บทที่ 19 เธอขี่หลังฉัน
เธอยกตัวอย่างการผ่าตัดที่เธอเคยทำ จากนั้นก็คิดทบทวน “แต่ว่า ฉันยังไม่เคยเป็นหมอผ่าตัดหลักในการผ่าตัดศัลยกรรมสมอง เคยเป็นแค่ผู้ช่วย ฉันถือว่าโชคดีมาก”
เขาฟังอยู่เงียบๆ โดยตลอด จนกระทั่งเธอพูดจบและไม่ได้แสดงความคิดเห็น
เธอรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะพูด เมื่อก้มหน้ากินบิสกิต จู่ๆ เขาก็เอ่ยปากถาม “เข้าห้องแล้วกลัวหรือเปล่า?”
เธอนึกย้อนกลับไปถึงการเข้าผ่าตัดครั้งแรก “ไม่นะ! อาจารย์บอกว่าฉันนิ่งมาก ที่จริงก่อนการผ่าตัดครั้งแรกก็มีตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่พอยืนอยู่ที่แท่นก็ทุ่มเททั้งหมดให้กับมัน”
“เลือกเฉพาะทางด้านศัลยกรรมระบบประสาท? เธอกับติงอี้ย่วนมีความกล้ามากทั้งคู่” เขาพูดและเสริมในตอนท้าย “ฉันยังไม่เคยมีลูกศิษย์เป็นผู้หญิง ในแผนกก็ไม่มีหมอผู้หญิง”
เรื่องนี้เธอรู้ดี หมอด้านศัลยกรรมที่เป็นผู้หญิงเดิมมีน้อยอยู่แล้ว ยิ่งศัลยกรรมระบบประสาทยิ่งเรียกได้ว่าหาตัวจับยาก เพียงแต่เธอเป็นคนประเภทที่ไม่เคยกลัวความท้าทาย เหมือนกับตอนที่เธอแต่งงานกับเขาในตอนต้น แม้จะรู้ว่ายาก แต่ก็ยังจะไขว่คว้าปีนขึ้นฟ้า อาศัยเพียงความกล้า เธอสามารถที่จะเดินหน้าไม่สนใจสิ่งใด แต่การแต่งงานกับการทำงานนั้นไม่เหมือนกัน ความรู้สึกที่ลึกซึ้งของคนคนเดียว ไม่อาจทำให้ชีวิตแต่งงานของคนสองคนชื่นมื่นได้ แต่กับความกระตือรือร้นแบบเดียวกันเมื่อใช้กับการทำงานกลับสามารถได้รับผลตอบรับที่ควรเป็น
เธอยิ้ม “ฉันรู้ว่ายาก แต่ในเมื่อเลือกแล้วก็จะไม่เสียใจภายหลัง สำหรับฉันแล้ว ความท้าทายที่สุดคือความแข็งแกร่งทางกาย ฉันรู้ว่าควรจะต้องทำอะไร”
เขาพยักหน้า “ดี ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด เธอก็สู้ๆ”
เธอยกคางเล็กน้อย “ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด เธอก็สู้ๆ คืออะไรคะ? ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่ปีฉันก็เก่งกว่าคุณแล้ว!”
เขานิ่งไปและพยักหน้าอีกครั้ง “ฉันจะรอและหวังอย่างนั้น”
เธอหยิบนมเปรี้ยวขวดหนึ่งขึ้นมา ปักหลอดและส่งให้เขา “ถือไว้”
แม้จะไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไร เขาก็ยังรับไว้
เธอยกขวดนมของตัวเองเพื่อชนกับขวดของเขา การกลับมาเจอกันอีกครั้งในวันนี้ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่ควรจะเป็น ดังนั้นจึงเริ่มใหม่อีกครั้ง “ไฮ คุณหมอหนิง ดีใจที่ได้พบคุณอีกครั้งค่ะ ต่อไปขอฝากตัวด้วยนะคะ”
นี่ ถึงจะเป็นการกลับมาพบกันอีกครั้งที่เธอวาดหวังไว้
เขามองเธอเงียบๆ และไม่พูดอะไร
ที่นอกหน้าต่าง ฝนซาลงเล็กน้อย เธอพิงตัวลงที่หน้าต่าง กัดหลอด “เห็นแบบนี้เหมือนฝนใกล้จะหยุดแล้วนะ”
เธอเห็นว่ามีคนเดินลุยน้ำ ระดับน้ำไม่ถึงต้นขา อีกสักพักรถคงขับลุยต่อไปไม่ได้แล้ว
เขาเองก็เห็นแล้วพูด “เดี๋ยวฝนหยุดแล้วลุยไปกัน ผ่านถนนช่วงนี้แล้ว เธอก็เรียกแท็กซี่กลับไป”
“อือ ดีค่ะ” ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีเรื่องหนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้พูด “หมายเลขบัตรยังเหมือนเดิมใช่ไหมคะ?”
เขาเป็นคนฉลาดมาก สามารถเข้าใจความหมายของเธอในทันที “ไม่ต้องหรอก...”
“ไม่!” เธอขัดขึ้นโดยไม่รอให้เขาพูดจนจบ เธอเป็นคนดื้อ เขาคงเข้าใจดี
เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ก็ได้” เขาหยิบบัตรธนาคารออกมาจากกระเป๋าเงินแล้วให้เธอดู
เธอใช้โทรศัพท์มือถือโอนให้เขา “เรื่องของหร่วนหลาง ขอบคุณนะคะ” วันนั้นที่หร่วนหลางไปถ่ายละคร เธอเอาเงินให้หร่วนหลาง ให้เขาเอาไปคืน แต่หร่วนหลางโทรมาบอกเธอว่าพี่เขยไม่เอา ดังนั้นเธอจึงหาโอกาสเพื่อจะนำเงินมาคืนเขาอยู่ตลอด
ฝนที่ด้านนอกซาลงบ้างแล้ว มีเพียงหยดน้ำเล็กน้อยหล่นกระทบกระจกรถ
เธอเฝ้ามองอยู่พักหนึ่ง “น่าจะพอได้แล้ว ฉันจะลงรถแล้วเดินไป” เธอลงจากรถ
เขาเองก็ลงรถเดินตามไปเป็นเพื่อนเธอจนถึงบริเวณที่มีน้ำขัง
เธอเริ่มพับขากางเกง เขากลับคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ “เธอขี่หลังฉันข้ามไปเถอะ”