ตอนที่ 38 ผู้ใช้พลังจิตวิญญาณสวรรค์สามคน
ไป๋ซู่เจินยิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์และพูดเบาๆ
“เอาเถอะ นายท่านยังมีอะไรอีกมากที่ต้องทำดังนั้นอย่ามัวแต่เสียเวลาอยู่อีกเลย”
รูปลักษณ์ที่น่ารักและน่าเอ็นดูของจือเสียทำให้ ซู่เฮาเที่ยนอยากจะคว้าแขนเธอเอาไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมอกของเขา
“นั่นสินะข้ายังต้องฝึกฝนอีกมากเพื่ออนาคต!”
“ว่าอะไรนะ? ท่านหวังเอ๋าเที่ยนแพ้ให้กับสาวงามคนหนึ่งก่อนที่จะถูกซู่เฮาเที่ยนฆ่าด้วยหมัดงั้นรึ? เป็นไปได้ยังไงกัน? ท่านหวังเอ๋าเที่ยนเป็นถึงผู้ใช้พลังจิตวิญญาณปฐพีขั้นที่ 9 หรือว่าเธอจะเป็นผู้ใช้พลังจิตวิญญาณสวรรค์?
ณ ตอนนี้ที่คฤหาสน์ตระกูลฉินในเมืองหยูโจว ฉินเทียนผู้อาวุโสของตระกูลฉินลุกขึ้นจากที่นั่งของเขาทันทีก่อนจะจ้องมองไปที่คนที่ยืนรายงานเรื่องนี้ในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา
“ท่านได้ยินถูกต้องแล้ว เป็นไปได้ว่าผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างซู่เฮาเที่ยนคนนั้นจะเป็นผู้ฝึกตนที่ทรงพลังระดับผู้ใช้พลังจิตวิญญาณสวรรค์ นอกจากนั้นซู่เฮาเที่ยนเองก็สามารถฆ่าหวังเก๋าจิ้งหนึ่งในบุตรชายทั้งสิบสามด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้อีกด้วย”
“ซู่เฮาเที่ยนในตอนนี้จะต้องอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญพลังจิตวิญญาณแน่นอน รีบไปเรียกรวมพลผู้อาวุโสของตระกูลมาทั้งหมดเดี๋ยวนี้แล้วพวกเราจะไปพบกับตระกูลซู่”
ฉินเทียนไม่สามารถชักช้าได้อีกต่อไป การสังหารผู้ที่มีอำนาจและทรงพลังถึงสองคนภายในวันเดียวนี้มีเพียงตระกูลเป๋ยเท่านั้นที่สามารถทำได้มาก่อน! แต่ตอนนี้ตระกูลซู่เองก็มีความแข็งแกร่งที่เทียบเท่ากับตระกูลเป๋ยได้แล้วเช่นกัน
ดังคำกล่าวที่ว่าเสือสองตัวไม่สามารถอยู่ในถ้ำเดียวกันได้ อาณาจักรเที่ยนซวนแห่งนี้จะต้องเปลี่ยนไปในไม่ช้าก็เร็ว และเมื่อถึงเวลาเลือกข้าง ตระกูลฉินก็จะเลือกอยู่ฝั่งตระกูลซู่อย่างไม่ต้องสงสัย
ถ้าเขารู้ว่าซู่เฮาเที่ยนยังมีผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับผู้ใช้พลังจิตวิญญาณสวรรค์ เขาอาจจะตกใจจนช็อคหมดสติไปเลยก็ได้
ส่วนเรื่องที่องค์จักรพรรดิในอาณาจักรเที่ยนซวนจะขุ่นเคืองต่อตระกูลฉินหรือไม่ พวกเขาก็ไม่ได้กังวลเรื่องนั้นเพราะมีผู้ใช้พลังจิตวิญญาณสวรรค์เพียงสองคนเท่านั้นในตระกูลเป๋ย ทำให้พวกเขาไม่มีความกังวลใจใดๆหากต้องมีการแบ่งฝ่ายจริงๆ
และเรื่องนี้จะส่งผลต่อตระกูลเป๋ยในอาณาจักรเที่ยนซวนทันที แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะโกรธมากแต่เขาก็ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพราะเขาเองก็ไม่มีความจำเป็นที่จะทำให้ความแข็งแกร่งของอาณาจักรต้องลดลงด้วยมือของเขาเอง
“ดูเหมือนว่าพวกตระกูลจะมาถึงแล้วสินะ ถ้าหากพวกเขามาถึงแล้วให้พวกเขาเข้ามาพักได้ทันที ส่วนข้าจะเข้าไปทำการทักทายและดูว่านายน้อยที่สามคนนั้นเป็นใครกัน ข้าได้ยินเรื่องราวของเขามามากแล้วถึงเวลาแล้วที่ข้าจะต้องทำความรู้จักกับเขาสักหน่อย”
ทันทีที่ขบวนรถของตระกูลซู่มาถึงหน้าพื้นที่ของตระกูลฉิน ฉินเทียนซึ่งกำลังยืนรออยู่นั้น ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย และเขาก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อรอพบพวกเขาด้วยความกระตือรือร้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซู่เฮาเที่ยนคนนั้น ตระกูลฉินจะไม่ปล่อยโอกาสในการทำความรู้จักเขาไปง่ายๆอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ด้วยการกระทำที่กล้าหาญของซู่เฮาเที่ยนตระกูลซู่ในตอนนี้จึงอยู่ในระดับแถวหน้าของอาณาจักร ถ้าหากเขาให้การต้อนรับที่ไม่ดีมันอาจจบลงด้วยการที่ตระกูลของเขาถูกทำลาย แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจคือทำไมท่านผู้อาวุโสของพวกเขาถึงได้ทำอะไรที่เสี่ยงมากขนาดนี้ นี่มันแทบไม่ต่างอะไรกับนำความหายนะเข้ามาสู่ตระกูลเลยไม่ใช่หรือ?
แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าผู้อาวุโสและผู้นำตระกูลก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขานั้นกำลังรอการมาถึงของตระกูลซู่ด้วย ซึ่งหมายความว่าบางทีผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลซู่ก็อาจเดินทางมากับขบวนในครั้งนี้ด้วย
"ข้า หัวหน้าตระกูลฉินขอแสดงความเคารพด้วยการคุกเข่าต่อหน้าท่าน!"
ซู่เฮาเที่ยนก้าวออกจากรถและมองไปที่ผู้นำของตระกูลฉินที่ยิ้มแย้มและพูดด้วยอารมณ์ที่เต็มเปี่ยม
"พี่เฮาเที่ยน ทำไมเขาจะต้องคุกเข่าลงต่อหน้าพี่ด้วยล่ะ?"
ใบหน้าของจือเสียปรากฎความสงสัยของเธอออกมา
"มันหมายถึงการแสดงความเคารพและเป็นแสดงความสูงส่งของตระกูลซู่ ซึ่งผู้นำของตระกูลฉินคนนี้กำลังประจบตระกูลซู่ของพวกเราอยู่ไงล่ะ"
ซู่เฮาเที่ยนชำเลืองมองจือเสียแล้วพูดออกมาเบาๆ
"พี่เฮาเที่ยน ตระกูลฉินเองก็มีผู้ฝึกตนในระดับผู้ใช้พลังจิตวิญญาณสวรรค์อยู่ด้วยเช่นกัน"
จือเสียจ้องมองไปที่ด้านหน้าทางเข้าคฤหาสน์ของตระกูลฉินและพูดออกมาเบาๆ
“ใช่ แต่ก็แค่ขั้นที่สี่เท่านั้น”
ไป๋ซู่เจินหัวเราะในลำคอเบาๆและพูดกับจือเสีย
สำหรับจือเสียนั้น ระดับผู้ใช้พลังจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นที่สี่นั้นไม่ได้มีความน่าสนใจเลยแม้แต่น้อย
"เอาล่ะซู่เจิน จือเสีย พวกเราเข้าไปพบกับผู้นำของตระกูลฉินกันเถอะ"
ซู่เฮาเที่ยนเดินนำพวกเธอทั้งสองคนด้วยท่าทีที่พอใจและเดินเข้าไปหาผู้คนของตระกูลฉินที่กำลังยืนต้อนรับอยู่
“มาแล้ว!”
“นี่น่ะหรือซู่เฮาเที่ยนผู้แข็งแกร่งคนนั้น ตัวจริงนั้นดูไม่ต่างอะไรกับเด็กหนุ่มทั่วไปเลยแม้แต่น้อย!”
เมื่อหัวหน้าตระกูลฉินเห็นชายหนุ่มที่เดินผ่านมาพร้อมกับไป๋ซู่เจินและจือเสียที่เดินประกบข้างๆเขา รูม่านตาของเขาก็หดลงทันที พร้อมกับความคิดที่โถมกระหน่ำเข้ามาด้วยความสงสัย
“หือ พวกเธอสองคนนี่? เป็นไปได้ยังไง ทำไมพวกเธอทั้งคู่ถึงได้ทรงพลังมากขนาดนี้? ทำไมถึงได้มีผู้ใช้พลังจิตวิญญาณสวรรค์ถึงสามคนอยู่ในตระกูลซู่แบบนี้ได้? มันเป็นไปได้ยังไงกัน?!”