ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 2

นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 1


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 1

ฉันกำลังจะตาย

ในคืนที่หนาวเหน็บและมีแสงจากดวงจันทร์สาดส่อง สัญชาตญาณของฉันจากการใช้ชีวิตเป็นนักฆ่าร้องตะโกนออกมาแต่คำเดิมๆ

ฉันกำลังจะตาย

ฉันมองไปรอบๆ ตัว

มีเส้นทางมากมายในสวนอันกว้างใหญ่แห่งนี้ แต่ฉันไม่เห็นเส้นทางที่จะมีชีวิตเลย มีเพียงแค่ทางไปหาความตาย

"ราอน"

ฉันเงยหน้าขึ้นหลังจากได้ยินเสียง เป็นที่เสียงที่สร้างความหนักอึ้งในใจของฉัน ชายผู้ที่ดูเหมือนน้ำแข็ง ผมสีเงินยาวถูกหวีมาอย่างดีกำลังก้าวเข้ามาใกล้ฉัน

นั่นไงล่ะเขา

เดรุส โรเบิร์ต

เพียงชายผู้เป็นถึงหัวหน้าตระกูลโรเบิร์ตก้าวเข้ามา ก็เหมือนกับกลิ่นอายความตายกำลังคืบคลานเข้ามาในสวนแห่งนี้

"เป็นงั้นเองสินะ"

ฉันกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากและค่อยๆ อ้าปากกล่าว

"เธอได้แสดงความสามารถของในฐานะหัวหน้าแห่งเงาแล้ว ตระกูลของเราเติบโตขึ้นมากด้วยฝีมือของเธอที่คอยจัดการเบื้องหลัง"

"ฉันทำตามหน้าที่"

ฉันไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ออกไป เสมือนเป็นเพียงตุ๊กตาตัวหนึ่ง

"แต่ว่านะ... ราอน"

เขาเริ่มกล่าวเสียงเบา

"เธอคิดว่าเงาจำเป็นต้องมีอิสระไหม?"

เดรุสยื่นมือของเขาออกมา เงาที่พื้นก็ลากออกมาตามเช่นกัน

"เงาต้องทำตามคำสั่งของเจ้านาย ทั้งความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ของพวกนั้นมันไม่จำเป็น"

"ใช่"

"ในเมื่อรู้ตัว ทำไมถึงยังเลือกทำแบบนี้อีกกันล่ะ?"

เสียงแหลมคมของเดรุส ค่อยๆ เย็นยะเยือกกัดกินถึงหัวใจฉัน

"สุดท้ายเธอก็ทำลาย 'สิ่งปลูกฝัง' ที่เราฝังไว้ในร่างจนได้ "

ขนของฉันเริ่มลุกชันไปถึงกระดูกสันหลัง ฉันถึงกับกัดลิ้นตัวเองซ่อนความตกใจ

อะไรกัน?

ฉันไม่ได้พูดออกไปหรือทำตัวแตกต่างจากเมื่อก่อนเลยนี่ เขารู้ได้ยังไงว่ามันถูกทำลายไปแล้ว

"พูดสิ เธอทำลายมันตอนไหน และยังไง?.."

ฉันกัดริมฝีปากแล้วเงยหน้าขึ้น

การปลูกฝังนั่น...

หัวหน้าตระกูลโรเบิร์ตใช้การปลูกฝังเพื่อควบคุมเหล่าทีมนักฆ่าเงา

พวกเขาลักพาตัวหรือไม่ก็ซื้อเด็กเล็กๆ แล้วเมื่อไรก็ตามที่กำจัดอารมณ์ได้แล้ว พวกเขาก็จะปลูกฝังเด็กเหล่านั้นด้วยเครื่องมือบางอย่างและให้พวกนั้นเป็นนักฆ่าเงาไปตลอดชีวิต

ฉันเองก็ได้รับการปลูกฝังนั่น แต่กลับสามารถกำจัดพันธนาการอันน่ากลัวนั่นด้วยบางสิ่งที่พิเศษ

"เธอคงกำลังคิดจะหลบหนีสินะ"

เดรุสกล่าว

"แต่ที่จริง ฉันใส่สายจูงให้นักฆ่าอยู่สองครั้ง รวมถึงเธอด้วยนะ ครั้งแรกนั้นเป็นการปลูกฝัง ส่วนครั้งที่สอง..."

"อั้ก!"

ฉันส่งเสียงร้องจากความเจ็บปวดสุดขีด อย่างกับว่าหัวใจและปอดกำลังถูกเลื่อยเป็นชิ้นๆ

"หนอนแห่งความโกรธเกรี้ยว หนอนที่ฝังอยู่ร่างกายที่พร้อมจะทะลวงหัวใจออกมาตามคำสั่งของฉัน"

"ห...หนอนแห่งความโกรธเกรี้ยว"

หนอนแห่งความโกรธเกรี้ยวเป็นเวทย์มนต์ดำที่เลวร้ายที่สุด มันถึงขนาดรับรู้อารมณ์ความรู้สึกได้เลย

ดูเหมือนหนอนแห่งความโกรธเกรี้ยวคงจะรู้ไปถึงแผนการหนีออกจากตระกูลโรเบิร์ตของฉัน

"คะ..แค่ที่เป็นมันไม่พอหรือไง? ถึงขนาดต้องฝังหนอนแห่งความโกรธเกรี้ยวใส่ฉันเนี่ยนะ? ไอ้สารเลวน่ารังเกียจเอ้ย!"

"น่ารังเกียจเหรอ? เรียกว่ารอบคอบดีกว่านะ เพราะสุดท้ายเธอก็ทำลายสายจูงอันแรกไปจริงๆ"

เดรุสยิ้มพร้อมกับสีหน้าปั้นแต่งที่เขาชอบเผยออกมาในที่สาธารณะ

"มีคนเคยพูดเอาไว้ มนุษย์ทุกคนใช้ชีวิตใต้หน้ากาก แต่ว่าหน้ากากของฉันมันหนาและพิเศษกว่าคนอื่นๆ น่ะ"

"เดรุส โรเบิร์ต......"

ฉันกัดฟันแน่น ยกตัวขึ้น สะกดความเจ็บปวดเอาไว้

ฉันยังตายไม่ได้ ต้องทำอะไรสักอย่าง

ฉันถูกลักพาตัวมาตั้งแจ่จำความไม่ได้ และถูกเลี้ยงมาให้เป็นสุนัขล่าเนื้อและมือสังหารของตระกูลโรเบิร์ต

ฉันเติบโต ลืมสิ้นอารมณ์ความรู้สึก และบังเอิญหลุดมาจากการปลูกฝังได้

เคยคิดว่าในที่สุดก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ เพียงแต่ว่ากุญแจนั่นดันไม่ใช่กุญแจไขคุกที่ขังฉันเอาไว้ มันเป็นเพียงกุญแจอันนำไปสู่ความตาย

ฉันทำบาปอะไรไว้กันนะ ถึงต้องมาถูกใช้เยี่ยงสุนัข ฉันมันไม่รู้อะไรเลย...

แม่งเอ้ย!

หยาดเลือดสีแดงเติมเต็มความรู้สึกที่หายไป มันกลายเป็นความโกรธที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

“จะทนอยู่ในสภาพนั้นได้นานแค่ไหนล่ะ?”

ท่าทางของเดรุสเปลี่ยนไปเล็กน้อย

"ฉันไม่ยอมตายไปกับความอัปยศหรอก"

ฉันจับดาบที่เอว

สัญชาตญาณที่รับรู้ถึงความตายยังคงไม่เปลี่ยนไปตั้งแต่ก้าวเข้ามาในสวนนี่แล้ว

ฉันจะตายที่นี่

แต่ถ้าถูกกำหนดให้ตาย ก็จะไม่หนีการเผชิญหน้า อย่างน้อยแขนของมัน… ไม่สิ... อย่างน้อยก็ต้องสร้างบาดแผลก่อนแล้วค่อยตาย

"อ้ากกก"

ฉันชักดาบออกจากฝัก ด้วยความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม

ในขณะนั้นเอง...

ดาบที่หักครึ่ง

เสียงสร้อยคอที่หล่นลงพื้น

โลกและดวงจันทร์ที่พลิกกลับ ดวงตานิ่งเฉยของเดรุส

อา....

แล้วฉันก็ได้รู้ หัวของฉันถูกดาบของเดรุสตัดขาดแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้น นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่ฉันเห็น..

เศษดาบที่หักพุ่งเข้าหาใบหน้าของเดรุส

“หยาบคายจังนะ”

เดรุสโบกมือรำคาญ ปัดการโจมตีครั้งสุดท้ายของฉันออกไปด้วยท่าทางเบาๆ ราวกับว่าเขาแค่ตีแมลงตัวหนึ่ง

อย่างที่คาดไว้…

เดรุสเป็นนักรบที่ได้รับการกล่าวขานว่าแข็งแกร่งที่สุดในทวีป คิดไว้แล้วว่าไม่สามารถชนะได้

เพราะเขาแข็งแกร่งและฉันก็อ่อนแอ ทำอะไรไม่ได้เลย

ไม่… มัน… ต้องได้สิ!

ความเดือดดาลที่เริ่มแผ่ซ่านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจฉันเดือดพล่าน

มันไม่ยุติธรรมเลยที่ทั้งชีวิตของฉันจะต้องถูกเดรุสกุมในกำมือ ฉันยังไม่สามารถสร้าง 'วงแหวนแห่งไฟ'

จะมาตายแบบนี้ไม่ได้

พระเจ้า.. หรือปีศาจก็ได้

ฉันปรารถนาที่จะฉีกหน้ากากของเดรุสออกและเชือดคอของมัน ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม จะกลืนกินทั้งตัวฉันก็ได้

ทว่าแม้นจะปราถนาจะแก้แค้นเพียงใด วิสัยทัศน์ของฉันก็มืดสนิทไปทั้งอย่างนั้น...

* * *

* * *

"อืม...."

เดรุส โรเบิร์ต ยกมือขวาขึ้นและขมวดคิ้ว

'ฉันกันมันไว้ได้แล้วแน่ๆ'

มีบาดแผลเล็กน้อยปรากฎที่หลังมือ แม้ว่าเขาจะป้องกันการโจมตีสุดท้ายจากขยะชิ้นนั้นด้วยดาบอย่างสมบูรณ์แบบแล้วก็ตาม

นานหลายปีแล้ว ที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บจนเลือดไหลเช่นนี้

'น่าขันชะมัด'

เจ้าขยะนี้ได้ลบบล้างการปลูกฝัง อดทนต่อการทรมานของหนอนแห่งความโกรธเกรี้ยว และยังทิ้งบาดแผลไว้บนร่างกายของเดรุสได้อีก

ทำไมสุนัขล่าเนื้อที่เขาเลี้ยงไว้ใช้ถึงมีความแข็งแกร่งขนาดนี้กัน?

"แต่มันก็จบแค่นี้แหละ..."

ตอนนี้ราอนเสียชีวิตไปแล้ว จะคิดเรื่องของเจ้าขยะนี้ต่อไปก็ใช่ว่าจะสำคัญ

"ทำความสะอาด"

ทหารที่ซ่อนอยู่ในเงามืดของสวนรีบออกมาและเคลื่อนตัวเข้าหาร่างของราอน ในจังหวะที่ดรุสหันหลัง

เพียงกระพริบตาเท่านั้น

สร้อยคอของราอนจมที่อยู่ในเลือดสีแดง เปล่งแสงสีฟ้าออกมา แต่ไม่มีใครทันมองเห็นมัน

ท่านคุณได้รับเลือกจาก <ราธ> <ราธ> จะลงมาบนร่างกายของคุณ… ร่างกายของท่านตายแล้ว..! เกิดข้อผิดพลาด…

* * *

กลับชาติมาเกิด...

แนวคิดอันแปลกประหลาดที่หลายคนเชื่อว่ามีอยู่จริง แต่ในขณะเดียวกันก็มีหลายคนไม่เชื่อ

ราอนไม่เชื่อเรื่องการเกิดใหม่เช่นกัน

เขาได้รับการปลูกฝังมาทั้งชีวิต และเมื่อเขาหลุดพ้นจากมัน เขาก็วุ่นอยู่กับการเตรียมการเพื่อหนีจากตระกูลโรเบิร์ต ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่สนใจเรื่องอะไรเช่นนี้เลย

เขาคิดว่าความตายคือจุดจบ

อย่างไรก็ตาม…

“เจ้าดวงตะวัน ดูนี่สิ!”

หญิงสาวหน้าตาสละสลวย มีดวงตาสีแดงและผมสีทองอ่อนคลอเคลียบนไหล่ของเธอ กำลังเขย่าของเล่นเด็กสีฟ้าในมือ

“มีสีแดงด้วย!”

เธอถือสีแดงไว้ในมือซ้ายเช่นกัน

กุ๊งกิ๊ง กุ๊งกิ๊ง

แม้ว่าเขาจะย่นหน้าเมื่อได้ยินเสียงเขย่า แต่หญิงสาวผมบลอนด์ก็ไม่หยุดสั่น

“บูววว”

ราอนถอนหายใจเบา ๆ และเอื้อมมือไปหาของเล่นเด็ก

"ใช่แล้ว! มาทางนี้จ้ะ!"

หญิงผมบลอนด์ส่งเสียงอย่างตื่นเต้นและเขย่าเร็วมากขึ้น

มีสองอย่างที่เขามองเห็น แขนคู่หนึ่ง อวบอ้วนเหมือนไส้กรอก และผู้หญิงที่เขย่าของเล่นเด็กทารก

'ไม่ชินเลย แขนนี่คือแขนของฉัน ส่วนผู้หญิงคนนั้นคือแม่ของฉัน...'

ผู้หญิงเบื้องหน้าฉันชื่อซิลเวีย แม้ว่ามันจะยังค่อนข้างไม่น่าเชื่อ แต่ตัวฉันได้กลับชาติมาเกิดเป็นลูกของผู้หญิงคนนั้น ในขณะที่ยังมีความทรงจำเกี่ยวกับชีวิตในอดีตที่เป็นนักฆ่า

ตอนแรกฉันคิดว่ามันเป็นความฝัน

ฉันคิดว่าทุกอย่างจะจบลงหลังจากที่ฉันหลับไปได้สักระยะหนึ่ง แต่ดูเหมือนฉันจะไม่เคยตื่นจากความฝันประหลาดนี้เลย ไม่ว่าจะหลับไปมากแค่ไหนก็ตาม

และแล้ววันเวลาก็ผ่านไปเป็นหนึ่งร้อยวัน ตอนนั้นเองที่ราอนยอมรับความจริงว่าเขาได้กลับชาติมาเกิด

"เจ้าดวงตะวัน! ทางนี้!”

“อะ-อู!”

เมื่อเขาค่อยๆ คลานไปหาของเล่น ซิลเวียก็ค่อยๆ ถอยหลังทีละนิด

"ใช่! อีกนิดๆ!"

ราอนค่อยๆ คลานตามซิลเวียและเอื้อมมือไปที่ของเล่นนั่น

“อาบู…”

แต่ร่างกายของเขาไม่สามารถทนต่อน้ำหนักของศีรษะที่หนักอึ้งของเขาได้ และเริ่มเอนเอียงไปทางขวา

"โอ้!"

ซิลเวียเหวี่ยของเล่นออกไปและรีบหันไปทางราอน โอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขนของเธอ

'เธอเร็วมาก'

ร่างกายของเธอเร็วมาก แม้ว่าเขาจะไม่สามารถตรวจจับพลังได้ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับศิลปะการต่อสู้พอสมควร

“ตกใจไหม? ไม่เป็นไรนะจ้ะ ไม่เป็นไร”

ซิลเวียตบหลังราอน

“โอ้”

ราอนจับมือของเธอ ทว่าเธอก็ยังคงไม่หยุด แม้ว่าเขาจะทำทีท่าบอกไปว่าเขาไม่ตกใจเลยและไม่เป็นอะไรสักนิดเดียว

“เจ้าดวงตะวันของแม่ เราไปดูดอกไม้กันไหม?”

ซิลเวียเดินไปที่หน้าต่างและเปิดผ้าม่านพร้อมกับอุ้มเขา แสงแดดอุ่นๆ ส่องมาอย่างแผ่วเบาราวกับผ้าห่มผ้าฝ้ายนุ่มๆ

‘ทำไมเธอยังเรียกฉันว่าเจ้าดวงตะวันอีก…?’

'เจ้าดวงตะวัน' ที่ซิลเวียเรียกนั้นไม่ใช่ชื่อจริงของเขา มันเป็นชื่อเรียกตั้งแต่อยู่ในครรภ์

เจ้าตระกูลต้องเป็นคนมาเลือกชื่อให้เขา แต่ดูเหมือนเขาคงจะยุ่งมาก และราอนก็ยังไม่เห็นวี่แววของเจ้าตระกูลบ้านนี้เลย

ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถูกเรียกด้วยชื่อ 'เจ้าดวงตะวัน' แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่าร้อยวันแล้วก็ตาม

‘ฟู่วว…’

ราอนมองไปรอบ ๆ ขณะยังอยู่ในอ้อมแขนของซิลเวีย

ห้องกว้างพอที่จะวิ่งเล่นได้ ผนังมีรูปประดับเป็นสีน้ำทะเลหรูหรา และมีโคมไฟวิเศษที่สว่างขึ้นได้แม้ในตอนกลางคืนห้อยลงมาจากเพดาน

เขาไม่สามารถระบุอะไรได้มากนัก เพราะร่างกายของเขายังเป็นทารกและนอนหลับมากกว่ายี่สิบชั่วโมงต่อวัน แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ

นี่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยและเป็นตระกูลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงมาก

'ไม่เลว'

ไม่ว่ายังไงตระกูลที่ร่ำรวยหรือมีอำนาจย่อมดีกว่าตระกูลธรรมดา ตอนนี้เขาได้เกิดใหม่แล้ว

'ฉันต้องแก้แค้น'

ความรู้สึกอันน่าสยดสยองของการถูกเดรุสตัดคอของเขายังคงแจ่มชัดอยู่ในใจของเขา

เขาคิดว่าความรู้สึกทั้งหมดของเขาหมดไปแล้วในขณะที่ถูกเลี้ยงดูมาในฐานะนักฆ่า แต่ความทรงจำก่อนตายของเขายังเข้มข้น เพราะความโกรธและความกระหายที่จะแก้แค้นยังคงอยู่อย่างชัดเจน

'แต่ฉันไม่ควรใจร้อน'

ราอนสูดลมหายใจลึกและสงบสติอารมณ์

เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนหรือมีตำแหน่งอะไร ในขณะที่เขาอาศัยอยู่ในห้องนี้

แค้นหลังจากเข้าใจสถานการณ์แล้ว คงไม่สายเกินไปที่จะเตรียมการแก้

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักฆ่าคือความอดทน และครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นนักฆ่าที่เก่งที่สุด

เขาสามารถควบคุมความรู้สึกและความกระหายที่จะแก้แค้นได้ตลอดเวลา

'แล้วก็…'

ด้วยความโชคดีบางอย่าง ในชีวิตที่แล้วเขาได้รับ 'วงแหวนแห่งไฟ' มา ซึ่งกล่าวกันว่ามันเป็นทักษะที่ทรงพลังที่สุดที่นักดาบสามารถบรรลุได้ในพันปี

ถ้าเขาเชี่ยวชาญ 'วงแหวนแห่งไฟ' อาจเป็นไปได้ที่เขาจะฆ่าเดรุส โรเบิร์ต ไม่ใช่ด้วยการลอบสังหาร แต่เป็นการเผชิญหน้าโดยตรง

เขาจะต้องทนแล้วทนอีกเพื่อให้วันนั้นมาถึง

'ยังไงก็เถอะ ฉันดันง่วงอีกแล้ว...'

เขารู้สึกง่วงนอนในอ้อมแขนของซิลเวียภายใต้แสงแดดอันอบอุ่น

ร่างกายของเด็กทารกไม่สะดวกในหลายๆ ด้าน เขาคิดได้เพียงชั่วครู่ก็หลับไปแล้ว

“ง่วงนอนเหรอเจ้าดวงตะวัน? งั้นเราไปพักผ่อนกันเถอะ”

ซิลเวียค่อยๆ ลูบหลังเขาด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่เขากำลังเคลิ้มหลับและคอของเขาก็เอนไปข้างหลัง...

“ท่านหญิงซิลเวีย!”

ประตูเปิดออกโดยไม่มีเสียงเคาะ และสาวใช้ของซิลเวียก็เข้ามาในห้อง

“เจ้าตระกูลกำลังมา!”

"ท่านพ่องั้นเหรอ?"

ซิลเวียเบิกตากว้างด้วยความตกใจกับคำพูดของสาวใช้

'พ่อ?'

ดูเหมือนว่าเจ้าตระกูลจะไม่ใช่พ่อของเขา แต่เป็นปู่แน่ เพราะมารดาของเขาในชาตินี้เรียกเจ้าตระกูลว่าท่านพ่อ

“ฉัน-ฉันต้องเตรียมตัวแล้วสิ...”

"คงไม่ทันแล้วค่ะ! ท่านเจ้าตระกูลอยู่ข้างนอกแล้ว!”

“โอ้ ไม่นะ!”

ซิลเวียและสาวใช้เร่งฝีเท้าออกไปทันที

สักพักหนึ่ง

มีเสียงฝีเท้าด้านนอกบานประตูที่ถูกเปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งเสียงดังพอที่จะทำให้เกร็งไปทั้งตัว

'ใครที่เป็นเจ้าตระกูลกัน'

ราอนลอบลืมตาขึ้นและหันศีรษะไปทางประตู

ชายชราที่มีดวงตาสีแดงและผมสีทองสว่างไสวปรกหน้าผากเดินเข้ามาใกล้ ซิลเวียและสาวใช้ตัวสั่นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่แสนเย็นยะเยือกของเขา

'อา…'

เวลาผ่านไปช้าลงเมื่อเขาเห็นดวงตาของชายชรา เกือบจะรู้สึกราวกับว่าสภาพแวดล้อมของเขาพร่ามัวเพราะการปรากฏตัวของเขา

“ทะ--ท่านพ่อ”

“เด็กคนนี้งั้นหรือ?”

ชายชราหยุดอยู่ตรงหน้าซิลเวียและชี้นิ้วไปที่ตัวฉัน สายตาของเขาเย็นชามาก

"ใช่ค่ะ"

ซิลเวียผงกศีรษะอย่างหนักและอุ้มราอนออกมาหาเขา

'อา…'

ดวงตากลมโตของราอนเบิกกว้างขึ้น ขณะที่เขามองตรงไปยังใบหน้าของเขา เขารู้สึกราวกับว่าเขาเคยเห็นเขามาก่อน

'ผมทอง นัยน์ตาสีชาด ชายชราที่มีลักษณะเย็นชาราวกับมีเหมันต์รายล้อมอยู่รอบตัว…โอ้!’

เสมือนมีสายฟ้าฟาดลงที่ศีรษะเล็กๆ ของฉัน

เกล็น ซิกฮาร์ท ราชาผู้ทำลายล้างแดนเหนือ!

ตระกูลนี้ถูกขนานนามว่าเป็นจุดสูงสุดของทวีป และคนผู้นี้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็กำลังมองลงมาที่เขา

เสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจได้เล็ดรอดออกมาจากปากเล็กๆ ของเขาเอง

ดูเหมือนว่าเขาจะได้เกิดใหม่ในตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในทวีปเสียแล้ว

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด