ตอนที่ 452 วิชาลับพลังจิตขั้นที่ 4
ตอนที่ 452 วิชาลับพลังจิตขั้นที่ 4
“หากใครต้องการเคลื่อนที่ผ่านทะเลลาวานี้พวกเขาก็จำเป็นจะต้องใช้หินงอกหินย้อยด้านบนถ้ำในการเคลื่อนที่ผ่านมาเท่านั้น แต่หินพวกนั้นแข็งมากผมกับคุณเลยไม่มีทางทำลายพวกมันได้ ซึ่งมันก็หมายความว่าพวกเราไม่มีทางตัดเส้นทางพวกอูดี้ได้อย่างแน่นอน”
“อย่างไรก็ตามพวกเราก็ยังสามารถทำให้พวกเขาพลาดตกลงไปในทะเลลาวาในระหว่างที่พวกเขาเกาะหินพวกนั้นอยู่บนทะเลลาวาได้ เพราะถ้าหากพวกเขาพลาดจังหวะในการเกาะหินแม้แต่นิดเดียว มันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะร่วงลงไปในทะเลลาวาได้ทุกเวลา”
“สิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะเริ่มรู้สึกประหม่าเมื่อพวกเขาได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย ดังนั้นเพียงแค่แรงกดดันทางจิตใจเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะฆ่าพวกเขาได้แล้ว เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับทะเลลาวาเบื้องล่างกับการจู่โจมของพวกเราพร้อม ๆ กัน ซึ่งผมก็คาดการณ์ว่าการลงมือในครั้งนี้ของเรานั้นย่อมทำให้กองกำลังของพวกเขาพลาดพลั้งตกลงไปในทะเลลาวาเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน”
“ตราบใดก็ตามที่เราใช้โอกาสนี้ลดจำนวนศัตรูให้เหลือในระดับใกล้เคียงกับฝั่งเรา มันก็ช่วยเพิ่มโอกาสที่เราจะสามารถสังหารอูดี้ลงไปได้ แค่นั้นมันก็ทำภารกิจของเราสำเร็จลุล่วงไปได้แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
“มันเป็นแผนที่ดีมาก! พลังความมืดของฉันยิ่งมีเวลารวบรวมพลังมากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นเท่านั้น ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่สามารถทำอันตรายใครได้แต่มันย่อมมากพอที่จะทำให้คนพวกนั้นหลงทางท่ามกลางความมืดอย่างแน่นอน ว่าแต่คุณสามารถควบคุมใบมีดได้ในระยะเท่าไหร่ ฉันจะได้ควบคุมพลังความมืดให้อยู่ในระยะที่สอดคล้องกัน” ชานี่กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
ความเป็นจริงการที่เซี่ยเฟยบอกว่าเขาสามารถควบคุมใบมีดให้โจมตีในอากาศได้ก็ทำให้ชานี่รู้สึกตกใจมาก เพราะนักรบที่มีพลังพิเศษสองสายไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่าย ๆ ชายชราจึงดีใจมากที่เซี่ยเฟยมาอยู่ฝ่ายเดียวกันกับเขา
“ไม่ต้องห่วง ทั้งผมและขนอุยสามารถโจมตีในระยะไกลได้มากพอสมควร ข้างหลังเราตอนนี้คือแท่นเคลื่อนย้ายไปสู่พื้นที่ชั้นที่ 5 แล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสสุดท้ายของเราที่เราจะทำภารกิจในครั้งนี้ให้สำเร็จ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบขนอุยที่ยืนอยู่บนไหล่
เมื่อบทสนทนาสิ้นสุดลงชานี่ก็เริ่มปลดปล่อยความมืดออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ความมืดพวกนั้นกลืนกินพื้นที่ทั่วทั้งบริเวณในทันที และใน 10 นาทีต่อมาแม้แต่แท่นเคลื่อนย้ายก็ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด
พวกเขาจำเป็นจะต้องปกปิดตำแหน่งของแท่นเคลื่อนย้ายเอาไว้ เพราะถ้าหากว่ามันมีใครเคลื่อนที่ผ่านแท่นแห่งนี้ไป พวกเขาก็จะสูญเสียโอกาสในการสังหารคนผู้นั้นไปในทันที
หมอกสีดำเริ่มลอยขึ้นไปในอากาศมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อปกปิดหินงอกหินย้อยในรัศมี 3 กิโลเมตรเอาไว้ สภาพแวดล้อมในรัศมี 3 กิโลเมตรนี้จึงกลายเป็นพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำสนิท คล้ายกับค่ำคืนอันมืดมิดที่ไม่มีแสงเดือนและแสงดาว
เมื่อสภาพแวดล้อมของพื้นที่ชั้นที่ 4 ถูกผสมไปด้วยแสงสีแดงเพลิงของทะเลลาวา, หมอกสีดำสนิทที่ด้านบนเพดานถ้ำและหินงอกหินย้อยสีขาวจาง ๆ ที่มองเห็นในระยะไกล มันก็ทำให้พื้นที่ทั้งหมดนี้ให้ความรู้สึกราวกับนรกอเวจี
“ตอนนี้ฉันใช้พลังจนถึงขีดจำกัดแล้ว และถึงแม้ว่าฉันจะสามารถใช้ความมืดปกคลุมพื้นที่ได้ในระยะกว้าง แต่มันก็ทำให้ฉันสูญเสียพลังในการต่อสู้ไปด้วยเช่นเดียวกัน ตอนนี้ฉันคงทำได้แต่หวังพึ่งคุณในการกำจัดพวกอูดี้แล้ว” ชานี่กล่าวพร้อมกับเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
“แค่นี้ก็พอแล้วครับ ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหยิบผลเนตรราคาให้ชานี่ 2 ผล
“มันช่างเป็นผลไม้ที่น่าอัศจรรย์จริง ๆ น่าเสียดายที่ในดินแดนเซิร์กไม่มีผลไม้ชนิดนี้ ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะพกติดตัวเอาไว้บ้าง” ชานี่กล่าวหลังจากเคี้ยวผลเนตรนาคาแล้วพบว่าพลังงานภายในร่างของเขาฟื้นฟูกลับมาพอสมควร
“ไม่ต้องห่วง ผมยังพอมีพวกมันเก็บเอาไว้อยู่อีกบ้าง แต่ตอนนี้คุณไปซ่อนตัวเอาไว้ก่อนดีกว่า ถ้ามีใครขึ้นมาบนฝั่งถึงตอนนั้นคุณค่อยถอนพลังความมืดกลับมาและโจมตีพวกเขาก็ยังไม่สาย” เซี่ยเฟยกล่าว
ชานี่พยักหน้ารับก่อนที่เขาจะก้าวถอยหลังหายตัวเข้าไปท่ามกลางความมืดมิด
“พลังความมืดของเขาเป็นพลังที่ประยุกต์ได้หลายสถานการณ์ดีจริง ๆ ว่าแต่เราจะทำอะไรต่อไป?” อันธกล่าว
“พวกเราก็แค่รอ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับนั่งพักลงบนพื้น
—
อุณหภูมิอันร้อนระอุของพื้นที่แห่งนี้มากพอที่จะทำให้จิตใจของผู้คนว้าวุ่นได้อย่างง่ายดาย เซี่ยเฟยจึงใช้วิชาพรางจิตเพื่อพยายามปรับลมหายใจให้เขาสงบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และพยายามรวบรวมพลังงานเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น
“พวกมันมาแล้ว ฉันสัมผัสพลังงานได้ 147 คน” อันธอุทานพร้อมกับเซี่ยเฟยที่สัมผัสได้ถึงเสียงที่ดังขึ้นจากระยะไกล
ชายหนุ่มค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับจ้องมองไปยังระยะไกลด้วยแววตาที่เย็นชา
ไม่กี่นาทีต่อมามันก็มีเงาสีดำมากกว่าร้อยร่างพยายามปีนป่ายหินงอกหินย้อยบนเพดานถ้ำ แต่เมื่อพวกเขาได้พบกับความมืดที่ห่างออกไปไม่ไกล มันจึงทำให้พวกเขาชะงักค้างอยู่กับที่เพื่อพยายามคิดหามาตรการรับมือ
อูดี้ถูกแมลงประหลาดอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน โดยทั้งตัวของเขาได้แนบเข้ากับหินงอกหินย้อยเพื่อให้ร่างกายเย็นสบายที่สุด แต่ถึงกระนั้นสีหน้าของเขาก็ยังคงเคร่งเครียดและใบหน้าของเขาก็เป็นสีขาวซีด ซึ่งแน่นอนว่าห่างจากเขาไปไม่ไกลยังคงมีหลี่โม่กับวินดี้คอยอารักขาอย่างใกล้ชิด
ร่างของแมลงประหลาดตัวนั้นแปลกมาก เพราะมันมีหนวดยาว 8 เส้นที่ให้ความรู้สึกเหมือนขาแมงมุม บนลำตัวของมันมีหัวอยู่ 2 หัวแยกออกไปทางด้านซ้ายและด้านขวา ร่างกายของมันเป็นสีดำและมีเกล็ดแข็งห่อหุ้มตามร่างกาย บริเวณข้อต่อมีขนขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เนื่องมาจากอุณหภูมิที่สูงมากมันจึงทำให้ขนพวกนั้นถูกเผาจนไหม้เกรียม แต่ถึงกระนั้นขาทั้งแปดของมันก็ยังคงเกาะติดกับหินงอกหินย้อยได้ราวกับตะขอเหล็ก
เซี่ยเฟยแสดงสีหน้าออกมาอย่างสับสน เพราะเขาไม่เคยเห็นแมลงรูปร่างแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน
“แมลงตัวนั้นเป็นร่างแปลงของพี่น้องตระกูลกุช และเนื่องจากว่าพวกเขาเป็นฝาแฝดพวกเขาจึงสามารถจำแลงร่างร่วมกันได้ และทำให้ร่างจำแลงของพวกเขามีพลังเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นทวีคูณ” ชานี่กล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครแต่ทุกคนก็คือศัตรู!!
หลี่โม่สามารถค้นพบตัวตนของเซี่ยเฟยในระยะไกลได้อย่างรวดเร็ว และด้วยความแค้นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ภายในใจ จิตใต้สำนึกจึงร้องตะโกนให้เขารีบสังหารชายคนนี้โดยเร็วที่สุด
ร่างกายของหลี่โม่ในปัจจุบันไม่ต่างไปจากสัตว์อสูรในร่างจำแลง นอกจากนี้เลยูตี้ยังทำให้ความแค้นภายในใจของเขาถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม หลี่โม่จึงมีปฏิกิริยาทันทีที่เขาได้สังเกตเห็นเซี่ยเฟย
อ๊าก!!
หลี่โม่ส่งเสียงร้องคำรามอย่างดุร้ายพร้อมกับดวงตาที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ร่างกายของเขากำลังสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ราวกับว่าเขารู้สึกโกรธมากจนทำให้เขาไม่สามารถควบคุมสติตัวเองได้อีกต่อไป
ฟุบ!
หลี่โม่พุ่งเข้าหาเซี่ยเฟยอย่างสิ้นหวังเพื่อพยายามระบายความแค้นที่สะสมอยู่ภายในหัวใจ
“อย่าขยับ!” อูดี้ส่งเสียงตะโกนเตือนไม่ให้หลี่โม่ลงมืออย่างบุ่มบ่าม
เลยูตี้เคยออกคำสั่งให้หลี่โม่เชื่อฟังอูดี้ในระดับสูงสุด และถึงแม้ว่าราชาคนนี้จะสั่งให้เขาไปตายแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะขัดคำสั่งของอูดี้ได้ แต่ความแค้นภายในใจก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถหยุดยั้งได้เช่นกัน และสัญชาตญาณของเขาก็กำลังกรีดร้องให้เขาลงมือสังหารเซี่ยเฟยโดยเร็วที่สุด
สติกับสัญชาตญาณกำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง และในที่สุดความแค้นที่มีต่อเซี่ยเฟยก็ได้รับชัยชนะ
คำสั่งของอูดี้ที่เป็นเหมือนโซ่ตรวนที่ผูกมัดไว้ถูกหลี่โม่ฉีกกระชากทำลายลงไปในที่สุด ซึ่งหลังจากนี้มันก็ไม่มีใครสามารถหยุดหลี่โม่ไม่ให้จู่โจมเข้าใส่เซี่ยเฟยได้อีกแล้ว
“อ๊าก!!” หลี่โม่ส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“วันนี้แหละจะเป็นวันที่ฉันจะสะสางเรื่องทั้งหมดระหว่างฉันกับแก” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยแววตาอันเย็นชา
ถุย!
ขนอุยพ่นลูกบอลพลังงานออกไปอย่างรวดเร็ว และเนื่องมาจากว่าจิตใจของเขาเชื่อมโยงเข้ากับจิตใจของเซี่ยเฟย ดังนั้นความโกรธของชายหนุ่มจึงเป็นความโกรธของมันด้วย
หลี่โม่สัมผัสให้ถึงอันตรายโดยสัญชาตญาณ แล้วเขาก็รีบกระโดดออกจากหินงอกหินย้อยอันหนึ่งไปยังหินงอกหินย้อยอีกอันหนึ่งเพื่อหลบหนีการโจมตี
ด้านล่างคือทะเลลาวาอันร้อนระอุและร่างกายของนักสู้ก็จำเป็นจะต้องสัมผัสกับหินงอกหินย้อยเพื่อพยายามรักษาอุณหภูมิในร่างกายเอาไว้ ไม่อย่างนั้นร่างกายของพวกเขาจะถูกเผาไหม้อย่างง่ายดายหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่กี่วินาที
เมื่อหลี่โม่กระโดดหลบออกไป การโจมตีของขนอุยก็ปะทะเข้าใส่นักรบที่อยู่ด้านหลังของเขา ซึ่งมันก็ทำให้ร่างกายของนักรบคนนั้นสลายตัวกลายเป็นอณูพลังงานในอากาศที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ฮาร์ชธันเดอร์!
เซี่ยเฟยเริ่มทำการจู่โจมด้วยวิชาลับพลังจิตขั้นที่ 2 พร้อมกับปลดปล่อยเซเลสเชียลมูนออกไปด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
ความเร็วในการจู่โจมครั้งนี้รวดเร็วมากจนเกินไปและมันก็ทำให้หลี่โม่ไม่อาจหลบได้ทัน
ในที่สุดการจู่โจมที่เหมือนกับสายฟ้าก็กระทบเข้ากับหน้าอกของหลี่โม่อย่างจัง แล้วมันก็ก่อให้เกิดแสงสว่างอันเจิดจ้าจนทำให้ผู้คนไม่สามารถที่จะลืมตาขึ้นมาสู้แสงได้
“ดูนั่น! ฮาร์ชธันเดอร์ของนายไม่สามารถทำร้ายร่างกายของเขาได้” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
ฮาร์ชธันเดอร์ของชายหนุ่มทำให้ร่างกายของหลี่โม่ได้รับบาดเจ็บเพียงแค่เล็กน้อย สัตว์ประหลาดที่เคยเป็นมนุษย์ผู้นี้จึงมองไปที่เซี่ยเฟยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
“เอาไอ้นี่ไปอีก!”
เซี่ยเฟยเริ่มทำการจู่โจมอีกครั้งโดยใช้วิชาลับพลังจิตขั้นที่ 3 กลอริฟาย!
ขวับ! ขวับ! ขวับ! …
เซเลสเชียลมูนกลายเป็นลำแสงนับไม่ถ้วนจู่โจมเข้าใส่ศัตรูจากทุกทิศทาง ซึ่งแม้แต่พวกอูดี้ที่อยู่ด้านหลังก็ได้รับผลกระทบจากการจู่โจมในครั้งนี้ไปด้วย
การจู่โจมในครั้งนี้ทำให้วินดี้ซึ่งเป็นยอดนักรบศักดิ์สิทธิ์คนสุดท้ายถูกเซเลสเชียลมูนปาดเข้าไปที่ลำตัว และทำให้ร่างของเขาร่วงหล่นลงไปในทะเลลาวาทันที
น่าเสียดายที่การจู่โจมในครั้งนี้ก็ยังคงไม่สามารถทำลายกายาเหล็กไหลของหลี่โม่ลงได้ ซึ่งเขาคนนี้ก็หลบหนีเข้าไปท่ามกลางความมืด และแม้แต่พี่น้องตระกูลกุชที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็หายตัวไปด้วยเช่นเดียวกัน
“เซี่ยเฟยฉันไม่รู้ว่าลูกศิษย์ของเลยูตี้ทำอะไรได้บ้าง แต่พลังพิเศษของพี่น้องตระกูลกุชคือการจำแลงร่าง และถึงแม้ว่าการโจมตีเมื่อสักครู่จะสามารถทำร้ายพวกเขาได้ แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะทำอันตรายพวกเขาถึงชีวิต” ชานี่กล่าวขึ้นมาจากความมืด
“ดึงพลังของคุณกลับคืนมาได้แล้ว ตอนนี้ศัตรูเหลืออยู่เพียงแค่ 3 คน เดี๋ยวฉันจะจัดการกับลูกศิษย์ของเลยูตี้เอง ฝากคุณจัดการกับพี่น้องตระกูลกุชด้วย” เซี่ยเฟยกล่าว
“ได้” ชานี่ตอบ
ชายชราเริ่มดึงพลังความมืดกลับเข้ามาในร่างอย่างรวดเร็ว เพราะแต่เดิมพวกเขาก็หวังจะใช้ความมืดมิดเพื่อทำให้ศัตรูหยุดชะงัก แต่ในตอนนี้ทั้งหลี่โม่และอูดี้ต่างก็ใช้ความมืดเพื่อหลบหนีการโจมตีของเซี่ยเฟย ดังนั้นพลังความมืดที่เขาได้ปลดปล่อยออกมาจึงไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
ถุย! ถุย! ถุย!
ขนอุยพ่นลูกบอลพลังงาน 3 ลูกยิงออกไปแบบสุ่ม แต่โชคไม่ดีที่มันมองไม่เห็นศัตรูการโจมตีเหล่านี้จึงไม่ถูกเป้าหมาย
‘ใจเย็น ๆ ฉันต้องพยายามตั้งสมาธิเอาไว้’ เซี่ยเฟยเตือนตัวเองภายในใจ จากนั้นเขาก็หลับตาลงเพื่อรวบรวมประสาทสัมผัส
การหลับตาต่อหน้าศัตรูถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายมาก แต่ชายหนุ่มก็ยังคงแผ่กระแสจิตออกไปเหมือนตาข่ายและขยายขอบเขตการรับรู้ออกไปอย่างต่อเนื่อง
ตรงนั้น!
ในที่สุดเขาก็ได้พบว่าหลี่โม่ฉวยโอกาสเคลื่อนไหวท่ามกลางความมืดจนอยู่ห่างจากเขาไม่ถึง 500 เมตรด้วยซ้ำ และเขาก็กำลังใช้ขาอันทรงพลังดีดตัวออกมาเพื่อจู่โจมเข้าใส่เซี่ยเฟย
วิชาลับพลังจิตระดับ 4 เฟียร์ลิส!
เซี่ยเฟยลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหันพร้อมกับเซเลสเชียลมูนที่ก่อตัวเป็นรูปกากบาทพุ่งออกไปใส่เป้าหมายอย่างรวดเร็ว
ตูม!
การจู่โจมอันทรงพลังของชายหนุ่มคล้ายกับการขว้างภูเขาออกไปทั้งลูก และทำให้เซเลสเชียลมูนปะทะเข้ากับหลี่โม่ที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศโดยไม่มีที่ให้หลบซ่อน
การปะทะครั้งนี้ทำให้ร่างของหลี่โม่กระเด็นถอยหลังไป ซึ่งหลังจากที่ร่างของเขาปะทะเข้ากับเพดานหินหลายครั้ง ในที่สุดร่างของเขาก็ตกลงไปในทะเลลาวา
****************
ตกลงทะเลลาวาแล้ว หมายถึงตายแล้วถูกไหม? หรือยัง ดูบทน้อยๆยังไม่ทันได้สู้เลยนี่นา?