บทที่ 17 การนอนหลับของเสวี่ยถวนในวันฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อได้เห็นท้องของฟางกุ้ยอี้ในวันนี้ ฉินชิงก็รู้สึกว่าท้องของนางเล็กไปหน่อย ถ้าเทียบกับสตรีตั้งครรภ์ทั่วไปที่มีอายุครรภ์สามเดือน ท้องของฟางกุ้ยอี้ดูเหมือนจะน้อยกว่าสามเดือนเสียอีก ที่เห็นในตำหนักวันนี้ ฉินชิงรู้สึกว่าฟางกุ้ยอี้ตัวเล็กไปหน่อย ผอมเกินไป คงเพราะอ้วกอย่างรุนแรงถึงได้มีอาการเช่นนี้กระมัง
สนมโหลวดูเครียดมากหรือไม่? นางคงไม่ทำร้ายใครหรอกกระมัง ถ้าจะทำร้ายจริงๆ แค่คิดฉินชิงก็รู้แล้วว่าเป็นใคร นี่ก็คือละครงิ้วเรื่องแรกที่นางได้เห็นในวังหลัง
ตั้งแต่ฉินชิงรู้สึกว่าทารกในครรภ์ของฟางกุ้ยอี้ไม่มั่นคง นางก็ยิ่งออกไปข้างนอกไม่ได้ แม้แต่ตำหนักจงชุ่ยของนางก็ยังต้องเรียกหลิวหลีและขันทีใหญ่ฉางชิงให้เป็นตัวแทนนำคำพูดออกแจ้งทุกคนในตำหนัก หากไม่มีเรื่องอะไรห้ามออกจากตำหนัก ถ้าจำเป็นต้องออกไปก็ให้ไปสองคนและต้องจำเวลาไว้ให้ดี ห้ามพูดจาเหลวไหลตอนอยู่ข้างนอก ห้ามพูดนินทาว่าร้ายในวัง
ด้วยวิธีนี้ ตำหนักจงชุ่ยก็ดูเหมือนจะหายไปจากวังหลัง
แน่นอนว่ามันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ ฉินชิงเป็นที่โปรดปรานเช่นนี้ แม้แต่สนมหรงก็ยังลงจากตำแหน่งอย่างรวดเร็ว ไม่ว่านางจะทำตัวไม่เป็นจุดสนใจอย่างไร มันก็ยังเป็นขี้ปากชาวบ้าน
จึงได้แต่ต้องเก็บตัวอยู่เงียบๆ
เมื่อไม่ต้องออกจากประตูตำหนัก ฉินชิงก็ทำได้เพียงวาดรูปและอ่านหนังสือฆ่าเวลาเท่านั้น
ตอนวาดภาพในวันนี้ ฉินชิงก็คิดที่จะวาดภาพแมวของตัวเอง เมื่อพูดแล้วก็ต้องทำ ฉินชิงให้หลิวหลีไปสั่งนางกำนัลให้ย้ายอุปกรณ์วาดภาพทั้งหมดไปไว้ในลานบ้าน
เสวี่ยถวนชอบทำอยู่สามอย่าง หนึ่งคือนอน สองคือกินข้าว โดยเฉพาะข้าวที่มีปลา และสามคืออาบแดด
เสวี่ยถวนในตอนนี้กำลังนอนอาบแดดอยู่ข้างๆ ช่างดูสบายยิ่งนัก
เสวี่ยถวนขี้เกียจเกินไป อย่างการนอนอาบแดดก็ไม่ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย แม้แต่พลิกตัวก็ยังไม่พลิก สะดวกต่อการวาดภาพของฉินชิงยิ่งนัก
เมื่อวางชุดอุปกรณ์วาดภาพเรียบร้อยแล้ว ฉินชิงจึงเริ่มวาดภาพ นางพัฒนาทักษะที่นางมีตั้งแต่วัยเด็ก ทั้งยังได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากครูสอนวิชาศิลปะและทักษะการวาดภาพที่ฮ่องเต้สอนให้กับนาง
ฉินชิงวาดภาพมาสองชั่วยามแล้ว ในที่สุดก็วาดภาพที่ตัวเองพอใจออกมาได้ เสวี่ยถวนกำลังหลับสนิทอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ ขนปุกปุยสีขาวราวหิมะของมันกำลังเปล่งประกายอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ ด้านข้างมีดอกไม้ที่ห้องบุปผาส่งมา สายลมอ่อนๆ พัดโชยเบาๆ
สรุปแล้วภาพวาดนี้ยอดเยี่ยมอย่างมาก ฉินชิงให้คำนิยามเช่นนั้น
และบังเอิญว่าเสี่ยวเซี่ยจื่อมาตั้งแต่เช้าตรู่ ฉินชิงจึงม้วนภาพอย่างดีและให้นางกำนัลนำไปส่งให้เขา ทั้งยังสั่งให้เขาเก็บไว้อย่างดี ฝากบอกฮ่องเต้อย่าขีดเขียนอะไรทับลงไป ให้เขียนสิ่งที่เขาอยากให้นางปรับปรุงลงในกระดาษอีกแผ่น นางพอใจกับภาพวาดนี้แล้ว ไม่อาจทนกับการฝึกวาดที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรลงไปบนภาพตามอำเภอใจได้ตลอดเวลา
เสี่ยวเซี่ยจื่อได้ยินดังนั้น ในใจกลับคิดว่า ฮ่องเต้อยากจะแก้ไข นั่นไม่นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณหรือ เหนียงเหนียงผู้นี้ใยไม่พอใจเล่า?
แต่ปากกลับตอบได้แค่ว่า “เหนียงเหนียงวางใจเถอะ เจตนาของเหนียงเหนียงบ่าวจะนำไปทูลฝ่าบาทเองพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อส่งเสี่ยวเซี่ยจื่อออกไป ฉินชิงก็เริ่มเพลิดเพลินกับอาหารค่ำของนาง
ช่วงนี้ฉินชิงชอบกินเผ็ด อาหารเผ็ดที่สั่งก็คืออาหารของซีซวน แน่นอนว่าคนทำก็คือหลี่เต๋อหรง
อาหารหลักของวันนี้คือกุ้งผัดเซียงล่า ก็เหมือนกับชื่ออาหารที่ทั้งหอมและเผ็ด กัดเพียงคำเดียวน้ำในเนื้อก็แตกออกมา เนื้อกุ้งแน่นๆ กรุบกรอบ มาพร้อมกับเครื่องเคียงหน่อไม้ฝรั่งแผ่นและมันเทศ เข้ากันยิ่งนัก
ฉินชิงเช็ดน้ำมูกไปพลางกินไปพลาง รู้สึกสดชื่นอย่างยิ่ง อาหารรสเผ็ดมีแรงดึงดูดที่ทำให้คนหยุดไม่อยู่
อีกด้านหนึ่งของตำหนักเซวียนเจิ้ง
หลังจากที่เสี่ยวเซี่ยจื่อมอบการบ้านของฉินชิงให้ฮ่องเต้และบอกสิ่งที่ฉินชิงกำชับมา เดิมทีเสี่ยวเซี่ยจื่อคิดว่าฮ่องเต้จะโกรธ เขาประหม่าจนเหงื่อแตกพลั่กบนศีรษะ
แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าฮ่องเต้จะยิ้มเบาๆ และเอ่ยกับตัวเองว่านางมีคำขอมากมายเหลือเกิน
จึงหยิบกระดาษมาหนึ่งแผ่นเพื่อเขียนสิ่งที่ไม่พอใจในภาพวาดของฉินชิง
ในความเห็นของเหลียงอี้ ภาพวาดนี้ดีกว่าภาพวาดที่ฉินชิงเพิ่งเริ่มวาดไม่น้อย
เขายังคิดอย่างภาคภูมิใจ ‘แน่นอนอยู่แล้ว ก็ดูสิว่าใครเป็นคนสอน’
หลังจากเขียนสิ่งที่ต้องปรับปรุงเสร็จแล้ว จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ถามขึ้นมา “เหตุใดวันนี้นางถึงได้สนใจวาดรูปแมวเล่า? ปกติจะวาดรูปภูเขา น้ำ ดอกไม้ นกไม่ใช่หรือ?”
เสี่ยวเซี่ยจื่อที่ยืนก้มหัวอยู่ข้างๆ ก็ตอบว่า “ช่วงนี้เหนียงเหนียงรับเลี้ยงแมวหนึ่งตัวพ่ะย่ะค่ะ เป็นแมวสีขาวทั้งตัว ดวงตาสีฟ้า น่ารักยิ่งนัก นางตั้งชื่อให้มันว่าเสวี่ยถวนพ่ะย่ะค่ะ วันนี้เห็นแมวตัวนั้นนอนอาบแดดอยู่ในลาน จึงเกิดความสนใจวาดภาพนี้ขึ้นมาพ่ะย่ะค่ะ เหนียงเหนียงชอบเสวี่ยถวนมาก แน่นอนว่านางชอบภาพนี้ไม่น้อย”
เหลียงอี้คิดถึงคำรายงานของจิ่นซิ่วเมื่อไม่กี่วันก่อน ตั้งแต่ฟางกุ้ยอี้ท้อง ฉินชิงก็ยิ่งเก็บตัวไม่ออกไปไหน ข้อจำกัดในวังก็เข้มงวดขึ้นเช่นกัน
เหลียงอี้คิดไม่ถึงว่านางจะขี้กลัวมากขนาดนี้
ส่วนแมวตัวนั้น การที่สนมในวังหลังแห่งต้าเหลียงเลี้ยงสัตว์ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อันใด ในวังหลังของฮ่องเต้ ในสนมสิบคนจะมีสักสามคนที่มีสัตว์เลี้ยง โดยบอกว่าใช้ฆ่าเวลาที่น่าเบื่อในวังหลัง
นางเองก็เลี้ยงสัตว์เพราะเบื่อเหมือนกันอย่างนั้นหรือ?
หลายวันมานี้มัวยุ่งอยู่กับเรื่องของตระกูลเจิ้น จึงไม่ได้ไปเยี่ยมนาง
เมื่อคิดถึงร่างหน้าทางเข้าตำหนักจงชุ่ย เหลียงอี้ก็รู้สึกว่าตนต้องทำให้ฉินชิงรู้ว่าในฐานะคนที่เขาใส่ใจ นางไม่ต้องกังวลกับสิ่งเหล่านี้
แผนการต่างๆ ในวังหลังเขาเห็นมานักต่อนักแล้ว พระสนมของฮ่องเต้องค์ก่อนเหล่านั้นมีใครบ้างที่ยั่วโมโหได้ง่ายๆ
จิตใจของสตรีร้ายกาจที่สุด เขาเข้าใจความหมายของประโยคนี้อย่างลึกซึ้ง
นี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่ค่อยไปที่วังหลังบ่อยนัก ทุกครั้งที่เขานึกถึงแผนการโหดเหี้ยมเหล่านั้น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่มีวันสนใจสตรีในวังหลังเลย
พระสนมลี่ของฮ่องเต้องค์ก่อนใช้ของที่ทำให้เสพติดมาทำร้ายเสด็จพ่อ เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้
ดังนั้นพระราชวังของเขาจึงห้ามมีของที่ใช้ทำร้ายคนเหล่านั้นปรากฏออกมา
และยิ่งคนที่เขาเป็นห่วงก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้ใครมาทำร้ายได้ง่ายๆ ในตำหนักจงชุ่ย จิ่นซิ่วไม่ใช่คนเดียวที่เป็นคนของเขา
เมื่อมองเสวี่ยถวนบนภาพวาด เหลียงอี้ก็รู้สึกว่าฉินชิงนั้นเหมือนแมวมาก งดงาม ชอบนอน และชอบกิน แค่เอ่ยเรื่องกินกับนาง นางก็สามารถลืมทุกสิ่งทุกอย่างได้ เขาไม่เคยเห็นพระสนมคนไหนที่รักการกินขนาดนี้
ถึงแม้ว่านางจะกินมาก แต่รูปร่างก็ยังดีอยู่ กินเนื้อเยอะมากขนาดนี้ ที่ที่ควรมีก็มี ที่ที่ไม่ควรมีก็ไม่มี ดูไม่อ้วนเลยสักนิด
เหลียงอี้คิดถึงเอวของฉินชิง เอวบางร่างน้อยที่ใช้สองมือก็โอบรอบ ทั้งยังมีเรี่ยวแรง ในเรื่องนั้นนางเติมเต็มให้เขาพอใจได้ที่สุด ความแข็งแรงนั้นดีกว่าสนมคนอื่นๆ เป็นครั้งแรกที่ตนได้สัมผัสถึงรสชาติแห่งความสุขจากตัวของนาง
วังหลังมีสนมมากมายขนาดนี้ รูปร่างของนางกลับดูดีที่สุด มีเนื้อให้จับ แต่สนมคนอื่นกลับผอมแห้ง ส่วนสูงก็เตี้ยกว่าฉินชิง เวลากอดก็ไม่ต่างอะไรจากกอดเด็ก
มีใครชอบกอดเด็กที่ยังไม่โตบ้าง?
อย่างน้อยก็เหลียงอี้คนหนึ่งที่ไม่ชอบ เขาชอบแบบฉินชิงมากกว่า รูปร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้ง พอคิดแล้ว จู่ๆ เหลียงอี้ก็รู้สึกร้อนรุ่มเล็กน้อย
เขาไม่ใช่คนที่ทรมานตัวเอง ดังนั้นจึงเรียกขันทีห้องจิ้งซื่อมา และพลิกป้ายของตำหนักจงชุ่ย
ฉินชิงกำลังคิดว่ากุ้งผัดเซียงล่านี้ก็ไม่เลวเลย ฝีมือการทำอาหารของหลี่เต๋อหรงช่างยอดเยี่ยมจริงๆ
ทันใดนั้นก็มีขันทีน้อยมาบอกฉินชิงว่าป้ายของนางถูกเลือก และจงเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับเสด็จ