บทที่ 14 ควบคุมอารมณ์ (1)
เถาตงโจวมีสีหน้าเขียวคล้ำ แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะออกมา
เสี่ยวชีกล่าวด้วยความร้อนใจ “เขาได้ยินจริงๆ ด้วย!”
เสิ่นเยว่หัวเราะเล็กน้อย ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ตรงหน้าเขา เอ่ยปลอบด้วยเสียงนุ่มนวล “ท่านปู่เถาไม่จำเป็นต้องใช้เคล็ดลับนี้ เพราะท่านปู่เถาไม่กลัวการกินยา...”
เสี่ยวชีเอียงศีรษะเล็กน้อย ทั้งยังมองเถาตงโจวอย่างละเอียด แต่มองไม่เห็นร่องรอยใด จึงถามด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดท่านปู่เถาจึงไม่กลัวการกินยา เพราะยาของท่านปู่เถาไม่ขมหรือ?”
คำพูดเด็กไร้พิษสง
เถาตงโจวและชุนอวี่ต่างพากันหัวเราะเล็กน้อย
เสิ่นเยว่อธิบายอย่างจริงจัง “ขมคือรสชาติหนึ่งในห้ารสชาติ เปรี้ยวหวานขมเผ็ดเค็ม มันเหมือนรสเปรี้ยวหวานเผ็ดเค็ม ท่านปู่เถาเป็นผู้ใหญ่ รสชาติเปรี้ยวหวานขมเผ็ดเค็มล้วนเคยลิ้มลองมาแล้ว จึงไม่กลัวรสชาติใด”
เสี่ยวชีถามต่อ “เช่นนั้นนอกจากยาแล้ว ยังมีอะไรอีกที่ขม?”
“มะระไง~ มะระเป็นผักชนิดหนึ่ง มันขมมาก แต่หากคว้านไส้ทิ้งแล้วยัดเนื้อหมูใส่ตรงกลางสักหน่อย ทำเป็นมะระยัดไส้หมู หลังจากทำให้สุกแล้วก็จะมีรสชาติขมเล็กน้อย หลังรสชาติขมก็จะมีรสหวานจากธรรมชาติตามมา” เสิ่นเยว่ยกตัวอย่างเสร็จก็ถามกลับว่า “เช่นนั้นเสี่ยวชี เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าสิ่งใดมีรสชาติหวาน?”
“ลูกอม!”
“งั้นสิ่งใดมีรสชาติเปรี้ยว?”
“ลูกพลัมดอง! ลูกพลัมดองเคลือบน้ำตาล!”
“รสเผ็ดเล่า?”
“ฮุยมาม่าชอบกินน้ำจิ้มเผ็ด!”
เถาตงโจวและชุนอวี่ถูกยั่วให้ขำ คล้ายกับว่านับตั้งแต่ระยะนี้ที่คุณชายเจ็ดไม่สบาย นี่เป็นครั้งแรกที่เรือนซือจู๋ครึกครื้นมีความสุขที่สุด
เสิ่นเยว่กล่าวต่อ “เช่นนั้นรสเค็มเล่า?”
“เอ่อ...” คล้ายกับเสี่ยวชีถูกทดสอบ เขากะพริบตาปริบๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วยกมือแตะที่ริมฝีปากโดยสัญชาตญาณ กัดเล็บตนเองน่าจะเป็นพฤติกรรมที่เขาคุ้นชิน
เสิ่นเยว่สังเกตอย่างละเอียด “เสี่ยวชี ข้าขอดูมือของเจ้าหน่อย”
เสี่ยวชีเชื่อฟัง แบมือออกวางตรงหน้านาง
มือสะอาดสะอ้าน แต่เล็บยาวเล็กน้อย ในเล็บไม่มีฝุ่น แต่มีร่องรอยที่เคยถูกกัด
เสี่ยวชีมีนิสัยชอบกัดเล็บ
เสิ่นเยว่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
เสิ่นเยว่หันไปมองชุนอวี่ที่อยู่ด้านข้าง “กรรไกรตัดเล็บมีหรือไม่?”
“มีเจ้าค่ะ...” มีผู้ดูแลจวนเถาอยู่ ชุนอวี่รีบปฏิบัติตามทันที
เสี่ยวชีมองเสิ่นเยว่ตาปริบๆ “อาเยว่ จะตัดเล็บหรือ?”
เสิ่นเยว่ตอบ “อืม” หนึ่งคำ พยักหน้ากล่าว “เสี่ยวชี เล็บของเด็กน้อยมักมีสิ่งสกปรกอยู่มาก สิ่งสกปรกบางอย่างเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่พวกมันกลับมองเห็นเรา แม้ว่าเจ้าจะล้างมือ แต่พวกมันก็ยังคงอยู่ในเล็บของเจ้า เหมือนกล่องเก็บของขนาดเล็ก ด้านในซ่อนสิ่งที่ทำให้เจ้าไม่สบายอยู่มากมาย เจ้ามักจะกัดเล็บตนเอง ก็เท่ากับเป็นการเปิดกล่องเล็กกล่องนี้ ดังนั้นจึงไม่สบายบ่อย เจ้าชอบกัดเล็บตนเองใช่หรือไม่?”
คล้ายกับถูกนางคาดเดาได้ถูกต้อง เสี่ยวชีรีบร้อนดึงมือกลับไปดู “เล็บของข้ามีหนอนหรือ?”
เสิ่นเยว่กล่าวอย่างนุ่มนวล “ไม่ใช่หนอน เพียงมีสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่บ้าง เสี่ยวชีไม่ต้องกลัว ในเล็บของทุกคนล้วนมีอยู่ไม่มากก็น้อย เล็บของข้าเองก็มี พวกเราไม่ต้องกลัวมัน เพียงแต่หลังจากที่พวกเรารู้แล้วก็ไม่ควรกัดเล็บตนเองบ่อยๆ อีก เพราะเดี๋ยวจะเป็นการกินพวกมันลงท้องไป อีกทั้งอย่าใช้มือขยี้ตาด้วย”
เสี่ยวชีคล้ายเข้าใจคล้ายไม่เข้าใจ แต่เมื่อได้ยินคำว่าใช้มือขยี้ตา เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวชีชะงักไป คงจะคาดเดาได้ถูกต้อง
ชุนอวี่เองก็นึกได้ทันที “แม่นางเสิ่น คุณชายเจ็ดชอบกัดเล็บตนเอง ทั้งยังชอบใช้มือขยี้ตา”
“ชุนอวี่พูดถูกต้อง” เถาตงโจวก็คล้ายกับมีความทรงจำนี้อยู่
ในบรรดาเด็กที่อยู่ในจวน เป็นเพราะเสี่ยวชีร่างกายอ่อนแอเล็กน้อย จึงมิสู้เสี่ยวอู่ที่มักนั่งไม่นิ่ง เสี่ยวชีมักจะนั่งอยู่แค่ที่เดียว การกัดเล็บและใช้มือขยี้ตาคล้ายกับเป็นความเคยชินของเขา
เสิ่นเยว่มองชุนอวี่และผู้ดูแลจวนเถา กล่าวเสียงนุ่มนวล “สำหรับเด็กเล็กแล้ว ปากและมือเป็นวิธีการสำรวจโลกภายนอกที่รวดเร็วที่สุด ส่วนใหญ่เด็กที่อายุน้อยกว่านี้มักจะใช้วิธีหยิบสิ่งของใหม่เข้าปากเพื่อเป็นการสำรวจ โตขึ้นมาหน่อยก็จะค่อยๆ หยุดไปเอง แต่เว้นไปอีกสักระยะ เด็กบางส่วนก็จะเข้าสู่ช่วงวัยที่ร่างกายตอบสนองเร็ว สามารถแนะนำพวกเขาได้อย่างเหมาะสมให้พยายามไม่กัดเล็บ แต่สิ่งที่สำคัญมากยิ่งกว่า นอกจากล้างมือให้บ่อยก็คือต้องตัดเล็บให้บ่อยด้วย หากระคายเคืองดวงตา สามารถใช้ผ้าขนหนูร้อนเช็ดเบาๆ ได้ หากใช้มือโดยตรงอาจทำให้สิ่งสกปรกเข้าตา เป็นเหตุผลเดียวกันกับการกัดเล็บ อีกทั้งหากทรายเม็ดเล็กเข้าไปในดวงตาก็อาจทำร้ายดวงตาได้ การทำกิจกรรมในวันปกติจะต้องระวังให้กับเด็กๆ ด้วย”
“เจ้าค่ะ” ชุนอวี่รีบร้อนรับคำ
“ตัดเล็บเจ็บหรือไม่?” เสิ่นเยว่ถาม
เสี่ยวชีส่ายศีรษะ “ไม่เจ็บ”
เสิ่นเยว่ยิ้มพลางกล่าว “เช่นนั้นพวกเราให้ชุนอวี่กำหนดเวลาตัดเล็บให้เสี่ยวชี เสี่ยวชีก็จะไม่ป่วยบ่อยและไม่ต้องกินยาบ่อยๆ แล้ว ดีหรือไม่?”
เสี่ยวชีพยักหน้าราวลูกไก่จิกข้าว
เสิ่นเยว่ยกถ้วยยามาอีกครั้ง “ยังจำเคล็ดลับเมื่อครู่ได้หรือไม่?”
เสี่ยวชีตอบรับเสียงดังฟังชัด “บีบจมูก ดื่มรวดเดียว!”
เสิ่นเยว่พยักหน้า
ยาในถ้วยมีไม่มาก เสี่ยวชีเลียนแบบการกระทำ
หลังจากเติมน้ำผลไม้แล้วยาก็ไม่รู้สึกขมเช่นก่อนหน้าจริงๆ ประกอบกับบีบจมูกดื่มรวดเดียว รสขมจึงมีเพียงช่วงท้ายสุด ทว่าหลังดื่มกลับเห็นลูกอมที่ห่อด้วยกระดาษสีรุ้งวางอยู่กลางฝ่ามือเสิ่นเยว่!
“ว้าว~” เสี่ยวชีชอบ
“เสี่ยวชีกล้าหาญมาก กินยารวดเดียวจนหมด นี่เป็นของรางวัลให้กำลังใจเสี่ยวชี” เสิ่นเยว่ส่งให้เขา
“แต่ว่าข้าเสียดายหากจะกิน!” เสี่ยวชีถือลูกอมอยู่ในมือพลางพลิกดูไปมา กระดาษห่อลูกอมนี้สวยมากจริงๆ ไม่เหมือนกับลูกอมที่เคยเห็นทั่วไป หลากหลายสี สีสันสดใส ดึงดูดให้เด็กชื่นชอบได้ง่าย ก่อนหน้านี้เสิ่นเยว่เคยให้เถาเถาและเสี่ยวอู่หนึ่งชิ้น เสี่ยวอู่เห็นลูกอมแล้วรู้สึกดีใจจนเล่นทายสิว่าซ่อนอยู่ตรงไหนเป็นเวลานาน
“เสี่ยวชี เจ้าต้องเป็นเด็กดีกินยา รอให้หายป่วยแล้วพวกเราก็ไปโรงเรียนอนุบาลกัน ที่โรงเรียนอนุบาลจะได้เรียนวิธีห่อลูกอมเช่นนี้ ถึงเวลานั้นเจ้าก็จะห่อลูกอมเช่นนี้ได้ ไว้มอบให้คนที่ชอบ” เสิ่นเยว่ค่อยๆ พูดโน้มน้าวตามลำดับ
“แต่ข้าทำไม่เป็น” แท้จริงแล้วในดวงตาเสี่ยวชีแสดงออกถึงความหวัง
เสิ่นเยว่หัวเราะพลางกล่าว “ข้าจะสอนเจ้า เจ้ายังสามารถเลือกสีที่เจ้าชอบมาทำได้”
“โรงเรียนอนุบาลอยู่ที่ใด?” เสี่ยวชีร้อนอกร้อนใจ ดวงตาทั้งสองข้างคล้ายกับส่องแสงประกาย
เสิ่นเยว่เอ่ยอย่างอ่อนโยน “อยู่ในจวน รอให้เจ้าหายดีข้าจะพาเจ้าไปดูดีหรือไม่?”
“ข้าจะไปโรงเรียนอนุบาล!” คล้ายกับว่าเสี่ยวชีลืมเรื่องกินยาก่อนหน้านี้จนหมดสิ้น
……