ตอนที่ 16
“รอมีบทที่เหมาะสมกับพวกเราก่อนแล้วค่อยแสดงหนังด้วยกันนะ พวกเรายังเด็ก ไม่อำลาวงการภายในสองปีนี้หรอก”
“อื้อ”
หลินอันหลานคีบอาหารให้เขา “ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไร” เฉิงอวี้ยิ้มแล้วพูดว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ชอบก็ไม่ต้องแสดง ไม่เห็นเป็นไรเลย”
ได้ยินเฉิงอวี้พูดแบบนั้น แต่หลินอันหลานกลับรู้สึกว่าเฉิงอวี้เสียใจมาก
เฉิงอวี้ส่งยิ้มให้แล้วพยักหน้าอย่างฝืนๆ หลินอันหลานจะรอให้มีบทที่เหมาะสมกว่านี้ แล้วเขาจะชดใช้ให้เฉิงอวี้อย่างสาสมเลย
สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้เล่นภาพยนตร์ด้วยกัน
เมื่อกินข้าวเสร็จ เฉิงอวี้ก็ไปล้างจานและถือโอกาสตอบซุนเมิ่งด้วยว่า “ฉันไม่ไปแคสติงแล้วนะ”
เมื่อซุนเมิ่งเห็นข้อความนี้ เขาก็เดาได้ว่าหลินอันหลานต้องไม่แสดงด้วยแน่นอน
เขาไม่เข้าใจ ทำไมเฉิงอวี้ถึงต้องแคร์หลินอันหลานขนาดนั้นด้วย
ซุนเมิ่งคิดแล้วก็ตอบข้อความไปว่า : นายลองคิดอีกทีเถอะ ฉันได้ยินมาว่าเซี่ยฮุยก็จะไปแคสเรื่องนี้เหมือนกัน ทุกคนเรียกเขาว่าหลินอันหลานจูเนียร์ไม่ใช่เหรอ หน้าตาเขาเหมือนหลินอันหลานเลย นายลองคิดเรื่องนี้อีกทีเถอะ”
เฉิงอวี้เห็นเขาตอบแบบนี้ก็หัวเราะออกมา เซี่ยฮุยคนนั้นเป็นหลินอันหลานจูเนียร์เหรอ เป็นของไม่ได้คุณภาพมากกว่า
เขาตั้งใจแต่งหน้าตามหลินอันหลาน เพื่อให้หน้าตารูปร่างคล้ายอีกคนมากที่สุดเท่านั้น
แต่ว่า...
เฉิงอวี้พิงซิงก์ล้างจาน เมื่อเขาคิดถึงจิ่งฮ่วน คิดถึงความรักที่จิ่งฮ่วนมีต่อกู้ซูอวี่
แน่นอนว่าเขาไม่ใช่จิ่งฮ่วน แต่เขาก็มีอะไรบางอย่างที่คล้ายกัน
เฉิงอวี้อยากแสดงบทนี้มาก ไม่ใช่เพราะความงามทางศิลปะ ไม่ใช่เพราะความธรรมดาหรือไม่ธรรมดาของเขา แต่เพราะเขาเห็นตัวเองในเงาของจิ่งฮ่วน
ความรักที่ดึงดันแบบนั้น การร้องขอให้อีกฝ่ายหันมามองตัวเองสักนิด
เขามีสิ่งนั้น จิ่งฮ่วนก็มีเหมือนกัน
ดังนั้นเขาจึงหวังว่าหลินอันหลานจะแสดงเป็นกู้ซูอวี่ แล้วตัวเขาแสดงเป็นจิ่งฮ่วน ถ้าวันหนึ่งความทรงจำของหลินอันหลานกลับคืนมาแล้วละก็ หากพวกเขาต้องเลิกกัน เฉิงอวี้จะได้ดูหนังเรื่องนี้เป็นการนึกถึงความรักที่ผ่านมาของตัวเอง
แต่ตอนนี้หลินอันหลานกลับปฏิเสธ
จู่ๆ เฉิงอวี้ก็คิดว่าสมควรแล้ว บางทีเรื่องนี้อาจเหมาะสมกับความรักของเขาเท่านั้น
หลินอันหลานไม่ได้ชอบเขา ในโลกของความเป็นจริงเราไม่ได้เป็นอะไรกันเลย แล้วเขาจะไปขอร้องให้อีกฝ่ายมาเล่นหนังกับเขาได้ยังไง
เขาไม่มีสิทธิที่จะได้เห็นภาพยนตร์ที่เขากับหลินอันหลานเล่นด้วยกันแล้วนึกถึงความรักของพวกเรา
คนอย่างเฉิงอวี้ ถ้าเป็นเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ เขาต้องฉายเดี่ยวโดยที่คนที่เขาชอบไม่เคยได้แสดงร่วมกันเลย
เรื่องแบบนี้ถึงเหมาะสมกับเขาและหลินอันหลาน
เฉิงอวี้คิดถึงตรงนี้ เขาก็ตัดสินใจและพูดกับซุนเมิ่งว่า : ส่งโลเคชันและวันเวลาแคสติงมาให้ฉันที ฉันจะไปแคส
ซุนเมิ่งประหลาดใจ : ยอดไปเลย นายคิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว
เฉิงอวี้หัวเราะเยาะตัวเอง แล้วก็ไม่ได้ตอบอะไรอีก
คืนวันนั้นเขาพูดกับหลินอันหลานว่า “ฉันยังตัดสินใจจะไปแคสเรื่องนั้นอยู่ แต่ว่านายไม่ต้องกังวลนะ ฉันแค่ชอบบทนี้ ฉันเลยไม่อยากยอมแพ้ นายไม่ชอบก็ไม่เป็นไร”
หลินอันหลานคิดไม่ถึงว่าเฉิงอวี้จะหมกมุ่นกับภาพยนตร์เรื่องนี้มาก เขาถามต่อว่า “นายจะแสดงเป็นใคร จิ่งฮ่วนเหมือนเดิมเหรอ”
เฉิงอวี้พยักหน้า
หลินอันหลานแนะนำว่า “ความจริงแล้วบทของกู้ซูอวี่ดีกว่า แอร์ไทม์ก็เยอะกว่า ฉันว่านายแสดงเป็นกู้ซูอวี่ดีกว่านะ”
เฉิงอวี้ส่ายหน้า “ไม่ล่ะ”
“ทำไมล่ะ” หลินอันหลานไม่เข้าใจ “กู้ซูอวี่ไม่ดีเหรอ นายไม่ชอบกู้ซูอวี่เหรอ”
“เขาดีมาก แต่มันไม่เหมาะกับฉัน”
“ทำไมถึงไม่เหมาะล่ะ กู้ซูอวี่ทั้งหล่อ บ้านก็รวย ไม่เหมาะกับนายตรงไหน”
เฉิงอวี้เงียบไปแล้วพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า “ฉันไม่เหมาะกับบทถูกรัก”
เมื่อพูดจบก็ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ “ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”
หลินอันหลานมองเฉิงอวี้เดินเข้าห้องน้ำไป เมื่อนึกถึงคำพูดของเฉิงอวี้เมื่อครู่ก็อดรู้สึกเจ็บปวดใจไม่ได้
อะไรที่เรียกว่าไม่เหมาะกับบทถูกรัก เขาคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับการถูกรักเหรอ?
หลินอันหลานนั่งคิดเงียบๆ จากนั้นก็เลิกผ้าห่มขึ้น กระโดดลงจากเตียง แล้ววิ่งไปเปิดประตูห้องน้ำ
เฉิงอวี้ที่กำลังอาบน้ำอยู่ได้ยินเสียงโครมครามก็เลยปิดฝักบัวแล้วถามอย่างสงสัยว่า “อันอัน มีอะไรเหรอ”
หลินอันหลานเลื่อนกระจกห้องอาบน้ำออก ท่ามกลางแสงไฟชัดเจน เห็นได้ชัดว่าหุ่นของเฉิงอวี้ดีมาก
หลินอันหลานไม่รู้จะวางสายตาไว้ตรงไหน ก็เลยก้มหน้าลง
เฉิงอวี้หยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวแล้วถามว่า “มีอะไรเหรอ?”
“เมื่อกี้ทำไมนายถึงพูดแบบนั้นเหรอ” หลินอันหลานเงยหน้าขึ้นมองเขา “ทำไมถึงบอกว่านายไม่เหมาะกับบทที่ถูกรัก”