด้วยกัน
มันเปล่งแสงสีเหลืองจางๆ บ่งบอกว่าการจัดขบวนค่ายกลสำเร็จแล้ว
ในความเป็นจริง หลินเป้ยได้จัดรูปแบบค่ายกลขนาดใหญ่ทั้งหมดสองรูปแบบ
แต่ดูเหมือนว่ารูปแบบค่ายกลขนาดใหญ่ทั้งสอง ซ้อนทับกันกลายเป็นหนึ่งรูบแบบ
จากนั้นหลินเป้ยก็หยิบหัวใจเสือขาวเนตรโลหิตออกมา และใส่ไว้ในยันต์จิตวิญญาณ
ยันต์จิตวิญญาณอยู่ใกล้หลินหลิงเอ๋อมาก ดังนั้นส่วนหนึ่งของพลังชีวิตในหัวใจ สามารถส่งไปยังร่างกายของหลินหลิงเอ๋อได้
ทุกอย่างพร้อมหลินเป้ยวางยันต์บนร่างกายของหลินหลิงเอ๋อ ซึ่งกระตุ้นการตื่นขึ้นของสายเลือดของนาง
ก่อนหน้านี้ หลินเป้ยใช้ก้อนน้ำแข็งเพื่อทำให้หลินหลิงเอ๋อเย็นลง นอกจากจะปกป้องหลินหลิงเอ๋อแล้ว ยังอาจชะลอการตื่นของสายเลือดอีกด้วย
ยันต์เรืองแสงบนร่างของหลินหลิงเอ๋อ และทันใดนั้นออร่าปราณของหลินหลิงเอ๋อก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและอุณหภูมิโดยรอบก็เริ่มสูงขึ้น นี่เป็น
สัญญาณว่าสายเลือดของนางกำลังจะตื่นขึ้น
"มาแล้ว"หลินเป้ยดูจริงจัง นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่เขาช่วยผู้คนปลุกสายเลือดของพวกเขา
เขาแค่ทำตามแผน ที่กำหนดโดยระบบ
หลินเป้ยเห็นเพียงว่าอุณหภูมิโดยรอบสูงขึ้นเรื่อยๆ และใบหน้าของหลินหลิงเอ๋อก็แดงขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะนี้หลินเป้ยควบคุมยันต์ และดึงพลังแห่งชีวิตจากหัวใจของสัตว์อสูรระดับ 4 และส่งไปให้ร่างกายหลินหลิงเอ๋อ
หัวใจให้พลังในการไหลเวียนของเลือด และมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งมาก
เนื่องจากสายเลือดของหงส์เพลิง(จูเชว่) เป็นสายเลือดระดับเทพ จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะปลุกพลัง และอัตราความสำเร็จจะสูง ถ้าระดับการบ่มเพาะคือปรมาจารย์นักรบ
ถ้ามันต่ำกว่าปรมาจารย์นักรบ อัตราความสำเร็จจะลดลง
ยิ่งฐานการบ่มเพาะต่ำมาก ความเป็นไปได้ในการปลุกสำเร็จก็จะยิ่งต่ำเช่นกัน
เนื่องจากเมื่อฐานการบ่มเพาะต่ำ ร่างกายไม่สามารถทนต่อผลกระทบของสายเลือดหงส์เพลิง(จูเชว่)ได้ และมีแนวโน้มว่าจะถูกเผาจนตายด้วย
อุณหภูมิที่สูงขึ้น
แม้ว่าจะมีสายเลือดของหงส์เพลิง(จูเชว่) และร่างกายก็ทนต่ออุณหภูมิสูงได้มากกว่าคนทั่วไป
แต่ไม่ว่าจะทนต่ออุณหภูมิสูงแค่ไหน มันก็มีขีดจำกัด
หลินหลิงเอ๋อไม่ได้ฝึกฝนมากนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นนางจึงยังคงอยู่ที่นักรบฝึกหัดเท่านั้น
การฝึกฝนของนางอยู่ที่นักรบฝึกหัดขั้น 6 และเนื่องจากโอสถรวบรวมปราณ คุณภาพสูง ระดับหนึ่ง ที่หลินเป้ยจัดหาให้
การฝึกฝนของหลินหลิงเอ๋อ จึงพัฒนาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
หนิงเสวี่ยและหลินเทียนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย แต่พวกเขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ส่งเข้ามาหาพวกเขาเช่นกัน
ในขณะนี้ บนท้องฟ้า เมฆดำและเมฆฝนเริ่มควบแน่น
ฟ้าแลบฟ้าร้องดูน่าตกใจมาก
นี่คือความโกรธเกรี้ยวของสวรรค์ เมื่อเผชิญกับการตื่นขึ้นของวายเลือดระดับเทพ สวรรค์จะสัมผัสได้และออกคำเตือน
แน่นอนว่าสายเลือดระดับเทพที่มีความเข้มข้นมากกว่าแปดส่วน (80%) จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ฟ้าพิโรธ
นี่แสดงให้เห็นว่าคุณภาพเลือดในร่างกายของหลินหลิงเอ๋อนั้นสูงมาก เพียงพอที่จะทำให้ฟ้าพิโรธได้
หลินเทียนตกใจเล็กน้อย นี่คือสายเลือดชนิดใด มันมีพลังมากขนาดนี้เลยเหรอ?
หลินเทียนเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก่อน แต่เขาไม่เคยเห็นสายเลือดของเขาตื่นขึ้น
หลินเป้ยยังรู้สึกว่าอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดวิญญาณของหงส์เพลิง(จูเชว่) ก็พุ่งออกมาจากร่างของหลินหลิงเอ๋อ
นี่คือรูปแบบของสายเลือดที่ควบแน่นของหงส์เพลิง(จูเชว่)
ทันทีที่วิญญาณหงส์เพลิงออกมา เขาก็เปิดค่ายกลทันที ทำให้มันไม่สามารถออกจากบริเวณนี้ได้
"กลับเข้าไปให้ข้า"หลินเป้ยควบคุมค่ายกลและโจมตีวิญญาณหงส์เพลิง
ทันทีที่วิญญาณหงส์เพลิงปรากฏขึ้น อุณหภูมิก็สูงขึ้น และใบไม้ของต้นไม้ที่อยู่ใกล้กับค่ายกลก็ไหม้เกรียม
หลังจากเปิดค่ายกลแล้ว วิญญาณหงส์เพลิงต้องการต่อสู้ แต่ด้วยการปราบปรามขนาดใหญ่ มันก็กลับมาที่ร่างของหลินหลิงเอ๋ออีกครั้งอย่างช้าๆ
นี่คือวิญญาณแห่งสายเลือด หงส์เพลิง เป็นวิหคเพลิงขนาดใหญ่
ในกรณีของการปลุกสายเลือด วิญญาณของสายเลือดมักจะถูกปลดปล่อย และจากนั้นต้องทำให้วิญญาณของสายเลือดกลับคืนสู่ร่างกาย จึงจะถือว่าการปลุกนั้นสมบูรณ์แบบ
หลายคนไม่สามารถตื่นขึ้นได้ เพราะพวกเขาทนแรงกดดันที่เกิดจากการปลดปล่อยวิญญาณสายเลือดไม่ได้
หรือหลังจากที่วิญญาณสายเลือดปรากฏขึ้นแล้ว จะไม่สามารถกลับเข้าร่างได้ ซึ่งจะนำไปสู่ความล้มเหลวด้วย
เดิมที เมื่อวิญญาณสายเลือดปรากฏขึ้น พื้นผิวของหลินหลิงเอ๋อจะถูกเผาไหม้เล็กน้อย แต่เนื่องจากพลังชีวิตที่เพิ่มขึ้น การเผาไหม้บนพื้นผิว จึงได้รับการฟื้นฟูมอย่างรวดเร็ว
เสื้อผ้าที่หลินหลิงเอ๋อสวมใส่อยู่ตอนนี้คือชุดหยานจี(ประกายเปลวเพลิง) ที่หลินเป้ยซื้อให้นางก่อนหน้านี้
เสื้อผ้านี้ เป็นเสื้อผ้าป้องกันระดับ 2 ที่มีความทนทานต่ออุณหภูมิความร้อนสูง
ดังนั้นเสื้อผ้าของหลินหลิงเอ๋อ จึงไม่เสียหายเลย .
เมื่อวิญญาณสายเลือดกลับสู่ร่างของหลินหลิงเอ๋อ หลินเป้ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ซึ่งถือเป็นการเสร็จสิ้นการตื่นขึ้นของสายเลือด
กระบวนการตื่นขึ้นคือการปลดปล่อยวิญญาณสายเลือด และนำวิญญาณสายเลือดกลับเข้าสู่ร่างกาย
ดูเหมือนง่ายมากที่จะพูด แต่มันยากมากที่จะทำ
จริงๆ แล้วมันมีตัวแปรมากเกินไป และถ้าเจ้าไม่ระวังเจ้าอาจล้มเหลวได้
ผลจากความล้มเหลว มีโอกาสตายสูง มันมีความเสี่ยงสูงมาก
หลังจากนั้น ออร่าปราณของหลินหลิงเอ๋อก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
"นักรบผึกหัดขั้น 7"
"นักรบผึกหัดขั้น 9"
…
"นักรบแท้จริงขั้น 2"
ออร่าปราณของหลินหลิงเอ๋อไม่ได้หยุดเพิ่มขึ้น จนกระทั่งนางไปถึงระดับที่สองของ นักรบแท้จริง
หลังจากปลุกสายเลือดได้สำเร็จ ระดับการบ่มเพาะของหลินหลิงเอ๋อก็ทะลุไปถึงนักรบแท้จริงขั้น 2 ได้สำเร็จ ซึ่งนี่คือประโยชน์ของการปลุกสายเลือด
หลังจากเสร็จสิ้น เมฆฝนฟ้าคะนองบนท้องฟ้าก็แยกย้ายกันไป ราวกับว่าพวกมันไม่เคยปรากฏขึ้น
บางคนในเมืองชิงหลินสงสัยว่า เหตุใดเมฆฝนฟ้าคะนองจึงควบแน่นในเวลาดึกดื่น
จากนั้นคงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ฟ้าร้องและฟ้าแลบสองสามครั้ง จากนั้นก็แยกย้ายกันไป