CD บทที่ 384 วิธีการที่ไม่ใช่วิธีการ
เหล่านักสืบไม่ได้โง่ เรื่องของความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนระหว่างจ้าวหยู่และเหมี่ยวอิง พวกเขาสามารถมองออกได้ในเวลาไม่นาน แต่พวกเขาก็ไม่อยากเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงเช่นกัน คนหนึ่งเป็นราชาที่ดุร้าย และอีกคนเป็นราชินีผู้มากความสามารถ ใครจะกล้าปล่อยข่าวลือหรือพูดลับหลังพวกเขา?
เมื่อตำรวจชุดแรกเข้ามาในห้องทำงาน พวกเขาเห็นว่าจ้าวหยู่และเหมี่ยวอิงอยู่ในห้องสองต่อสอง พวกเขาก้มหน้าลงและแสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไร รีบกุลีกุจอไปทำงานของตัวเองทันที
อันที่จริง จ้าวหยู่กำลังยืนอยู่หน้าไวท์บอร์ดและระดมสมอง ในขณะที่เหมี่ยวอิงกำลังนอนหลับสนิทอยู่ที่มุมห้อง พวกเขาสองคนไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกันก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี จ้าวหยู่เองก็ต้องการที่จะเริ่มต้นสานความสัมพันธ์กับเหมี่ยวอิง ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะอยู่ในสถานะที่ไม่ชัดเจน แต่เรื่องแค่นั้นก็ไม่อาจมาขวางกั้นไม่ให้เขาเข้าหาเธอได้
แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ที่จ้าวหยู่บุกไปช่วยฮัวฮัว เรื่องนี้มันทำให้เหมี่ยวอิงรู้สึกไม่พอใจและหัวเสียอย่างมาก
“หัวหน้าทีมจ้าว ทำไมถึงมีไวท์บอร์ดเพิ่มอีกอันล่ะครับ?” ต้าเฟยเดินเข้ามาข้าง ๆ จ้าวหยู่และมองดู เมื่อเขาเห็นข้อมูลเกี่ยวกับเทวรูปทองคำ เขาก็ประหลาดใจทันที “นี่… หมายความว่ายังไงครับ? วัดพระทอง? ใช่อันเดียวกับสระบัวหรือเปล่าครับ?”
จ้าวหยู่ไม่ตอบกลับเขาแต่ยังคงวิเคราะห์คดีในหัวของเขาต่อไป
เมื่อมีนักสืบทยอยเข้ามาให้ห้องทำงานก็ทำให้เกิดเสียงจอแจ เหมี่ยวอิงรู้สึกตัวและตื่นขึ้นมา เธอหาวและลุกมาหาจ้าวหยู่เพื่อดูว่าเขากำลังทำอะไร
เนื่องจากเธอนอนคว่ำหน้าตลอดทั้งคืน ผมทรงเห็ดของเธอก็ดูยุ่งเหยิงและพองฟู
เหมี่ยวอิงตบไหล่จ้าวหยู่และถามว่า
“เฮ้! เขากำลังถามคำถามคุณอยู่! มันหมายความว่าอะไร!? มีคดีใหม่รึไง!? ดูทำเข้าสิ ฉันสั่งให้คุณตรวจสอบโบราณวัตถุ ในตอนแรกคุณจับคนทำของปลอมได้มากมาย และตอนนี้คุณก็ได้พบกับอีกตำนานหนึ่งแล้ว นี่มันไม่มั่วไปหน่อยเหรอ?”
จ้าวหยู่ถูกดึงกลับสู่ความเป็นจริงเมื่อเหมี่ยวอิงตบเขา จากนั้นเขาก็บอกข้อมูลล่าสุดที่เขาพบให้ทุกคนทราบ แน่นอนว่า เขาไม่ได้พูดถึงหลี่ซิวเซิงแม้แต่นิดเดียว
เมื่อนักสืบได้ยินและคิดว่าเรื่องราวของจ้าวหยู่ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าเดิม ทุกคนต่างส่ายหน้าและแทบไม่มีใครเชื่อเรื่องเล่าโบราณนี้
“เทวรูปที่ผู้คนบูชาในวัดนั้นใหญ่มากไม่ใช่เหรอครับ” เสี่ยวหลิวแสดงความเห็นออกมา “คงเป็นไปไม่ได้ที่จะหล่อด้วยทองคำ แค่องค์เดียวก็ว่ายากแล้ว แต่นี่สิบสององค์เลย แม้แต่จักรพรรดิก็ไม่สามารถจ่ายมากขนาดนี้ได้!”
“ผิดแล้ว!” เหลียงฮวนปฏิเสธ “ใครบอกว่าต้องเป็นเทวรูปขนาดใหญ่? ขนาดเล็กก็สามารถบูชาได้ แม้แต่ขนาดเท่ากำปั้นก็ยังทำได้เลย แต่ว่า… ตำนานนั้นฟังดูเลื่อนลอยมากทีเดียว มันไม่มีแม้แต่บันทึกประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการเลย!”
“พวกคุณเคยไปวัดพระทองบ้างไหม?” ต้าเฟยถาม “ไม่มีใครเห็นเทวรูปทำจากทองคำหรือทำจากหินเลยใช่ไหม? มีพระพุทธรูปเพียงไม่กี่องค์ในวัด ตอนนี้ฉันกับแฟนไปที่นั่น แฟนฉันถึงกับส่ายหน้าด้วยความผิดหวังเลย”
“ไร้สาระ” เหลียงฮวนโบกมือ “วัดพระทองถูกทำลายหลายต่อหลายครั้ง สิ่งที่คุณพูดถึงถูกสร้างขึ้นใหม่บนที่ตั้งเดิม ตัววัดไม่หลงเหลือเค้าเดิมด้วยซ้ำ หลงเหลือเพียงแค่สระบัวที่มีมาแต่โบราณเท่านั้น แถมมันเกือบจะถูกทำลายอีกด้วย!”
“อืม…” ทันใดนั้น เหมี่ยวอิงกอดอกแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าทีมสอบสวนจากสำนักเทศบาลค้นที่ทำงานและบ้านของนักโบราณคดีทั้งสามคนแล้ว แต่พวกเขาไม่พบเบาะแสเลย
ตามคำให้การของครอบครัวพวกเขา ก่อนที่พวกเขาจะออกขากบ้านไป พวกเขาทั้งสามคนได้นำกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมา ถ้าพวกเขาไม่ได้เดินทางไปไหนไกล พวกเขาจะขนเสื้อผ้าไปเยอะ ๆ ไปทำไม? ฉันคิดว่าในนั้นน่าจะเป็นเอกสารบางอย่างมากกว่า!”
“หากเรารู้ได้ว่าพวกเขากำลังค้นคว้าอะไร มันคงจะเป็นเบาะแสนำพวกเราไปหาพวกเขาก็เป็นได้ ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะทำการค้นคว้าเรื่องเทวรูปทองคำก็ได้!” เหมี่ยวอิงไม่รอให้ใครตอบและพูดกับตัวเองว่า “ทำไมฉันถึงไม่ลองโทรถามเพื่อนของฉันดูอีกครั้งว่าพวกเขาพบอะไรที่เกี่ยวข้องกับเทวรูปทองคำบ้างหรือเปล่า? เดี๋ยวนะ ฉันทำไม่ได้… ถ้าฉันโทรไปถามเรื่องนี้ สถานีอื่นก็จะรู้หมด ฉันคิดว่า… ฉันจะต้องไปหาเขาเป็นการส่วนตัว”
“จ้าวหยู่ คุณว่างอยู่หรือเปล่า? คุณจะไปกับฉันไหม?”
"ไม่ล่ะ" จ้าวหยู่ยังคงพูดอยู่โดยหันหน้าไปทางไวท์บอร์ด “ฉันยัง… ฉันยังมีเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจ… ฉันต้องการเวลาคิดอีก…”
“ก็ได้ ๆ พ่อเชอร์ล็อก โฮล์มส์! ฉันจะกลับบ้านไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่…” เหมี่ยวอิงพยักหน้าและพูดว่า “หากคุณมีอะไรก็โทรมาบอกฉันด้วย”
จากนั้น เหมี่ยวอิงมอบหมายหน้าที่ให้นักสืบคนอื่น ๆ ก่อนที่เธอจะออกจากห้องทำงานไป
เมื่อเหมี่ยวอิงไปได้ราวสิบนาที จู่ ๆ จ้าวหยู่ก็ตบต้นขาของเขาและตะโกนว่า "จริงสิ ฉันลืมไปได้ยังไง!?"
เหล่านักสืบคิดว่าจ้าวหยู่ค้นพบสิ่งที่น่าประหลาดใจจึงรีบวิ่งไปสอบถาม อย่างไรก็ตาม จ้าวหยู่ไม่ได้คิดเกี่ยวกับคดีนี้ แต่จู่ ๆ เขาก็นึกถึงคำทำนายที่เขาได้รับในวันนี้ซึ่งก็คือคำว่า ‘Gen-Kan’
‘Kan’ หมายถึงผู้หญิง เมื่อกี้นี้เหมี่ยวอิงพูดเรื่องอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า เห็นได้ชัดว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ใกล้ชิดกับเทพธิดาของเขา
‘แม่งเอ๊ย!’ จ้าวหยู่สบถในหัวของเขา เขาตบหัวตัวเองและรู้สึกเสียใจที่หมกมุ่นกับคดีนี้มากเกินไป จนหลงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
แต่ต่อเขาจะไล่ตามไปก็ไม่ทันแล้ว รถของเหมี่ยวอิงได้ขับออกไปแล้ว จ้าวหยู่ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตรวจสอบคดีต่อไป และดูว่าเขาสามารถหาเบาะแสจากคำว่า ‘Gen’ ได้หรือไม่?
แต่หลังจากตรวจสอบอยู่นาน จ้าวหยู่ก็ไม่พบอะไรเลย ก่อนหน้านั้น เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโจรปล้นสุสาน แต่เท่าที่เขาเห็น เขาคิดว่าเป้าหมายของนักโบราณคดีชราทั้งสามคนคือการปล้นสุสานโบราณ
ถ้าเขาไม่สามารถคาดเดาเป้าหมายของพวกเขาได้ เขาก็จะไม่สามารถได้ข้อสรุปใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทวรูปทองคำได้
แล้วอีกอย่าง ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถหาข้อสรุปที่เกี่ยวข้องกับเทวรูปทองคำได้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าโจรปล้นสุสานและนักโบราณอีกสองคนตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน
‘ฉันจะทำอย่างไรต่อไปดี?’ จ้าวหยู่คิด
แม้วันนี้เขาได้รับคำว่า ‘Gen’ แต่เขาจะไม่สามารถหาเบาะแสได้เลยหรือ?
จ้าวหยู่รู้สึกว่าเขาต้องติดต่อกับ ‘ที่ปรึกษาส่วนตัว’ ของเขา หลี่ซิวเซิงเพื่อดูว่าปรมาจารย์ด้านของโบราณจะสามารถให้แนวทางใหม่ ๆ กับเขาได้หรือไม่?
ในขณะนั้น กล้องวงจรปิดล่องหนของหลี่ซิวเซิงยังคงเปิดอยู่ หลังจากเปิดเครื่อง เขาก็ต้องประหลาดใจที่เห็นหลี่ซิวเซิงนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล และมีสายน้ำเกลือหยดอยู่ที่หลังมือของเขา!
‘เชี่ย!’ เขาคิดกับตัวเอง
ดูเหมือนว่าหลังจากวันที่วุ่นวายเมื่อวาน นอกจากคำขู่ของจ้าวหยู่ และเรื่องเงินแล้ว เรื่องราวต่าง ๆ มากมาย พวกมันมารุมสุมกันจนทำให้นายลีล้มป่วย
“นี่มัน…” จ้าวหยู่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้ววางลงอีกครั้ง เขาไม่สามารถโทรหาเขาได้ “แล้วอย่างนี้ ฉันจะสืบคดีนี้ต่อไปอย่างไรดี?” เขาสงสัย
จ้าวหยู่รู้ว่าฝูเจียนซิงพบโบราณวัตถุที่สูญหาย สำนักงานเทศบาลจึงให้อำนาจแก่พวกเขาและแจ้งให้สถานีโม่หยางรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในการตามล่าโจรปล้นสุสาน ส่วนสถานีอื่น ๆ ได้แต่มองตาปริบ ๆ
แม้จะไม่มีใครเข้าไปแทรกแซงได้ แต่ความคืบหน้าของคดีก็ยังได้รับการแบ่งปัน ฝูเจียนซิงและพวกใช้สองวิธีพร้อมกัน พวกเขาพยายามติดตามผู้ต้องสงสัยผ่านกล้องวงจรปิดรอบจุดที่ซ่อนโบราณวัตถุ ขณะเดียวกัน ก็หาข้อมูลผ่านการซื้อขายโบราณวัตถุไปพร้อม ๆ กันด้วย
อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปเนิ่นนานแต่ก็ไม่มีความคืบหน้า พวกเขาต้องพบเจอกับปัญหาบางอย่างแน่นอน
ดูเหมือนว่าโจรปล้นสุสานจะไม่ธรรมดา พวกเขาไม่เพียงเก่งในการปล้นสุสาน แต่พวกเขายังมีทักษะลบร่องรอยของพวกเขาด้วย พวกเขาต้องรับมือยากอย่างแน่นอน แม้แต่ฝูเจียนซิงก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จ้าวหยู่จะต้องยื่นมือเข้าไปแทรกแซง ถ้าเขาต้องการจับกุมอาชญากรก่อนคนอื่น จ้าวหยู่จะต้องใช้หาทางลัด แต่ว่าทางลัดของเขาอยู่ที่ไหน?
หลังจากไตร่ตรองแล้ว จ้าวหยู่ก็คิดหาวิธีได้ แต่มันเป็นวิธีการที่ไม่ใช่วิธีการ!