ตอนที่แล้วบทที่ 18 ชาร์จพลัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 20 แข่งขันทักษะการทำอาหาร (ปลาย)

บทที่ 19 แข่งขันทักษะการทำอาหาร (ต้น)


ฉินชิงลุกขึ้นในเช้าวันต่อมา รู้สึกว่าการออกกำลังกายของตนนั้นมีประโยชน์มาก อย่างน้อยก็ไม่ปวดหลังแล้ว ดังนั้นนางจึงตื่นนอนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น รีบขอให้หลิวหลีไปแจ้งพ่อครัวใหญ่ในห้องเครื่องเหล่านั้นให้ทราบว่านางต้องการเลือกพ่อครัวมาประจำการในห้องครัวเล็กๆ ของนาง

เมื่อหลิวหลีไปถึงห้องเครื่องก็เรียกพ่อครัวใหญ่ออกมา บอกเจตนาของฉินชิง

“เหนียงเหนียงของพวกเราต้องการสร้างห้องครัวเล็กๆ ต่อไปห้องเครื่องใหญ่ไม่ต้องส่งอาหารแล้ว ที่เหนียงเหนียงส่งข้ามาในครั้งนี้ก็เพราะจะมาแจ้งพ่อครัวใหญ่ว่าเหนียงเหนียงของพวกเราต้องการเลือกพ่อครัว และจะมีการจัดการแข่งขันขึ้น”

พ่อครัวใหญ่ท่านนั้นรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินเช่นนี้ วิธีการของเหนียงเหนียงเขาเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ดังนั้นจึงถามรายละเอียดจากหลิวหลี

“เหนียงเหนียงมีโจทย์อะไรหรือไม่ พอถึงตอนนั้นจะเลือกอย่างไร?”

“ไม่มีโจทย์ ให้พ่อครัวทุกคนเลือกอาหารที่ตนถนัดที่สุดมาสามอย่าง และเขียนข้อมูลพื้นฐานของตัวเองออกมาสักเล็กน้อย พอถึงตอนที่เหนียงเหนียงชิมก็จะตัดสินใจเลือกจากพ่อครัวทุกท่าน และการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศรอบสุดท้ายจะเป็นรอบตัดสินว่าใครจะได้เป็นพ่อครัวแห่งห้องครัวตำหนักจงชุ่ยของพวกเรา”

พ่อครัวใหญ่เข้าใจ จากนั้นจึงเรียกพ่อครัวที่เป็นลูกน้องของตนมารวมตัวและแจ้งข่าวนี้ให้ทุกคนทราบ

บรรดาพ่อครัวที่ได้ยินข่าวนี้ต่างพากันตื่นเต้นเป็นอย่างมาก คนในห้องเครื่องต่างก็รู้กันดีว่าสนมเจาที่เพิ่งเข้าวังมาได้ให้รางวัลจำนวนไม่น้อย แน่นอนว่าพวกเขาอยากไปตำหนักจงชุ่ยของสนมเจาอย่างแน่นอน

ไปที่ห้องครัวเล็กก็ทำอาหารให้เจ้านายเพียงคนเดียว รู้แน่นอนว่าเจ้านายนั้นชอบรสชาติอะไร ไม่จำเป็นต้องทำอาหารให้พระสนมหลายๆ คนในห้องเครื่อง พอทำไม่ดีก็ถูกพ่อครัวใหญ่ดุว่า

และที่ผ่านมาฉินชิงก็ไม่เคยปฏิเสธ ตราบใดที่ทำอาหารอร่อยนางก็กินทั้งนั้น ไม่มีข้อห้ามอะไร ยินดีที่จะลองของใหม่ๆ อาหารใหม่ๆ

อีกอย่างงานที่ต้องทำในครัวเล็กย่อมมีน้อยกว่าในห้องเครื่อง เงินมากแต่งานน้อยทั้งยังมีเถ้าแก่ใจดี เรื่องแบบนี้ไม่ว่าใครก็อยากเข้าไปแย่งชิง

ดังนั้นจึงมีคนถาม

“การแข่งขันนี้จะจัดขึ้นเมื่อไร? พวกเราจำเป็นต้องเตรียมอะไรหรือไม่?”

“พวกเจ้ามีเวลาเตรียมตัวสามวัน ให้เตรียมอาหารสามอย่างในเวลาเที่ยงหลังจากสามวันนับจากนี้ เหนียงเหนียงจะรอชิมอยู่ที่ตำหนักจงชุ่ย พอถึงตอนนั้นอาหารทุกจานจะมีการเรียงลำดับ เหนียงเหนียงจะไม่รู้ว่าเป็นใครทำ เหนียงเหนียงจะเป็นผู้ให้คะแนนอาหาร อาหารหนึ่งอย่างคะแนนเต็มสิบ สิบคะแนนถือว่าดีที่สุด หนึ่งคะแนนแปลว่าแย่ที่สุด”

“พรุ่งนี้พวกเจ้าเขียนข้อมูลส่วนตัวของตัวเองส่งมาให้ข้า ถ้าเขียนไม่ได้ก็มาบอกปากเปล่าให้คนอื่นเขียนให้”

เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนก็เข้าใจแล้ว และพวกเขาต่างก็กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้นางสนมพอใจ

บางคนถึงขั้นมาเอาใจหลี่เต๋อหรง หวังว่าจะงัดแงะอะไรออกมาจากปากของเขาได้บ้าง

“พี่หลี่ เหนียงเหนียงชอบกินอะไร? เหนียงเหนียงชอบอาหารที่เจ้าทำเจ้าก็ต้องมีเคล็ดลับดีๆ ใช่หรือไม่ บอกน้องชายได้หรือไม่ พอถึงตอนนั้นน้องชายจะตอบแทนเจ้าเป็นร้อยเท่า”

แต่หลี่เต๋อหรงกลับไม่บอกใครเลยสักคน เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าฉินชิงชอบอะไร จึงทำได้แค่ตอบไปว่า

“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าพระสนมเจาชอบกินอะไร ไม่ว่าอะไรเหนียงเหนียงก็ชอบกินทั้งนั้น ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรที่ชอบกินเป็นพิเศษ พวกเจ้าต้องตั้งใจเอาฝีมือออกมาให้เต็มที่เท่านั้นก็พอแล้ว”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น บางคนก็รู้สึกว่าหลี่เต๋อหรงไม่ได้พูดความจริง เขาจะต้องซ่อนความจริงเอาไว้เป็นการส่วนตัวไม่ยอมบอกทุกคน บางคนก็คิดว่าหลี่เต๋อหรงไม่รู้จริงๆ ดังนั้นจึงคิดอย่างถี่ถ้วนว่าตนจะทำอาหารประเภทไหน โดยเชื่อว่าหากปรุงอาหารให้ดีที่สุด เหนียงเหนียงจะต้องชื่นชมแน่นอน

ถึงเช้าวันแข่งขันอย่างรวดเร็ว ในห้องเครื่องเรียกได้ว่าวุ่นวายเหมือนอยู่ในภาวะสงครามก็ไม่ปาน พ่อครัวทุกคนต่างก็งัดเอาทักษะของตนออกมาอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้รับคุณสมบัติในการเข้าไปในห้องครัวเล็ก

ส่วนฉินชิงก็ให้หยินซั่นไปเชิญฮ่องเต้แต่เช้า บอกว่ามีอาหารอร่อยๆ จะส่งให้ฮ่องเต้ ครั้งนี้จึงอยากจะเชิญฮ่องเต้มาชิมสักหน่อย

เมื่อฉินชิงคิดว่าตอนเที่ยงนี้นางจะได้กินอาหารอร่อยๆ นับไม่ถ้วน น้ำลายก็ไหลออกมาทันที ดังนั้นตลอดทั้งเช้านางจึงรอเวลาเที่ยงให้มาถึง

และเมื่อตอนเที่ยงมาถึง อาหารหลายร้อยจานก็ถูกส่งมาที่ตำหนักจงชุ่ย โชคดีที่ฉินชิงวางอาหารที่จะชิมไว้ในลานกว้าง ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าอาหารมากมายขนาดนี้จะไปวางไว้ตรงไหน

และเมื่ออาหารถูกวางไว้อย่างเรียบร้อย ฮ่องเต้ก็มาถึงพอดี หลังจากน้อมทักทายฮ่องเต้แล้ว ฉินชิงก็เชิญฮ่องเต้มาลองชิมอาหารด้วยกัน

ส่วนเหลียงอี้ที่เห็นอาหารบนโต๊ะเป็นร้อยอย่างก็พูดกับฉินชิงว่า

“ไม่น่าล่ะเจ้าต้องเชิญเจิ้นมา อาหารเยอะขนาดนี้เจ้าคนเดียวคงกินไม่หมด เจ้าคนตะกละ”

ฉินชิงที่ถูกฮ่องเต้หยอกล้อ นางกลับไม่มีกะจิตกะใจจะโต้เถียงกับเขา เพียงดึงแขนเสื้อของเหลียงอี้

“ฝ่าบาท พวกเรามากินเถอะ เย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ วันนี้ข้าไม่ได้กินข้าวเช้าเพื่อรอการแข่งขันตอนเที่ยงเลยนะ ตอนนี้ข้าหิวมาก” ฉินชิงพูดพลางดึงแขนเสื้อของเหลียงอี้

เมื่อเห็นว่าฉินชิงไม่ได้กินข้าวเช้าเพื่อการแข่งขันนี้ เหลียงอี้ก็คิดว่าฉินชิงอาจจะหิวจริงๆ หากจะหยอกล้อนางต่อไปคงไม่ใช่เรื่องดีนัก ดังนั้นจึงเริ่มชิมทันที

จากหมายเลขหนึ่งถึงหมายเลขสิบ มีเพียงหมายเลขเจ็ดเท่านั้นที่ฉินชิงให้เก้าคะแนน ก็คือเป็ดอมตะ เป็ดอมตะเป็นอาหารเสฉวน แต่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก ส่วนใหญ่จะอยู่ในอาหารของงานเลี้ยง

ขณะที่ฉินชิงกินก็มีขันทีน้อยของห้องเครื่องคอยอธิบายอยู่ข้างๆ

วิธีทำก็คือการลวกเป็ดในน้ำเดือด จากนั้นนำมาทอด และนำวัตถุดิบ เช่น หน่อไม้หลงฤดู เห็ดหอม ลิ้นหมู แฮม หรือกระเพาะหมูมาห่อในผ้าบางให้เรียบร้อย ปรุงรสด้วยซอสให้ดี เทลงบนเป็ด จากนั้นก็นำไปนึ่ง

ตอนที่ฉินชิงกินก็รู้สึกว่ามันแต่ไม่เลี่ยน อีกทั้งยังอร่อยและสดใหม่ อ่อนนุ่ม ไม่ต้องใช้แรงเคี้ยวให้มากก็ละลายในปากได้เลย

เหลียงอี้เองก็รู้สึกว่าอาหารจานนี้ไม่เลวเลย กินได้หลายคำ คิดไม่ถึงว่าในห้องเครื่องจะมีพ่อครัวที่ทำอาหารเช่นนี้ได้ด้วย เหตุใดเขาไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งนี้?

ฉินชิงรู้สึกว่าการแข่งขันนี้สมบูรณ์แบบมาก ได้กินอาหารอร่อยๆ มากมาย ใช้ชีวิตราวกับเซียนบนสวรรค์

จึงพูดกับพ่อครัวใหญ่ที่อยู่ข้างๆ “ข้าอยากได้พ่อครัวอาหารจานนี้ เก็บไว้ให้ข้าด้วย”

พ่อครัวใหญ่จดชื่อไว้ทันที จากนั้นก็เดินตามฉินชิงไปข้างหน้า

อาหารจานที่สิบเอ็ดจนถึงจานที่ยี่สิบไม่ใช่ของใหม่ ส่วนใหญ่เป็นอาหารที่เจอบ่อยๆ รสชาติก็พูดได้ว่าเป็นรสชาติเฉพาะในห้องเครื่องเท่านั้น

จริงๆ แล้วการเลือกพ่อครัวของฉินชิงในครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะเลือกพ่อครัวธรรมดา เพราะพ่อครัวชั้นสูงทระนงตน ไม่มีทางอยากมาที่ห้องครัวเล็กๆ ของนาง และพ่อครัวที่ทำอาหารให้ฮองเฮาโดยเฉพาะก็ไม่มีทางมาเข้าร่วมการแข่งขันของนาง

ต่อให้เป็นพ่อครัวของเจิ้งกุ้ยเฟย สนมหรง สนมโหลว หรือสนมคนอื่นๆ ก็ไม่มีทางมาเข้าร่วมการแข่งขันนี้ ส่วนสนมระดับล่างก็แทบไม่มีใครที่มีพ่อครัวเฉพาะ แค่มีอาหารที่ทำกันทั่วไปในวังส่งมาก็พอแล้ว

หากคิดจะหาคนที่มีพรสวรรค์จึงไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่กระนั้นในสิบคนจะมีอยู่เพียงคนเดียวที่ทำอาหารออกมาได้ดี อย่างเช่นหลี่เต๋อหรงและพ่อครัวหมายเลขเจ็ดในวันนี้ที่ฉินชิงพบว่ามีพรสวรรค์

ฉินชิงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตนจะได้ไข่มุกในห้องเครื่องทั้งหมดมาทำอาหารให้นางคนเดียว แบบนี้จะทำให้นางได้กินของอร่อยๆ ทุกวัน

ฉินชิงยังอยากให้พ่อครัวสร้างสรรค์อาหารใหม่ๆ ในห้องครัวเล็กๆ ของนาง ดังนั้นจึงต้องการผู้ที่มีพรสวรรค์ในด้านอาหาร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด