ตอนที่ 455 แหวนมิติที่เรียบง่าย
ตอนที่ 455 แหวนมิติที่เรียบง่าย
สถานการณ์ในปัจจุบันอันตรายมาก โดยเซี่ยเฟยกับขนอุยกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะอูดี้ที่อยู่ในระดับอิมมอทอลลิตี้ และถึงแม้ว่าการประสานพลังของทั้งสองจะทำให้อูดี้ตกอยู่ในอันตราย แต่มันก็ยังคงอยู่ห่างไกลจากคำว่าชัยชนะ
อั๊ก!
เซี่ยเฟยกระอักเลือดออกมาอีกครั้งเนื่องมาจากว่าเขาฝืนใช้วิชาลับระดับ 4 มานานเกินไป จนทำให้ทั้งสภาพร่างกายและสภาพจิตใจของเขาเกือบจะพังทลาย และภาระที่เกิดขึ้นกับชายหนุ่มก็เกินกว่าขอบเขตที่คนทั่วไปจะทนรับได้
ทางด้านของขนอุยก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ได้ดีไปกว่ากัน เพราะว่ามันกำลังอ่อนแอลงเรื่อย ๆ และมีเสียงหอบดังชัดขึ้นตลอดเวลาที่ผ่านพ้นไป แต่ถึงกระนั้นกลิ่นอายของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของมันก็ยังคงอยู่ และบางทีมันก็อาจจะเป็นเพราะเจ้าหนูนี่อาศัยอยู่กับเซี่ยเฟยมาตั้งแต่เกิด มันจึงได้รับอิทธิพลความบ้าคลั่งและความดื้อรั้นมาจากชายหนุ่มจนทำให้มันไม่มีความคิดที่จะยอมแพ้
หนึ่งคนบ้ากับหนึ่งสัตว์อสูรบ้ากำลังพยายามต่อสู้กับอูดี้อย่างสิ้นหวัง!
สถานการณ์ทางด้านของอูดี้ก็ไม่ดีไปกว่ากัน โดยในตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษและร่างกายของเขาก็ถูกดันจนฝังลึกลงไปในกำแพงหลายสิบเมตรแล้ว คล้ายกับว่าช่องที่เขาถูกดันเข้ามานี้กลายเป็นอุโมงค์ที่ถูกขุดเข้ามาลึกขึ้นเรื่อย ๆ และพลังทำลายของฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะหยุดลงในเร็ว ๆ นี้
เซี่ยเฟยเริ่มหมดสติไปทีละน้อยขณะที่รอยสักที่บริเวณแขนซ้ายเริ่มมีปฏิกิริยา ทันใดนั้นเขาก็เริ่มเจ็บปวดที่แขนซ้ายอย่างรุนแรงอีกครั้งคล้ายกับมีเข็มนับหมื่นเล่มกำลังทิ่มแทงผิวหนังของเขาอยู่
“บิดมันซะ! จงใช้ความโกลาหลบิดเบี้ยวทุกสิ่งซะ!!”
จู่ ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกเหมือนกับได้ยินเสียงปริศนาดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่ง เขาจึงเริ่มบิดฝ่ามืออย่างช้า ๆ ซึ่งมันก็ทำให้เซเลสเชียลมูนรูปไม้กางเขนถูกบิดเบี้ยวไปตามมือของเขา
คลื่น!
แม้ว่าชายหนุ่มจะเคลื่อนไหวฝ่ามือเพียงแค่เล็กน้อยแต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมากลับน่าอัศจรรย์อย่างไม่คาดคิด เพราะร่างของอูดี้ถูกผลักกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรง และทำให้ราชาคนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่มากขึ้นกว่าเดิม
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้เซี่ยเฟยสะดุ้งฟื้นคืนสติขึ้นมา แต่เขาก็ยังคงจำคำ ๆ หนึ่งได้จากส่วนลึกของจิตใจ เขาจึงพยายามบิดฝ่ามือมากขึ้นกว่าเดิม
บิดมันซะ!!
เมื่อเซี่ยเฟยบิดฝ่ามือเร็วขึ้นทำให้การจัดเรียงของเซเลสเชียลมูนทั้ง 18 เล่มก็เปลี่ยนแปลงรูปร่างไปจากเดิม และถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีรูปลักษณ์เป็นไม้กางเขนเหมือนเดิมแล้ว แต่พวกมันกลับปลดปล่อยพลังงานออกมามากกว่าเดิมอย่างเทียบไม่ติด
ตูม!
เมื่อการบิดถูกสะสมความรุนแรงมากในระดับหนึ่งเซเลสเชียลมูนก็กำลังหมุนควงอย่างรวดเร็วราวกับพายุทอร์นาโด ซึ่งพลังทำลายที่มันสร้างได้ในขณะนี้ไม่ใช่พลังที่เซี่ยเฟยเคยเรียกใช้ได้มาก่อนเลย
ขนอุยถอนการโจมตีและหันศีรษะไปมองเซี่ยเฟยด้วยความประหลาดใจ เพราะพลังของเซี่ยเฟยทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงแม้ว่ามันจะถอนพลังกลับมาแล้ว แต่เซี่ยเฟยก็ยังคงสามารถผลักอูดี้เข้าไปในกำแพงหินได้ด้วยพลังของตัวเอง
อูดี้ส่งเสียงร้องออกมาอย่างโหยหวนพร้อมกับกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างที่กำลังถูกบดเข้ากับกำแพงอย่างต่อเนื่อง
อั๊ก!
เซี่ยเฟยกระอักเลือดออกมาจากปากอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้มันไม่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป แต่ในทางตรงกันข้ามมันกลับทำให้เขารู้สึกมีความสุขราวกับว่าเขากำลังนอนอาบแสงแดดอบอุ่นท่ามกลางอุณหภูมิอันหนาวเหน็บ
วินาทีต่อมาเซี่ยเฟยก็เป็นลมล้มหมดสติลงไปกับพื้นอย่างไม่สามารถที่จะควบคุมร่างของตัวเองได้อีกต่อไป
—
ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านพ้นไปนานแค่ไหนแต่เซี่ยเฟยก็ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ ก่อนที่เขาจะได้พบว่าขนอุยที่อยู่ใกล้ ๆ กำลังเลียใบหน้าของเขาอย่างต่อเนื่อง
แหวะ!
เซี่ยเฟยผลักขนอุยออกไปพร้อมกับพยายามลุกขึ้นมานั่ง โดยในตอนนี้เขากำลังรู้สึกเหมือนกับกำลังตื่นขึ้นมาจากความฝัน และร่างกายของเขาก็ให้ความรู้สึกเบาสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกได้มาก่อน
“คราวนี้ฉันหลับสบายมากเลย” เซี่ยเฟยกล่าว
“หลับ!? นายรู้ไหมว่าตัวเองทำอะไรลงไป?” อันธกล่าวพร้อมกับมองเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่ว่างเปล่า
“ฉันทำอะไร? ฉันก็แค่นอนไม่ใช่เหรอ…” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างไร้เดียงสา แต่เขาก็ต้องหยุดพูดลงอย่างกะทันหันเมื่อเขาได้เห็นภาพตรงหน้าที่แตกต่างไปจากจินตนาการของเขาโดยสิ้นเชิง
ถ้ำที่เขาเคยขุดร่วมกับขนอุยในระหว่างการโจมตีอูดี้ได้กลายเป็นถ้ำลึกที่มีความยาวมากกว่า 5 กิโลเมตร และภายในถ้ำลึกอันมืดมิดแห่งนี้ก็ยังคงมีรอยเลือดจาง ๆ ให้มองเห็นได้อยู่ตามพื้นกำแพงถ้ำ
“อูดี้! อูดี้ไปไหน?!!” เซี่ยเฟยกระโดดลุกขึ้นจากพื้นและตั้งท่าเตรียมต่อสู้อย่างเร่งรีบ
แม้ว่าขนอุยจะถูกเซี่ยเฟยผลักออกไปแต่มันก็กระโดดขึ้นไปบนไหล่ของชายหนุ่มโดยไม่รู้สึกโกรธเซี่ยเฟยเลย จากนั้นมันก็เริ่มเลียใบหน้าเซี่ยเฟยอีกครั้งจนทำให้ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกมึนงง
“อูดี้ตายไปแล้ว นายก็เป็นคนฆ่าเขาด้วยมือของนายเองไง” อันธกล่าว
“ฉันเนี่ยนะ!?”
“ใช่ นายนั่นแหละ ศพของเขาน่าจะอยู่ที่ปลายอุโมงค์ แล้วนายก็เป็นคนสร้างอุโมงค์นี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง”
เซี่ยเฟยเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกตะลึง เพราะอุโมงค์นี้มีความยาวอย่างน้อย 5 กิโลเมตรแล้วเขามีความแข็งแกร่งมากพอที่จะสร้างอุโมงค์แบบนี้ขึ้นมาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“นี่นายลืมไปแล้วจริง ๆ เหรอ? ตอนนั้นนายกับขนอุยกำลังรวมพลังกันกดดันอูดี้อย่างต่อเนื่อง แต่ในระหว่างที่สถานการณ์กำลังไปถึงทางตันนายก็เริ่มหมุนเซเลสเชียลมูนจนกลายเป็นพายุทอร์นาโด พลังการทำลายของการจู่โจมครั้งนั้นรุนแรงมากจนทำให้อูดี้ถูกบดเข้าไปในหิน และสร้างอุโมงค์ที่มีความลึกกว่า 5 กิโลเมตรนี้ขึ้นมา” อันธพยายามเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้
“ฉันจำอะไรไม่ได้ ฉันจำได้แค่ว่ามันมีเสียงใครก็ไม่รู้บอกให้ฉันลองบิดพลังของฉันดู จากนั้นฉันก็ไม่รู้อะไรแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
ต่อมาเขาก็ค่อย ๆ เดินไปตามอุโมงค์ที่อันธบอกว่าเขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมา ก่อนที่เขาจะได้พบกับร่างของอดีตราชาถูกบดเข้ากับกำแพงหินจนแยกไม่ออกว่าพื้นที่ตรงไหนคือหินหรือพื้นที่ตรงไหนคือเนื้อ
ช็อก!
โคตรช็อก!
เซี่ยเฟยไม่อยากจะเชื่อเลยว่าภาพตรงหน้าคือฝีมือของตัวเอง เพราะท้ายที่สุดอูดี้ก็เป็นถึงนักสู้ระดับอิมมอทอลลิตี้ แต่ถึงกระนั้นเขากลับเป็นคนสังหารอูดี้ลงโดยที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ทันได้รู้ตัว
ถัดจากร่างของอูดี้ไปไม่ไกลคือใบมีดของเซเลสเชียลมูนที่ฝังอยู่ในกำแพงหิน และมันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีว่าอุโมงค์ลึกแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากการโจมตีของเขา
เซี่ยเฟยใช้หิมะโปรยแงะใบมีดของเซเลสเชียลมูนออกมาจากกำแพงทีละเล่ม และทันใดนั้นเขาก็ได้สังเกตเห็นเครื่องประดับโลหะทรงสามเหลี่ยม ซึ่งมันน่าจะเป็นกุญแจของกล่องโลหะที่เขาได้แย่งชิงมาในก่อนหน้านี้
หลังเซี่ยเฟยเก็บกู้ใบมีดเซเลสเชียลมูน, กุญแจของกล่องโลหะและแหวนมิติสีเขียวขนาดเล็กซึ่งน่าจะเป็นแหวนมิติของอูดี้ได้แล้ว เขาก็หันศีรษะเพื่อเดินออกไปจากอุโมงค์
โชคดีที่แม้ว่าเขาจะระเบิดพลังออกมาอย่างบ้าคลั่งแต่ของพวกนี้ก็ยังไม่ถูกทำลายไปพร้อมกับอูดี้ด้วย ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะสูญเสียสมบัติล้ำค่าไปโดยไม่สามารถเอามันกลับคืนมาได้ แล้วมันก็คงจะทำให้เขารู้สึกเสียดายไปอีกนานเลยทีเดียว
“ฉันหลับไปนานแค่ไหน?” เซี่ยเฟยกล่าวถามขณะก้าวเดินออกจากอุโมงค์
“ประมาณ 20 ชั่วโมง”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนจะนำกุญแจรูปสามเหลี่ยมขึ้นมาพิจารณา ก่อนที่เขาจะได้เห็นลวดลายแปลก ๆ ที่ถูกสลักอยู่บนกุญแจนี้ ซึ่งมันก็ให้ความรู้สึกราวกับลำแสงที่กำลังท่องไปทั่วทั้งจักรวาล
หลังจากที่เขาเดินออกมาจากอุโมงค์เขาก็ได้พบว่าทะเลลาวากลับมาสงบเหมือนเดิมแล้ว แต่สิ่งที่แปลกไปคือเขาไม่ได้รู้สึกถึงอุณหภูมิที่ร้อนระอุอีกต่อไป แต่เขารู้สึกเย็นสบายราวกับว่าเขากำลังยืนรับลมอยู่ริมชายหาด
ชายหนุ่มหยิบกล่องโลหะออกมาจากแหวนมิติพร้อมกับนำกุญแจที่เขาเพิ่งได้รับมาลองมาเทียบกับตัวล็อกสีทองที่อยู่บนตัวกล่อง
“มันน่าจะเป็นกุญแจของกล่องนี้จริง ๆ ทั้งรูปร่างและขนาดของมันพอดีกันเลย” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายยังไม่เปิดดูของข้างในเหรอ?” อันธถาม
เซี่ยเฟยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะตัดสินใจเก็บของทุกอย่างกลับไปในแหวนมิติอีกครั้ง เพราะอย่างน้อยตอนนี้อูดี้ก็ตายแล้ว ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาสมควรจะต้องทำคือการออกไปจากไซเรนฮิลล์
ระหว่างที่เขาเดินไปยังแท่นเคลื่อนย้ายเขาก็หยิบแหวนมิติวงเล็ก ๆ ของอูดี้ขึ้นมาพิจารณาอย่างระมัดระวัง ซึ่งหินมิติที่ถูกติดอยู่บนแหวนวงนั้นเป็นหินมิติที่มีขนาดเล็กราวกับเมล็ดถั่วเขียว แต่ไม่ว่าเขาจะพิจารณาแหวนวงนี้ยังไง มันก็ไม่เหมาะสมที่มันจะเป็นแหวนมิติของราชาของเผ่าพันธุ์เลย
ตอนแรกชายหนุ่มคิดว่าแหวนวงนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีค่ามากนัก แต่เมื่อเขาได้สัมผัสกับแหวนมิติและส่งกระแสจิตเข้าไปสำรวจพื้นที่ด้านใน มันก็ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออกเป็นเวลานาน
“ว่าไง? เจอกับของอะไรดี ๆ บ้างหรือเปล่า?” อันธถามขึ้นมาด้วยความสงสัย เพราะท้ายที่สุดอูดี้ก็เป็นถึงราชาแห่งเต็นท์ทองคำ แล้วมันก็คงจะเป็นเรื่องปกติที่เขาจะมีของดี ๆ เก็บซ่อนเอาไว้ในแหวนมิติของตัวเอง
“ของดี ๆ พอจะมีอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก แต่สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจจริง ๆ คือพื้นที่ในแหวนมิตินี้ต่างหาก” เซี่ยเฟยกล่าว
“พื้นที่แหวนมิตินี้มันทำไมเหรอ? ไหนขอฉันดูหน่อย”
ทันทีที่อันธสำรวจพื้นที่ในแหวนมิติมันก็ทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความตกใจ
“โอ้แม่เจ้า! พื้นที่ในแหวนวงนี้น่าจะมีมากกว่า 1,000 ลูกบาศก์เมตร เซี่ยเฟยฉันว่านายได้สมบัติมาจริง ๆ แล้วล่ะ”
แหวนมิติธรรมดามีขนาดประมาณ 1 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ส่วนแหวนมิติขนาดใหญ่ก็มีพื้นที่ภายในมิติเพียงแค่ไม่ถึง 100 ลูกบาศก์เมตร แต่แหวนวงเล็กที่ดูธรรมดาวงนี้กลับมีพื้นที่หลายพันลูกบาศก์เมตร มันจึงกลายเป็นแหวนมิติที่ดีที่สุดเท่าที่อันธเคยเห็นมา แล้วมันก็คงจะเป็นแหวนมิติที่ถึงแม้จะมีเงินก็ไม่สามารถที่จะหาซื้อมันได้
เซี่ยเฟยทำการย้ายของทั้งหมดจากแหวนมิติวงเก่าไปยังแหวนมิติวงใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นรูปลักษณ์ของแหวนสีเขียววงนี้ยังดูเรียบง่ายซึ่งเหมาะกับรสนิยมของเซี่ยเฟยมากที่สุด นอกจากนี้พื้นที่ขนาดใหญ่ของแหวนมิติยังทำให้เขาเก็บสิ่งของต่าง ๆ เข้าไปได้อย่างมากมาย และทำให้ชายหนุ่มไม่จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องการขนสัมภาระในระหว่างการเดินทางอีกต่อไป
“ฉันถามจริง ๆ เถอะ นายไม่คิดว่ามันแปลกเหรอว่าการปรับเปลี่ยนวิธีการจู่โจมเพียงแค่นิดเดียวจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่ากลัวขึ้นมาแบบนั้น? ในระหว่างที่นายปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังนายพอจะจำความรู้สึกอะไรได้อีกไหม?” อันธเริ่มถามความรู้สึกในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังทำการจู่โจมเข้าใส่อูดี้อีกครั้ง
“ถ้าจำไม่ผิด ก่อนหน้านั้นฉันรู้สึกเจ็บที่แขนซ้าย” เซี่ยเฟยกล่าว
หลังจากพูดจบเขาก็ถอดชุดต่อสู้ออก ซึ่งหลังจากที่มันได้ผ่านพ้นการต่อสู้อันรุนแรงมันก็ทำให้ชุดต่อสู้นี้ได้รับความเสียหายในหลาย ๆ จุด
รอยสักบนแขนซ้ายของเขายังคงดูลึกลับและเต็มไปด้วยลวดลายที่เขาไม่สามารถจะทำความเข้าใจได้ และถึงแม้ว่ามันจะยังคงให้ความรู้สึกแปลกประหลาดอยู่เช่นเดิม แต่รูปลักษณ์ภายนอกของมันก็ไม่ได้มีความผิดปกติใด ๆ
“มันก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกตินะ ไหนนายลองบิดเซเลสเชียลมูนเหมือนตอนนั้นดูสิ” อันธกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วหลังจากที่เขาได้พิจารณารอยสักบนแขนซ้ายของเซี่ยเฟยเป็นเวลานาน
“อือ”
เซี่ยเฟยพยายามควบคุมใบมีดของเซเลสเชียลมูนออกมาเรียงตัวกันเป็นรูปไม้กางเขน จากนั้นเขาก็บิดข้อมือเพื่อพยายามหมุนใบมีดพวกนี้เพื่อเลียนแบบการโจมตีในช่วงเวลานั้น
“แปลกมาก! ทำไมความรู้สึกของมันถึงไม่เหมือนตอนนั้นเลย”
แม้ว่าการเคลื่อนไหวนี้จะทำให้เซเลสเชียลมูนหมุนควงได้จริง ๆ แต่มันก็ไม่ได้สร้างพลังทำลายขึ้นมามากนักและพลังเพียงแค่นี้ก็ไม่มีทางที่จะสังหารอูดี้ลงไปได้
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาเซี่ยเฟยก็เก็บเซเลสเชียลมูนกลับไปภายในฝักของมัน เพราะข้อเท็จจริงได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพลังที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเป็นพลังที่ถูกปลุกขึ้นมาในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง และเซี่ยเฟยก็คงจะไม่มีทางระลึกถึงความรู้สึกในช่วงเวลานั้นได้ง่าย ๆ
‘มันจำเป็นจะต้องขึ้นไปยืนอยู่บนขอบเหวแห่งความตายงั้นเหรอ? ฉันถึงจะสามารถใช้พลังแบบนั้นออกมาอีกครั้งได้’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปดูหน้าจอแสดงคะแนน
ก่อนหน้านี้เขามีคะแนนอยู่ประมาณ 2.8 ล้านคะแนน แต่หลังจากที่เขาได้สังหารพวกอูดี้ลงทั้งหมด มันก็ทำให้ในตอนนี้เขามีคะแนนรวมอยู่มากกว่า 173 ล้านคะแนน
—
“อาจารย์พวกเราต้องออกไปจากที่นี่จริง ๆ เหรอ?” หมิงจู้ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ฉันสัมผัสได้ถึงพลังของกฎแห่งความโกลาหลมาจากไซเรนฮิลล์ พลังนั่นมันจะต้องมาจากนักรบมนุษย์คนนั้นแน่ ๆ แล้วเราจะรอให้เขามาจัดการกับเราทำไม รีบเก็บข้าวของทั้งหมดเดี๋ยวนี้! พวกเราจะออกเดินทางพรุ่งนี้ตั้งแต่เช้า” เลยูตี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เร่งรีบ
“กฎแห่งความโกลาหล? มันคือกฎอะไรงั้นเหรอครับ? ผมเคยได้ยินแต่กฎแห่งมิติ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยินเกี่ยวกับกฎที่แปลกประหลาดแบบนี้” หมิงจู้กล่าวถาม
“ในจักรวาลเต็มไปด้วยสิ่งลึกลับที่นายยังไม่รู้อีกเยอะ แม้แต่กฎแห่งมิติก็ยังแบ่งแยกย่อยออกเป็นชนิดต่าง ๆ อย่างมากมาย แต่กฎแห่งความโกลาหลเป็นพลังที่มีแต่นักรบที่มีหยินหยางสมดุลย์กันเท่านั้นถึงจะสามารถเรียนรู้มันได้ และมันก็เป็นข้อมูลภายในที่เทพเจ้าขาวเทพเจ้าดำได้ทิ้งเอาไว้ให้กับเผ่าพันธุ์ของเรา”
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระแล้วรีบไปเก็บของของนายได้แล้ว! พวกนักรบที่ใช้พลังของกฎแห่งความโกลาหลต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นพวกเอาแน่เอานอนไม่ได้ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญก่อนที่ฉันจะเข้าไปอยู่ในดินแดนกฎและฉันก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับคนบ้า ๆ แบบนี้”
***************