บทที่ 12 แบ่งเขตกิจกรรม (2)
สุดท้ายก็มาถึงเรือนจือหลาน
เรือนจือหลานเป็นหนึ่งในสามสถานที่ที่อยู่ใกล้เรือนสุขนิรันดร์ โถงหลักกว้างขวางที่สุด สว่าง ทั้งอากาศยังถ่ายเทสะดวก วิธีการของเสิ่นเยว่ทำให้ทั้งห้องโถงทะลุถึงกันจนพื้นที่นี้ดูกว้างขึ้นอย่างชัดเจน
แม้ว่าฮั่วหมิงจะรู้สึกประหลาดใจ แต่คล้ายกับเพราะเคยได้เห็นได้ยินเรื่องเขตกิจกรรมกลางแจ้งมาแล้ว ภายในใจจึงเกิดความเชื่อใจเสิ่นเยว่อยู่หลายส่วน จึงไม่ได้เอ่ยปากขัดจังหวะเช่นก่อนหน้านี้ แล้วคอยรับฟังอย่างละเอียด
เพื่อทำให้ช่างฝีมือที่เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างเข้าใจ เสิ่นเยว่จึงอธิบายในรูปแบบที่ง่ายและละเอียดชัดเจน จะได้เข้าใจตรงกัน
อย่างเช่นการอธิบายกับอาจารย์เติ้งผู้รับผิดชอบเรือนจือหลาน ซึ่งก็คือการดัดแปลงเป็นห้องเรียนของโรงเรียนอนุบาล เสิ่นเยว่จะนั่งย่อลง ใช้ส่วนสูงของตนเองวัดระดับเพื่อยืนยันว่าความสูงของอุปกรณ์ภายในห้องเรียนเหมาะสมกับเด็กจำนวนมากหรือไม่
ของใช้ของตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงจำนวนไม่น้อยมาจากฝีมือของอาจารย์เติ้ง
แต่คนที่เหมือนเช่นเสิ่นเยว่ สั่งทำโดยวัดระดับเพื่อเด็กโดยเฉพาะ ทั้งยังใช้ของใช้เก่าภายในเรือนทำ กลับเป็นคนแรกที่เขาได้พบ
ห้องเรียนไม่แตกต่างจากเขตกิจกรรมกลางแจ้ง
เสิ่นเยว่เปรียบเทียบในม้วนกระดาษ อธิบายให้อาจารย์เติ้งฟังทีละจุด ตั้งแต่เขตการสอน เขตสัมผัสทั้งห้า เขตกิจวัตรประจำวัน เขตภาษาและวัฒนธรรม เขตการอ่าน เขตตัวต่อ เขตงานประดิษฐ์ เขตดนตรี เป็นต้น รวมถึงขนาดที่คาดหวัง การใช้งาน จุดเด่นของแต่ละเขต และอุปกรณ์ภายในเรือนที่จำเป็นต่อเด็กในแต่ละเขต เป็นต้น
อาจารย์เติ้งเชี่ยวชาญอย่างยิ่ง ของใช้ที่เสิ่นเยว่ต้องการ นอกจากสั่งทำขนาดเท่าตัวเด็กแล้วก็ไม่มีความพิเศษนอกเหนือจากนี้เท่าไร อาจารย์เติ้งเองก็คิดหาวิธีแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
ของใช้ที่จำเป็นภายในห้องเรียนล้วนต้องละเอียด ทว่าความยากมีไม่เท่าของใช้สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง
อาจารย์เติ้งประเมินดูแล้วใช้เวลาประมาณสองวัน...
เสิ่นเยว่คาดเดาภายในใจ อย่างหนึ่งใช้เวลาสามวัน อีกอย่างใช้เวลาสองวัน คำนวณดูแล้วใช้เวลามากสุดสามวัน เหลือเวลาให้นางทำอุปกรณ์การสอนไม่มาก ได้เจอกับเถาเถาเมื่อวานแล้ว เสี่ยวอู่ก็ได้เจอวันนี้แล้ว พรุ่งนี้ยังต้องหาเวลาไปพบเสี่ยวชี เช่นนั้นเวลาที่เหลือ หากมากหน่อยก็คงเหลือเพียงวันมะรืนนี้และวันถัดไปรวมเป็นสองวัน...
ทว่าอ๋องผิงหย่วนก็ดี ผู้ดูแลจวนเถาก็ดี ล้วนมีความคาดหวังต่อโรงเรียนอนุบาลนี้ไม่น้อย ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นภายในห้องเรียนหรือการเปลี่ยนแปลงภายนอกล้วนสามารถเสร็จสิ้นได้ภายในสามวัน เช่นนั้นต่อให้เวลาจะกระชั้นชิด นางก็ไม่สามารถเป็นตัวถ่วงได้
เดิมเถาตงโจวและฮั่วหมิงกำลังพูดคุยกันอยู่ ชมเชยว่าเสิ่นเยว่เป็นคนมีไหวพริบ มีการเตรียมการที่ดี พูดได้ไม่กี่ประโยคก็เห็นเสิ่นเยว่ปลีกตัวกลับมา เพียงมองก็รู้ว่าเจอปัญหา ทั้งสองจึงหยุดการสนทนา
เสิ่นเยว่ยอบตัวไปทางผู้ดูแลจวนเถา แล้วถามอย่างจริงจัง “ผู้ดูแลจวนเถา ช่วงเช้าที่พูดถึงเรื่องผู้ช่วย จะสามารถพบได้เมื่อไรเจ้าคะ?”
เถาตงโจวยิ้มอย่างขออภัยในความบกพร่องของตน “แรกเริ่มข้าคิดว่าเรื่องภายในจวนจัดการได้ง่าย สามารถเรียกมาได้ตลอดเวลา แต่การดัดแปลงเรือนจะต้องใช้เวลาและลงแรง ดังนั้นจึงเชิญคนมาดูที่นี่ก่อน แม่นางเสิ่นสามารถรอถึงพรุ่งนี้เช้าได้หรือไม่?”
พรุ่งนี้เช้าเป็นเวลาเหมาะสม
นางมีเวลาหนึ่งคืนในการทำสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์การสอนให้เรียบร้อย วันรุ่งขึ้นรอเมื่อคนมาถึงแล้ว ก็จะได้ทำพร้อมกัน
เสิ่นเยว่กล่าว “ได้เจ้าค่ะ การก่อสร้างโรงเรียนอนุบาล นอกจากอุปกรณ์ในห้องเรียนกับนอกห้องเรียนแล้ว การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมโดยรอบยังต้องมีการเตรียมสถานที่ที่สำคัญอีกหนึ่งแห่ง เมื่อเด็กๆ อยู่ภายในโรงเรียนอนุบาล ทุกวันจะมีกิจกรรมอิสระช่วงเวลาหนึ่ง ความรู้และการสำรวจมากมายล้วนเริ่มต้นจากอุปกรณ์การสอน เวลาพรุ่งนี้ค่อนข้างจะกระชั้นชิด ช่วงเช้านอกจากจะให้ผู้ดูแลจวนเถาช่วยหาผู้ช่วยมาแล้ว อาจจะต้องเตรียมคนที่หัวไวมือคล่องสักสองคนมาร่วมช่วยด้วย”
เถาตงโจวรับปาก
……
เมื่อประสานงานกับทางช่างฝีมือเสร็จก็เป็นเวลาก่อนพลบค่ำแล้ว
การดัดแปลงโรงเรียนอนุบาลจึงเริ่มขึ้น ฮั่วหมิงทำงาน ไปไหนไม่ได้
เถาตงโจวส่งเสิ่นเยว่กลับจากจวนด้วยตนเอง ทั้งยังกล่าวถึง “วันนี้ทั้งวันคุณหนูเก้าถามหาแค่แม่นางเสิ่น ข้าส่งคนไปบอกแล้วว่าวันนี้แม่นางเสิ่นยังไม่มา พรุ่งนี้จึงจะมา”
เสิ่นเยว่นึกขึ้นได้ว่าเคยรับปากกับเถาเถา หากวันนี้ไปเยี่ยมนางได้ก็จะไป คิดไม่ถึงว่าเรื่องแผนการสร้างโรงเรียนอนุบาลจะพูดคุยกันจนถึงเวลานี้ ทั้งยังจัดการเรื่องไปไม่น้อย นางรู้สึกกระหายน้ำเล็กน้อย แต่ตอนนี้ยังพอมีเวลาไปเยี่ยมเถาเถา
เสิ่นเยว่กำลังจะเอ่ยปาก เถาตงโจวกลับยื่นกระเป๋าเงินมาให้
เสิ่นเยว่รับมาด้วยความลังเล “นี่คือ...”
เถาตงโจวแย้มรอยยิ้ม “นี่คือเงินเดือนที่จ่ายก่อนครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งต้นเดือนหน้าจะให้ห้องบัญชีชำระให้แม่นางเสิ่นโดยตรง”
คิ้วเรียวงามของเสิ่นเยว่ขมวดเล็กน้อย “เยอะไปหน่อยหรือไม่?”
เพียงวัดน้ำหนักนี้ดู เกรงว่าคงจะไม่ใช่จำนวนที่ผู้ดูแลจวนเถาเคยพูดกับนางก่อนหน้านี้
เถาตงโจวหัวเราะพลางกล่าว “เป็นความประสงค์ของท่านอ๋อง ท่านอ๋องบอกว่า แม้แม่นางเสิ่นอายุไม่มาก แต่น่าเชื่อถือมากกว่าโมโม่ที่เคยมา ให้ข้าจัดการตามเหมาะสม ดังนั้นแม่นางเสิ่นไม่จำเป็นต้องถือสา ในเมืองหลวงย่อมมีเหตุผลที่ต้องใช้เงิน”
ประโยคเดียวของเถาตงโจวเตือนสตินาง
เสิ่นเยว่ยอบตัวทำความเคารพ “ขอบคุณผู้ดูแลจวนเถามาก”
เถาตงโจวประคองนางขึ้น “หากแม่นางเสิ่นจะขอบคุณ ควรขอบคุณท่านอ๋องมากกว่า”
เถาตงโจวเพิ่งพูดจบ ก็เห็นสาวใช้วิ่งเหยาะๆ มายังทางนี้
เขาจำได้ เป็นสาวใช้ของเรือนเสี่ยวชีมีนามว่าชุนอวี่ “ผู้ดูแลจวนเถา คุณชายเจ็ดตื่นก่อนเวลา งอแงไม่ยอมกินยา ยืนยันจะรอท่านอ๋องมาป้อนถึงจะยอมกิน ยาเย็นชืดสองรอบแล้ว อุ่นรอบที่สามแล้วเจ้าค่ะ ท่านอ๋องไม่อยู่ในจวน ฮุยมาม่าร้อนใจไม่รู้จะทำเช่นไร แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานได้ยินท่านอ๋องพูดถึงคุณชายห้าและคุณหนูเก้าว่าชื่นชอบแม่นางเสิ่นมาก ฮุยมาม่าจึงให้ข้ามาถามว่าแม่นางเสิ่นสามารถไปช่วยป้อนยาสักครั้งได้หรือไม่?”