ตอนที่แล้วตอนที่ 16
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 18

ตอนที่ 17


เฉิงอวี้คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะบุกเข้ามาเพื่อถามคำถามนี้โดยเฉพาะ เขาจึงตอบอย่างพอเป็นพิธีว่า “ความสัมพันธ์ของพ่อแม่ฉันไม่ค่อยดี กับฉันก็เหมือนกัน ไม่เหมือนพ่อแม่ของกู้ซูอวี่ แม้ว่าพวกเขาจะยุ่งมาก แต่ก็เอาใจใส่กู้ซูอวี่ ดังนั้นฉันเลยแสดงเป็นกู้ซูอวี่ไม่ได้”

หลินอันหลานถอนหายใจแล้วพูดในใจว่า อย่างนี้นี่เอง

“ฉันคิดว่าตัวเองทำอะไรไม่ดีลงไปซะอีก เลยทำให้นายคิดว่าฉันไม่ชอบนาย” หลินอันหลานสารภาพ

“จะเป็นไปได้ยังไง” เฉิงอวี้เดินเข้ามาประคองใบหน้าของเขาแล้วจูบที่ริมฝีปาก “นายทำดีแล้ว”

หลินอันหลานยกยิ้ม

เฉิงอวี้ลูบหัวเขาเบาๆ “เอาละ นายออกไปก่อนเถอะ ในนี้มีแต่ไอน้ำ นายจะอึดอัดเอา”

เมื่อเขาพูดแบบนี้ หลินอันหลานก็รู้สึกร้อนๆ พร้อมพูดว่า “งั้นฉันออกไปก่อนนะ”

“อื้อ”

หลินอันหลานมองก่อนจะคว้าหลังคอของเฉิงอวี้ลงมา เงยหน้าจูบริมฝีปากของอีกฝ่าย

เฉิงอวี้ประคองเอวหลินอันหลานไว้ พวกเขาจูบกันเป็นเวลานาน จากนั้นค่อยผละออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก

เฉิงอวี้มองหลินอันหลานเดินออกไป เขาปิดประตูลงแล้วเปิดฝักบัวอีกครั้ง

เขาไม่เหมาะกับบทกู้ซูอวี่จริงๆ เขาคิดว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะได้รับความรักแบบนี้

เขาลืมไปได้ยังไงว่านอกจากหลินอันหลานจะไม่ชอบเขาแล้ว ความสัมพันธ์ของเขากับพ่อแม่ก็ไม่ได้ดีมาก โดยเฉพาะพ่อ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า

คนแบบเขา ไม่เหมาะจะให้หลินอันหลานแสดงเป็นกู้ซูอวี่เพื่อเล่นคู่กับเขาด้วยซ้ำ

เฉิงอวี้อาบน้ำเร็วมาก แต่ไม่ได้รีบออกไป เขายืนอยู่ในห้องน้ำสักพัก นึกอยากสูบบุหรี่แต่ก็ไม่ได้เอาบุหรี่เข้ามา ยังดีที่เขาไม่ได้เป็นคนติดบุหรี่ ก็เลยสงบสติอารมณ์อยู่เงียบๆ และเดินออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลินอันหลานก็ยังอ่อนโยนและเอาใจใส่เขาเหมือนเดิม

ยังเหลือเวลาอีกสี่วันก็จะหมดเขตแคสติง เฉิงอวี้ไม่ได้ตื่นเต้น เขาพักผ่อนอีกหนึ่งวัน จากนั้นวันต่อมาก็เดินทางไปสถานที่แคสติงพร้อมกับซุนเมิ่ง

เห็นได้ชัดว่าผู้กำกับจางชอบเขามาก เมื่อเห็นหน้าเขา ผู้กำกับจางก็หัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันคิดว่านายจะไม่มาซะแล้ว”

เฉิงอวี้ยิ้ม “ไม่มาได้ยังไงครับ พอดีที่บ้านผมมีธุระก็เลยมาสายหน่อย”

ผู้กำกับจางก็ไม่ได้ซักไซ้เขาต่อ “นายจะแคสเป็นกู้ซูอวี่สินะ”

แม้นี่จะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงกลับเหมือนแค่บอกเล่า

แต่เฉิงอวี้ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ผมมาแคสบทจิ่งฮ่วน”

ผู้กำกับจางตกใจมาก “เสี่ยวเฉิง ฉันบอกกับผู้จัดการของนายไปว่าบทกู้ซูอวี่เหมาะกับนายมาก”

“ผมรู้ครับ แต่ผมอ่านบทหมดแล้วกลับชอบตัวละครจิ่งฮ่วนมากกว่า”

“บทจิ่งฮ่วนก็ไม่เลวเลย แต่ฉันจะบอกนายว่าแม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีตัวละครหลักสามตัว แต่สุดท้ายแล้วจิ่งฮ่วนและซุนซินซินก็เกิดจากการเชื่อมโยงเนื้อเรื่องของกู้ซูอวี่ เขาเป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดจบ ดังนั้นกู้ซูอวี่จะมีบทมากที่สุด การแสดงจึงต้องดี เรื่องนี้กู้ซูอวี่อาจจะได้รับการเสนอชื่อนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม แต่ตัวละครจิ่งฮ่วนไม่แน่ว่าจะได้รับไหม”

“ผมรู้ครับ” เฉิงอวี้นิ่งมาก “ผมไม่ได้แคร์เรื่องนั้น”

ผู้กำกับจางมองเขาอย่างประหลาดใจ

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยร่วมงานกับเฉิงอวี้มาก่อน แค่เคยคุยกันนิดหน่อยในงานเทศกาลภาพยนตร์ ตอนนั้นเขาคิดว่าภาพลักษณ์ของเฉิงอวี้ดีมาก เหมาะจะรับบทคุณชายผู้ร่ำรวย

จากนั้นบทกู้ซูอวี่ก็ปรากฏขึ้น แวบแรกเขานึกถึงเฉิงอวี้ก่อนเลย

เพราะอย่างนั้นเขาก็เลยเข้าไปดูผลงานภาพยนตร์ของเฉิงอวี้ ติดต่อผู้กำกับที่เคยร่วมงานกับเขา ความสามารถในการแสดงของอีกฝ่ายก็ไม่เลว แม้ความนิยมจะสูงแต่ก็ไม่เคยวางอำนาจเลย จึงเหมาะที่จะร่วมงานกันมาก หลังจากนั้นเขาจึงส่งคำเชิญแคสติงไปยังผู้จัดการของเฉิงอวี้

คิดไม่ถึงว่าเฉิงอวี้จะไม่อยากแสดงเป็นกู้ซูอวี่ที่เป็นพระเอก แต่กลับเลือกบทจิ่งฮ่วนแทน

อีกทั้งเฉิงอวี้ยังรู้อยู่แล้วว่าบทนี้จะมีแอร์ไทม์น้อย และอาจจะไม่ได้รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมในเทศกาลภาพยนตร์ แต่เขาก็ยังไม่เปลี่ยนใจ

ผู้กำกับจางประหลาดใจนิดหน่อย เขาคิดว่าดาราดังในปัจจุบันจะสนใจเรื่องตำแหน่งของตัวละครมากเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเฉิงอวี้จะเป็นข้อยกเว้น

ผู้กำกับจางรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย แต่เขาก็ชื่นชมอีกฝ่ายเช่นกัน

“งั้นก็ได้” ผู้กำกับจางยิ้ม “จิ่งฮ่วนก็ได้”

เฉิงอวี้พยักหน้า เริ่มแคสติงบทจิ่งฮ่วนตามที่ตนเองตั้งใจเอาไว้

ผู้กำกับจางพอใจมาก แต่ก็ยังไม่ได้ให้คำตอบเฉิงอวี้ทันที เขาพูดว่า “โอเคแล้ว ถ้าได้คำตอบแล้วฉันจะติดต่อนายไปนะ”

“ได้ครับ” พูดจบเฉิงอวี้ก็หมุนตัวเดินออกมา

ซุนเมิ่งที่รออยู่ด้านนอกรีบเข้ามาถามว่า “เป็นยังไงบ้าง”

“ไม่รู้สิ ผู้กำกับบอกให้รอคำตอบ” เฉิงอวี้กล่าวเสียงเรียบ

“น่าจะไม่มีปัญหา” ซุนเมิ่งปลอบใจเฉิงอวี้แล้วก็ปลอบใจตัวเองด้วย “ผู้ช่วยผู้กำกับจางโทรมาบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เขาบอกว่าห้ามพลาดโอกาสนี้เด็ดขาด แปลว่าผู้กำกับจางต้องสนใจในตัวนายอยู่แน่ๆ เขาถึงมาเตือนแบบนี้”

เฉิงอวี้ตอบรับเบาๆ “อื้อ”

เขาเดินมาจนถึงสุดทางเดิน ก่อนจะเห็นใครบางคนเดินสวนมาจากทิศตรงข้ามแล้วมาหยุดที่ด้านหน้าของเขาพอดี

สี่ตาประสานกัน เฉิงอวี้รู้สึกรังเกียจอีกฝ่าย

เฉิงอวี้แสร้งทำเป็นไม่เห็น เดินไปข้างหน้าโดยที่ไม่สนใจคนผู้นั้น

แต่คนคนนั้นกลับเดินถอยหลังมาขวางทางเขาเอาไว้

“นายก็มาแคสติงเหมือนกันเหรอ” เจี่ยงซวี่ถาม

“หมาที่ดีต้องไม่ขวางทางนะ” เฉิงอวี้เอ่ยเสียงเรียบ

เจี่ยงซวี่หัวเราะ “นี่นายกำลังพูดถึงตัวเองอยู่เหรอ เพราะว่าวันนี้เสี่ยวหลานไม่อยู่สินะ ไม่งั้นนายต้องดมกลิ่นจนไปอยู่ใกล้ๆ เขาแล้วล่ะ”

เมื่อพูดถึงหลินอันหลาน เขาก็หัวเราะขึ้นมา

“แล้วหลินอันหลานล่ะ” เฉิงอวี้จงใจถามถึงอีกฝ่าย

เจี่ยงซวี่ตกใจเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าเฉิงอวี้จะถามแบบนี้ ตอนนี้หลินอันหลานอยู่กับอีกฝ่ายไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นจะถามทำไม

หรือว่าเฉิงอวี้ตั้งใจแกล้งไม่รู้

เจี่ยงซวี่หัวเราะขึ้นมา จากนั้นก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเหมือนก่อนหน้านี้ “อยู่ที่รถฉัน เขาน่าจะรู้มั้งว่านายอยู่ที่นี่ เขาไม่อยากรำคาญสายตาก็เลยไม่ยอมลงจากรถ”

“ฉันก็ว่าแล้วว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมลงมา เสี่ยวหลานนี่ฉลาดจริงๆ”

เมื่อดูจากน้ำเสียงและท่าทางของเจี่ยงซวี่ เฉิงอวี้เดาไม่ออกเลยว่าเจี่ยงซวี่จะรู้ไหมว่าเขาอยู่กับหลินอันหลาน

แต่ดูจากท่าทางของเจี่ยงซวี่แล้ว ไม่ว่าเขาจะรู้หรือไม่ ก็เหมือนอีกฝ่ายจะยังไม่พรากหลินอันหลานไปจากเขาตอนนี้

แค่นั้นก็พอแล้ว

เฉิงอวี้ไม่อยากจะสนใจเจี่ยงซวี่แล้ว เขายื่นมือออกไปผลักอีกฝ่ายเหมือนกับเขี่ยขยะ

เจี่ยงซวี่รู้สึกเหมือนโดนดูถูก เขากำลังจะยื่นมือไปจับไหล่ของเฉิงอวี้ แต่กลับถูกผลักออก

“ไสหัวไป”

‘ตุ้บ’ เสียงหลังของเจี่ยงซวี่กระทบกับกำแพง

เขาจ้องเฉิงอวี้อย่างโกรธแค้น เดินตามไปหวังจะทำร้ายเฉิงอวี้

“นายอยากจมูกบวมหน้าเขียวไปแคสติงใช่ไหม” เฉิงอวี้เอามือรับหมัดของเจี่ยงซวี่ไว้

เจี่ยงซวี่หัวเราะเยาะ สายตาเต็มไปด้วยการถากถาง “นายกล้าทำร้ายฉันเหรอ ต่อยฉันเลยสิ ถ้านายอยากทำให้เสี่ยวหลานโกรธนาย”

เฉิงอวี้ออกแรงบีบหมัดของเจี่ยงซวี่แรงขึ้น แล้วพูดเสียงเรียบว่า “งั้นก็ดี แบบนี้ฉันก็จะได้เจอเขาแล้วใช่ไหม แต่ประเด็นคือนายจะยอมให้เขามาเจอฉันไหม”

เจี่ยงซวี่เงียบไป

เฉิงอวี้หัวเราะเบาๆ “นายไม่ยอมสินะ”

พูดจบเขาก็สะบัดมือที่กำหมัดของอีกฝ่ายทิ้งแล้วสอดมือเข้ากระเป๋ากางเกง พร้อมเดินจากไป

เจี่ยงซวี่หันไปมองเฉิงอวี้แล้วคิดในใจว่า เขาก็เหมือนหมาตัวหนึ่งเท่านั้นแหละวะ

เขาจัดเสื้อผ้า ปรับอารมณ์ ทำตัวเองให้เพอร์เฟกต์ที่สุด จากนั้นค่อยเดินไปที่ห้องแคสติง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด