ตอนที่แล้วตอนที่ 450 การดวลระหว่างผู้ใช้ความเร็ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 452 วิชาลับพลังจิตขั้นที่ 4

ตอนที่ 451 แผนการตีหมาตกน้ำ


ตอนที่ 451 แผนการตีหมาตกน้ำ

“น่าเสียดายจริง ๆ ชุดต่อสู้ของนานี่น่าจะเป็นชุดต่อสู้สายความเร็วระดับอีเทอนิตี้ แต่ตอนนี้มันถูกเซเลสเชียลมูนปาดจนขาดไปหมดแล้ว” อันธกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

เซี่ยเฟยยักไหล่พร้อมกับเดินไปหยิบตะขอสีเงินออกจากแขนของซากศพ และหยิบสร้อยคอมิติของนานี่ออกมาเพื่อเป็นสินสงคราม

การสังหารในครั้งนี้ทำให้ชายหนุ่มได้คะแนนมาเพิ่มอีก 1.08 ล้านคะแนน เพราะนานี่ได้สะสมคะแนนมาตั้งแต่ชั้นแรกเช่นเดียวกัน และเมื่อเขาถูกชายหนุ่มทำการสังหารคะแนนทั้งหมดจึงได้มาตกอยู่ในมือของเซี่ยเฟย

ทันใดนั้นประตูมิติก็เปิดออกพร้อมกับชานี่ที่เดินโซซัดโซเซไปด้านหน้า ก่อนที่เขาจะล้มลงไปกับพื้น

ใบหน้าของเขาซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด ทั่วทั้งร่างของร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลที่บาดลึก ซึ่งมันแสดงให้เห็นได้ชัดว่าเขาเพิ่งจะผ่านการต่อสู้แบบเฉียดเป็นเฉียดตายมาได้ไม่นาน

เซี่ยเฟยรีบพยุงชานี่เอาไว้พร้อมกับป้อนผลน้ำค้างขาวให้ชายชรา เพื่อช่วยฟื้นฟูพละกำลังของเขากลับคืนมา

หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปประมาณ 2 นาที ใบหน้าของชานี่ก็เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง และการหายใจของเขาก็ไม่ได้ติดขัดเหมือนกับในก่อนหน้านี้อีกต่อไป

“ในที่สุดฉันก็ได้พบกับคุณเสียที ว่าแต่คุณเข้ามาในประตูแห่งความว่างเปล่าก่อนพวกเราได้ยังไง?”

เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่หัวเราะออกมาเบา ๆ เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารอยสักที่แขนซ้ายของเขามันคืออะไร แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้แน่ ๆ คือเขาไม่ควรบอกชานี่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงตอบรับกลับไปด้วยความเงียบเท่านั้น

โชคดีที่ชานี่เป็นคนฉลาด ดังนั้นเมื่อเขาเห็นว่าเซี่ยเฟยไม่ต้องการจะพูดเขาจึงเลี่ยงไปถามคำถามอื่นแทน

“การรวมกลุ่มของสัตว์อสูรในชั้นที่ 1 กับความบ้าคลั่งของต้นไม้ปีศาจในชั้นที่ 2 เกิดขึ้นมาจากคุณใช่ไหม?”

“ใช่ เป็นฝีมือของผมเอง ว่าแต่ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

ชานี่ลุกขึ้นปัดฝุ่นออกจากร่างกายก่อนที่เขาจะเรียกหมอกสีดำออกมาหมุนวนรอบตัวราวกับว่าเขาพยายามรักษาบาดแผลบนร่างกายของตัวเอง

“พลังความมืดเอามาใช้รักษาได้ด้วยงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยแอบตกใจเมื่อได้เห็นความหลากหลายของพลังความมืด

“ทันทีที่พวกเราก้าวเท้าสู่พื้นที่ชั้นที่ 1 ฝูงสัตว์อสูรก็เริ่มจู่โจมพวกเราในทันที ฉันเลยนำคนของสมาพันธ์นักปราชญ์ประมาณ 5,000 คนหลบหนีออกไปท่ามกลางความชุลมุน เพราะถึงยังไงเป้าหมายของพวกมันก็คือคนของอูดี้อยู่แล้ว เราจึงไม่จำเป็นจะต้องเอาคนของเราไปปกป้องคนของเขา”

“คุณได้หลีกเลี่ยงการสูญเสียที่ไม่จำเป็นและปล่อยให้กองกำลังของอูดี้สูญเสียมากที่สุด ผมคิดว่านั่นเป็นการตัดสินใจได้ฉลาดมาก แล้วว่าแต่หลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยเฟยกล่าว

“ต่อมาพวกเราก็ลอบจู่โจมพวกอูดี้บนพื้นที่ชั้นที่ 2 จนมันเป็นการต่อสู้กัน 3 ฝ่าย แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ได้ ทำให้ตอนนี้ทางฝ่ายของสมาพันธ์นักปราชญ์เหลือฉันอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ส่วนทางฝั่งของอูดี้ก็เหลือกองกำลังอยู่ไม่มากแล้ว” ชานี่กล่าวพร้อมกับกัดฟันและถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะไม่ได้เห็นการต่อสู้ด้วยตาของตัวเอง แต่เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าชายชราคนนี้ได้ผ่านเรื่องยากลำบากมามากขนาดไหน

“หมิงจี้ก็ไม่รอดงั้นเหรอ” เซี่ยเฟยถาม

“เธอเป็นแค่เพียงผู้ใช้พลังสายค้นหาและพลังการต่อสู้ของเธอก็ไม่แข็งแกร่งนัก ในระหว่างที่ทั้งสามฝ่ายกำลังปะทะกันฉันไม่ได้มีเวลามาสนใจเธอมากนัก แต่ฉันก็บังเอิญเห็นเธอถูกต้นไม้ปีศาจจับไปได้ ฉันเลยสันนิษฐานว่าหลังจากนั้น…” ชานี่กล่าว

เซี่ยเฟยนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร เพราะท้ายที่สุดเด็กผู้หญิงชาวมนุษย์คนนั้นก็ยังคงเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับเขาอยู่ดี ส่วนในช่วงเวลาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชานี่จะไม่มีเวลาไปดูแลคนอื่น

“ทีมของอูดี้แข็งแกร่งกว่าที่ฉันได้คิดเอาไว้มาก ซึ่งนอกเหนือจากทอมมี่กับวินดี้ที่เป็น 7 ยอดนักรบศักดิ์สิทธิ์แล้ว มันยังมีนานี่ที่เป็นนักสู้ที่เร็วที่สุดของเผ่าเซิร์กกับบาทอรี่ผู้ซึ่งมีพลังควบคุมหินอยู่ในทีมของเขาด้วย”

“สิ่งที่ฉันไม่คาดคิดก็คือแม้แต่พี่น้องตระกูลกุชที่อยู่ในอันดับ 4-5 ของกระดานจัดอันดับก็แฝงตัวอยู่ภายในทีมด้วย การปะทะกับพวกเขาทำให้ฉันตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก และลูกศิษย์ของนักพรตเลยูตี้ก็เป็นเหมือนกับสัตว์ประหลาดของจริง พลังพิเศษกายาเหล็กไหลของเขาแข็งแกร่งมากจนไม่มีใครสามารถที่จะทำอันตรายเขาได้เลย และระดับพลังของเขาก็น่าจะสูงกว่าพี่น้องตระกูลกุชด้วยซ้ำ” ชานี่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด

คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยผงะไปเล็กน้อย เพราะถ้าเขาจำไม่ผิดหลี่โม่ไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรในลักษณะนี้เลย ซึ่งมันเห็นได้ชัดว่าพลังพิเศษนี้น่าจะถูกสร้างขึ้นมาโดยเลยูตี้ ไม่อย่างนั้นหลี่โม่ก็คงจะไม่สามารถจะใช้พลังพิเศษแปลก ๆ นี้ออกมาได้

“นานี่ตายไปแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังศพที่อยู่ในระยะไกล

“ฉันก็ว่าทำไมฉันถึงไม่เห็นเขาในสนามรบ ที่แท้เขาล่วงหน้ามายังพื้นที่ชั้นที่ 4 ก่อนนี่เอง ว่าแต่คุณเป็นคนฆ่าเขางั้นเหรอ?” ชานี่ถาม

“ใช่”

ชานี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะเขารู้ดีว่านานี่สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วแค่ไหน และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เซี่ยเฟยจะสามารถสังหารนักรบคนนี้ลงไปได้

“คุณฆ่านานี่ลงไปแล้ว ส่วนฉันก็ฆ่าบาทอรี่กับทอมมี่ไปแล้วเหมือนกัน แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังมียอดนักรบคอยคุ้มกันอูดี้อยู่อีก 4 คน”

“พี่น้องตระกูลกุช, ลูกศิษย์ของเลยูตี้และวินดี้ไม่ใช่นักสู้ที่เราจะรับมือได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ทางฝ่ายของเราก็เหลือรอดอยู่เพียงแค่ 2 คนเท่านั้น”

เรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับพวกเขามากจริง ๆ เพราะการสู้แบบ 2 ต่อ 4 ย่อมทำให้ฝ่ายของพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบเป็นเรื่องธรรมดา

“อีกนานแค่ไหนกว่าพวกเขาจะมาถึงที่นี่?” เซี่ยเฟยถาม

“น่าจะประมาณ 3-6 ชั่วโมง” ชานี่กล่าวตอบ

“เราต้องฉวยโอกาสนี้ผ่านไปพื้นที่ชั้นที่ 5 โดยเร็วที่สุด และถ้าหากว่าเราติดตั้งกับดักไว้อย่างลับ ๆ พวกเราก็อาจจะฆ่ากองกำลังของอูดี้บางส่วนได้ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดที่เราจะเผชิญหน้ากับพวกเขาโดยตรง ดังนั้นเราควรตัดกำลังของพวกเขาให้ได้มากที่สุดก่อนที่พวกเราจะเริ่มปะทะกัน” เซี่ยเฟยกล่าว

“แล้วคุณรู้ไหมว่าเราจะผ่านทะเลลาวาพวกนี้ไปได้ยังไง?” ชานี่กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย

เซี่ยเฟยส่ายหัวเป็นคำตอบว่าเขาไม่รู้

“คุณจะเข้าใจเองเมื่อคุณลองสัมผัสกับหินพวกนี้” ชานี่กล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังหินย้อยสีขาวที่อยู่ไม่ไกล

เซี่ยเฟยรีบวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับวางฝ่ามือลงอย่างช้า ๆ บนหินย้อยที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร

ทันใดนั้นความรู้สึกเย็นก็แผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกายเขาทันที แม้แต่กระดูกของเขาก็รู้สึกเหมือนกับถูกแช่แข็ง

“เย็นมาก! พวกมันสามารถแพร่กระจายความเย็นเข้าสู่ร่างกายของเราได้!!”

“ด้านบนของทะเลลาวาเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยมากมาย ถ้าหากว่าคุณสามารถแนบร่างกายไปกับหินงอกหินย้อยพวกนั้นได้ คุณก็จะสามารถเดินทางไปยังพื้นที่ชั้นที่ 5 ได้อย่างไม่มีปัญหา”

“แต่การเคลื่อนไหวท่ามกลางหินงอกหินย้อยต้องเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะถ้าหากว่าคุณหยุดนิ่งแม้แต่เพียงเล็กน้อย ร่างกายของคุณก็จะถูกคลื่นความร้อนเข้าแผดเผาในทันที การทดสอบครั้งนี้จึงไม่ใช่เป็นเพียงการทดสอบความว่องไวเท่านั้น แต่มันยังเป็นการทดสอบกำลังใจของนักรบอีกด้วย เพราะพื้นที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทะเลลาวาและถ้าหากว่าใครพลาดตกลงไปพวกเขาก็จะถูกเผาไหม้จนไม่เหลือแม้กระทั่งเศษกระดูก”

“นักสู้ระดับล่างไม่สามารถที่จะผ่านบททดสอบนี้ไปได้อย่างแน่นอน และมันก็มีเพียงแต่นักสู้ระดับสูงที่มีจิตใจอันแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะสามารถผ่านบททดสอบในพื้นที่ชั้นที่ 4 นี้ไปได้”

“เผ่าพันธุ์เซิร์กของเรามีโอกาสเดินทางมาที่นี่ทุก ๆ 2,000-3,000 ปี พวกเราจึงได้ศึกษาพื้นที่ด้านในบททดสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับพวกเราคือพื้นที่ชั้นที่ 3 เพราะทิศทางของเขาวงกตจะเปลี่ยนไปทุกครั้งหลังจากเราได้เข้ามาในไซเรนฮิลล์ต่อจากบรรพบุรุษ ดังนั้นตราบใดก็ตามที่พวกเราผ่านพื้นที่ชั้นที่ 3 ไปได้พื้นที่อีกสองชั้นที่เหลือก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับนักสู้ระดับสูงอีกต่อไป”

“แล้วพื้นที่ชั้นที่ 5 ล่ะ? มีสภาพแวดล้อมแบบไหน? พวกเราพอจะหาโอกาสสังหารอูดี้ในพื้นที่ชั้นที่ 5 ได้หรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถาม

“แท่นเคลื่อนย้ายของชั้นที่ 4 จะส่งเราไปในวิหารชั้นที่ 5 ทันทีและมันไม่อนุญาตให้มีการต่อสู้ในวิหาร ดังนั้นถ้าหากว่าคุณต้องการที่จะลงมือคุณก็ทำได้เพียงแค่ในชั้นที่ 4 นี้เท่านั้น” ชานี่กล่าว

“บนชั้นที่ 5 ไม่มีบททดสอบงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย

“ท่านเทพเจ้าขาวและเทพเจ้าดำทิ้งบททดสอบนี้ไว้เพื่อเป็นของรางวัลให้กับพวกเรา ไม่ใช่คิดจะสังหารยอดนักสู้ทั้งหมดของเผ่าพันธุ์” ชานี่กล่าว

“เอ่อ…” เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แล้วเขาก็เพิ่งตระหนักว่าบททดสอบนี้มันไม่ได้มีเพื่อสังหารนักสู้ระดับสูงของเซิร์กจริง ๆ

“จากพื้นที่ชั้นที่ 1 ถึงพื้นที่ชั้นที่ 4 คือการทดสอบความแข็งแกร่ง, ความอดทนและพลังใจของนักสู้ ดังนั้นตราบใดที่นักสู้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมพวกเขาก็มีคุณสมบัติที่จะได้รับของรางวัลในพื้นที่ชั้นที่ 5”

“นอกจากนี้บนพื้นที่ชั้นที่ 5 ยังมีสัตว์อสูรรูปร่างแปลก ๆ ให้พวกเราออกล่าทั้งวันทั้งคืน ดังนั้นยิ่งนักรบออกล่าได้มากเท่าไหร่พวกเขาก็จะยิ่งได้รับคะแนนกลับมาแลกของรางวัลได้มากเท่านั้น ซึ่งหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปครบ 14 วัน ประตูแห่งความว่างเปล่าก็จะเปิดออกอีกครั้งเพื่อให้นักรบทุกคนเดินทางกลับไปพร้อมกับรางวัลและเกียรติยศ”

“ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่มีทหารล้มตายเป็นจำนวนมากหลังจากที่ได้เข้ามาในไซเรนฮิลล์ มันก็ไม่ใช่เป็นเพราะบททดสอบที่รุนแรง แต่มันเป็นเพราะความละโมบของราชาแห่งเต็นท์ทองคำต่างหาก เพราะราชาจะให้คนของตัวเองสังหารนักรบที่ไม่เชื่อฟังเพื่อนำคะแนนทั้งหมดมาแลกของรางวัลให้กับตัวเอง”

“ผมเข้าใจล่ะพื้นที่ชั้นที่ 1-4 มีเอาไว้สำหรับทดสอบคุณสมบัติของนักรบ และตราบใดก็ตามที่ใครมีคุณสมบัติที่เพียงพอ นักรบคนนั้นก็เหมาะสมจะได้รับรางวัลที่เตรียมเอาไว้ในพื้นที่ชั้นที่ 5 ใช่ไหม? แบบนี้พวกเราก็คงจะต้องหาโอกาสสังหารอูดี้ที่นี่เท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

สถานการณ์ในปัจจุบันค่อนข้างที่จะยากลำบากอย่างแท้จริง เพราะมันไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงกองกำลังคนอื่น ๆ เพราะเพียงแค่องครักษ์ทั้งสี่คนที่คอยคุ้มกันอูดี้ก็มากพอที่จะทำให้พวกเขาไม่สามารถหาโอกาสสังหารราชาคนนี้ได้ง่าย ๆ แล้ว

ที่สำคัญกว่านั้นคือพวกเขามีโอกาสจู่โจมในพื้นที่ชั้นที่ 4 เท่านั้น เซี่ยเฟยจึงลุกยืนขึ้นและสังเกตสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง เพื่อคิดหาแผนการให้เขาสามารถสังหารอูดี้ได้อย่างง่ายดายมากขึ้นกว่าเดิม

“ตามผมมา ผมพอจะคิดหาวิธีจัดการกับพวกเขาได้แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าว

“วิธีการอะไร?”

“เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”

ฟุบ!

เซี่ยเฟยกระโดดตัวขึ้นสูงและโอบกอดหินงอกหินย้อยที่อยู่บนเพดานถ้ำ ซึ่งมันก็ทำให้อุณหภูมิอันเย็นยะเยือกกระจายไปทั่วทั้งร่างของเขาในทันที แต่หลังของเขาก็ยังคงรู้สึกปวดแสบปวดร้อนอยู่เช่นเดิม

ชายหนุ่มเคลื่อนที่ไปตามหินงอกหินย้อยอย่างคล่องแคล่ว โดยการกระโดดจากหินงอกหินย้อยก้อนหนึ่งไปยังหินงอกหินย้อยอีกก้อนหนึ่ง ซึ่งในระหว่างที่เขากระโดดเกาะหินที่อยู่บนเพดานนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิภายในร่างที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ร่างกายด้านที่สัมผัสกับหินงอกหินย้อยถูกน้ำแข็งกัดจนรู้สึกเย็นไปหมดแล้ว แต่หลังของเขากลับถูกอุณหภูมิที่แผดเผาจนทำให้ผิวหนังเริ่มกลายเป็นสีแดง

นี่คือบททดสอบจิตใจที่เหี้ยมโหดมาก เพราะถ้าหากว่าใครขาดสมาธิ, ความอดทนและการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว นักสู้คนนั้นก็พร้อมที่จะตกลงไปในทะเลลาวาได้ทุกเมื่อ

ในที่สุดชายหนุ่มก็ร่อนตัวลงยังพื้นที่อีกฝั่งได้อย่างปลอดภัย โดยมีชานี่เคลื่อนที่ตามเขามาอย่างห่าง ๆ ซึ่งชายชราคนนี้ก็ได้ใช้มวลความมืดห่อหุ้มร่างของตัวเองเอาไว้ มันจึงทำให้ร่างของเขาได้รับความเสียหายน้อยกว่าเซี่ยเฟยมาก

“พวกเราจะทำอะไรกันต่อ?” ชานี่กล่าวถามอย่างกระวนกระวายใจ

เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะยกแขนขวาที่มีเซเลสเชียลมูนติดตั้งเอาไว้ขึ้นมา

“คุณช่วยปล่อยความมืดไปที่หินงอกหินย้อยไม่ให้พวกเขามองเห็นพื้นที่ด้านหน้า ส่วนผมจะคอยใช้เพราะเซเลสเชียลมูนจู่โจมพวกเขาจากระยะไกล”

“ผมขอเรียกแผนการนี้ว่าแผนการตีหมาตกน้ำ”

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด