บทที่ 13 เคล็ดลับการกินยา (1)
“คุณชายเจ็ดไม่สบายมาโดยตลอด อาการทรงๆ ทรุดๆ มาก็ครึ่งเดือนกว่าแล้ว ก่อนหน้านี้ข้ามีธุระครอบครัวจึงกลับบ้านเก่าหลายวัน ทั้งโมโม่ในจวนก็เพิ่งไปจากจวน สาวใช้ในเรือนก็ไม่มีความละเอียด ทำให้คุณชายเจ็ดเป็นหวัด นี่ก็กินยาบ้างขาดการกินยาบ้างมาสักพักแล้ว ขณะที่ป่วยก็ดีบ้างทรุดบ้าง หมอหลวงบอกว่าอาการป่วยนี้หากกินยาไม่นานก็จะดีขึ้น...น่าสงสารที่คุณชายเจ็ดของเราอายุน้อย ร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็ก กินยามากเข้าก็ทำร้ายกระเพาะ ทุกวันกลัวแต่ว่าเขาจะเจ็บป่วย ตั้งแต่ป่วยไม่ว่ายาใดก็กลืนไม่ลง...เช่นคุณชายห้า เป็นหวัดเพียงสองสามวันก็หาย แต่คุณชายเจ็ดของเราใช้เวลาครึ่งเดือนกว่า...นอกเสียจากว่าท่านอ๋องจะโอ๋หรือดุ หากให้คนอื่นๆ ป้อนคุณชายเจ็ดจะไม่ยอมกินแม้แต่คำเดียว จึงได้ป่วยอยู่เช่นนี้ ไร้ซึ่งหนทางแล้วจริงๆ...”
เมื่อถึงเรือนซือจู๋ ฮุยมาม่าที่เพิ่งเจอเสิ่นเยว่ก็ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลแล้ว
ฟังจากที่ชุนอวี่พูด ในครัวเล็กอุ่นยาสามครั้งก็ยังป้อนไม่ได้ อารมณ์ของฮุยมาม่าจึงเตลิดเล็กน้อย...
จัวหย่วนไม่อยู่ เถาตงโจวมาที่เรือนซือจู๋พร้อมเสิ่นเยว่
ฮุยมาม่าพูดจบก็ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาอีกครั้ง ผู้ดูแลจวนเถาขัดจังหวะ “อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย ให้แม่นางเสิ่นดูคุณชายเจ็ดสักหน่อย”
ฮุยมาม่าชะงักไป แล้วจึงหลบเพื่อให้นางเดิน
เสิ่นเยว่กลับไม่เดิน
เถาตงโจวและฮุยมาม่าต่างหันไปมองนางด้วยความลังเล
ก่อนหน้าขณะที่ฮุยมาม่ากำลังพูด เสิ่นเยว่ก็คอยตั้งใจฟังอย่างละเอียด
ฮุยมาม่าเป็นผู้ปกครองของเสี่ยวชี ปกติแล้วน่าจะเป็นผู้ปกครองประเภทอารมณ์อ่อนไหวมากเกินไป
ส่วนมากอารมณ์ของผู้ปกครองประเภทนี้จะขึ้นอยู่กับการกระทำทุกอย่างของเด็ก เห็นได้ชัดมากที่สุดคือในตอนที่เด็กไม่สบายหรือเจออุปสรรค ตัวผู้ปกครองเองจะรู้สึกเหมือนว่าฟ้าถล่ม...
เด็กที่ถูกผู้ปกครองประเภทนี้ดูแล ส่วนมากนิสัยจะอ่อนไหวมากกว่าเด็กคนอื่น
อารมณ์ของผู้ปกครองไม่เพียงได้รับผลกระทบจากเด็ก ในทางกลับกัน จะเกิดผลกระทบทำให้เด็กซึมซับได้อย่างง่ายดาย...
ก่อนหน้านี้เสิ่นเยว่เจอผู้ปกครองเช่นนี้มาไม่น้อย อย่างเช่น ผู้สูงวัยเลี้ยงเด็ก เกิดจากเด็กที่ไม่มีพ่อแม่หรือพ่อแม่ไม่ได้อาศัยอยู่ด้วย จึงเป็นผู้สูงวัยรับผิดชอบดูแล หรือครอบครัวไม่สมบูรณ์ หรือพ่อแม่ที่กว่าจะมีลูกได้ ดังนั้นจึงเอาใส่ใจมากเกินไปและเป็นกังวลได้ง่าย...
อารมณ์เช่นนี้เหมือนดาบสองคม
เป็นการดูแลการเจริญเติบโตของเด็กโดยที่อารมณ์ของตนเองกลายเป็นสิ่งที่ขัดขวางการเจริญเติบโตของเด็ก
สาเหตุเหล่านี้ นอกจากจะเกิดจากสภาพแวดล้อมแล้ว ส่วนหนึ่งยังเกิดจากนิสัยส่วนตัว สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องให้ผู้ปกครองเอาชนะตัวเองให้ได้
ตัวอย่างเช่นฮุยมาม่าในตอนนี้
ฮุยมาม่าเป็นแม่นมของมารดาเสี่ยวชี พ่อแม่ของเสี่ยวชีล้วนจากไปแล้ว ฮุยมาม่ารู้สึกว่าหากดูแลเสี่ยวชีได้ไม่ดีก็จะเป็นการทำผิดต่อฮูหยินที่จากโลกนี้ไปแล้ว เสี่ยวชีเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนด ร่างกายไม่สมบูรณ์มาแต่กำเนิด ดังนั้นเพียงไม่สบาย ความรู้สึกกังวลของฮุยมาม่าก็จะถาโถมเข้ามา ทำให้นางรู้สึกกังวลมากกว่าคนอื่น
อย่างเช่นเมื่อครู่ที่ฮุยมาม่าคอยเปรียบเทียบเสี่ยวอู่กับเสี่ยวชีตลอดเวลา
พูดว่าพื้นฐานเสี่ยวอู่ดี ร่างกายเสี่ยวชีอ่อนแอ ดังนั้นเสี่ยวชีมักเจ็บป่วย หากเจ็บป่วยก็หายได้ยาก
คำพูดเหล่านี้ ผู้ดูแลจวนเถาฟังแล้วไม่มีปฏิกิริยาแตกต่างจากเดิม เป็นการยืนยันว่ามักจะได้ยินอยู่เสมอ
นิสัยของเสี่ยวชีเดิมทีก็ไวต่อความรู้สึกอยู่แล้ว ฮุยมาม่ายังคุ้นชินกับการที่พูดต่อหน้าคนอื่นถึงเรื่องที่เสี่ยวชีร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็กซ้ำไปซ้ำมา ทั้งยังร้องไห้ไม่หยุด เช่นนั้นเมื่อเสี่ยวชีไม่สบายจึงรู้สึกประหม่าโดยอัตโนมัติและจะคอยลอบสังเกตปฏิกิริยาของฮุยมาม่า ส่วนฮุยมาม่าก็มักร้องไห้คร่ำครวญ เสี่ยวชีจึงยิ่งรู้สึกว่าตนเองไม่เหมือนกับเด็กคนอื่น...เป็นเด็กขี้โรค...
อารมณ์เช่นนี้จึงทำให้เสี่ยวชีรู้สึกต่ำต้อย
อารมณ์เช่นนี้อาจทำให้เสี่ยวชีปฏิเสธการกินยาโดยสัญชาตญาณ
แท้จริงแล้ววิทยาศาสตร์สมัยใหม่ โรคหวัดไม่มียาที่รักษาได้หายทันใจ ยาโรคหวัดล้วนเป็นยาที่ช่วยลดอาการ หลักสำคัญคือต้องอาศัยภูมิคุ้มกันของคนในการรักษา
สำหรับเด็กแล้ว อาการหวัดของเสี่ยวอู่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว มีความเป็นไปได้มากที่จะติดเชื้อจากแบคทีเรีย
ฟังจากการอธิบายของชุนอวี่และฮุยมาม่า อาการหวัดของเสี่ยวชีเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ทั้งยังมีไข้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นพิษไข้และติดเชื้อแบคทีเรียสองอย่างรวมกัน
ระหว่างนั้นไม่ทันระวังหรือไม่ได้รักษาที่ต้นตอ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีอาการตัวร้อนเป็นๆ หายๆ
ภูมิคุ้มกันที่เด็กได้รับจากแม่จะคงอยู่จนอายุประมาณสามขวบ ดังนั้นช่วงอายุสามถึงสี่ขวบนี้จะเป็นช่วงที่กระบวนการในร่างกายกำลังสร้างภูมิคุ้มกันเอง จึงเป็นหวัดและเป็นไข้ได้ง่ายที่สุด
เสี่ยวอู่สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายขั้นต้นเรียบร้อยแล้ว
แต่เสี่ยวชีเพิ่งสามขวบ ยังไม่ถึงสี่ขวบ เป็นช่วงที่เจ็บป่วยได้ง่ายที่สุด
เพียงแต่สาเหตุทุกอย่างเหล่านี้ อาจถูกมองว่าเป็นเพราะร่างกายเสี่ยวชีอ่อนแอ...
ส่วนหมอหลวงก็ระมัดระวังมาตั้งแต่ไหนแต่ไร หากยากระทบต่อกระเพาะหรือกระเพาะเสี่ยวชีไม่ดี หมอหลวงจะไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ตอนนี้ยังสามารถให้เสี่ยวชีกินยาได้ จึงไม่ใช่ปัญหาของการกินยาจนทำให้ไม่อยากอาหาร
เมื่อเห็นผู้ดูแลจวนเถาและฮุยมาม่าหันมามองด้วยสายตาที่สงสัยว่าเหตุใดนางจึงหยุดเดิน เสิ่นเยว่จึงสูดลมหายใจเข้าลึก เดินไปข้างหน้า กล่าวต่อฮุยมาม่าเสียงอ่อนโยน “ฮุยมาม่า เมื่อครู่ข้าเห็นท่านคอยเช็ดน้ำตาตลอดเวลา น่าจะเป็นเพราะกังวลเรื่องเสี่ยวชีมาก เป็นท่านที่ดูแลเสี่ยวชีมาโดยตลอด แม้ว่าเขายังเด็ก แต่กลับสามารถสังเกตอารมณ์ของท่านได้ เขาไม่กินยา เป็นธรรมดาที่ภายในใจเขาจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ข้ากลัวว่าหากเขาเห็นท่านร้องไห้ จากเดิมทีไม่ยินยอมกินยาอยู่แล้วก็จะยิ่งร้องไห้งอแงตาม มิสู้ให้ชุนอวี่พาข้ากับผู้ดูแลจวนเถาไปเยี่ยม ส่วนท่านก็พักผ่อนก่อนสักครู่?”
ฮุยมาม่าชะงักไป
ผู้ดูแลจวนเถาลูบเครา ทอดถอนใจกล่าว “ข้าเองก็กำลังคิดเช่นนี้”
การที่ฮุยมาม่ามักจะร้องไห้ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดวันสองวัน เมื่อครู่เสิ่นเยว่พูดอย่างอ้อมค้อม ฮุยมาม่าอาจจะไม่รู้สึก แต่ผู้ดูแลจวนเถาฟังออกถึงเหตุผล อารมณ์ของฮุยมาม่าจะส่งผลกระทบต่อเสี่ยวชี อีกทั้งดูจากสองวันมานี้ วิธีการที่แม่นางเสิ่นดูแลเด็กแตกต่างจากโมโม่ก่อนหน้านี้และหัวหน้าแม่บ้านจากแต่ละที่มาก ฮุยมาม่ายังเป็นกังวลในตัวเสี่ยวชีมาก อีกประเดี๋ยวหากมีความเห็นต่าง เกรงว่าฮุยมาม่าจะรับไม่ได้และอาจจะร้องไห้ตรงนั้นทันที...
ดังนั้นผู้ดูแลจวนเถาจึงเห็นด้วย
ฮุยมาม่ามีสีหน้านิ่ง