บทที่ 210 : เพื่อนเก่ากลับมารวมตัวกัน!
บทที่ 210 : เพื่อนเก่ากลับมารวมตัวกัน!
วันถัดมา
ณ โรงแรมตระกูลตงฟาง
ฟุ่บ!
“กัปตัน ฉันคิดถึงคุณมากเลย”
ทันใดนั้นร่างกำยำราวกับเนินเขาก็พุ่งเข้าหาชูโจว
"หยุด…….ซีเหมิงฉันไม่ได้มีงานอดิเรกเเบบนั้น, นายควรหาคนอื่น"
ชูโจวผู้สงบนิ่งมากในขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับสิบแปดนักรบขั้นราชาของโลกตะวันตก
แต่ในขณะนี้การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
ด้วยความเร็วที่แม้แต่นักรบขั้นราชาก็มองเห็นได้ไม่ชัด เขาหลบอ้อมกอดอันอบอุ่นของร่างกำยำนั้นทันที
“กัปตันไม่รักฉันแล้วหรอ”
และเมื่อซีเหมิงเห็นหญิงสาวสามคนที่อยู่ข้างหลังชูโจว…. อย่างลี่เกอ, ตงฟางหมิงจูและหยางเจิ้นเจิน……..เขาก็กระพริบตาและแสดงความไม่พอใจต่อผู้หญิงทั้งสามคนทันที
“กัปตัน, เพราะคุณมีสามสาวงามเเล้ว……… ดังนั้นคุณจะลืมฉันในฐานะลูกน้องสุดที่รักโดยธรรมชาติ”
หญิงสาวทั้งสามคนรู้ว่าซีเหมิงกำลังหยอกล้อชูโจว……ดังนั้นพวกเธอจึงได้แต่อมยิ้ม
เมื่อได้ยินคำพูดของซีเหมิง….. ปากของชูโจวก็กระตุกเล็กน้อย
จากนั้นเขาจ้องมองเขม็งไปที่ซีเหมิงที่กำลังหัวเราะอย่างสนุกสนาน
"ดูเหมือนว่าซีเหมิงจะมีความสุขกับชีวิตที่สุขสบายมากในช่วงเวลาที่ฉันไม่ได้อยู่นี้"
“นายอยากให้ฉันโยนนายลงไปในถ้ำมอนสเตอร์เพื่อฝึกฝนสักสองสามเดือนไหม”
เมื่อซีเหมิงเห็นดวงตาที่ 'พร้อมที่จะเคลื่อนไหว' ของชูโจว……หนังศีรษะของเขารู้สึกเสียวซ่าไปชั่วขณะ
โยนเขาเข้าไปในถ้ำมอนสเตอร์เพื่อฝึกฝนสักสองสามเดือน?
เเบบนี้เขาจะรอดกลับมาใหม?
“ฮ่าฮ่าฮ่า กัปตัน, คุณล้อเล่นเเล้ว
ฉันอยู่แนวหน้าเพื่อต่อสู้กับมอนสเตอร์ตลอดเวลา…….ฉันไม่ได้ขาดการฝึกฝนเลย ดังนั้นไม่ต้องรบกวนกัปตันหรอก” ซีเหมิงรีบโบกมือและยิ้มอย่างซุกซน
"เเต่ฉันคิดว่าคำแนะนำของกัปตันเป็นสิ่งที่ดีนะ" หลี่ชิงฉีเดินออกมาจากด้านหลัง ซีเหมิงเเละพูดติดตลก
"หลี่ชิงฉีของฉัน อย่าสร้างปัญหา…….. ถ้ากัปตันโยนฉันเข้าไปในถ้ำของมอนสเตอร์เป็นเวลาสองสามเดือนจริงๆ"
"เเล้วเเบบนั้นฉันจะอยู่อย่างไร" ซีเหมิง มองหลี่ชิงฉีด้วยสายตาวอเเว
อีกด้านหลิงซานก็ออกมาจากด้านหลังเเละทักทายชูโจวเช่นกัน "สวัสดีกัปตัน"
ชูโจวยิ้มและพยักหน้า
ในตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของ หลิงซาน, ซีเหมิง และ หลี่ชิงฉี และพบว่าพวกเขาทั้งหมดได้รับการเลื่อนขั้นเป็นนักรบขั้นพิเศษระดับสูงเเล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น, ความผันผวนของพลังของพวกเขานั้นยังแข็งแกร่งกว่านักรบขั้นพิเศษระดับสูงทั่วไปมาก
เเละเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกหลิงซานทั้งสามคนนั้นจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมในเวลาอีกไม่นาน
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีพวกหลิงซานทั้งสามคนได้รับการเลื่อนขั้นจากระดับปลุกพลังขั้นต้นไปสู่ระดับพิเศษขั้นสูง
และเหลืออีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นที่จะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุม
ความเร็วในการเลื่อนระดับนี้นั้นยังห่างไกลมากถ้าเทียบเคียงกับชูโจว
แต่ที่จริงการพัฒนาของพวกเขาก็ถือว่าเร็วมากอยู่แล้ว
ในมุมมองของชูโจวพรสวรรค์ของพวกหลิงซานทั้งสามนั้นไม่ได้เลวร้ายไปกว่าเซี่ยหลงหยวนและอัจฉริยะคนอื่นๆเลย
ไม่แน่……. ในอีกปีหรือสองปี
พวกหลิงซานทั้งสามคนอาจจะตามเซี่ยหลงหยวนและอัจฉริยะคนอื่นๆทันก็ได้
ชูโจวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นหลิงซานและคนอื่นๆมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเเบบนี้
จากนั้นชูโจวก็นำพวกหลิงซานทั้งสามไปที่เตาย่างบาร์บีคิวขนาดใหญ่
บนเตาย่าง, มีชิ้นเนื้อมอนสเตอร์ที่ถูกย่างจนเป็นสีน้ำตาลทองเเละส่งกลิ่นหอมฉุนออกมา
เนื้อมอนสเตอร์เหล่านี้ได้รับการจัดเตรียมเป็นพิเศษโดยตงฟางหมิงจูและพวกมันล้วนเป็นเนื้อของมอนสเตอร์ระดับขอบเขต
"จุ๊จุ๊ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเนื้อของมอนสเตอร์ระดับขอบเขต"
"ฉันไม่ได้กินอะไรดีๆแบบนี้อีกเลยนับตั้งแต่กัปตันออกจากแนวหน้าไป"
ซีเหมิงจ้องมองไปที่ชิ้นเนื้อมอนสเตอร์ที่มีลวดลายสายฟ้าด้วยความตื่นเต้นและเผลอกลืนน้ำลายอย่างลืมตัว
“มันก็เเค่เนื้อของมอนสเตอร์ระดับขอบเขต…….ซีเหมิง, นายอย่าทำตัวให้หน่วยใบมีดของเราอับอายจะได้ใหม”
หลี่ชิงฉีพูดด้วยความโกรธเมื่อเห็นท่าทางที่หิวโหยของซีเหมิง
“หลี่ชิงฉี…….ตระกูลหลี่ของเธอเป็นมหาเศรษฐี, ดังนั้นเธอจึงไม่ขาดแคลนเนื้อมอนสเตอร์ระดับขอบเขตโดยธรรมชาติ”
“อย่างไรก็ตาม, คนจนอย่างฉันไม่เหมือนกัน……. ฉันไม่สามารถซื้อเนื้อมอนสเตอร์ระดับขอบเขตได้เลย”
"แต่ตอนนี้ฉันมีโอกาสที่จะได้กินอาหารดีๆเเบบนี้…… เเล้วฉันจะอดกลั้นไว้ได้อย่างไร”
ซีเหมิงหัวเราะ, จากนั้นโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด……..เขาก็หยิบบาร์บีคิวชิ้นหนึ่งขึ้นมาและกินมันเต็มปากเต็มคำ
เมื่อชูโจวและคนอื่น ๆ เห็นสิ่งนี้ พวกเขาทั้งหมดก็ได้เเต่ยิ้มแล้วเริ่มทานบาร์บีคิวกัน
ทุกคนกินเนื้อและดื่มด้วยกันพร้อมพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา ในบรรยากาศที่เป็นไปอย่างกลมกลืน
"กัปตัน…… คุณยิ่งใหญ่มาก!"
"ในเมืองฐานเย่ไห่, คุณฆ่าราชางูชูฉางชิง, ราชาคู่ของตระกูลเจียง, ซานหยูขององค์กรจันทร์เดือนดับ, ออเกอร์-เอิร์นของตระกูลเอิร์น"
"หลังจากนั้นคุณก็บุกโจมตีโลกตะวันตกเพียงลำพัง ทำลายล้างตระกูลเอินส์และตระกูลใหญ่อีกหกตระกูล แถมสังหารนักรบขั้นราชาไปสิบแปดคน!"
“กัปตันไม่รู้หรอกว่านักรบในแนวหน้าเหล่านั้นอิจฉาพวกเรามากแค่ไหนหลังจากที่รู้ว่าคุณเป็นกัปตันของเรา”
“ฮ่าฮ่าฮ่า น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีโชคอย่างพวกเราที่ได้ตั้งทีมกับคุณ”
ซีเหมิงตะโกนอย่างตื่นเต้นขณะกินเนื้ออยู่เต็มปาก
หลี่ชิงฉีหัวเราะและพูดเสริมว่า
“ตอนอยู่ในแนวหน้า นักรบหนุ่มเหล่านั้นเกือบจะเป็นแฟนคลับของกัปตันทั้งหมดแล้ว!”
ด้านชูโจวก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
เขาไปโลกตะวันตกเพื่อแก้แค้นตระกูลเอิร์นและตระกูลเมดิชิ
เเละเขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในฝั่งตะวันตก………นับประสาอะไรกับแฟนคลับจำนวนมากที่เกิดขึ้นเพราะเหตุการณ์นี้
……..
“สถานการณ์ในแนวหน้าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” ชูโจวถาม
ลี่เกอ, ตงฟางหมิงจู และ หยางเจิ้นเจิน ก็มองไปที่พวกหลิงซานอย่างอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน
พวกเธอทั้งหมดอยู่ในเมืองฐานกวางตุ้ง
แม้ว่าพวกเธอจะสามารถได้รับข่าวของแนวหน้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้…แต่มัยก็จะไม่ชัดเจนเท่ากับหลิงซานทั้งสามคนที่อยู่ในแนวหน้าเป็นคนบอก
ซีเหมิงและหลี่ชิงฉีซึ่งค่อนข้างมีความสุขในตอนแรก…รู้สึกหดหู่เล็กน้อยหลังจากได้ยินคำถามของชูโจว
"ให้ฉันบอกคุณเอง" หลิงซานกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“สถานการณ์ในแนวหน้าเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเเล้วในตอนนี้”
"ก่อนหน้านี้ ผู้บัญชาการลู่ได้ทำการโจมตีตอบโต้และสังหารมอนสเตอร์ระดับขอบเขตจำนวนมาก…...เเละการกระทำนั้นมีบทบาทอย่างมากที่ทำให้การโจมตีของฝูงมอนสเตอร์อ่อนแอลง"
"แต่วันดีๆเเบบนั้นกลับอยู่ได้ไม่นานเพราะ 'วันแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่' ที่มาถึง"
"นับตั้งแต่ 'วันแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่' มาถึง……. ฝูงมอนสเตอร์ก็เริ่มมีการโจมตีที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ"
“ในช่วงเเรก, มอนสเตอร์ในกองทัพมอนสเตอร์นั้นเป็นระดับทั่วๆไป”
"แต่ต่อมา, มันค่อยๆมีมอนสเตอร์ระดับพิเศษมากขึ้นเรื่อยๆ……เเละแม้แต่มอนสเตอร์ระดับควบคุมและมอนสเตอร์ระดับขอบเขตก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น"
"จนถึงตอนนี้ ไม่เพียงแต่จำนวนของมอนสเตอร์ระดับควบคุมและมอนสเตอร์ระดับขอบเขตเท่านั้นที่เพิ่มมากขึ้น……..แต่จำนวนของราชามอนสเตอร์ที่ควบคุมกองทัพมอนสเตอร์ก็เพิ่มขึ้นจำนวนขึ้นเช่นกัน"
“แรงกดดันในแนวหน้าสูงมากในตอนนี้………เเละเมื่อเจ็ดวันก่อน เพื่อบรรเทาความกดดันในแนวหน้า…..…ผู้บัญชาการลู่จึงดำเนินการเป็นการส่วนตัวเพื่อสังหารราชามอนสเตอร์[อินทรีสายฟ้าปีกทอง]”
"อย่างไรก็ตาม, ข้าไม่คาดคิดว่าจะถูกอินทรีสายฟ้าปีกทองและราชามอนสเตอร์ อีกสองตัวดักซุ่มอยู่"
"ยังโชคดีที่ผู้บัญชาการลู่มีพลังมหาศาล…… ดังนั้นเขาจึงรอดพ้นจากการซุ่มโจมตีของราชามอนสเตอร์ทั้งสามและกลับมาที่ฐานได้อย่างปลอดภัย"
"อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการลู่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อเขากลับมา" หลิงซานกล่าวอย่างกังวล
ในเวลานี้ซีเหมิงก็วางบาร์บีคิวและไวน์ในมือของเขาลงและสาปแช่ง
"ให้ตายเถอะ, ฉันสงสัยจริงๆว่าราชามอนสเตอร์ และองค์กรทั้งสามอย่างองค์กรจันทร์เดือนดับ, องค์กรโลก และ กลุ่มพันธมิตรเงากำลังสมรู้ร่วมคิดอยู่เบื้องหลัง"
"มิฉะนั้นหลังจาก 'วันแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่' กองทัพของมอนสเตอร์จะเพิ่มความแข็งแกร่งในการโจมตีในทันทีได้อย่างไร"
หลี่ชิงฉียังกล่าวเสริมอีกว่า
"สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายมากจริงๆ หลังจาก 'วันแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่' มาถึงการสนับสนุนเมืองฐานของกวางตุ้งไปยังแนวหน้าก็ลดลงอย่างรวดเร็ว"
"ไม่ว่าจะเป็นนักรบ ทหาร หรืออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆหลังจาก 'วันแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่' การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่' โดยพื้นฐานแล้วแนวหน้าไม่ได้รับการเติมเต็มอีกเลย"
"ตรงกันข้ามกับการโจมตีของกองทัพมอนสเตอร์ที่รุนแรงขึ้นทุกครั้ง"
“เเล้วฉันยังรู้ด้วยว่าโรงยิมหลักสามแห่งและพันธมิตรมนุษย์นั้นยากที่จะสนับสนุนแนวหน้าต่อไปได้”
"แต่ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป แนวหน้าอาจจะไม่สามารถต้านทานกองทัพมอนสเตอร์ได้อีกเเล้ว"
"ในเวลานั้น เมื่อกองทัพมอนสเตอร์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดบุกเมืองมนุษย์ของเรา"
"มันก็จะเป็นหายนะที่น่ากลัวยิ่งกว่า 'วันแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่' เสียอีก"
"เเถมเท่าที่ฉันรู้มาก……..มันไม่ใช่แค่แนวหน้าทางตอนใต้ของภูมิภาคกวางตุ้งของเราเท่านั้นที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้"
"แนวหน้าในทุกเมืองหลักทั่วโลกก็กำลังเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้"
"และปัญหานี้ร้ายแรงมาก หากไม่ได้รับการแก้ไขได้ทันเวลา……. มนุษย์เราอาจตกอยู่ในอันตรายจากการถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ก็เป็นได้"
ชูโจว, ลี่เกอ, ตงฟางหมิงจู, หยางเจิ้นเจินต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิงฉี
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าสถานการณ์ในแนวหน้าจะรุนแรงถึงเพียงนี้
………..
"ดูเหมือนว่าหลังจาก 'วันแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่' ได้มาถึง"
"พวกเราหลายคนมุ่งความสนใจไปที่องค์กรใหญ่สามแห่งอย่าง, องค์กรจันทร์เดือนดับ, องค์กรโลก และกลุ่มพันธมิตรเงา…….จนเราลืมไปเเล้วว่ามอนสเตอร์ก็เป็นศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติเช่นกัน” ชูโจวกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
ลี่เกอที่เห็นชูโจวถอนหายใจ ก็อดไม่ได้ที่จะอธิบายเพิ่ม
"คุณไม่ต้องกังวลขนาดนั้น"
"โรงยิมศิลปะการต่อสู้หลักสามแห่งและกลุ่มพันธมิตรมนุษย์นั้นเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่สังเกตเห็นปัญหานี้"
"ดังนั้น, โรงยิมศิลปะการต่อสู้หลักทั้งสามและกลุ่มพันธมิตรมนุษย์จะต้องเตรียมการบางอย่างไว้รับมือกับพวกมันเเล้ว"
“ส่วนที่ยังไม่ได้ใช้ ก็คงเพราะว่ามันยังไม่ถึงเวลา”
…….
“ฮ่าฮ่าฮ่า ลี่เกอพูดถูกเเล้ว”
"ชูโจว…….. คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป, โรงยิมศิลปะการต่อสู้หลักทั้งสามและกลุ่มพันธมิตรมนุษย์ของเรานั้นไม่ใช่กองกำลังธรรมดา"
"พวกเขาสามารถนำเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้อยู่รอดได้มาหลายปีแล้ว……เเล้วเราจะพ่ายแพ้อย่างง่ายดายได้อย่างไร”
"เหตุผลที่ไม่มีการโต้กลับครั้งใหญ่ในตอนนี้ก็คือมันยังไม่ถึงเวลา!"
ชูโจวที่ได้ยินเสียงหัวเราะมาจากข้างนอก, เขาจึงมองไปที่ประตูทันที
ทันใดนั้นเขาก็ได้เห็น, ถังหยวนชิง, เนี่ยอิง, และ ไป่ชางหมิงเดินเข้าประตูมา
“ประธานถัง, ผู้อำนวยการเนี่ยพวกคุณก็มาที่นี่ด้วย” สีหน้าของชูโจวมีความประหลาดใจปรากฏออกมาเล็กน้อย
“พวกเรามาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญ, ฉันหวังว่าคุณจะไม่ตำหนิพวกเราที่มารบกวน” ถังหยวนชิงยิ้ม, เดินไปหาชูโจว และนั่งลง
"ฉันเเค่มางานเลี้ยง" เนี่ยอิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ชูโจว…..ไม่เจอกันนานเลย” ไป๋ชางหมิงทักทาย
"ยินดีต้อนรับครับ….....งานเลี้ยงเเบบนี้ยิ่งมีคนเยอะก็ยิ่งดี" ชูโจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
…….
“ยิ่งคนเยอะ ก็ยิ่งคึกคักงั้นหรอ…… งั้นพวกเราก็จะร่วมสนุกด้วย”
หลังจากถังหยวนชิงและคนอื่นๆเพิ่งนั่งลง…….. ก็มีอีกสองกลุ่มเข้ามา
หนึ่งในนั้นคือตู้กู่หลาน, ประธานของโรงยิมศิลปะการต่อสู้เเห่งธรรมชาติ
เเละเธอยังได้พาเย่วยุน, อัจฉริยะแห่ง โรงยิมศิลปะการต่อสู้เเห่งธรรมชาติที่ ชูโจวเคยพบมาที่นี่ด้วย
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคือเซี่ยเหมิง, ประธานของโรงยิมศิลปะการต่อสู้เเห่งจิตวิญญาณซึ่งได้นำผู้หญิงสองคนที่ชูโจว รู้จักดีมาด้วย
ผู้หญิงสองคนนั้นคือหลัวเย่วและเซียวเตี๋ย ซึ่งชูโจวเคยพบที่ฐานเสบียงนักรบ
ในหมู่พวกเธอ, เซียวเตี๋ยเคยเข้าร่วม หน่วยใบมีดของชูโจวและเข้าร่วมในการปิดล้อมฐานวิจัยลับของกลุ่มพันธมิตรเงา
ชูโจวประทับใจเด็กหญิงตัวเล็กๆคนนี้มาก
เธอที่ดูขี้ขลาดและหวาดกลัว…….แต่เธอก็มักจะสามารถใช้อาวุธเพื่อแทงศัตรูเข้าไปในรังของตนได้อย่างน่ากลัว
“พวกคุณทุกคนยังเด็ก, ดังนั้นควรจะสื่อสารกันให้มากกว่านี้” ตู้กู่หลานนำ เย่วยุนไปที่ชูโจวและพูดด้วยรอยยิ้ม
"เย่วยุนคุณควรเรียนรู้จากชูโจว"
"ถ้าคุณเก่งได้สักครึ่งของชูโจว ฉันก็วางใจได้ว่าคุณจะสามารถรับตำแหน่งต่อจากฉันได้"
เมื่อได้ยินสิ่งนี้, ปากของเย่วยุนก็กระตุกเล็กน้อยและพูดอย่างช่วยไม่ได้
“ประธาน……. คุณไม่ควรเปรียบเทียบฉันกับสัตว์ประหลาดเเบบชูโจว ฉันเทียบเขาไม่ได้” ในขณะที่เขาพูด, เขาก็มองไปที่ชูโจวด้วยความชื่นชมอย่างสุดซึ้ง
แม้ว่าเขาจะถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะ, แต่เขาจะเปรียบเทียบกับคนอย่างชูโจวได้อย่างไร?
"น้องชู ฉันขอยกย่องคุณ" เย่วยุนยกเเก้วให้ชูโจว
“ฮ่าๆ……ขอบคุณพี่เย่ว” ชูโจวยิ้มและความคับข้องใจเล็กน้อยที่เขามีกับเย่วยุนในซากอารยธรรมโบราณก็หายไปในขณะนี้
เมื่อตู้กู่หลานเห็นทัศนคติของชูโจวที่มีต่อเย่วยุน……..เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เธอรู้ว่าเย่วยุนและชูโจวมีความขัดแย้งกันเล็กน้อย
ดังนั้นเธอจึงพาเย่วยุนมาที่นี่โดยหวังว่าจะสามารถแก้ไขข้อข้องใจระหว่างทั้งสองฝ่าย
เเละเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วเธอก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก
หลังจากนั้นเซี่ยเหมิงก็พาหลัวเย่วและ เซียวเตี๋ยมาทักทายชูโจว
“สาวน้อย เธอจำฉันได้ไหม” ชูโจวกล่าวกับเซียวเตี๋ยด้วยรอยยิ้ม
“จำได้สิ……พี่ชาย” เซียวเตี๋ยพูดอย่างขี้อายที่มาพร้อมกับความชื่นชมบนใบหน้าของเธอ
จากนั้นชูโจวก็ให้เซียวเตี๋ยนั่งลงข้างๆเขา
เเละเมื่อเขาคิดได้ว่า หลิงซาน, ลี่เกอ, ตงฟางหมิงจู, หยางเจิ้นเจิน และคนอื่นๆ ไม่เคยพบกับถังหยวนชิง, เนี่ยอิง, ตู้กู่หลานเเละเซี่ยเหมิง
ดังนั้นเขาจึงยืนขึ้นอีกครั้งและแนะนำพวกเขาทีละคน
ลี่เกอ, ตงฟางหมิงจู และ หยางเจิ้นเจิน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ติดต่อกับราชาทั้งสี่อย่างถังหยวนชิง, เนี่ยอิง, ตู้กู่หลาน และเซี่ยเหมิงโดยตรง……..แต่พวกเธอก็รู้จักตัวตนของพวกถังหยวนชิงมาบ้าง
ดังนั้นพวกเธอจึงยังสามารถสงบสติอารมณ์ไว้ได้
แต่ หลิงซาน, ซีเหมิง และ หลี่ชิงฉีนั้นไม่สามารถสงบลงได้เลย……หลังจากที่พวกเขาได้รู้ตัวตนของถังหยวนชิงและคนอื่นๆ
เเม้เเต่ซีเหมิงผู้ซึ่งไร้มารยาทอยู่เสมอก็ยังต้องนั่งนิ่งๆอย่างระมัดระวังตัว
โดยไม่รู้ตัว, กัปตันของพวกเขาไม่เพียงแต่พัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองจนถึงขั้นตัดหัวนักรบขั้นราชาได้เท่านั้น
เเต่รอบๆตัวเขายังมีอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์จากตระกูลใหญ่อย่าง ลี่เกอ, ตงฟางหมิงจู และหยางเจิ้นเจิน
นอกจากนี้ยังมีบุคคลที่ยิ่งใหญ่อย่าง ถังหยวนชิง, เนี่ยอิง, ตู้กู่หลาน, เซี่ยเหมิง ซึ่งเป็นประธานโรงยิมศิลปะการต่อสู้หรือผู้ตรวจสอบ
ตอนนี้, ชูโจวไม่เพียงแต่จะแข็งแกร่งขึ้น เท่านั้น……..แต่คนรอบๆตัวเขาก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน
……………………..