บทที่ 87 จบสิ้นการต่อสู้
“น่าสนใจ ที่เขาไม่ถูกระเบิดตาย”หลินเป้ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ที่เห็นว่าผางชงสามารถหลีกเลี่ยงการระเบิดร้ายแรงได้
“ดัชนีปราณ(พั่วคงฉี)” หลินเป่ยเหล่ตาแล้วชี้ด้วยนิ้ว ส่งปราณที่รุนแรงออกมาหลายครั้ง
ปราณจากนิ้วเจาะเข้าที่แขนขาของผางชงโดยตรง
“อ๊ากก” ผางชงร้องลั่น
ดัชนีปราณ ใช้ปราณจิตวิญญาณเพื่อควบแน่น ณ จุดหนึ่ง ด้วยพลังทะลุทะลวงที่แข็งแกร่งมาก และพลังของมันจะเพิ่มขึ้นตามฐานการบ่มเพาะ
ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับขอบเขต และจำนวนปราณที่สามารถควบแน่นได้
หลินเป้ยได้ฝึกฝนทักษะต่อสู้นี้อยู่แล้ว แต่ในการต่อสู้จริง เขาแทบไม่ได้ใช้มันเลย
แม้ว่าตอนนี้ หลินเป้ยจะอยู่ในขอบเขตนักรบแท้จริงขั้น 2 แต่เนื่องจากตำราจ้านเทียนเจ๋ (ตำรามหาศึกแห่งสวรรค์
พลังการต่อสู้ของหลินเป้ยจึงเป็นสิบเท่าของผู้ฝึกตนทั่วไปในระดับเดียวกัน และตอนนี้ความแข็งแกร่งของหลินเป้ยก็เทียบได้กับ ปรมาจารยร์นักรบขั้นแรกเลย
อาจกล่าวได้ว่าในแง่ของความแข็งแกร่ง หลินเป้ยได้เข้าสู่ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญ(เกาโช่ว) ในเมืองชิงหลิน
ในเมืองชิงหลิน ใครก็ตามที่อยู่เหนือนักรบแท้จริง จะถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ(เกาโช่ว)
หลินเป้ยเห็นว่าผางชงยังสามารถเคลื่อนไหวได้ ดังนั้นเขาจึงใช้ดัชนีปราณของเขา ทำให้แขนขาของผางชงพิการ เพื่อดูว่าเขาจะหลบหนีได้อย่างไร
ผู้แข็งแกร่งที่มีเกียรติในขั้น 9 ของปรมาจารย์นักรบ จบลงด้วยสถานการณ์ที่น่าสังเวชโดยไม่คาดคิด
“ลาก่อน” หลินเป่ยพูดเบาๆ แล้วขว้างลูกบอลสายฟ้าสองลูกอีกครั้ง
ดวงตาของผางชงแสดงความสิ้นหวัง ในเวลานี้ แขนขาของเขาได้รับบาดเจ็บ และเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงลูกบอลสายฟ้าทั้งสองนี้ได้อีกต่อไป
ฟ้าร้องกระหน่ำลงมาใส่เขา ทำให้เกิดเสียงดังโครมครามสองครั้ง
ผางชงถูกระเบิดตาย!
<ติ้ง รับค่าประสบการณ์ 257 แต้ม>
หลังจากสังหารผางชง หลินเป้ยได้รับคะแนนประสบการณ์มากกว่า 200 แต้ม
นักรบแท้จริงขั้น 3 ต้องใช้ค่าประสบการณ์ 3500 แต้ม
ตอนนี้ประสบการณ์ของหลินเป้ย เกือบถึงครึ่งทางแล้ว
สำหรับโจวห่าว เมื่อเห็นว่าผางชงตายแล้ว หลินเป้ยก็มองไปที่เขา
ทำให้โจวห่าวตัวสั่นกลัวด้วยความตกใจ
ผางชงตาย แล้วเขาจะไปสู้ได้อย่างไร!?
เขาไม่รู้ว่าหลินเป้ยมีวิธีการอื่นอีก กี่วิธี?
โจวห่าวมีความตั้งใจที่จะถอยหนีแล้ว ตราบเท่าที่เขามีชีวิตอยู่ได้ เขาจะไม่สนใจคนอื่นเลย
“หลีกไป!” โจวห่าวพลักเสี่ยวเฮยกลับ ด้วยทักษะต่อสู้ที่ทรงพลัง และถอยห่างจากเสี่ยวเฮย
โจวห่าวต่อสู้อย่างสิ้นหวัง แต่เขาไม่สามารถทำอะไรกับราชาหมาป่าสีครามที่อยู่ต่อหน้าเขาได้ ทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างสูสี
มีสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณที่ทรงพลังอยู่เคียงข้างหลินเป้ย วันนี้เขาไม่สามารถสังหารหลินเป้ยได้
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงกลับไปอธิบายสถานการณ์ให้ตระกูลโจวฟัง และรายงานสถานการณ์ของหลินเป้ยทั้งหมดกลับไปด้วย
สมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหลิน ไม่ใช่หลินวู่จี้ หัวหน้าตระกูลหลิน
แต่เป็นหลินเป้ย ขยะที่ทุกคนต่างดูถูก!
หลินเป้ยเป็นผู้ฝึกสัตว์จิตวิญญาณ ที่สามารถควบคุมสัตว์อสูรได้หลายร้อยตัว
ตอนนี้หลินเป้ยยังไม่แข็งแกร่งเกินไป ไม่เช่นนั้นเมื่อหลินเป้ยแข็งแกร่งจริงๆ ข้าเชื่อว่าทั้งอาณาจักรชิงหยาน เขาจะมีชื่อเสียง
ด้วยข้อมูลสำคัญเช่นนี้ เขาต้องเอาชีวิตรอด แล้วบอกตระกูลโจวเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อหาทางกำจัดหลินเป้ยโดยเร็วที่สุด
ในความเป็นจริงหัวหน้าตระกูลโจว ได้เข้าสู่ขอบเขตมหาปรมาจารย์นักรบ(หวู่ซ่ง)แล้ว แต่มีเพียงผู้อาวุโสของตระกูลโจวเท่านั้น ที่รู้เรื่องนี้ และไม่มี
สมาขิกคนใดในตระกูลโจว ที่รู้เรื่องนี้อีกเลย
ตระกูลโจวกำหนดว่า ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้!
อาจมีเพียงมหาปรมาจารย์นักรบ(หวู่ซ่ง)เท่านั้น ที่สามารถสังหารหลินเป้ยได้
ปรมาจารย์นักรบธรรมดา จะแสวงหาความตายเมื่อเผชิญหน้ากับหลินเป้ย
"หลินเป้ย เราทุกคนประเมินเจ้าต่ำไป แต่เจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแน่!" โจวห่าวจ้องมองที่หลินเป้ยและพูดอย่างชั่วร้าย
“แม้ว่าข้าจะตายในอนาคต แต่เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์รู้เห็น เพราะวันนี้เจ้าจะต้องตาย!”หลินเป้ยมองไปที่โจวห่าว
ตอนนี้ คนของกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิตตายเกือบหมดแล้ว และมีคนจำนวนน้อยเท่านั้นที่ยังคงต่อต้าน
สำหรับจงหมิง นายน้อยสาม เขาก็ถูกล้อมรอบด้วยสัตว์อสูรจำนวนมากเช่นกัน และนักรบรับจ้างรอบตัวเขาตายเกือบหมดแล้วเช่นกัน
เหลือเพียงพ่อบ้านเฉินไห่เท่านั้นที่ขัดขืน
ส่วนใหญ่จะเป็นกระทิงเกราะที่เข้าโจมตี เมื่อเผชิญหน้ากับเกราะหนาของมัน เฉินไห่ในฐานะปรมาจารย์นักรบที่แข็งแกร่ง ก็ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของเฉินไห่นั้นไม่เลว และกระทิงเกราะสองตัว ก็ได้ตายด้วยน้ำมือของเขาแล้ว
แต่มันก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเช่นกัน
ทักษะต่อสู้ดูเหมือนจะถูกระเบิดออกไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อขับไล่สัตว์อสูรที่วิ่งเข้ามา
จงหมิงได้รับการคุ้มครองจากเฉินไห่
ดังนั้นเขาจึงสบายดีในขณะนี้ และจงหมิงก็เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย
แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงนักรบแท้จริงขั้น 9 เท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่เลว และเขาก็ไม่ท้อถอย
“ฮึ่ม ข้าจะมีช่วงเวลานั้นแน่นอน!” ดวงตาของโจวห่าวเปลี่ยนไปอย่างแข็งกร้าว
หลินเป้ยเห็นโจวห่าว หลั่งปราณโลหิตที่แข็งแกร่งไปทั่วร่างกายของเขา และดวงตาของเขาก็เป็นสีแดง
โจวห่าวกำลังใช้ทักษะลับ
“โลหิตหลีกหนี(เสี่ยต้วนชู่)” โจวห่าวตะโกน และปราณจิตวิญญาณสีแดงจำนวนมาก ล้นออกจากร่างกายของเขา
พลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวเหล่านี้ ก่อตัวขึ้นจากการเผาไหม้ของเลือด
"พัฟฟ" โจวห่าวหายตัวไปในทันทีอย่างไร้ร่องรอย
"นี่มัน..."หลินเป้ยจ้องมองไปยังจุดที่โจวห่าวหายตัวไปอย่างว่างเปล่า
โจวห่าวยังมีเทคนิคลับเช่นนี้อยู่อีกหรือ?
มีทักษะต่อสู้และทักษะลับมากมายในโลกนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ฝึกตนที่ทรงพลังบางคน รู้วิธีการต่างๆ หรือวิธีการหลบหนีบางอย่าง
โจวห่าวหนีไปและหลินเป้ยไม่สนใจอีก
ตอนนี้หลินเป้ยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายผ่านไปที่ไหน และไม่มีทางที่จะไล่ตามเขาเจอ
นอกจากนี้ ศัตรูตรงหน้า ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์
สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ ต้องแก้ปัญหาศัตรูที่อยู่ตรงหน้าของเราก่อน
ในเวลานี้ ห่างจากตำแหน่งของหลินเป้ยมากกว่า10 ลี้ จู่ๆ ร่างของโจวห่าวก็ปรากฏขึ้น
ในเวลานี้ สีหน้าของโจวห่าวซีดขาวราวกับกระดาษ ไม่มีสีเลือดเลย และเขาก็อ่อนแอมาก
การใช้ทักษะโลหิตหลีกหนี(เสี่ยต้วนชู่) นั้น ต้องใช้เลือดของคนเองถึงหนึ่งในสี่ ซึ่งมีราคาที่ต้องจ่ายสูงมาก
ทักษะลับนี้ โจวห่าวได้รับมาโดยบังเอิญ หนึ่งในนั้นคือทักษะโลหิตคลั่ง(เสี่ยเป้าชู่) มันเป็นเทคนิคลับที่ โจวหยวนใช้มาก่อน ซึ่งสามารถปรับปรุงความแข็งแกร่งของเขาได้
เขาส่งทักษะโลหิตคลั่ง(เสี่ยเป้าชู่)ให้โจวหยวน โดยไม่คาดคิดว่าบุตรชายของเขา ยังคงตายด้วยน้ำมือของหลินเป่ย
ในความเป็นจริง การตายของโจวหยวนไม่น่าแปลกใจเลย ขนาดาคนที่แข็งแกร่งอย่างผางชง ยังเสียชีวิตด้วยน้ำมือของหลินเป้ย
ถึงแม้ว่าหลินเป้ย จะใช้วิธีการที่น่าอับอาย
"หลินเป้ย ไอ้สารเลว! เจ้าและข้าอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้!" โจวห่าวอดทนต่อความรู้สึกเวียนหัวและพูดอย่างขมขื่น
หลังจากใช้ทักษะโลหิตคลั่ง เขาไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ภายในสามหรือสี่เดือน
ตอนนี้ เขาสามารถแสดงความแข็งแกร่งได้สูงสุดเพียงสามส่วนเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นความแข็งแกร่งหายไปเกินครึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่จะฟื้นตัว เขาไม่สามารถใช้ทักษะโลหิตคลั่งได้อีกต่อไป เพราะถ้าเขาใช้มันอีกครั้ง เขาก็จะต้องตายทันที
คนๆ หนึ่งไม่สามารถเสียเลือดมากเกินไปได้!
จากนั้นโจวห่าว ก็พบทางกลับไปยังเมืองชิงหลิน
แน่นอนว่าระหว่างทาง เขาระมัดระวังมาก โดยกังวลว่าเขาอาจเจอสัตว์อสูรที่ทรงพลัง
กลับมาภายในหุบเขา
หลินเป้ยเห็นราชาหมาป่าสีคราม ต่อสู้กับกลุ่มปรมาจารย์นักรบ ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ
ในเวลานี้ราชาหมาป่าสีครามได้สังหารพวกเขาไปแล้ว 5 คน เดิมมีปรมาจารย์นักรบ 14 คน ถ้าบวกผางชงและโจวห่าว แต่ตอนนี้เหลือแค่ 6 คน ถ้า
เพิ่มเฉินไห่ที่อยู่ข้างจงหมิงเข้าไป ก็จะเหลือแค่ 7 คน
เฉินไห่มีหน้าที่ปกป้องจงหมิง ดังนั้นเมื่อตอนจัดการกับเสือขาวเนตรโลหิตก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ ทำให้เขาไม่ได้นับรวมอยู่ใน
ปรมาจารย์นักรบทั้งหมด
เมื่อหลินเป้ยใช้เวลากับผางชงเสร็จแล้ว การต่อสู้อีกฝั่งก็ใกล้สิ้นสุดลง คนอื่นๆ ก็ทนอยู่ได้ไม่นาน
สำหรับพวกสัตว์อสูร ก็สูญเสียไปมากเช่นกัน
ส่วนนักรบรับจ้างที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกับการต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับ 4 ทั้งเสือขาวและงูหลามยักษ์
ต่างก็ถูกสัตว์อสูรของหลินเป้ย สังหารตายทั้งหมดแล้ว!