นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 1
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 1
ฉันกำลังจะตาย
ในคืนที่หนาวเหน็บและมีแสงจากดวงจันทร์สาดส่อง สัญชาตญาณของฉันจากการใช้ชีวิตเป็นนักฆ่าร้องตะโกนออกมาแต่คำเดิมๆ
ฉันกำลังจะตาย
ฉันมองไปรอบๆ ตัว
มีเส้นทางมากมายในสวนอันกว้างใหญ่แห่งนี้ แต่ฉันไม่เห็นเส้นทางที่จะมีชีวิตเลย มีเพียงแค่ทางไปหาความตาย
"ราอน"
ฉันเงยหน้าขึ้นหลังจากได้ยินเสียง เป็นที่เสียงที่สร้างความหนักอึ้งในใจของฉัน ชายผู้ที่ดูเหมือนน้ำแข็ง ผมสีเงินยาวถูกหวีมาอย่างดีกำลังก้าวเข้ามาใกล้ฉัน
นั่นไงล่ะเขา
เดรุส โรเบิร์ต
เพียงชายผู้เป็นถึงหัวหน้าตระกูลโรเบิร์ตก้าวเข้ามา ก็เหมือนกับกลิ่นอายความตายกำลังคืบคลานเข้ามาในสวนแห่งนี้
"เป็นงั้นเองสินะ"
ฉันกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากและค่อยๆ อ้าปากกล่าว
"เธอได้แสดงความสามารถของในฐานะหัวหน้าแห่งเงาแล้ว ตระกูลของเราเติบโตขึ้นมากด้วยฝีมือของเธอที่คอยจัดการเบื้องหลัง"
"ฉันทำตามหน้าที่"
ฉันไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ออกไป เสมือนเป็นเพียงตุ๊กตาตัวหนึ่ง
"แต่ว่านะ... ราอน"
เขาเริ่มกล่าวเสียงเบา
"เธอคิดว่าเงาจำเป็นต้องมีอิสระไหม?"
เดรุสยื่นมือของเขาออกมา เงาที่พื้นก็ลากออกมาตามเช่นกัน
"เงาต้องทำตามคำสั่งของเจ้านาย ทั้งความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ของพวกนั้นมันไม่จำเป็น"
"ใช่"
"ในเมื่อรู้ตัว ทำไมถึงยังเลือกทำแบบนี้อีกกันล่ะ?"
เสียงแหลมคมของเดรุส ค่อยๆ เย็นยะเยือกกัดกินถึงหัวใจฉัน
"สุดท้ายเธอก็ทำลาย 'สิ่งปลูกฝัง' ที่เราฝังไว้ในร่างจนได้ "
ขนของฉันเริ่มลุกชันไปถึงกระดูกสันหลัง ฉันถึงกับกัดลิ้นตัวเองซ่อนความตกใจ
อะไรกัน?
ฉันไม่ได้พูดออกไปหรือทำตัวแตกต่างจากเมื่อก่อนเลยนี่ เขารู้ได้ยังไงว่ามันถูกทำลายไปแล้ว
"พูดสิ เธอทำลายมันตอนไหน และยังไง?.."
ฉันกัดริมฝีปากแล้วเงยหน้าขึ้น
การปลูกฝังนั่น...
หัวหน้าตระกูลโรเบิร์ตใช้การปลูกฝังเพื่อควบคุมเหล่าทีมนักฆ่าเงา
พวกเขาลักพาตัวหรือไม่ก็ซื้อเด็กเล็กๆ แล้วเมื่อไรก็ตามที่กำจัดอารมณ์ได้แล้ว พวกเขาก็จะปลูกฝังเด็กเหล่านั้นด้วยเครื่องมือบางอย่างและให้พวกนั้นเป็นนักฆ่าเงาไปตลอดชีวิต
ฉันเองก็ได้รับการปลูกฝังนั่น แต่กลับสามารถกำจัดพันธนาการอันน่ากลัวนั่นด้วยบางสิ่งที่พิเศษ
"เธอคงกำลังคิดจะหลบหนีสินะ"
เดรุสกล่าว
"แต่ที่จริง ฉันใส่สายจูงให้นักฆ่าอยู่สองครั้ง รวมถึงเธอด้วยนะ ครั้งแรกนั้นเป็นการปลูกฝัง ส่วนครั้งที่สอง..."
"อั้ก!"
ฉันส่งเสียงร้องจากความเจ็บปวดสุดขีด อย่างกับว่าหัวใจและปอดกำลังถูกเลื่อยเป็นชิ้นๆ
"หนอนแห่งความโกรธเกรี้ยว หนอนที่ฝังอยู่ร่างกายที่พร้อมจะทะลวงหัวใจออกมาตามคำสั่งของฉัน"
"ห...หนอนแห่งความโกรธเกรี้ยว"
หนอนแห่งความโกรธเกรี้ยวเป็นเวทย์มนต์ดำที่เลวร้ายที่สุด มันถึงขนาดรับรู้อารมณ์ความรู้สึกได้เลย
ดูเหมือนหนอนแห่งความโกรธเกรี้ยวคงจะรู้ไปถึงแผนการหนีออกจากตระกูลโรเบิร์ตของฉัน
"คะ..แค่ที่เป็นมันไม่พอหรือไง? ถึงขนาดต้องฝังหนอนแห่งความโกรธเกรี้ยวใส่ฉันเนี่ยนะ? ไอ้สารเลวน่ารังเกียจเอ้ย!"
"น่ารังเกียจเหรอ? เรียกว่ารอบคอบดีกว่านะ เพราะสุดท้ายเธอก็ทำลายสายจูงอันแรกไปจริงๆ"
เดรุสยิ้มพร้อมกับสีหน้าปั้นแต่งที่เขาชอบเผยออกมาในที่สาธารณะ
"มีคนเคยพูดเอาไว้ มนุษย์ทุกคนใช้ชีวิตใต้หน้ากาก แต่ว่าหน้ากากของฉันมันหนาและพิเศษกว่าคนอื่นๆ น่ะ"
"เดรุส โรเบิร์ต......"
ฉันกัดฟันแน่น ยกตัวขึ้น สะกดความเจ็บปวดเอาไว้
ฉันยังตายไม่ได้ ต้องทำอะไรสักอย่าง
ฉันถูกลักพาตัวมาตั้งแจ่จำความไม่ได้ และถูกเลี้ยงมาให้เป็นสุนัขล่าเนื้อและมือสังหารของตระกูลโรเบิร์ต
ฉันเติบโต ลืมสิ้นอารมณ์ความรู้สึก และบังเอิญหลุดมาจากการปลูกฝังได้
เคยคิดว่าในที่สุดก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ เพียงแต่ว่ากุญแจนั่นดันไม่ใช่กุญแจไขคุกที่ขังฉันเอาไว้ มันเป็นเพียงกุญแจอันนำไปสู่ความตาย
ฉันทำบาปอะไรไว้กันนะ ถึงต้องมาถูกใช้เยี่ยงสุนัข ฉันมันไม่รู้อะไรเลย...
แม่งเอ้ย!
หยาดเลือดสีแดงเติมเต็มความรู้สึกที่หายไป มันกลายเป็นความโกรธที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“จะทนอยู่ในสภาพนั้นได้นานแค่ไหนล่ะ?”
ท่าทางของเดรุสเปลี่ยนไปเล็กน้อย
"ฉันไม่ยอมตายไปกับความอัปยศหรอก"
ฉันจับดาบที่เอว
สัญชาตญาณที่รับรู้ถึงความตายยังคงไม่เปลี่ยนไปตั้งแต่ก้าวเข้ามาในสวนนี่แล้ว
ฉันจะตายที่นี่
แต่ถ้าถูกกำหนดให้ตาย ก็จะไม่หนีการเผชิญหน้า อย่างน้อยแขนของมัน… ไม่สิ... อย่างน้อยก็ต้องสร้างบาดแผลก่อนแล้วค่อยตาย
"อ้ากกก"
ฉันชักดาบออกจากฝัก ด้วยความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม
ในขณะนั้นเอง...
ดาบที่หักครึ่ง
เสียงสร้อยคอที่หล่นลงพื้น
โลกและดวงจันทร์ที่พลิกกลับ ดวงตานิ่งเฉยของเดรุส
อา....
แล้วฉันก็ได้รู้ หัวของฉันถูกดาบของเดรุสตัดขาดแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่ฉันเห็น..
เศษดาบที่หักพุ่งเข้าหาใบหน้าของเดรุส
“หยาบคายจังนะ”
เดรุสโบกมือรำคาญ ปัดการโจมตีครั้งสุดท้ายของฉันออกไปด้วยท่าทางเบาๆ ราวกับว่าเขาแค่ตีแมลงตัวหนึ่ง
อย่างที่คาดไว้…
เดรุสเป็นนักรบที่ได้รับการกล่าวขานว่าแข็งแกร่งที่สุดในทวีป คิดไว้แล้วว่าไม่สามารถชนะได้
เพราะเขาแข็งแกร่งและฉันก็อ่อนแอ ทำอะไรไม่ได้เลย
ไม่… มัน… ต้องได้สิ!
ความเดือดดาลที่เริ่มแผ่ซ่านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจฉันเดือดพล่าน
มันไม่ยุติธรรมเลยที่ทั้งชีวิตของฉันจะต้องถูกเดรุสกุมในกำมือ ฉันยังไม่สามารถสร้าง 'วงแหวนแห่งไฟ'
จะมาตายแบบนี้ไม่ได้
พระเจ้า.. หรือปีศาจก็ได้
ฉันปรารถนาที่จะฉีกหน้ากากของเดรุสออกและเชือดคอของมัน ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม จะกลืนกินทั้งตัวฉันก็ได้
ทว่าแม้นจะปราถนาจะแก้แค้นเพียงใด วิสัยทัศน์ของฉันก็มืดสนิทไปทั้งอย่างนั้น...
* * *
* * *
"อืม...."
เดรุส โรเบิร์ต ยกมือขวาขึ้นและขมวดคิ้ว
'ฉันกันมันไว้ได้แล้วแน่ๆ'
มีบาดแผลเล็กน้อยปรากฎที่หลังมือ แม้ว่าเขาจะป้องกันการโจมตีสุดท้ายจากขยะชิ้นนั้นด้วยดาบอย่างสมบูรณ์แบบแล้วก็ตาม
นานหลายปีแล้ว ที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บจนเลือดไหลเช่นนี้
'น่าขันชะมัด'
เจ้าขยะนี้ได้ลบบล้างการปลูกฝัง อดทนต่อการทรมานของหนอนแห่งความโกรธเกรี้ยว และยังทิ้งบาดแผลไว้บนร่างกายของเดรุสได้อีก
ทำไมสุนัขล่าเนื้อที่เขาเลี้ยงไว้ใช้ถึงมีความแข็งแกร่งขนาดนี้กัน?
"แต่มันก็จบแค่นี้แหละ..."
ตอนนี้ราอนเสียชีวิตไปแล้ว จะคิดเรื่องของเจ้าขยะนี้ต่อไปก็ใช่ว่าจะสำคัญ
"ทำความสะอาด"
ทหารที่ซ่อนอยู่ในเงามืดของสวนรีบออกมาและเคลื่อนตัวเข้าหาร่างของราอน ในจังหวะที่ดรุสหันหลัง
เพียงกระพริบตาเท่านั้น
สร้อยคอของราอนจมที่อยู่ในเลือดสีแดง เปล่งแสงสีฟ้าออกมา แต่ไม่มีใครทันมองเห็นมัน
ท่านคุณได้รับเลือกจาก <ราธ> <ราธ> จะลงมาบนร่างกายของคุณ… ร่างกายของท่านตายแล้ว..! เกิดข้อผิดพลาด…
* * *
กลับชาติมาเกิด...
แนวคิดอันแปลกประหลาดที่หลายคนเชื่อว่ามีอยู่จริง แต่ในขณะเดียวกันก็มีหลายคนไม่เชื่อ
ราอนไม่เชื่อเรื่องการเกิดใหม่เช่นกัน
เขาได้รับการปลูกฝังมาทั้งชีวิต และเมื่อเขาหลุดพ้นจากมัน เขาก็วุ่นอยู่กับการเตรียมการเพื่อหนีจากตระกูลโรเบิร์ต ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่สนใจเรื่องอะไรเช่นนี้เลย
เขาคิดว่าความตายคือจุดจบ
อย่างไรก็ตาม…
“เจ้าดวงตะวัน ดูนี่สิ!”
หญิงสาวหน้าตาสละสลวย มีดวงตาสีแดงและผมสีทองอ่อนคลอเคลียบนไหล่ของเธอ กำลังเขย่าของเล่นเด็กสีฟ้าในมือ
“มีสีแดงด้วย!”
เธอถือสีแดงไว้ในมือซ้ายเช่นกัน
กุ๊งกิ๊ง กุ๊งกิ๊ง
แม้ว่าเขาจะย่นหน้าเมื่อได้ยินเสียงเขย่า แต่หญิงสาวผมบลอนด์ก็ไม่หยุดสั่น
“บูววว”
ราอนถอนหายใจเบา ๆ และเอื้อมมือไปหาของเล่นเด็ก
"ใช่แล้ว! มาทางนี้จ้ะ!"
หญิงผมบลอนด์ส่งเสียงอย่างตื่นเต้นและเขย่าเร็วมากขึ้น
มีสองอย่างที่เขามองเห็น แขนคู่หนึ่ง อวบอ้วนเหมือนไส้กรอก และผู้หญิงที่เขย่าของเล่นเด็กทารก
'ไม่ชินเลย แขนนี่คือแขนของฉัน ส่วนผู้หญิงคนนั้นคือแม่ของฉัน...'
ผู้หญิงเบื้องหน้าฉันชื่อซิลเวีย แม้ว่ามันจะยังค่อนข้างไม่น่าเชื่อ แต่ตัวฉันได้กลับชาติมาเกิดเป็นลูกของผู้หญิงคนนั้น ในขณะที่ยังมีความทรงจำเกี่ยวกับชีวิตในอดีตที่เป็นนักฆ่า
ตอนแรกฉันคิดว่ามันเป็นความฝัน
ฉันคิดว่าทุกอย่างจะจบลงหลังจากที่ฉันหลับไปได้สักระยะหนึ่ง แต่ดูเหมือนฉันจะไม่เคยตื่นจากความฝันประหลาดนี้เลย ไม่ว่าจะหลับไปมากแค่ไหนก็ตาม
และแล้ววันเวลาก็ผ่านไปเป็นหนึ่งร้อยวัน ตอนนั้นเองที่ราอนยอมรับความจริงว่าเขาได้กลับชาติมาเกิด
"เจ้าดวงตะวัน! ทางนี้!”
“อะ-อู!”
เมื่อเขาค่อยๆ คลานไปหาของเล่น ซิลเวียก็ค่อยๆ ถอยหลังทีละนิด
"ใช่! อีกนิดๆ!"
ราอนค่อยๆ คลานตามซิลเวียและเอื้อมมือไปที่ของเล่นนั่น
“อาบู…”
แต่ร่างกายของเขาไม่สามารถทนต่อน้ำหนักของศีรษะที่หนักอึ้งของเขาได้ และเริ่มเอนเอียงไปทางขวา
"โอ้!"
ซิลเวียเหวี่ยของเล่นออกไปและรีบหันไปทางราอน โอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขนของเธอ
'เธอเร็วมาก'
ร่างกายของเธอเร็วมาก แม้ว่าเขาจะไม่สามารถตรวจจับพลังได้ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับศิลปะการต่อสู้พอสมควร
“ตกใจไหม? ไม่เป็นไรนะจ้ะ ไม่เป็นไร”
ซิลเวียตบหลังราอน
“โอ้”
ราอนจับมือของเธอ ทว่าเธอก็ยังคงไม่หยุด แม้ว่าเขาจะทำทีท่าบอกไปว่าเขาไม่ตกใจเลยและไม่เป็นอะไรสักนิดเดียว
“เจ้าดวงตะวันของแม่ เราไปดูดอกไม้กันไหม?”
ซิลเวียเดินไปที่หน้าต่างและเปิดผ้าม่านพร้อมกับอุ้มเขา แสงแดดอุ่นๆ ส่องมาอย่างแผ่วเบาราวกับผ้าห่มผ้าฝ้ายนุ่มๆ
‘ทำไมเธอยังเรียกฉันว่าเจ้าดวงตะวันอีก…?’
'เจ้าดวงตะวัน' ที่ซิลเวียเรียกนั้นไม่ใช่ชื่อจริงของเขา มันเป็นชื่อเรียกตั้งแต่อยู่ในครรภ์
เจ้าตระกูลต้องเป็นคนมาเลือกชื่อให้เขา แต่ดูเหมือนเขาคงจะยุ่งมาก และราอนก็ยังไม่เห็นวี่แววของเจ้าตระกูลบ้านนี้เลย
ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถูกเรียกด้วยชื่อ 'เจ้าดวงตะวัน' แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่าร้อยวันแล้วก็ตาม
‘ฟู่วว…’
ราอนมองไปรอบ ๆ ขณะยังอยู่ในอ้อมแขนของซิลเวีย
ห้องกว้างพอที่จะวิ่งเล่นได้ ผนังมีรูปประดับเป็นสีน้ำทะเลหรูหรา และมีโคมไฟวิเศษที่สว่างขึ้นได้แม้ในตอนกลางคืนห้อยลงมาจากเพดาน
เขาไม่สามารถระบุอะไรได้มากนัก เพราะร่างกายของเขายังเป็นทารกและนอนหลับมากกว่ายี่สิบชั่วโมงต่อวัน แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ
นี่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยและเป็นตระกูลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงมาก
'ไม่เลว'
ไม่ว่ายังไงตระกูลที่ร่ำรวยหรือมีอำนาจย่อมดีกว่าตระกูลธรรมดา ตอนนี้เขาได้เกิดใหม่แล้ว
'ฉันต้องแก้แค้น'
ความรู้สึกอันน่าสยดสยองของการถูกเดรุสตัดคอของเขายังคงแจ่มชัดอยู่ในใจของเขา
เขาคิดว่าความรู้สึกทั้งหมดของเขาหมดไปแล้วในขณะที่ถูกเลี้ยงดูมาในฐานะนักฆ่า แต่ความทรงจำก่อนตายของเขายังเข้มข้น เพราะความโกรธและความกระหายที่จะแก้แค้นยังคงอยู่อย่างชัดเจน
'แต่ฉันไม่ควรใจร้อน'
ราอนสูดลมหายใจลึกและสงบสติอารมณ์
เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนหรือมีตำแหน่งอะไร ในขณะที่เขาอาศัยอยู่ในห้องนี้
แค้นหลังจากเข้าใจสถานการณ์แล้ว คงไม่สายเกินไปที่จะเตรียมการแก้
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักฆ่าคือความอดทน และครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นนักฆ่าที่เก่งที่สุด
เขาสามารถควบคุมความรู้สึกและความกระหายที่จะแก้แค้นได้ตลอดเวลา
'แล้วก็…'
ด้วยความโชคดีบางอย่าง ในชีวิตที่แล้วเขาได้รับ 'วงแหวนแห่งไฟ' มา ซึ่งกล่าวกันว่ามันเป็นทักษะที่ทรงพลังที่สุดที่นักดาบสามารถบรรลุได้ในพันปี
ถ้าเขาเชี่ยวชาญ 'วงแหวนแห่งไฟ' อาจเป็นไปได้ที่เขาจะฆ่าเดรุส โรเบิร์ต ไม่ใช่ด้วยการลอบสังหาร แต่เป็นการเผชิญหน้าโดยตรง
เขาจะต้องทนแล้วทนอีกเพื่อให้วันนั้นมาถึง
'ยังไงก็เถอะ ฉันดันง่วงอีกแล้ว...'
เขารู้สึกง่วงนอนในอ้อมแขนของซิลเวียภายใต้แสงแดดอันอบอุ่น
ร่างกายของเด็กทารกไม่สะดวกในหลายๆ ด้าน เขาคิดได้เพียงชั่วครู่ก็หลับไปแล้ว
“ง่วงนอนเหรอเจ้าดวงตะวัน? งั้นเราไปพักผ่อนกันเถอะ”
ซิลเวียค่อยๆ ลูบหลังเขาด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่เขากำลังเคลิ้มหลับและคอของเขาก็เอนไปข้างหลัง...
“ท่านหญิงซิลเวีย!”
ประตูเปิดออกโดยไม่มีเสียงเคาะ และสาวใช้ของซิลเวียก็เข้ามาในห้อง
“เจ้าตระกูลกำลังมา!”
"ท่านพ่องั้นเหรอ?"
ซิลเวียเบิกตากว้างด้วยความตกใจกับคำพูดของสาวใช้
'พ่อ?'
ดูเหมือนว่าเจ้าตระกูลจะไม่ใช่พ่อของเขา แต่เป็นปู่แน่ เพราะมารดาของเขาในชาตินี้เรียกเจ้าตระกูลว่าท่านพ่อ
“ฉัน-ฉันต้องเตรียมตัวแล้วสิ...”
"คงไม่ทันแล้วค่ะ! ท่านเจ้าตระกูลอยู่ข้างนอกแล้ว!”
“โอ้ ไม่นะ!”
ซิลเวียและสาวใช้เร่งฝีเท้าออกไปทันที
สักพักหนึ่ง
มีเสียงฝีเท้าด้านนอกบานประตูที่ถูกเปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งเสียงดังพอที่จะทำให้เกร็งไปทั้งตัว
'ใครที่เป็นเจ้าตระกูลกัน'
ราอนลอบลืมตาขึ้นและหันศีรษะไปทางประตู
ชายชราที่มีดวงตาสีแดงและผมสีทองสว่างไสวปรกหน้าผากเดินเข้ามาใกล้ ซิลเวียและสาวใช้ตัวสั่นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่แสนเย็นยะเยือกของเขา
'อา…'
เวลาผ่านไปช้าลงเมื่อเขาเห็นดวงตาของชายชรา เกือบจะรู้สึกราวกับว่าสภาพแวดล้อมของเขาพร่ามัวเพราะการปรากฏตัวของเขา
“ทะ--ท่านพ่อ”
“เด็กคนนี้งั้นหรือ?”
ชายชราหยุดอยู่ตรงหน้าซิลเวียและชี้นิ้วไปที่ตัวฉัน สายตาของเขาเย็นชามาก
"ใช่ค่ะ"
ซิลเวียผงกศีรษะอย่างหนักและอุ้มราอนออกมาหาเขา
'อา…'
ดวงตากลมโตของราอนเบิกกว้างขึ้น ขณะที่เขามองตรงไปยังใบหน้าของเขา เขารู้สึกราวกับว่าเขาเคยเห็นเขามาก่อน
'ผมทอง นัยน์ตาสีชาด ชายชราที่มีลักษณะเย็นชาราวกับมีเหมันต์รายล้อมอยู่รอบตัว…โอ้!’
เสมือนมีสายฟ้าฟาดลงที่ศีรษะเล็กๆ ของฉัน
เกล็น ซิกฮาร์ท ราชาผู้ทำลายล้างแดนเหนือ!
ตระกูลนี้ถูกขนานนามว่าเป็นจุดสูงสุดของทวีป และคนผู้นี้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็กำลังมองลงมาที่เขา
เสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจได้เล็ดรอดออกมาจากปากเล็กๆ ของเขาเอง
ดูเหมือนว่าเขาจะได้เกิดใหม่ในตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในทวีปเสียแล้ว